หลักการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

คำเทศนาเรื่อง หลักการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

      รม.15:5 ขอพระเจ้าแห่งความเพียรและความชูใจ ทรงโปรดช่วยให้ท่านมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามอย่างพระเยซูคริสต์

     พี่น้องคงทราบกันดีแล้วนะครับว่า เราเริ่มต้นเข้าสู่ยุคสุดท้ายกันแล้ว พระคำของพระเจ้าในหนังสือวิวรณ์ได้บอกกับเราถึงสิ่งต่างๆในยุคสุดท้ายนั้นว่า มันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ? และคำสอนเทียมเท็จก็เป็นสิ่งหนึ่งที่พระคำของพระเจ้าในหนังสือวิวรณ์ได้บอกกับเราว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างมากมายด้วยเช่นเดียวกัน

     ซึ่งเวลานี้มันก็มีคำสอนเทียมเท็จหรือคำสอนผิดและหรือคำสอนที่ไม่ถูกต้องนี้ปะปนอยู่ทั้งในเฟซบุ๊ค ในยูทูปและช่องทางอื่นๆอีกมากมายหลายช่องทาง เพราะฉะนั้นเราต้องระมัดระวังคำสอนในยุคสุดท้ายนี้กันให้ดีๆ

     ตย.คำสอนที่ว่า “อย่าตัดสินพี่น้อง” คำถามคือว่า ถ้าพี่น้องทำผิดทำบาป ล่ะ เราจะต้องตัดสินเขาไหมครับ ว่าเขาได้ทำผิดทำบาปในเรื่องนั้นเรื่องนี้ ? เราจะไม่ตัดสินมนุษย์เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นคือ การที่ใครจะได้เข้าสู่แผ่นดินสวรรค์หรือไม่ได้เข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าเท่านั้น เพราะนั่นเป็นพระราชอำนาจของพระเจ้า เราก้าวล่วงพระราชอำนาจของพระเจ้าไม่ได้

     ตย.คำสอนที่ว่า “ให้เรารักซึ่งกันและกัน” คำถามคือว่า เมื่อเขาทำผิดทำบาป เราเลยต้องช่วยเขาปกปิดความบาปที่เขาทำหรือทำเป็นเฉยๆอย่างนั้นใช่ไหม ? “รัก” ต้องแสดงออกด้วยการกระทำและต้องเป็นการกระทำที่ถูกต้องด้วย และรักโดยไม่แสดงออกหรือแสดงออกในทางที่ผิดนั่นคือการฆาตกรรม

     ตย. คำสอนใน รม.15:5 พระคำของพระเจ้าบอกให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นเรื่องที่ดีไหมครับ ? เป็นเรื่องที่ดี

     ยน.19 : 1-11 ปีลาตจึงเอาพระเยซูไปให้โบยตี และพวกทหารก็เอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียรของพระองค์ และให้พระองค์สวมเสื้อสีม่วง แล้วเขาก็มาหาพระองค์ทูลว่า "ท่านกษัตริย์ของพวกยิว ขอทรงพระเจริญ" และเขาก็ตบพระพักตร์พระองค์ ปีลาตก็ออกไปอีกและกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า "ดูเถิด เราพาคนนี้ออกมามอบให้ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านรู้ว่าเราไม่เห็นว่าเขามีความผิดสิ่งใดเลย "พระเยซูจึงเสด็จออกมาทรงมงกุฎทำด้วยหนามและทรงเสื้อสีม่วง ปีลาตจึงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า "คนนี้อย่างไรล่ะ" เมื่อพวกมหาปุโรหิตและพวกเจ้าหน้าที่ได้เห็นพระองค์ เขาทั้งหลายร้องอึงว่า "ตรึงเขาเสีย ตรึงเขาเสีย" ปีลาตกล่าวแก่เขาว่า "พวกท่านเอาเขาไปตรึงเองเถิด เพราะเราไม่เห็นว่าเขามีความผิดเลย" พวกยิวตอบท่านว่า "พวกเรามีกฎหมาย และตามกฎหมายนั้นเขาควรจะตาย เพราะเขาได้ตั้งตัวเป็นพระบุตรของพระเจ้า"ครั้นปีลาตได้ยินดังนั้นท่านก็ตกใจกลัวมากขึ้น ท่านเข้าไปในศาลปรีโทเรียมอีก และทูลพระเยซูว่า "ท่านมาจากไหน" แต่พระเยซูมิได้ตรัสตอบประการใด

