วิถีของคริสเตียนเป็นวิถีทางที่ดีที่สุด

บทความ

วิถีของคริสเตียนเป็นวิถีทางที่ดีที่สุด

แบ่งปันพระพรโดย ศจ.ดร. นันทชัย มีชูธน

1. เพราะเป็นวิถีตามธรรมชาติ

มนุษย์ทุกคนถูกสร้างมาแล้วให้เดินตามวิถีนี้ เป็นวิถีที่เดินตามเสี้ยนของชีวิต วิถีอื่นดูจะสวนเสี้ยน ดูยากลำบากหนัก และไม่เป็นธรรมชาติ

     บางคนบอกว่าก็เราคุ้นเคยกับวิถีนี้มานานแล้ว

            แม้ว่า เราคุ้นเคยกับการเดินสวนเสี้ยนชีวิตจนเราชินชาก็จริง แต่วิถีปัจจุบันของเราไม่ใช่วิถีธรรมชาติ เราทุกคนทำบาปจนเป็นนิสัย จนชิน และคิดว่าไม่มีวิถีใดจะดีไปกว่านี้ เช่น คนบางคนเคยขี่จักรยานที่คันบังคับ ( แฮน ) คดมาตลอด วันหนึ่งมีคนมาดัดให้ตรงๆ เลยทำให้จักรยานคว่ำ ขี่ไม่ได้ คนจำนวนมากคุ้นเคยกับชีวิตที่คดและคิดว่าชีวิตที่คิดคือชีวิตทีถูก ตรง ตามที่มนุษย์ควรจะเดิน

            มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในกรุงเทพ คุ้นเคยกับฝุ่นควันรถในกรุงเทพจนชิน วันหนึ่งเขาเดินทางไปเที่ยวที่ต่างจังหวัด และพบกับกลิ่นข้าว ไอดิน ความสดชื่นของอากาศ เขาบอกว่า “อากาศที่นี่บริสุทธิ์มากจนฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย” ผู้หญิงคนนี้คุ้นเคยกับอากาศที่ไม่บริสุทธิ์จนคิดว่านั่นคืออากาศที่ปกติ

      ถ้าชีวิตที่เดินสวนเสี้ยนกฎของพระเจ้า ซึ่งเราเรียกว่าบาปเป็นชีวิตปกติ มนุษย์ก็น่าจะเจริญขึ้น

            แต่ในทางตรงกันข้าม มนุษย์เสื่อมทรามลง ถ้าชีวิตในบาปเป็นชีวิตปกติจริง ทำไมชีวิตของเราจึงไม่มีความสุข ทำไมชีวิตของเราจึงหย่อนประสิทธิภาพ ทำไมไม่สมดุล ทำไมมันถึงไม่ราบเรียบ ( smooth ) แต่ชีวิตที่เดินตามเสี้ยนของพระเจ้าต่างหากที่เกิดประสิทธิภาพ มีความสุข สมดุล ราบเรียบและเกิดผล

      ชีวิตที่เดินสวนเสี้ยนมักเป็นชีวิตที่ติดๆขัดๆเสมอ

            รัฐบาลใหม่ สังคมใหม่ มักตั้งความหวังใหม่ คำขวัญใหม่ เช่น รัฐบาลหนึ่งตั้งคำขวัญว่า สัตย์ซื่อ บริสุทธิ์ ไม่เห็นแก่ตัว รักกันและกัน ไม่มีสังคมไหน รัฐบาลไหน ตั้งคำขวัญว่า คอรัปชั่น สกปรก เห็นแก่ตัว เกลียดกัน เพราะสังคมใดถ้าใช้คำขวัญเช่นว่า สังคมนั้นจะไม่สามารถเป็นสังคมได้ สังคมจะสูญสลายไปเอง ไม่เชื่อเราลองดำเนินชีวิตสวนเสี้ยน สวนทางพระเจ้าดู สวนทางกับคริสเตียนดู เราจะพบว่าชีวิตมีแต่ความทุกข์ ไม่น่าอภิรมย์ ติดๆ ขัดๆ เสมอ

2. วิถีของคริสเตียนได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นวิถีที่มีความสุข

     วิถีคริสเตียนคือวิถีที่ให้ทั้งความสุขและเป็นความชื่นใจยินดี

            ชีวิตคริสเตียน คือ ชีวิตที่สามารถร้องเพลงด้วยความสุขจากใจ หลายคนพยายามจะทำให้ชีวิตของตนมีความสุข คริสเตียนไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ในเรื่องนี้เลยเพราะชีวิตคริสเตียนเต็มไปด้วยความสุข คริสเตียนมีความสุขตั้งแต่รากจนถึงยอด มีความสุข เต็มๆ ไม่ใช่ขาดๆหายๆ ปริมาณความสุขในพื้นที่ 1 ตารางนิ้วของหัวใจคริสเตียนมีมากกว่าปริมาณความสุข 1 ตารางกิโลเมตรของข้างนอก

