เหรียญ 2 ด้าน (ตอน 1)

คำเทศนาเรื่อง เหรียญ 2 ด้าน (ตอน 1)

 

  ยน.10:31 พวกยิวจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาอีกจะขว้างพระองค์ให้ตาย 32พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "เราได้สำแดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการ ของพระบิดาของเรา ท่านทั้งหลายหยิบก้อนหินจะขว้างเราให้ตาย เพราะการกระทำข้อใดเล่า" 33พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า "เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะการพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า" 34พระเยซูตรัสว่า "ในพระธรรมของท่านมีคำเขียนไว้มิใช่หรือว่า "เราได้กล่าวว่าท่านทั้งหลายเป็นพระ 35ถ้าพระธรรมนั้นเรียกผู้ที่รับพระวจนะของพระเจ้าว่า เขาเป็นพระ (และจะฝ่าฝืนพระคัมภีร์ไม่ได้) 36ท่านทั้งหลายจะกล่าวหาท่านที่พระบิดาได้ทรงตั้งไว้ และทรงใช้เข้ามาในโลกว่า "ท่านกล่าวคำหมิ่นประมาทพระเจ้า" เพราะเราได้กล่าวว่า "เราเป็นบุตรของพระเจ้า" อย่างนั้นหรือ 37ถ้าเราไม่ปฏิบัติพระราชกิจของพระบิดาของเรา ก็อย่าวางใจในเราเลย 38แต่ถ้าเราปฏิบัติพระราชกิจนั้น แม้ว่าท่านมิได้วางใจในเรา ก็จงวางใจเพราะพระราชกิจนั้นเถิด เพื่อท่านจะได้รู้และเข้าใจว่าพระบิดาทรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา" 39พวกเขาพยายามจะจับพระองค์อีกครั้งหนึ่ง แต่พระองค์ทรงรอดพ้นจากมือเขาไปได้ 40พระองค์เสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดนอีก และไปถึงตำบลที่เมื่อก่อนนั้นยอห์นให้บัพติศมา และพระองค์ทรงพักอยู่ที่นั่น 41คนเป็นอันมากพากันมาหาพระองค์ กล่าวว่า "ยอห์นมิได้ทำหมายสำคัญใดๆเลย แต่ทุกสิ่งซึ่งยอห์นได้กล่าวถึงท่านผู้นี้เป็นความจริง" 42และมีคนหลายคนที่นั่นได้วางใจในพระองค์   ผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า เหรียญ 2 ด้าน

  พี่น้องที่รักครับ ชีวิตของมนุษย์เรานั้นมักมี 2 ด้านเสมอ สำหรับบางคนด้านหนึ่งอาจเป็นด้านที่แข็งแรงแต่อีกด้านหนึ่งกับเป็นด้านที่อ่อนแอ สำหรับบางคนด้านหนึ่งอาจเป็นด้านที่หยาบๆแต่อีกด้านหนึ่งอาจะเป็นด้านละเอียด สำหรับบางคนด้านหนึ่งอาจะเป็นด้านที่แข็งกระด้างแต่พอกลับถึงบ้านเขากับเป็นสุภาพบุรุษที่รักครอบครัวมาก

  การที่มนุษย์มีชีวิต 2 ด้านอย่างนี้ทำให้เราทราบว่า ไม่มีใครในโลกใบนี้ที่จะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบได้เลยนอกเหนือจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้าองค์เดียวเท่านั้น ดังนั้นเราอย่าได้คาดหวังว่าเราจะได้อะไรที่สมบูรณ์แบบจากมนุษย์ด้วยกันเองอย่างเต็มร้อย 100%

  ขนาดองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงมอบและให้ชีวิตของพระองค์แก่เรา 100% บนไม้กางเขน คำถามคือว่า เราได้ให้ชีวิตของเราแก่พระเยซู 100% หรือไม่ ? คริสเตียนหลายคนยอมลำบากเจ็บปวดเพื่อพระเยซูยังทำไม่ได้เลยนับประสาอะไรที่จะยอมตายเพื่อพระเยซู

  จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

  เราพบว่าพวกยิวซึ่งบางคนเป็นถึงหัวหน้าหรือเป็นผู้นำทางศาสนา ซึ่งผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ปฏิบัติศาสนากิจของพระเจ้าอย่างเคร่งครัด พวกเขาถือได้ว่าเป็นผู้รู้และเป็นผู้ที่รักษาธรรมบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างดียอดเยี่ยม แต่ตอนนี้พวกเขากำลังที่จะขว้างหินใส่พระเยซูให้ถึงตาย

