อีสเตอร์วันแห่งชัยชนะ

คำเทศนาเรื่อง อีสเตอร์วันแห่งชัยชนะ

      

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อผมดูปฏิทินในเดือนนี้ผมก็พบว่ามีวันสำคัญต่างๆมากมาย

วันที่ 6 เม.ย. ของทุกปีคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เป็นวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และเป็นวันที่ระลึกมหาจักรีวงศ์

ภาคเอกชนกำหนดให้วันนี้เป็นวันหยุดธนาคาร

13 เม.ย. เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ

14 เม.ย เป็นวันครอบครัว        

แต่มีอยู่สองวันที่น่าสนใจในเดือนนี้ นั่นก็คือวันที่ 8 เม.ย. ซึ่งเป็นวันแห่งความชื่นชมยินดี ที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายและอีกวันหนึ่งนั่นก็คือวันที่ 15 เม.ย. ซึ่งเป็นวันแห่งความเศร้าโศกเสียใจ เพราะเป็นเทศกาลแห่งความตายของใครหลายๆคนในทุกๆปี ขอบคุณพระเจ้าที่เราจะไม่เป็นคนนั้น

และเทศกาลไหนๆ ก็ไม่สามารถที่จะนำชีวิตของเราได้ ยกเว้นเทศกาลคริสต์มาสกับเทศกาลอีสเตอร์ เอเมน ขอบคุณพระเจ้า

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่ออาดัมกับเอวาล้มลงในความบาป มนุษย์จึงพบกับความพ่ายแพ้ปราชัย และที่สำคัญคือมนุษย์ได้ตกอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของมาร - ซาตานตลอดเวลา

ยน.10 :10 “ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อฆ่าและทำลาย”

มาร - ซาตาน ได้ล่อลวงจิตใจของมนุษย์ให้หลงเจิ่งไปจากทางของพระเจ้า

มาร - ซาตาน ทำให้เนื้อหนังของมนุษย์นั้นอ่อนแอลง เพื่อที่มนุษย์จะได้ตกเป็นทาสของมันโดยการทำใจตัวเอง สังเกตุได้จากพระคัมภีร์เดิมที่ ชนชาติอิสราเอล ทำตามใจตนเอง ในขณะที่ผู้รับใช้ โมเสส ขึ้นไปรับธรรมบัญญัติจากพระเจ้าบน ภูเขาซีนาย

มาร - ซาตาน พยายามที่จะครอบครอง - ครอบงำให้มนุษย์ทุกคนที่จะจมอยู่ในความผิด ความบาปตลอดเวลา

ให้เราเปิดไปที่ รม. 3 :9 -18 ( อ่านสลับกัน )

ธรรมบัญญัติหรือบัญญัติ 10 ประการที่พระเจ้าทรงกระทำกับ ชนชาติอิสราเอล ผ่านผู้รับใช้ โมเสส

พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้อย่างชัดเจนว่าไม่มีมนุษย์สักคนเดียวที่จะไปถึงธรรมบัญญัติของพระเจ้าได้

เพราะความบาปนั้น ได้เข้ามาครอบครองและครอบงำจิตใจของมนุษย์อย่างสมบูรณ์ เสมือนว่าโลกนี้ไม่มีธรรมบัญญัติหรือเสมือนว่าโลกนี้ไม่มีพระเจ้าพระเจ้า

รม.2 :12 “คนทั้งหลายที่ไม่มีธรรมบัญญัติและทำบาป จะต้องพินาศโดยไม่อ้างธรรมบัญญัติ และคนทั้งหลายที่มีธรรมบัญญัติและทำบาปก็จะต้องมีโทษตามธรรมบัญญัติ”

ซึ่งนั่นหมายความว่า ไม่มีมนุษย์สักคนที่จะรอดพ้นจากการถูกพิพากษาของพระเจ้าได้

…………………………………………………………………………………………...

