เหรียญ 2 ด้าน (ตอน 2)

คำเทศนาเรื่อง เหรียญ 2 ด้าน ตอน 2

 

   ยน.10:31-42 พวกยิวจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาอีกจะขว้างพระองค์ให้ตาย 32พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "เราได้สำแดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการ ของพระบิดาของเรา ท่านทั้งหลายหยิบก้อนหินจะขว้างเราให้ตาย เพราะการกระทำข้อใดเล่า" 33พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า "เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะการพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า" 34พระเยซูตรัสว่า "ในพระธรรมของท่านมีคำเขียนไว้มิใช่หรือว่า "เราได้กล่าวว่าท่านทั้งหลายเป็นพระ 35ถ้าพระธรรมนั้นเรียกผู้ที่รับพระวจนะของพระเจ้าว่า เขาเป็นพระ (และจะฝ่าฝืนพระคัมภีร์ไม่ได้) 36ท่านทั้งหลายจะกล่าวหาท่านที่พระบิดาได้ทรงตั้งไว้ และทรงใช้เข้ามาในโลกว่า "ท่านกล่าวคำหมิ่นประมาทพระเจ้า" เพราะเราได้กล่าวว่า "เราเป็นบุตรของพระเจ้า" อย่างนั้นหรือ 37ถ้าเราไม่ปฏิบัติพระราชกิจของพระบิดาของเรา ก็อย่าวางใจในเราเลย 38แต่ถ้าเราปฏิบัติพระราชกิจนั้น แม้ว่าท่านมิได้วางใจในเรา ก็จงวางใจเพราะพระราชกิจนั้นเถิด เพื่อท่านจะได้รู้และเข้าใจว่าพระบิดาทรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา" 39พวกเขาพยายามจะจับพระองค์อีกครั้งหนึ่ง แต่พระองค์ทรงรอดพ้นจากมือเขาไปได้ 40พระองค์เสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดนอีก และไปถึงตำบลที่เมื่อก่อนนั้นยอห์นให้บัพติศมา และพระองค์ทรงพักอยู่ที่นั่น 41คนเป็นอันมากพากันมาหาพระองค์ กล่าวว่า "ยอห์นมิได้ทำหมายสำคัญใดๆเลย แต่ทุกสิ่งซึ่งยอห์นได้กล่าวถึงท่านผู้นี้เป็นความจริง" 42และมีคนหลายคนที่นั่นได้วางใจในพระองค์ และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า เหรียญ 2 ด้าน ตอน 2

   ความเดิมจากตอนที่แล้ว พี่น้องทราบแล้วนะครับว่า มนุษย์เรานั้นมีชีวิต 2 ด้านเสมอ สำหรับบางคนด้านหนึ่งอาจเป็นด้านที่แข็งแรงแต่อีกด้านหนึ่งกับเป็นด้านที่อ่อนแอ สำหรับบางคนด้านหนึ่งอาจเป็นด้านที่หยาบๆแต่อีกด้านหนึ่งอาจะเป็นด้านละเอียด สำหรับบางคนด้านหนึ่งอาจะเป็นด้านที่แข็งกระด้างแต่พอกลับถึงบ้านเขากับเป็นสุภาพบุรุษที่รักครอบครัวมาก

   การที่มนุษย์มีชีวิต 2 ด้านอย่างนี้ทำให้เราทราบว่า ไม่มีใครในโลกใบนี้ที่จะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบได้เลยนอกเหนือจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้าองค์เดียวเท่านั้น

   ด้วยเหตุนี้เองคริสเตียนโดยส่วนมากจึงมักที่จะหนุนใจผู้เชื่อด้วยกันเองว่า ให้เรานั้น “มองที่พระเจ้าอย่ามองที่มนุษย์” เพราะในมนุษย์ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ 100%

   ความเดิมจากครั้งที่แล้ว พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่าพวกยิวซึ่งบางคนเป็นถึงหัวหน้าหรือเป็นผู้นำทางศาสนา ซึ่งผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ปฏิบัติศาสนากิจของพระเจ้าอย่างเคร่งครัด พวกเขาถือได้ว่าเป็นผู้รู้และเป็นผู้ที่รักษาธรรมบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างดียอดเยี่ยม แต่ตอนนี้พวกเขากำลังที่จะขว้างหินใส่พระเยซูให้ถึงตาย