  เรื่องนี้ได้ให้ภาพอะไรบางอย่างแก่เราครับ ? มีความจริงประการหนึ่งที่เราต่างต้องยอมรับด้วยความเจ็บปวดคือ ในเวลานี้ไม่มีใครหรือไม่มีผู้ใดที่จะมากดขี่ข่มเหงคริสตจักรและคริสเตียนในประเทศไทยเลยยกเว้นแต่พวกเราต่างหากที่กดขี่ข่มเหงกันเอง

  คำว่า “จงรักซึ่งกันและกัน” ตามหลักศาสนศาสตร์ที่ถูกต้อง ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ให้เรารักเฉพาะคนในโบสถ์เดียวกันเท่านั้น แต่ให้เรารักกันและกันแม้ว่าเราจะอยู่ต่างคณะ นิกาย องค์การ องค์กร หน่วยงานและหรือต่างคริสตจักรด้วย แต่โดยความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่

  พวกสอนผิดเรารักไหม ? รัก แต่ความเชื่อเรายุ่งเกี่ยวกับเขาไม่ได้

  กลับมาที่พระคำของพระเจ้า...เราพบว่าพวกยิวซึ่งบางคนเป็นถึงหัวหน้าหรือเป็นผู้นำทางศาสนา ซึ่งผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ปฏิบัติศาสนากิจของพระเจ้าอย่างเคร่งครัด พวกเขาถือได้ว่าเป็นผู้รู้และเป็นผู้ที่รักษาธรรมบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างดียอดเยี่ยม

  แต่ตอนนี้พวกเขากำลังที่จะขว้างหินใส่พระเยซูให้ถึงตาย ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไร ? ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาซึ่งรู้คำสอนเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้พวกเขาเองต่างเป็นปฏิปักษ์ต่อคำสอนของพระเจ้าด้วยตัวของเขาเอง

  คำถามคือว่าเรื่องนี้ได้สอนอะไรแก่เรา ? เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของคนยิวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของผู้เชื่อหรือเป็นเรื่องของพวกเราทุกคนที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าด้วย ที่เรารู้จักกับพระเจ้า เดินกับพระเจ้าผ่านทางพระคำของพระองค์หรือผ่านการมาคริสตจักรฯ

  แต่เราเองกับดำเนินชีวิตที่ขัดแย้งต่อพระธรรมคำสอนของพระองค์หรือขัดแย้งต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า Ex.ยังใช้คำพูดแบบเดิมๆเชิงหมาหยอกไก่ 2 แง่ 2 ง่าม , ยังอยู่ในการพยากรณ์เรื่องโชคชะตาราศี , ตีความทำนายฝันและอื่นๆ นั่นก็เท่ากับว่าเราก็เป็นปฏิปักษ์กับพระเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน ประการที่สำคัญนั่นก็คือว่าชีวิตของผู้เชื่อหลายๆคนเป็นแบบนี้คือ มีชีวิตที่เป็น 2 ด้าน

  เราเห็นภาพหรือเรามองเห็นอะไรจากเหตุการณ์นี้อีกครับ ? เหตุการณ์ที่คนยิวซึ่งมีบางคนเป็นถึงหัวหน้าหรือเป็นถึงผู้นำทางศาสนาซึ่งรู้ธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นอย่างดีแต่ตอนนี้เขากำลังจะเอาหินขว้างพระเยซูให้ถึงตาย

  เหตุการณ์ตอนนี้ให้มุมมองแก่เรา คือ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามโดยเฉพาะในทางของพระเจ้า  ซึ่งพี่ - น้องจะต้องเข้าใจนะครับว่า งานของพระเจ้าเป็นงานฝ่ายจิตวิญญาณ

  ดังนั้นใครก็ตามที่มีความตั้งใจในการที่จะเดินกับพระเจ้า Ex. ตั้งใจจะเติบโตกับพระเจ้ามากขึ้น , ให้ชีวิตของเราเริ่มเป็นพรกับผู้อื่นมากขึ้น , อยากรับใช้พระเจ้าอย่างเกิดผล , ผู้เชื่อที่ตั้งใจเดินกับพระเจ้าอย่างนี้

  ขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจให้ตรงกันว่า มาร ซาตาน วิญญาณชั่ว ก็จะยิ่งขัดขวางหรือทำให้ท่านต้องรู้สึกถูกกดขี่ข่มเหงมากขึ้นมากขึ้นตามไปด้วย

  ถ้าพี่น้องมาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้ว และถ้าพี่น้องไม่ได้ร้อนรนในการที่จะประกาศเป็นพยาน ไม่ได้เสริมสร้างพัฒนาใครให้มาเป็นสาวก ผู้เชื่อพรรค์อย่างนี้อยู่ในสายตาของมาร ซาตานไหมครับ ?