     ปีลาตจึงทูลพระองค์ว่า "ท่านจะไม่พูดกับเราหรือ ท่านไม่รู้หรือว่าเรามีอำนาจที่จะปล่อยท่าน และมีอำนาจที่จะตรึงท่านที่กางเขนได้" พระเยซูตรัสตอบท่านว่า "ท่านจะมีอำนาจเหนือเราไม่ได้ นอกจากจะประทานจากเบื้องบนให้แก่ท่าน เหตุฉะนั้นผู้ที่อายัดเราไว้กับท่าน จึงมีความผิดมากกว่าท่าน"

     การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นเรื่องที่ดี แต่มันจะต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ชอบธรรม คำถามคือว่า การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพวกเขาในตอนนี้ดีไหมครับ ? ไม่ดีเพราะอะไรครับ

     ฉลธ. 5:17 "อย่าฆ่าคน” เพราะฉะนั้นการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพวกเขาในตอนนี้ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรม เพราะเขากำลังทำผิดต่อธรรมบัญญัติของพระเจ้า

อเพราะฉะนั้นทุกอย่างเราจะต้องมี “หลักการ” นะครับพี่น้อง ถ้าไม่มีหลักการเราจะเป็นคริสเตียนโอนไปเอนมา เราจะเป็นคริสเตียนไม้ปักขี้เลน เราจะเป็นคริสเตียนจิ้งหรีด ใครมาปั่นหัวก็ตามเขาไปหมดและหลักการที่ดีที่สุดของเราในฐานะที่เป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอยู่ที่ไหนครับ ? ในพระคำของพระเจ้า

     ดังที่กล่าวมาแล้วว่า มีคำสอนเยอะแยะมากมาย ที่มีการสอนผิดกันอยู่ในเวลานี้ทั้งในเฟซบุ๊ค ในยูทูปและช่องทางอื่นๆอีกหลายช่องทางและเรื่องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นเรื่องหนึ่งที่คริสเตียนเราเรียกร้องให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งเรื่องนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้องและชอบธรรม

     ถ้าพี่น้องได้อ่าน อพย.32:1-35 และถ้าพี่น้องพอยังจำได้พี่น้องก็จะพบว่า เมื่อพระเยโฮวาห์ทรงเรียกให้โมเสสได้ขึ้นไปพบที่บนภูเขาซีนายเพื่อรับพระบัญญัติของพระเจ้า ข้างล่างเขาทำอะไรกันครับ ?

     อพย.32 :1-6 เมื่อประชาชนเห็นโมเสสล่าช้าอยู่ ไม่ลงมาจากภูเขา จึงได้พากันมาหาอาโรน เรียนว่า "ลุกขึ้น ขอท่านสร้างพระให้แก่พวกข้าพเจ้า ซึ่งจะนำพวกข้าพเจ้าไป ด้วยว่าโมเสสคนนี้ที่ได้นำข้าพเจ้าออกมาจากประเทศอียิปต์เป็นอะไรไปเสียแล้ว ข้าพเจ้าไม่ทราบ" 2 ฝ่ายอาโรนได้กล่าวแก่เขาว่า "จงปลดตุ้มหูทองคำออกจากหูภรรยา และหูบุตรชายหญิงของเจ้าทั้งหลายแล้วนำมาให้เราเถิด"