      แต่บางคนกลับบอกว่าทำบาปวันละนิดจิตแจ่มใส

            “คนเราจะให้บริสุทธิ์ผุดผ่องไม่ได้หรอก” บางคนกล่าวไว้อย่างนั้น “ต้องทำบาปบ้างวันละนิด จิตจึงจะแจ่มใส” ก็อาจจะแจ่มใสชั่วครั้งชั่วคราวได้ แต่สิ่งทีตามมาหลังจิตแจ่มใสนั่นแหละทำให้เรามีปัญหา มีบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง เขาโฆษณาชักชวนคนให้ไปท่องเที่ยวต่างประเทศว่า “สนุกก่อน...ผ่อนที่หลัง” บาปก็เป็นแบบนี้แหละ คือสนุกไปก่อนกับบาป แต่เราต้องไม่ลืมความจริงว่า เราต้องผ่อนทีหลังด้วยอาการปวดหัวและปวดใจไปตลอดชีวิต คุ้มหรือไม่ลองคิดดู

            วิถีชีวิตคริสเตียนก็คือ การเดินตามเสี้ยนแห่งความสุขเต็มๆ ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่ตื่นเต้น เต็มไปด้วยความชื่นใจ จิตแจ่มใสเต็มๆ และไม่ปวดหัว ปวดใจ เป็นชีวิตที่สนุกและสุขใจอย่างแท้จริง

3. วิถีของคริสเตียนเป็นวิถีที่มีความหมาย

            วิถีของคริสเตียนเป็นวิถีน่ารู้และน่าลอง คุณลองดูวิถีอื่นก็ได้ ถ้าคุณจะลองให้สุดๆ มันจะให้ผล 2 อย่างเท่านั้น ถ้ามันเป็นวิถีที่ไม่ดี ไม่ใช่วิถีที่ถูก ชีวิตคุณจะเจอซอยตันแต่ถ้าเป็นวิถีที่ควรจะเดิน เป็นวิถีที่มีความหมาย ชีวิตของคุณจะพบกับสุข สดชื่น สมหวัง ชีวิตมีอิสรเสรี และมีความหมายอย่างแท้จริง

      วิถีใดที่ไม่ใช่คริสเตียนยังต้องถือว่าเป็นวิถีที่ไม่ฉลาด

            เหตุที่ยังไม่เป็นวิถีที่ฉลาด เพราะวิถีดังกล่าวสวนเสี้ยนกับพิมพ์เขียวของโลกและจักรวาลมันฝืนธรรมชาติ      ทวนกระแสธรรมชาติของการทรงสร้าง คำว่า ความชั่วร้าย ( Evil ) คือ คำที่สวนกลับคำว่ามีชีวิต ( live ) อะไรที่มันไม่ดีจริงๆ มันจะกลายเป็นดีขึ้นมาไม่ได้ ในพระคัมภีร์มีชายคนหนึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของอิสราเอลชื่อ ซาอูล เขาได้ดำเนินชีวิตสวนเสี้ยน เขาทำสิ่งที่ไม่ฉลาด บั่นปลายของชีวิตเขาสารภาพว่า “เขาได้ทำผิดแล้ว... ข้าเป็นคนเขลาและได้กระทำผิดมาก” ( ซามูเอล 26:21 ) มีมิชชั่นนารีคนหนึ่งในประเทศไทยนี่เอง ได้ดำรงชีวิตผิดพลาดบางอย่าง โดยเดินออกจากทางของพระเจ้า เดินสวนเสี้ยน เขาสารภาพว่า “ผมได้ทำสิ่งที่โง่เขลาอย่างที่สุด” แต่ในทางตรงกันข้ามบั้นปลายชีวิตของเปาโล อัครทูตที่พระเยซูกล่าวว่า “เราได้ทุ่มเทจนถึงที่สุด เราได้ต่อสู้จนถึงที่สุด” ถ้าวิถีใดดีจริงๆแล้ว ก็ต้องดีตลอดศก ไม่มีข้อยกเว้น วิถีคริสเตียนย่อมใช้ได้ผลในทุกสภาพของชีวิตและเป็นวิถีที่ถูก