  คริสตจักรใดหรือบุคคลใดที่มาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้วไม่ร้อนรนในการประกาศเป็นพยาน , ไม่ร้อนรนในการสร้างสาวก , ไม่ร้อนรนในการรับใช้พระเจ้า ไม่ร้อนรนในการมีส่วนเรื่องในแผ่นดินของพระเจ้าหรือในอาณาจักรของพระองค์

  ข่าวดีก็คือว่า มาร ซาตานมันจะไม่ทำอันตรายอะไรแก่คนๆนั้น

  เพราะมาร ซาตาน มันรู้ว่าท่านเดินกับพระเจ้าแบบ 

     1.ครึ่งๆกลางๆ 

     2.ประนีประนอม 

     3.ยังอะลุ่มอะลวยในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

     4.แบบไม่ใช่คริสเตียนแต่เป็นคริสตามซะมากกว่า

     5.ปากบอกว่ารักพระเจ้าแต่การดำเนินชีวิตของท่านยังอยู่ฝ่ายรูปเคารพ ข่าวดีก็คือว่า มาร ซาตานมันจะไม่ทำอันตรายอะไรแก่คนๆนั้น

  แต่ข่าวร้ายที่มีมาเหนือพี่น้องที่ยังดำเนินชีวิตแบบเมื่อสักครู่ที่ได้กล่าวมาคือ 1.พระพรที่มาถึงท่านก็ไม่แข็งแรงหรือไม่เต็มล้นด้วยเช่นเดียวกัน 2.บนแผ่นดินสวรรค์คุณจะไม่ได้รับบำเหน็จอะไรเลย

  พระคำของพระเจ้าทั้ง OT/NT มีการพูดถึงเรื่องของบำเหน็จเอาไว้ถึง 41 ครั้ง

  มธ. 16:27 เหตุว่าเมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยพระสิริแห่งพระบิดา และพร้อมด้วยทูตสวรรค์ของพระองค์ เมื่อนั้นจะประทานบำเหน็จให้ทุกคนตามการกระทำของตน

  พระคำของพระเจ้าพูดเอาไว้อย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาว่า บำเหน็จนั้นมีจริงและพระเจ้าเป็นเจ้าของบำเหน็จอีกทั้งพระองค์จะประทานบำเหน็จมอบให้กับผู้เชื่อทุกคนที่ได้เข้าส่วนหรือร่วมส่วนในพระราชกิจของพระองค์เท่านั้น

  ซึ่งนั่นหมายความว่า “ความรอด” ก็เรื่องหนึ่ง “บำเหน็จ” ก็เรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นใครก็ตามปรารถนาที่จะได้รับบำเหน็จจากพระเจ้าในกาลอนาคต

  เราจะต้องทำอย่างไรครับ ? ให้เรามีส่วนในการปรนนิบัติรับใช้พระองค์ในเวลานี้บนแผ่นดินโลก เพราะบนแผ่นดินสวรรค์ 1.ไม่มีการประกาศการเป็นพยานแต่อย่างใด 2.ไม่ต้องการๆเลี้ยงดูสาวกอีกต่อไป 3.ไม่มีการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าอะไรอีกแล้ว มีแต่การนมัสการพระเจ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

  จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร

  ยน.10:32 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "เราได้สำแดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการ ของพระบิดาของเรา ท่านทั้งหลายหยิบก้อนหินจะขว้างเราให้ตาย เพราะการกระทำข้อใดเล่า"

  พี่น้องทราบแล้วนะครับว่า พวกยิวซึ่งบางคนเป็นถึงหัวหน้าหรือเป็นถึงผู้นำทางศาสนา ซึ่งผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ปฏิบัติศาสนากิจของพระเจ้าอย่างเคร่งครัด แต่ในเวลานี้พวกเขากับที่จะเอาหินขว้างองค์พระเยซูคริสต์เจ้าให้ถึงตาย

  พี่น้องเห็นอะไรไหมครับ ? นี่เป็นนาทีชีวิต นี่เป็นนาทีเฉียดตายขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า แต่ในสถานการณ์อย่างนั้นองค์พระเยซูคริสต์เจ้ายังคงพูดดีกับพวกเขาอยู่เพื่อ ? สะท้อนถึงสง่า ราศีและพระสิริของพระเจ้าอยู่

  พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "เราได้สำแดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการ ของพระบิดาของเรา ท่านทั้งหลายหยิบก้อนหินจะขว้างเราให้ตาย เพราะการกระทำข้อใดเล่า" 33พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า "เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะการพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า"