   ความเดิมจากตอนที่แล้ว บอกกับเราว่า ภาพนี้ได้ให้ความจริงประการหนึ่งแก่เราและเป็นความจริงที่เราต่างต้องยอมรับด้วยความเจ็บปวดนั่นก็คือว่า ในเวลานี้ไม่มีใครหรือไม่มีผู้ใดที่จะมากดขี่ข่มเหงคริสตจักรและคริสเตียนในประเทศไทยเลยยกเว้นแต่พวกเราต่างหากที่กดขี่ข่มเหงกันเอง

   ความเดิมจากครั้งที่แล้ว พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่าพวกยิวซึ่งบางคนเป็นถึงหัวหน้าหรือเป็นผู้นำทางศาสนา ซึ่งผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ปฏิบัติศาสนากิจของพระเจ้าอย่างเคร่งครัด พวกเขาถือได้ว่าเป็นผู้รู้และเป็นผู้ที่รักษาธรรมบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างดียอดเยี่ยม แต่ตอนนี้พวกเขากำลังที่จะขว้างหินใส่พระเยซูให้ถึงตาย

   ภาพนี้ได้ให้ความจริงประการหนึ่งแก่เรา นั่นก็คือว่า พวกเขาซึ่งรู้คำสอนเป็นอย่างดี รู้ว่าการฆ่าคนเป็นความบาปแต่ตอนนี้พวกเขากำลังที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อคำสอนของพระเจ้าด้วยตัวของเขาเอง

   ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากผู้เชื่อหรือคริสเตียนโดยส่วนมากในเวลานี้ที่มาคริสตจักรฯและรู้คำสอนหรือรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นอย่างดีแต่เรากลับทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับคำสอนหรือทำตัวที่ขัดแย้งต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า

   ความเดิมจากครั้งที่แล้ว พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่าพวกยิวซึ่งบางคนเป็นถึงหัวหน้าหรือเป็นผู้นำทางศาสนา ซึ่งผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ปฏิบัติศาสนากิจของพระเจ้าอย่างเคร่งครัด

   พวกเขาถือได้ว่าเป็นผู้รู้และเป็นผู้ที่รักษาธรรมบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างดียอดเยี่ยม แต่ตอนนี้พวกเขากำลังที่จะขว้างหินใส่พระเยซูให้ถึงตาย

   เหตุการณ์ตอนนี้ให้มุมมองแก่เรา คือ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามโดยเฉพาะในทางของพระเจ้า  ซึ่งพี่ - น้องจะต้องเข้าใจนะครับว่า งานของพระเจ้าเป็นงานฝ่ายจิตวิญญาณ

   ดังนั้นใครก็ตามที่มีความตั้งใจในการที่จะเดินกับพระเจ้า Ex. ตั้งใจจะเติบโตกับพระเจ้ามากขึ้น , ให้ชีวิตของเราเริ่มเป็นพรกับผู้อื่นมากขึ้น , อยากรับใช้พระเจ้าอย่างเกิดผล , ผู้เชื่อที่ตั้งใจเดินกับพระเจ้าอย่างนี้

   ขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจให้ตรงกันว่า มาร ซาตาน วิญญาณชั่ว ก็จะยิ่งขัดขวางหรือทำให้ท่านต้องรู้สึกถูกกดขี่ข่มเหงมากขึ้นและมากขึ้น แต่ตราบใดที่พี่น้องยังคงจับมือกับพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ มารไม่สามารถที่จะมีชัยชนะเหนือพี่น้องได้

   เรามาต่อในตอนที่ 2 กันเลย พระคำของพระเจ้าใน ยน.10:33 พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า "เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะการพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า"

   พระคำของในข้อที่ 33 ทำให้เราทราบถึงสาเหตุหรือแรงจูงใจที่แท้จริงที่คนยิวโดยเฉพาะบางคนที่เป็นถึงผู้นำในการประกอบศาสนกิจหมายที่จะเอาหินขว้างพระเยซูให้ถึงตาย เพราะพวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าพระเยซูนั้นได้กระทำการ 1.หมิ่นประมาทพระเจ้า 2.ตีตัวเสมอพระเจ้า

   สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนะครับว่า 1.คนยิวได้ชื่อว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก นักวิทยาศาสตร์ของโลกหลายๆคนมีเชื้อสายที่มาจากยิว 2.เวลานี้คนอเมริกาเชื้อสายยิวถือได้ว่าเป็นคณะบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา

   สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจอีกประการหนึ่งนั่นก็คือว่า คนยิวทุกคนต่างรอคอยการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ แต่เมื่อพระเมสสิยาห์ คือองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้เสด็จเข้ามาในโลกนี้และมาอยู่ท่ามกลางพวกเขาแบบหน้าต่อหน้า แต่พวกเขากับ 1.มองไม่เห็น 2.ไม่เข้าใจ 3.ปฏิเสธพระองค์ ประการที่สำคัญ คือ หมายที่จะเอาหินขว้างองค์พระเยซูคริสต์เจ้าให้ถึงแก่ชีวิตด้วย

   พี่น้องเห็นหรือยังว่ามนุษย์มีเหรียญมี 2 ด้าน คนยิวมีเหรียญ 2 ด้านอยู่ในชีวิต 1.ชาวยิวมีด้านที่ฉลาดที่สุดส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นด้านที่ไม่ฉลาดเลย 2.ด้านหนึ่งของพวกเขาคือการรอคอยพระเจ้าแต่อีกด้านหนึ่งพวกเขากำลังทำผิดอย่างมหันต์

   พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่าเปาโลก็เป็นคนหนึ่งที่มีเหรียญ 2 ด้านอยู่ในชีวิต

   พี่น้องทราบดีใช่ไหมครับว่า เปาโลเป็นคนอย่างไร ? เปาโล เป็นลูกศิษย์ของนักปราชญ์ชาวยิวผู้ยิ่งใหญ่

   ดังนั้นเปาโลจึงเป็นนักปราชญ์ด้วย เปาโลเป็นคนที่มีการศึกษาดี มีความรักในพระเจ้ามาก แต่เปาโลก็เป็นคนหนึ่งที่ข่มเหงและฆ่าคริสเตียนเป็นจำนวนมากด้วยเพราะความเข้าใจผิด

   กจ.9:1-19 ทำให้เราทราบว่า ในระหว่างการเดินทางไปที่เมืองดามัสกัส เปาโลเขามีประสบการณ์กับองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำให้เปาโลได้ไปถึงจุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิต

   พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เปาโล ตาบอดไป 3 วัน และใน 3 วันที่เปาโลตาบอดนั้นทำให้เปาโลได้คิดอะไรหลายๆอย่าง เช่น 1.การที่เปาโลเคยเกลียดพระเยซูแต่ตอนนี้เปาโลเขาได้ตระหนักแล้วว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า 2.การที่เขาคิดที่จะข่มเหงหรือฆ่าและหรือทำลายคริสเตียนและเปาโลคิดว่านี่คือการรับใช้พระเจ้าอย่างหนึ่ง แต่ตอนนี้เปาโลคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว ขอพระเจ้าเมตตาเรา ที่เราจะคิดอะไรต่อมิอะไรได้ในทุกๆวัน อย่าให้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเราก่อน เหมือนเปาโลในตอนนี้แล้วเราถึงคิดได้

   อย่างที่ผมหนุนใจพี่น้องมาโดยตลอดว่า เรารอดเพื่อที่จะรับใช้และการรับใช้พระเจ้าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นสิ่งที่เราควรจะรับใช้แต่เราจะต้องรับใช้ด้วยความเข้าใจ ถ้าเรารับใช้ด้วยความรู้สึกนึกคิดของเราเอง แทนที่การรับใช้ของเรามันจะเป็นพระพรกับผู้คนตรงกันข้ามมันจะกลายเป็นพระพรเพลิงให้แก่ผู้คนต่างหาก

   อาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็ได้ว่าแทนที่ชีวิตของเราจะเป็นอุปกรณ์ของพระเจ้าแต่ถ้าเราอยากรับใช้ตามความรู้สึกนึกคิดของตนเราจะกลายเป็นอุปสรรคในงานของพระเจ้าในทันที

   การที่คนยิวโดยเฉพาะผู้นำทางศาสนาหมายที่จะเอาหินขว้างพระเยซูให้ถึงตาย นั่นหมายถึง การที่พวกเขาต่อต้านสิทธิอำนาจของพระเจ้า พระคัมภีร์ได้บอกกับเราว่าในโลกนี้มีสิทธิอำนาจที่สำคัญ 5 สถาบันเท่านั้น

     1.สิทธิอำนาจของพระเจ้าซึ่งในพระ O/T ให้ผ่านทางมนุษย์คือ Adam ในพระคัมภีร์ใหม่ให้ผ่านทางคริสตจักรของพระองค์