4. วิถีคริสเตียนเป็นวิถีที่ง่าย ไร้ภาระ และเบาแรง

            คนที่บอกว่าวิถีคริสเตียนยาก หนัก และมีภาระมาก เป็นเรื่องผิดถนัด ชีวิตสวนเสี้ยนดูจะยากกว่าไสไม้สวนเสี้ยน ยากลำบากกว่าและหนักแรงกว่า สะดุดบ่อย ฝืด กษัตริย์โซโลมอน ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ฉลาดมากที่สุดองค์หนึ่งกล่าว “หนทางของคนที่สวนเสี้ยนตอความซื่อสัตย์เป็นหนทางที่ลำบากของเขา”

            พี่น้องที่รัก คุณว่ายากหรือไม่ ที่ไสไม้สวนเสี้ยน หวีผมสวนทางผม เดินสวนทิศทางลม ว่ายน้ำทวนกระแสน้ำ ผ่าทุเรียนขวางทิศทางของพูทุเรียน คุณว่ายากไหมที่เราดำเนินชีวิตร่วมไปกับคนที่เราไม่เคารพนับถือ คุณว่ายากกว่าไหมที่เราดำเนินชีวิตไปโดยไร้เป้าหมายและความหมาย คุณว่ายากไหมที่ขับรถไปตามหาบ้านเพื่อน โดยที่เราไม่รู้จักถนน และเป็นการยากไหมที่เราจะหลอกตัวเองว่าเรารู้เราไปถูก เราทำได้ ทั้งๆ ที่เราไม่รู้ ทำไม่เป็น ทำไม่ได้ เป็นการยากกว่าหรือไม่ที่จะหลอกตัวเองว่า ชีวิตของเรามีแต่ความสุขทั้งๆ ที่เราเองไม่มีความสุข ผู้หญิงคนหนึ่งบอกผมว่า “ดิฉัน อายุ 70 ปีแล้วและปล่อยชีวิตให้สวนสวนเสี้ยนมาตลอด” ชีวิตของเธอพบกับความหนักมาตลอด

      บางคนบอกว่าเป็นคริสเตียนแล้วเสียมากกว่าได้

            ก็อาจถูกในแง่ที่ว่าการเป็นคริสเตียน คือ การเสีย คือ เสียตัวเองให้พระเจ้า แต่การไม่เลือกวิถีคริสเตียนเสียมากกว่า คือ เสียทั้งชีวิตให้เสี้ยนอย่างไร้ประโยชน์

            พระเยซูเองตรัสว่า “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเราเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข... เอาแอกของเราแบกไว้... เพราะแอกของเราก็พอเหมาะและภาระของเราก็เบา” ( มัทธิว 11:28 - 30 )

            “ทำไมพอเหมาะและทำไมเบา” เพื่อนของผมถาม “พระเจ้าไม่เอาอะไร ไม่เรียกร้องอะไรจากเราหรือ” เขาถามต่อ ผมตอบว่า “ผิดถนัด พระองค์เอาหมด”“พระองค์ขอจากเราอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าขอจากเรา คือชีวิตของเราเองให้พระองค์” ผมตอบ

            เมื่อเราได้ให้ชีวิตของเราด้วยความยินดี เรากลับพบความพอเหมาะและความเบา ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ เราค้นพบเสี้ยนที่เหมาะสมที่วิถีที่เราจะนำร่องชีวิตเราไป เราถูกสร้างมาให้เดินไปตามเสี้ยนนั้น ภาระของพระองค์ คือ ความปรารถนาของเรา และการดำเนินชีวิตตามวิถีของพระองค์ คือ ความต้องการของเราชีวิตของพระองค์ คือ ชีวิตของเรา ภาระของเราก็พอเหมาะ พระเยซูทรงตรัส ไม่ได้หมายความว่าพระองค์จะไม่วางภาระใดๆบนบ่าของเรา แต่ในทางตรงข้าม พระองค์วางภาระมหาศาลไว้บนชีวิตของเรา ถ้าเราลองเดินตามพระองค์ไป เราก็จะรู้ว่า เรามีภาระที่พระเจ้ามอบให้เราแบกไว้ในใจ ในชีวิตของเราซึ่งเป็นภาระที่เพิ่มจากภาระที่เพิ่มจากภาระของมนุษย์ทุกคนที่มีประจำตัวของตัวเอง แต่ใครก็ตามที่เต็มใจรับภาระ เขาจะพบกับความเบาแรง ภาระในใจนี้ทำให้หัวใจของเราร้องเพลงได้ ภาระของคริสเตียนเปรียบเสมือนนกที่มีภาระในการแบกปีกของตนไป หรือปลาในการมีครีบติดกับตัวปลา และเหมือนมนุษย์ที่แบกมนุษย์ที่แบกภาระรักไว้ในหัวใจของตน