อย่างไรก็ตามพี่ - น้องที่รักครับ มนุษย์ เป็นปฏิมากรรมชั้นยอดในการทรงสร้างของพระเจ้าที่พระองค์ทรงรักมากที่สุด พระคัมภีร์ได้มีไว้บันทึกอย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรง ปั้นมนุษย์ ขึ้นมาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์จากผงคลีดิน ซึ่งไม่มีการทรงสร้างใดที่พระองค์ทรงทำอย่างนี้นอกจาก การทรงสร้างมนุษย์

ดังนั้นมนุษย์จึงเปรียบเสมือนปฏิกรรมชั้นยอดของพระองค์

ดังนั้นมนุษย์จึงเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพระองค์

พระองค์จึงให้มนุษย์ตายไม่ได้ แผนการณ์ไถ่มนุษย์จึงได้บังเกิดขึ้น ซึ่งได้มีการบันทึกไว้ใน ยน. 3 :16 และความมีชัยเหนือความตายก็เป็นแผนการณ์หนึ่งของพระองค์

ซึ่งได้มีการบันทึกไว้เช่นกันใน คลส.2 :15

คลส.2 :15 “พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขา และชนะเขาด้วยกางเขน”

มาร - ซาตานมันดีใจ ที่มันใช้ คายาฟาส ซึ่งเป็นมหาปุโรหิตย์ประจำการในปีนั้นให้เป็นผู้สั่งตรึงพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน แต่มาร - ซาตานมันก็ดีใจได่เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น

เพราะในวันที่ 3 พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย

ความมีชัยเหนือความตายเป็นแผนการณ์หนึ่งของพระองค์ ที่จะประจานมาร - ซาตานว่าฤทธิ์อำนาจที่มันมีอยู่นั้น มันมีเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

1 คร. 15 : 55 “โอ มัจจุราชเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน”

เมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้วและได้ถามมาร - ซาตานว่า

“ โอ มาร - ซาตานเอ๋ย ชัยชนะของเจ้านั้นอยู่ที่ไหน”

และพระเยซูทรงพูดกับมาร - ซาตานต่อไปว่าอย่างไรรู้มั้ยครับพี่ - น้อง ?

มธ.28 :18 “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดีในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้ให้แก่เราแล้ว”

พี่ – น้องที่รักครับ พระเยซูคริสต์ไม่ใช่ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายน๊ะครับ แต่พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย

พี่ - น้องเข้าใจคำว่าทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายกับทรงเป็นขึ้นมาจากความตายมั้ยครับ ?

คำว่าฟื้นขึ้นมาจากความตาย คือ ถ้าฟื้นขึ้นมาก็ตายได้อีก เนื่องจากว่าในการฟื้นขึ้นมา คนๆนั้นยังอยู่ในร่างกายเดิมที่ต้องผุพังเน่าเปื่อยอยู่

คำว่าเป็นขึ้นมาจากความตาย คือ เป็นขึ้นมาแล้วจะไม่ตายอีก แต่คนๆนั้นจะได้รับกายใหม่ที่จะไม่ผุพัง ไม่ทรุดโทรมและจะไม่เน่าเปื่อยอีก

ฮบ.13 :8 “ พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆ ไปเป็นนิจกาล ” ดังนั้นความมีชัยเหนือความตายของพระเยซูคริสต์ จึงเป็นความมีชัยต่อมาร - ซาตานนิรันดร์ ( อาเมน )

เราทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ไม่ตกเป็นทาสของเนื้อหนังของมาร - ซาตานอีกต่อไป

และเมื่อเราทั้งหลายไม่ต้องตกอยู่ในทาสของเนื้อหนัง นั่นก็หมายความว่าเราก็ไม่ต้องตก

เป็นทาสของความบาปอีกต่อไป ( อาเมน )

พี่ - น้อง การเป็นทาสเนี่ยดีมั้ยดีครับ ? ( ไม่ดีใช่มั้ยครับ ) เมื่อเราไม่ต้องตกเป็นทาสของเนื้อหนัง

1 คร. 15 : 57 “ สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา” ซึ่งนั่นหมายความว่าเรามีชัยชนะนี้ร่วมกับพระองค์

1 ยน. 5 : 4 “ฉะนั้นเราทั้งหลายจึงรู้และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ใดที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงสถิตย์อยู่ในผู้นั้น”

Green City