     2.สิทธิอำนาจของสถาบันครอบครัว

     3.สิทธิอำนาจของสถาบันนายจ้างกับลูกจ้าง

     4.สิทธิอำนาจของสถาบันการศึกษา

     5.สิทธิอำนาจของรัฐ

   แต่สิทธิอำนาจของพระเจ้านั้นใหญ่ที่สุด สูงที่สุดและสำคัญที่สุด เพราะสามารถชี้ความเป็นความตายของมนุษย์ได้ ใครจะได้เข้าสวรรค์หรือไม่ได้เข้าสวรรค์อยู่ภายใต้สิทธิอำนาจนี้เท่านั้น ดังนั้นมนุษย์ล้ำเส้นไม่ได้ ต่อต้านไม่ได้

   สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ไม่ได้ไปสวรรค์ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนไม่ดี แต่การที่คุณไม่รับว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า นั่นคือการที่คุณ 1.ต่อต้านสิทธิอำนาจของพระเจ้า 2.ปฏิเสธว่าพระเยซูทรงเป็นผู้สร้างและเป็นเจ้าของสวรรค์

   เดือนนี้ อ.ดาร์ จะไปออสเตรเลีย อยู่ๆ อ.ดาร์จะซื้อตั๋วแล้วพรุ่งนี้บินเลยได้ไหมครับ ? คุณต้องทำเรื่องขอ VISA ก่อน องค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นผู้เดียวในโลกที่จะออก VISA ให้กับคนที่จะเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าได้

   ดังนั้นใครก็ตามที่ไม่ได้รับพระเยซูด้วยปากและเชื่อด้วยใจว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า คุณก็ไม่สามารถที่จะเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าได้

   กลับมาที่พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 37ถ้าเราไม่ปฏิบัติพระราชกิจของพระบิดาของเรา ก็อย่าวางใจในเราเลย 38แต่ถ้าเราปฏิบัติพระราชกิจนั้น แม้ว่าท่านมิได้วางใจในเรา ก็จงวางใจเพราะพระราชกิจนั้นเถิด เพื่อท่านจะได้รู้และเข้าใจว่าพระบิดาทรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา"

   เมื่อพวกยิวโดยเฉพาะบางคนที่เป็นผู้นำทางศาสนาหมายมั่นที่จะเอาหินขว้างพระเยซูให้ถึงตาย สาเหตุเพราะพวกเขาคิดว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทำการหมิ่นประมาทพระเจ้าหรือยกตัวเองขึ้นมา

   องค์พระเยซูคริสต์ทรงตรัสกับพวกเขาในข้อที่ 37-38 ว่า ถ้าท่านไม่เชื่อในถ้อยคำของเราก็ไม่เป็นไร แต่พวกคุณช่วยพิจารณาถึงสิ่งที่เราได้กระทำมาทั้งหมดหน่อยได้ไหมว่ามันเป็นมาจากพระเจ้าหรือไม่ ? คำถาม  คือว่า พระเยซูทรงทำอะไรบ้าง เยอะแยะมากมาย

   คำถามที่น่าสนใจคือว่า ทำไมองค์พระเยซูคริสต์ถึงพูดคำนี้ออกมา ? เพื่อให้พวกเขาได้คิด

   เพราะคนที่ได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้า คนที่ได้รับการเจิมจากพระเจ้า เขาจะต้องทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ใช่ทำตามน้ำพระทัยของข้าพเจ้า การทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าคือ การทำตามพระคัมภีร์ คนที่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าพระเจ้าจะอวยพรการงานที่เขาทำนั้นให้เกิดผล

   ดังนั้นใครก็ตามที่พูดว่าพระเจ้าทรงเรียกให้เขามาเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเจิมตั้งเขาเอาไว้ พระเจ้าให้นิมิตแก่เขา พี่น้องไม่จำเป็นต้องไปโต้เถียงหรือขัดแย้งกับเขา แต่ให้เราสังเกตดูถึงการงานที่เขาทำ

   เพราะถ้าพระเจ้าทรงเรียกเขาจริง เจิมเขาจริง ตั้งเขาจริง ใช้เขาจริง ให้นิมิตแก่เขาจริง การงานที่เขาทำนั้นมันจะเกิดผล ให้พี่น้องระลึกนึกถึงภาพของพวงองุ่นหรือกล้วยหนึ่งเครือ  ผลมันเป็นไงเกิดผลมาก พระเจ้าจะรับรองการงานที่คุณทำ ส่วนคนที่รับใช้ตามน้ำพระทัยของข้าพเจ้า ผลที่เกิดมันก็จะตรงกันข้าม