     3 ประชาชนทั้งปวงจึงได้ปลดตุ้มหูทองคำจากหูของตนมามอบให้กับอาโรน 4 เมื่ออาโรนได้รับทองคำจากมือเขาแล้ว จึงใช้เครื่องมือสลักหล่อรูปเป็นโคหนุ่ม แล้วเขาทั้งหลายประกาศว่า "โอ อิสราเอล สิ่งเหล่านี้แหละเป็นพระของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์" 5 เมื่ออาโรนได้ยินดังนั้นแล้ว จึงสร้างแท่นบูชาไว้ตรงหน้ารูปโคหนุ่มนั้น แล้วอาโรนประกาศว่า "พรุ่งนี้จะเป็นวันเทศกาลเลี้ยงถวายพระเจ้า" 6 ครั้นรุ่งขึ้นเขาก็ตื่นขึ้นแต่เช้ามืดถวายเครื่องเผาบูชา และนำเครื่องศานติบูชามา ประชาชนก็นั่งลงกินและดื่มแล้วก็ลุกขึ้นเล่นสนุกกัน ส่วนที่เหลือให้พี่น้องกลับไปอ่านกันเองนะครับ

     คำถามคือว่า พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไหมครับ ? พวก

     เขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันการสร้างรูปวัวทองคำจึงสำเร็จ แต่ในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนี้โมเสสพอใจไหมครับ ?

     อพย.32:19-20 พอโมเสสเข้ามาใกล้ค่าย ได้เห็นรูปโคหนุ่ม และคนเต้นรำ โทสะของโมเสสก็เดือดพลุ่งขึ้น ท่านโยนแผ่นศิลาทิ้งตกแตกเสียที่เชิงภูเขานั่นเอง

20 แล้วท่านเอารูปโคหนุ่มที่ประชาชนทำไว้นั้นเผาเสีย และบดเป็นผงโรยลงในน้ำ และบังคับให้ชนชาติอิสราเอลดื่มน้ำนั้น

ไม่เพียงแต่โมเสสจะไม่พอใจ พระคำของพระเจ้าใน อย.32:35 ทำให้เราทราบว่า พระเจ้า พระเยโฮวาห์ก็ทรงไม่พอใจด้วย ฝ่ายพระเจ้าทรงบันดาลให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นแก่ประชากร เพราะเหตุเขาทำรูปโคหนุ่มซึ่งอาโรนทำนั้น

       เพราะฉะนั้นคริสเตียนเราไม่ใช่เอะอะไรก็ต้องมีความรัก เอะอ่ะอะไรก็อย่าตัดสินพี่น้อง , เอะอ่ะอะไรก็ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน , เอะอ่ะอะไรก็อาเมน , เอะอ่ะอะไรก็พระพรของพระเจ้า

       คำถามคือว่า ทำไมพระเยโฮวาห์จึงกริ้วยิ่งนัก

       อพย.20:3 พูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า "อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา

       สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจให้ตรงนั่นก็คือคำว่า “พระเจ้าอื่นใด” ไม่เพียงแต่เป็นพระที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจากอิฐ หิน ปูนทรายเท่านั้นนะครับ

       คำว่า “อย่ามีพระเจ้าอื่นใด” ในที่นี้ยังมีความหมายอื่นๆอีกมากมายหลายอย่าง Ex. ถ้าพี่น้องขาดการถือรักษาวันสะบาโต หรือเอาวันนี้ไปทำมาหากินนั่นเท่ากับว่าพี่น้องมีพระเจ้าอื่นใดอยู่ในชีวิตแล้ว

        คริสเตียนหลายคนที่ผมรู้จักเอาวันสะบาโตไปใช้ในเรื่องการทำมาหากิน แปลกแต่จริงคือ ทำงานได้เงินจริงแต่ก็ไม่มีเหลือเก็บขาดสันติสุข ครอบครัวมีปัญหา เกิดการเจ็บไข้ได้ป่วย มีเรื่องให้ต้องปวดหัวอยู่ตลอดเวลา     และอื่นๆอีกมากมาย