5. การเลือกเดินตามเสี้ยนเป็นวิถีที่แต่ละคนต้องเลือกเอาเอง

            เด็กที่ร้องไห้หาแม่ ไม่ต้องการคำสอนที่ดีของแม่ แต่เด็กต้องการตัวแม่ มนุษย์ก็ไม่ใช่หุ่นยนต์ ที่จะพึงพอใจ ถ้ารู้ทางที่จะเดินไป มนุษย์เป็นคน จึงต้องการคน วิถีตามเสี้ยนไม่ใช่วิถีที่ใครจะเลือกเดินไป แต่เป็นวิถีที่มีเจ้าของวิถีจะจูงมือให้เราเดินตาม วิถีเป็นแต่หลักการหรือมีเจ้าของวิถีด้วย?

            คำตอบคือถูกทั้งสอง พระเยซูทรงบอกคำตอบนี้ให้ในประโยคที่ว่า “เราเป็นทางนั้น” พระเจ้าเสด็จลงมาชี้ทาง วิถีได้กลายเป็นเจ้าของวิถี พระเยซูเป็นวิถีนั้น พระองค์ตรัสว่า “จงตามเรามา” ไม่ใช่ตามคำสั่งสอนของเรา หรือเดินทางวิถีของเรา แต่พระองค์บอกว่า มาหาเรา ให้ชีวิตของท่านกับเรา มามีความสัมพันธ์กับเรา มารู้จักเรามาเดินตามเรา ถ้าท่านพบทางของพระองค์ แล้วกล้าเดินตาม ท่านก็จะพบกับเจ้าของวิถีในวิถีนั้น

            วิถีคริสเตียนนี้มีอยู่ในองค์พระเยซู ถ้าเราเดินตามพระองค์ เราจะพบวิถี ถ้าเราสัมผัสพระองค์ เราก็จะพบกับพระเจ้า คนที่เดินตามพระเยซูไม่ใช่เดินตามกฎ หรือหลักการต่างๆ ที่ดี คุณเดินตามพระองค์เจ้าของวิถี การเป็นคริสเตียนไม่ใช่การเดินตามกฎหรือหลักเฉยๆ แต่เดินตามวิถีชีวิตของพระเยซู เมื่อใครก็ตามรักพระองค์ คนนั้นก็บรรลุถึงชีวิตที่ไพบูลย์และเป็นชีวิตที่ไม่เครียด เรื่องนี้เราไม่ต้องพยายามที่จะทำตาม แต่เพียงแต่เชื่อ เราไม่ต้องพยายามที่จะเป็น แต่ปล่อยให้ชีวิตไหลลอยไปตามเสี้ยน ไปกับเจ้าของวิถี เดินไปด้วยความเชื่อ วิถีนี้จะยกระดับดำรงชีวิตของเรา จากทำเพราะภาระหน้าที่ไปเป็นเรื่องทำเพราะรัก ดังนั้นการเดินไปในวิถีนี้ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องเดินตามไปแต่เป็นความสุขที่ได้เดินตามด้วยความรักและผูกพัน โลกทั้งโลกก็จะเปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อน ความเฉยชาก็จะกลับเป็นความอบอุ่นในจิตใจท้องฟ้าจะสดใสขึ้นกว่าเก่า สีน้ำเงินบนท้องฟ้าดูจะสดกว่าก่อน ใบไม้จะเขียวขึ้นกว่าเดิม

            คนจะน่ารักกว่าก่อน ชีวิตทุกวันจะน่าอยู่ขึ้น เราเองจะพบว่า เราพบวิถีที่เหมาะเหม็งกับเราจริงๆ เหมือนมือพบถุงมือที่ฟิตพอเหมาะพอดี เหมือนเป็ดพบน้ำ เหมือนรถไฟพบราง เหมือนตาพบแสง เหมือนธรรมชาติสัมผัสความงามที่แท้จริง

            โปรดเลิกทางเดิมเสีย เหมือนนักร้องกระฉ่อนโลกที่ชื่อ แฟรง ซิเนต้า ร้องในเพลงที่มีชื่อของเขา และเริ่มหันมาเดินตามวิถีของพระเจ้า ผมขอเชิญชวนคุณทุกคนให้ก้าวหน้าเข้ามาในวิถีนี้ เป็นวิถีที่ถูกต้องที่สุด คือการเข้ามามีความสัมพันธ์กับพระเยซู เจ้าของวิถี โดยความเชื่อ เพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้าของวิถีนี้แต่ผู้เดียว

Green City