อย่ากลับไปเลยอียิปต์

คำเทศนาเรื่อง อย่ากลับไปเลยอียิปต์

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม มธ.1:21 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านพร้อมๆกันอย่างเสียงดัง

[มธ.1:21] เธอจะประสูติบุตรชาย แล้วเจ้าจงเรียกนามท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่จะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขา"

พี่น้องที่รักครับ ถ้าเราอ่านพระคำของพระเจ้า จากพระคำของพระเจ้าในตอนนี้เพียงตอนเดียว โดยที่เรานั้นไม่ได้เอาข้อพระคัมภีร์จากพระธรรมเล่มอื่นๆมาผนวกรวมเข้ากับพระคัมภีร์ข้อนี้ เราก็จะเข้าใจว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้าเสด็จเข้ามาในโลกนี้เพียงเพื่อช่วยให้เราทั้งหลายนั้นได้รับความรอดเท่านั้น

            แต่เมื่อได้นำเอาพระธรรมเล่มอื่นๆมาผนวกรวมเข้าด้วยกัน เช่น

[มธ.4:24] กิตติศัพท์ ของพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วประเทศซีเรีย เขาจึงพาคนป่วยเป็นโรคต่างๆคนที่ทนทุกข์เวทนา คนผีเข้า คนเป็นลมบ้าหมูและคนเป็นอัมพาตมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงรักษาเขาให้หาย

[ลก.4:18] พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีกให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ

[2คร.3:17] องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน เสรีภาพก็มีอยู่ที่นั่น

เราก็จะพบว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเสด็จเข้ามาในโลกนี้เพียงเพื่อความรอดอย่างเดียวใช่หรือไม่ ?

            จากพระคำของพระเจ้า[มธ.4:24][ลก.4:18][2คร.3:17] ทำให้เราทราบว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้ายังเสด็จเข้ามาทำพันธกิจอื่นๆของพระองค์อีกด้วย และพันธกิจอื่นๆที่ว่านี้คืออะไรบ้างครับ ?

            เยียวยา รักษา(ให้หายดีหรือให้เป็นปกติ) ปลดปล่อย ให้อิสระ ให้เสรีภาพ ให้ความเป็นไทแก่พวกเขาด้วย และนี่คืออีกหนึ่งพันธกิจที่หลากหลายที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้เสด็จเข้ามาในโลกนี้

แต่พันธกิจหลักของพระองค์คืออะไรครับ ? 1)นำเราทั้งหลายคืนดีกับพระเจ้า 2)ทรงกระทำเพื่อเราทั้งหลายบนไม้กางเขน 3)นำความรอดมาถึงผู้ที่เชื่อและผู้ที่วางใจในพระองค์ทุกคน

            คำถามก็คือว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงนำการเยียวยา รักษา นำการปลดปล่อย นำอิสระ เสรีภาพ นำความเป็นไทมาสู่ผู้เชื่อในสมัยของพระองค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นใช่หรือไม่ ?

            คำตอบก็คือว่า พระองค์ทรงกระทำสิ่งนี้ให้กับพวกเราทั้งหลายด้วยเช่นกัน

---------------------------------------------------------------------

อพยพ.1:7-14 “ฝ่ายเชื้อสายอิสราเอลมีบุตรหลานมากและเพิ่มจำนวนขึ้นมาก พวกเขาทวีมากขึ้น และมีกำลังมากทีเดียว แพร่หลายไปจนเต็มเมืองนั้น มีกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครองราชสมบัติในประเทศอียิปต์ พระองค์มิได้ทรงรู้จักกับโยเซฟ พระองค์ทรงประกาศแก่ชนชาติของพระองค์ว่า

"ดูเถิด คนอิสราเอลมีมากเกินไป และมีกำลังยิ่งกว่าเราอีกมาเถิด ให้เราหาอุบายปราบพวกนี้ มิฉะนั้นเขาจะทวีมากขึ้น แล้วถ้าเกิดสงครามขึ้นเมื่อใด ชนชาตินี้จะสมทบกับพวกข้าศึกของเราสู้รบกับเรา แล้วจะยกออกไปจากอาณาจักร