   กลับมาที่พระคำของพระเจ้า องค์พระเยซูคริสต์เจ้าตรัสกับพวกคนยิวซึ่งบางคนเป็นถึงผู้นำทางศาสนาว่า ถ้าท่านไม่เชื่อในถ้อยคำของเราก็ไม่เป็นไร

   แต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสเพื่อให้พวกเขาทั้งหลายได้คิดว่า พวกคุณช่วยพิจารณาถึงสิ่งที่เราได้กระทำมาทั้งหมดหน่อยได้ไหมว่ามันเป็นมาจากพระเจ้าหรือไม่ ? พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 39 บอกกับเราว่า “พวกเขาพยายามจะจับพระองค์อีกครั้งหนึ่ง แต่พระองค์ทรงรอดพ้นจากมือเขาไปได้” พวกเขาก็ไม่สนใจ

   เฉกเช่นเดียวกันในเวลานี้ที่พระคำของพระเจ้ามีข้อที่ทำให้เราในฐานะผู้เชื่อจะต้องพิจารณาเยอะแยะมากมาย แต่ผู้เชื่อโดยส่วนมากก็ไม่ค่อยได้พิจารณา หลายคนไม่เคยสนใจพระคำเลยก็มี จริงหรือไม่จริง ?

   องค์พระเยซูคริสต์ตรัสกับคนยิวซึ่งมีบางคนเป็นผู้นำทางศาสนาว่า ท่านจะพิจารณาถึงสิ่งที่เราได้กระทำมาหรือไม่ก็ตามและหรือท่านจะชอบเราไม่ชอบเราก็ตาม

   พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 42 และมีคนหลายคนที่นั่นได้วางใจในพระองค์ แต่ยังมีคนเชื่อว่าเราเป็นมาจากพระเจ้าและยังมีคนเชื่อว่าเรานั้นทรงเป็นพระเจ้า แต่เรายังมีคนที่รักและติดตามเราอยู่

   คำถามคือว่า เรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไรแก่เราครับ ? หน้าที่ของเราคือนำผู้อื่นมายืนต่อหน้าพระเจ้าผ่านความดีหรือผ่านชีวิตที่ดีของเรา แต่การที่คนๆนั้นเขาจะตัดสินใจต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตหรือไม่นั้น ขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าให้ตรงกันนั่นก็คือ มันเป็นเรื่องระหว่างเขากับพระเจ้า เราเป็นเพียงภาชนะหรือเป็นเพียงเครื่องมือของพระเจ้าเท่านั้น แต่วันที่เขาเปิดใจออกนั่นเป็นพระคุณของพระเจ้าที่มีมาเหนือชีวิตของคนๆนั้น

   หลายคนนำผู้อื่นมายืนต่อหน้าพระเจ้าผ่านความดีหรือผ่านชีวิตที่ดีของเรานั่นเป็นเรื่องที่ดีแต่หลายคนก็ชอบนำหน้าพระเจ้า เช่นไปสัญญาว่าเมื่อเชื่อพระเจ้าแล้วเขาจะหายโรค หนี้สินที่มีจะหมดสิ้นไปและอื่นๆ อย่าทำอย่างนั้น

   องค์พระเยซูคริสต์ตรัสกับคนยิวซึ่งมีบางคนเป็นผู้นำทางศาสนาว่า ท่านจะพิจารณาถึงสิ่งที่เราได้กระทำมาหรือไม่ก็ตามและหรือท่านจะชอบเราไม่ชอบเราก็ตาม แต่ยังมีคนเชื่อว่าเราเป็นมาจากพระเจ้าและยังมีคนเชื่อว่าเรานั้นทรงเป็นพระเจ้า แต่เรายังมีคนที่รักและติดตามเราอยู่

   คำถามคือว่า เรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไรแก่เราครับ ? องค์พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้ายังมีทั้งคนที่ชอบไม่ชอบนับประสาอะไรกับเรา

   ดังนั้นอย่าให้ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับ 1.คนที่รักเราหรือไม่รักเรา 2.คนที่ชอบเราหรือไม่ชอบเรา 3.คนที่ให้เกียรติเราหรือไม่ให้เกียรติเรา

   แต่ให้ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับความถูกต้องและความดีงามของพระองค์ เพราะชีวิตขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นอย่างนั้น อาเมนด้วยเหตุนี้เราจะต้องลอกเลียนแบบพระองค์ อาเมน

Green City