       สาเหตุเพราะอะไรครับ ? คุณปฏิเสธพระเจ้า คุณมีพระอื่นใด

       บางคนเถียงผม บอกผมว่าแค่หนูไม่มาโบสถ์แค่เนี่ยนะ อาจารย์หาว่าหนูปฏิเสธพระเจ้าหรือไปมีพระอื่นแล้วเหรอ

       ยน 1:1 ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่ และพระวาทะทรงสถิตอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า

พี่น้องฟังนะครับ พระวาทะทรงเป็นพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นพระวาทะ เมื่อพระวาทะหรือพระเจ้าตรัสกับเราว่าให้ถือรักษาวันสะบาโตแต่เรากับเอาวันสะบาโตไปทำอย่างอื่น อย่างนี้จะเรียกว่าผมว่าพี่น้องหรือจะเรียกว่าพระคำว่าพี่น้องครับ ?

       เมื่อพี่น้องปฏิเสธพระเจ้า  เมื่อพี่น้องมีพระอื่นใดมันก็ไม่แปลกที่พี่น้องทำงานในวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วพี่น้องได้เงินก็จริงแต่ก็ไม่มีเหลือเก็บ , ขาดสันติสุข , ครอบครัวมีปัญหา , เกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยและหรือมันมีเรื่องทำให้ต้องปวดหัวอยู่ตลอดเวลา สาเหตุเพราะพระเจ้าไม่อวยพร ได้มาก็มีเหตุต้องจ่ายออกไปเปรียบเสมือนกระชังก้นรั่วกักเก็บไม่อยู่ ลองสำรวจดูนะครับว่าเป็นอย่างนี้จริงไหม     

       ดังที่กล่าวมาแล้วว่า มีคำสอนเยอะแยะมากมาย ที่มีการสอนผิดกันอยู่ในเวลานี้ทั้งในเฟซบุ๊ค ในยูทูปและช่องทางอื่นๆอีกหลายช่องทางและเรื่องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นเรื่องหนึ่งที่คริสเตียนเราเรียกร้องให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งเรื่องนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้องและชอบธรรม

       ให้เราดูพระคำของพระเจ้าใน ปฐก.11:1-9 บอกกับเราว่า

       1 คนทั้งหลายทั่วโลกพูดภาษาเดียวกัน และมีศัพท์สำเนียงเดียวกัน 2 เมื่อพากันอพยพไปทิศตะวันออก ก็พบทุ่งราบในแดนเมืองชินาร์ จึงตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นั่น 3 แล้วต่างคนต่างก็พูดกันว่า "มาเถิด เราจงทำอิฐ เผาให้สุกแข็ง" เขาจึงมีอิฐใช้ต่างหิน และมียางมะตอยใช้ต่างปูนสอ 4 เขาทั้งหลายจึงว่า "มาเถิด เราจงสร้างเมืองขึ้นและก่อหอให้ยอดเทียมฟ้า ให้เราทำชื่อเสียงไว้ มิฉะนั้นเราจะต้องกระจัดกระจายไปทั่วพื้นแผ่นดิน" 5 พระเจ้าเสด็จลงมาทอดพระเนตรเมือง และหอที่มนุษย์ก่อสร้างขึ้นนั้น 6 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ดูเถิด คนเหล่านี้เป็นชนชาติเดียว มีภาษาเดียว นี่เป็นเพียงเบื้องต้นของสิ่งที่เขาจะทำ และเขาตั้งใจจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น 7 มาเถิด เราจงลงไป ทำให้ภาษาของเขาวุ่นวายต่างกันไป อย่าให้เขาพูดเข้าใจกันได้" 8 พระเจ้าจึงทรงทำให้เขากระจัดกระจายจากที่นั่นไปทั่วพื้นแผ่นดิน คนเหล่านั้นก็เลิกสร้างเมืองนั้น

       9 เหตุฉะนี้จึงเรียกเมืองนั้นว่าบาเบล {คล้ายคำ "บาลัล" ในฮีบรู แปลว่า วุ่นวาย} เพราะว่าที่นั่นพระเจ้าทรงทำให้ภาษาของเขาวุ่นวายไป และพระเจ้าทรงทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปทั่วพื้นแผ่นดิน

       พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาตามพระฉายของพระองค์ คือ ประกอบไปด้วย สติปัญญา ความรู้และความสามารถเหมือนพระองค์

       ดังนั้น...เหตุการณ์ตอนนี้   มนุษย์กำลังบอกกับพระเจ้าว่า ถ้ามนุษย์ต้องการทำสิ่งใดมนุษย์ทำได้ ด้วยเหตุนี้พระเจ้าน่าจะมีความภาคภูมิใจในตัวของมนุษย์ โดยเฉพาะกับเหตุการณ์ในตอนนี้ที่พวกเขากำลังทำในสิ่งใหญ่นั่นคือการสร้าง หอบาเบลด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

       แต่พระคัมภีร์บอกกับเราว่า พระเจ้ากับทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป ซึ่งนั่นหมายความว่า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในเรื่องที่พวกเขากำลังทำกันอยู่นั้นมันต้องเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี ?

       คำถามคือว่า เขาทำสิ่งใหญ่นี้เพื่อใคร ? เขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในเรื่องนี้เพื่ออะไร ?

       4 เขาทั้งหลายจึงว่า "มาเถิด เราจงสร้างเมืองขึ้นและก่อหอให้ยอดเทียมฟ้า ให้เราทำชื่อเสียงไว้ มิฉะนั้นเราจะต้องกระจัดกระจายไปทั่วพื้นแผ่นดิน"

       พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 5 บอกกับเราว่า เมื่อพระเจ้ามองลงมา เห็นเขาทำสิ่งใหญ่นี้เพื่อเกียรติยศและชื่อเสียงของตัวเอง เขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในเรื่องนี้เพื่อตัวเอง แต่สติปัญญา ความรู้และความสามารถมาจากใครครับ ? การกระทำอย่างนี้พระเจ้ามองว่านี่คือความเย่อหยิ่ง

       อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า คำว่า “อย่ามีพระเจ้าอื่นใด” นั้นมีความหมายมากมายหลายอย่างและความหยิ่ง ถือว่าเป็นพระอย่างหนึ่งซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงเกลียดชัง

       ความหยิ่งในเรื่องนี้ทำให้พวกเขาได้ผลักพระเจ้าออกไปจากสิ่งที่เขาทำ เมื่อพระเจ้ามองลงมาและเห็นในสิ่งที่พวกเขาทำ หยิ่งนักใช่ไหม เก่งนักใช่ไหม มีกำลังคนเยอะมากใช่ไหม แน่นักใช่ไหม

       8 พระเจ้าจึงทรงทำให้เขากระจัดกระจายจากที่นั่นไปทั่วพื้นแผ่นดิน คนเหล่านั้นก็เลิกสร้างเมืองนั้น

       ข่าวประเสริฐของพระเจ้าเวลานี้ไม่ไปถึงไหนเพราะอะไรครับ เพราะมนุษย์มีความหยิ่งผยองมากขึ้น คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้วในตำแหน่ง  ในอาชีพการงาน  คิดว่าเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่มีอยู่ควบคุมได้และเอาอยู่ พระเจ้าพระเจ้ออะไรไม่มีหรอก

       เมื่อพระเจ้ามองลงมาและเห็นในสิ่งที่พวกเขาทำ หยิ่งนักใช่ไหม เก่งนักใช่ไหม มีกำลังคนเยอะมากใช่ไหม แน่นักใช่ไหม ทำให้เมื่อเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาโควิด-19 เข้ามาในโลก เครื่องบินต้องจอดเป็นแถว คนตกงานกันเป็นระนาว Chief โรงแรม 5 ดาวต้องผันตัวเองออกมาเป็นพ่อครัวตามริมถนน

       เพราะฉะนั้นการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นเรื่องที่ดีแต่ต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรมและที่สำคัญเรื่องนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่ที่ตั้งอยู่ในหลักการแห่งพระวจนะคำของพระเจ้าด้วย

Green City