"เหตุฉะนั้น เขาจึงตั้งนายงาน เกณฑ์ให้คนอิสราเอลทำการงานตรากตรำ และเขาทั้งหลายสร้างหัวเมืองเก็บราชสมบัติของฟาโรห์คือ เมืองปิธม และเมืองราอัมเสสแต่ยิ่งถูกเบียดเบียนมากเท่าไร ชนชาติอิสราเอลก็ยิ่งทวีมากขึ้น และยิ่งแพร่หลายออกไป ชาวอียิปต์ก็ครั่นคร้ามต่อชนชาติอิสราเอลจึงบังคับชนชาติอิสราเอลให้ทำงานหนัก ทำให้ชีวิตของเขาขมขื่น เพราะงานหนักที่เขากระทำนั้น เช่นทำปูนสอ ทำอิฐและทำงานต่างๆที่ทุ่งนา เขาถูกบังคับให้ทำงานหนักทุกชนิด

            พระธรรมในหนังสืออพยพที่เราได้อ่านร่วมกันทำให้เราทราบว่า เมื่อกษัตริย์ฟาโรห์องค์ใหม่ขึ้นมาครองราชย์และกษัตริย์ฟาโรห์พระองค์ใหม่องค์นี้ไม่ได้รู้จักกับโยเซฟ เขาเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาคิดว่าพวกอิสราเอลนั้นมีมากเกินไปแล้ว

แล้วถ้าวันหนึ่งพวกนี้เกิดคิดก่อกบฏขึ้นมา มันก็จะมีผลต่อการปกครองของเขา

แผนการหรืออุบายต่างๆในการที่จะกำจัดคนอิสราเอลจึงผุดขึ้นมาพระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าสิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำนั่นก็คือ บังคับให้ชนชาติอิสราเอลให้ทำงานหนัก ทำให้ชีวิตของเขาขมขื่น เพราะงานหนักที่เขากระทำนั้น เช่นทำปูนสอ ทำอิฐและทำงานต่างๆที่ทุ่งนา เขาถูกบังคับให้ทำงานหนักทุกชนิด

ให้เราอ่านพระคำของพระเจ้าใน อพยพ.2:23-25 ด้วยกัน“ครั้นเวลาล่วงมาช้านานกษัตริย์อียิปต์ก็สิ้นพระชนม์ คนอิสราเอลเศร้าใจมากเพราะเหตุที่เป็นทาสเขา จึงร้องคร่ำครวญขอความช่วยเหลือ เสียงร่ำร้องเพราะการที่ต้องเป็นทาสนี้ ดังขึ้นมาถึงพระเจ้า พระเจ้าทรงสดับเสียงคร่ำครวญของเขา จึงทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระเจ้าทอดพระเนตรชนชาติอิสราเอล แล้วทรงทราบถึงสภาพความเป็นไปของเขา

เมื่อพวกเขาต้องถูกบังคับให้ทำงานหนักทุกชนิด คนอิสราเอลทำไมครับ พวกเขาร้องคร่ำครวญขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ พระเจ้าทอดพระเนตรชนชาติอิสราเอล แล้วทรงทราบถึงสภาพความเป็นไปของเขา

พระคำของพระเจ้าใน อพยพ.3:7-10 พระเจ้าตรัสว่า "เราเห็นความทุกข์ของประชากรของเราที่อยู่ในประเทศอียิปต์แล้ว เราได้ยินเสียงร้องของเขา เพราะการกดขี่ของพวกนายงาน เรารู้ถึงความทุกข์ร้อนต่างๆ ของเขา เราลงมาเพื่อจะช่วยเขาให้รอดจากมือชาวอียิปต์ และนำเขาออกจากประเทศนั้น ไปยังแผ่นดินที่อุดมกว้างขวาง เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนม และน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ คือไปยังที่อยู่ของชาวคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส บัดนี้คำร่ำร้องของชนชาติอิสราเอลมาถึงเราแล้ว ทั้งเราได้เห็นการบีบคั้นซึ่งชาวอียิปต์กระทำต่อเขาแล้ว เราจะใช้เจ้าไปเฝ้าฟาโรห์ เพื่อจะได้พาประชากรของเราคือชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์"

            พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนว่า จากนี้ต่อไปพวกเจ้าไม่ต้องเป็นทาสในอียิปต์อีกต่อไป เราจะให้อิสระเสรีภาพแก่เจ้าและพระองค์ทรงบอกกับพวกอิสราเอลในตอนนี้อย่างชัดเจนว่า พระองค์จะนำพวกเขาไปที่ไหน อย่างไร และสภาพที่พวกเขาจะต้องไปนั้นมีภูมิทัศน์อย่างไร

ให้เรามาดูพระคำของพระเจ้าในหนังสืออพยพ.14:10-12 เมื่อฟาโรห์เข้ามาใกล้ ชนชาติอิสราเอลก็เงยหน้าขึ้นดู เมื่อเห็นชาวอียิปต์ยกติดตามมา ก็มีความกลัวยิ่งนัก คนอิสราเอลจึงร้องทูลพระเจ้า เขาบอกโมเสสว่า "หลุมฝังศพในอียิปต์ไม่มีหรือ ท่านจึงพาเราออกมาให้ตายในถิ่นทุรกันดาร ทำไมหนอท่านจึงพาเราออกมาจากอียิปต์พวกเราบอกท่านในอียิปต์แล้วมิใช่หรือว่า ปล่อยพวกเราแต่ลำพัง ให้พวกเรารับใช้ชาวอียิปต์เถิด เพราะการรับใช้ชาวอียิปต์นั้น ก็ยังดีกว่าที่จะมาตายในถิ่นทุรกันดาร"

เมื่อพวกอิสราเอลต้องเผชิญกับการไล่ล่ากองทัพของฟาโรห์ ซึ่งเปรียบได้กับอุปสรรคปัญหาพวกเขาทำไมครับ ? พวกเขาตัดพ้อต่อว่าโมเสส ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ตัดพ้อต่อว่าโมเสสนะครับ เขากำลังตัดพ้อต่อว่าพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้เจิมและแต่งตั้งให้โมเสสเป็นผู้นำพวกเขาให้ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

บ้านเรามีองค์มนตรี มีประธานองค์มนตรีบุคคลเหล่านี้แต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ เมื่อบุคคลกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาตำหนิบุคคลหนึ่งบุคคลใดในทีมองคมนตรี นั่นหมายความว่า ท่านกำลังตำหนิใครครับ ?

เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ในตอนนี้พวกเขาตัดพ้อต่อว่าโมเสส ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ตัดพ้อต่อว่าโมเสสนะครับ แต่เขากำลังตัดพ้อต่อว่าพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้เจิมและแต่งตั้งให้โมเสสเป็นผู้นำพวกเขาให้ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรับผลในถิ่นทุรกันดารนานถึง 40 ปี จากการไม่เชื่อฟัง จากการตัดพ้อต่อว่าพระเจ้า

คำถามก็คือว่า ผมนำพระคำของพระเจ้าในตอนนี้มาแบ่งปันกับพี่น้องเพื่ออะไร ?

คำตอบก็คือว่า เพื่อที่จะบอกกับพวกเราว่า มีคริสเตียนมากมายและรวมทั้งพวกเราด้วย ที่มีท่าทีที่ไม่ได้แตกต่างอะไรจากอิสราเอลในตอนนี้

ที่พอเวลาเจอกับอุปสรรคปัญหา เจอกับความทุกข์ยากลำบาก เจอกับแรงกดดัน เจอกับสถานการณ์ที่วิกฤตหนักที่สุดในชีวิต พวกเราหลายคนก็พร้อมที่จะกลับไปในทางเดิมของตน ทั้งไปดื่ม ไปกิน ไปเที่ยว ไปเล่น ไปหยิบ ไปยืม ไปมั่วไปสุม ไปที่ชอบๆ และฯลฯ ท่าที่ของผู้เชื่อที่แสดงออกอย่างนี้เป็นเหมือนกับอิสราเอลที่พร้อมจะกลับไปอียิปต์ทั้งๆที่รู้ว่ากลับไปแล้วก็ต้องกลับไปอยู่ในสภาพเช่นไรแต่เขาก็พร้อมที่จะกลับไปเพียงแค่เศษเนื้อข้างเขียงเท่านั้นเองโดยที่เขาไม่ได้คิดถึงอนาคตของตนเองและลูกหลานเลย

ด้วยเหตุนี้พระคำของพระเจ้าจึงได้กล่าวเตือนเราใน [กท.5:1] เพื่อเสรีภาพนั้นเอง พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลยหรืออย่ากลับไปเลยอียิปต์หรืออย่ากลับไปเลยชีวิตแบบเดิมๆอ่ะ

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้พี่น้องตระหนักให้มากๆนั่นก็คือว่า ความรอดกับบำเหน็จนั้นมันคนละเรื่องเดียวกัน ความรอดคือของประทานที่พระเจ้าได้มอบให้กับเราฟรีๆ แต่บำเหน็จนั้นเราต้องทำ พระคำของพระเจ้าใน[มธ.16:27]พูดเอาไว้อย่างชัดเจน “เหตุว่าเมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยพระสิริแห่งพระบิดา และพร้อมด้วยทูตสวรรค์ของพระองค์ เมื่อนั้นจะประทานบำเหน็จให้ทุกคนตามการกระทำของตน” ซึ่งนั่นหมายความว่า ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ไม่ทำก็ไม่ได้ ผู้ที่ทำมากก็ไม่สามารถถ่ายโอนบำเหน็จนี้ให้กับใครได้ด้วยเช่นเดียวกัน

คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า บำเหน็จที่เราจะได้รับนี้มาจากไหน ? มาจากการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าผ่านทางคริสตจักรของพระองค์ ผ่านทางการรับใช้พี่น้องสมาชิกในคริสตจักร ผ่านการรับใช้พี่น้องในพระกายเดียวกันและอื่นๆ

คำถามก็คือว่า วันนี้พี่น้องรับใช้ใคร ? ถ้าในแผ่นดินโลกนี้พี่น้องรับใช้มนุษย์ พี่น้องก็รับบำเหน็จจากมนุษย์บนแผ่นดินโลกนี้นั่นก็ถูกต้องแล้ว แต่บนแผ่นดินสวรรค์ซึ่งเป็นสถานที่ๆเราจะต้องอยู่ชั่วนิรันดร์ของพี่น้องล่ะ ? มีไหม มีมากเท่าไหร่

บางคนในอดีตผมรับใช้พระเจ้าเต็มที่ ซึ่งนั่นก็คือเรื่องราวในอดีต แต่ในปัจจุบันแล้วในอนาคตล่ะมีไหม ? ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่น้องจะต้องตระหนักให้มาก เพราะชีวิตคริสเตียนนั้นมีมิติทั้งในฝ่ายร่างกายและจิตวิญญาณ

ด้วยเหตุนี้พระคำของพระเจ้า[2พศด.15:7] แต่ท่านทั้งหลายจงกล้าหาญ อย่าให้มือของท่านอ่อนลง เพราะว่ากิจการของท่านจะได้รับบำเหน็จ"

ดังนั้นขอให้พี่น้องได้ตระหนักในมิติของฝ่ายวิญญาณให้มากๆด้วย ประการที่สำคัญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาแล้วผ่านเหตุการณ์สำคัญในหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้

และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าวันพรุ่งนี้ไม่มีหรือไม่ได้เกิดขึ้นในชีวิตของท่านล่ะ ถ้าพระเจ้าไม่อนุญาตให้ชีวิตของท่านย้อนกลับมาได้เหมือนกับลาซารัสล่ะ คำถามที่พี่น้องจะต้องคิดนั่นก็คือว่าบำเหน็จของพี่น้องในเวลานี้สะสมไว้มากน้อยเพียงใด ?

สรุป

  1. พระคริสต์เสด็จมาไม่ใช่เพียงเพื่อให้เราทั้งหลายได้รับความรอดเท่านั้นแต่พระองค์เสด็จมาเพื่อให้เราทั้งหลายได้รับการปลดปล่อย เยียวยา รักษา อิสระ เสรีภาพ ได้รับความเป็นไท ดังนั้นเราไม่ควรที่จะเข้าเทียมแอกกับการเป็นทาสนั้นๆอีกเลย
  2. ความรอดกับบำเหน็จมันคนละเรื่องเดียวกัน ความรอดเราได้รับโดยพระคุณแต่บำเหน็จเราได้รับตามผลแห่งการกระทำ

Green City