  แท้ที่จริงแล้วพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าแต่พวกยิวโดยเฉพาะบางคนเป็นถึงหัวหน้าหรือเป็นถึงผู้นำทางศาสนาไม่สามารถที่จะยอมรับในเรื่องนี้ได้ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำพวกเขาจะเอาหินขว้างพระเยซูให้ถึงตาย

  มีหลายคนที่ได้มาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้ววงศ์วานญาติเครือ , เพื่อนสนิทมิตรสหาย เข้าใจผิดคิดว่าคริสตเป็นศาสนาของฝรั่งถ้าเราไปเชื่อนั่นก็เท่ากับว่าเราขายชาติ

  บางคนเกินเลยไปถึงคำพูดที่ว่า “พ่อแม่มึงเป็นฝรั่งจากที่ไหนเหรอมึงถึงมาถือคริสต์” พี่น้องคริสเตียนหลายคนโดยเฉพาะในอดีตที่ผ่านมา พี่น้องของเราหลายคนเลยถูกญาติพี่น้องตัดขาดจากการเป็นวงศ์วานญาติเครือ บางครอบครัวเอาถึงตาย เพราะเกิดจากความเข้าใจผิดอย่างนี้เยอะแยะมากมาย

  มธ.10:24 ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครูและทาสไม่ใหญ่กว่านายของตน

  พระคำของเจ้าบอกกับเราว่า ใครก็ตามที่ถูกเข้าใจผิดและทำให้ตนเองต้องถูกกดขี่ข่มเหงอย่างนี้ ขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่านี่เป็นสิ่งที่ท่านต้องภาคภูมิใจ เพราะท่านกำลังเดินอยู่ในเส้นทางของพระเจ้า

  แต่สิ่งหนึ่งที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงสอนเราผ่านสถานการณ์นี้นั่นก็คือ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร “ให้เราทำดีเสมอ” และให้เราตระหนักอย่างหนึ่งว่า ที่เขาทำอะไรกับเราก็ตามนั่นเป็นเพราะว่า “เขายังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้า”

  “ความดี”ที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้แสดงออกผ่านเหตุการณ์ในตอนนี้ เป็นการสะท้อนถึงสง่าราศีและพระสิริของพระเจ้า ดังนั้นการทำความดีจึงเป็นลักษณะหนึ่งของชีวิตคริสเตียน

  คริสเตียนแม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทองเหมือนคนอื่นๆเขาแต่เราสามารถที่จะร่ำรวยความดีได้และการทำความดีในทางของพระเจ้าแล้วใช่ว่าจะต้องให้ทรัพย์สินเงินทองเสมอไป

  ดังนั้นใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองต้องมีเงินก่อนแล้วถึงค่อยไปทำความดีนั้น นั่นเป็นความเข้าใจผิด เส้นทางแห่งการทำความดีหรือพลังแห่งการทำความดีของพระเจ้านั้น เริ่มต้นจากพูดความจริงแห่งอาณาจักรสวรรค์ , อธิษฐานเผื่อคนเจ็บป่วย , ให้ถ้อยคำแห่งการหนุนใจ ฟื้นใจ ชูใจ , สิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องใช้เงินไหมครับ ?

  ดังนั้นใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองต้องมีทรัพย์สินเงินทองให้พร้อมก่อนแล้วถึงค่อยไปทำความดีนั้น นั่นเป็นความเข้าใจผิด

  มธ.5:13-16 "ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ 14 ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้ 15 เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น 16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์

  พระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกัน เราพบคำที่น่าสนใจ 2 คำ คำแรกคือคำว่า เกลือ แสงสว่าง

  เกลือ มีหน้าที่รักษาสภาพของอาหาร ในมิติของฝ่ายวิญญาณ คือ ถ้าคริสเตียนไปอยู่ที่ไหนต้องเป็นพรที่นั่น ให้ที่นั่นมีชีวิตชีวา ได้รับการหนุนจิตชูใจ ได้รับการเยียวยารักษา (ไม่ใช่เค็มจนทะเลเรียกพี่)

  เกลือมีหน้าที่ในการให้รสชาติ จะให้รสชาติได้ต้องละลายน้ำได้ในมิติของฝ่ายวิญญาณ คือ เพื่อข่าวประเสริฐคริสเตียนจะต้องสามารถที่จะละลายเข้ากับผู้คนได้

  องค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นบุคคลที่เสด็จไปที่ไหนก็ตามพระองค์สามารถที่จะแตะในจุดที่คนในชุมชนนั้นต้องการได้ ด้วยเหตุนี้เองพระองค์จึงมีคนที่ติดตามพระองค์ไปในทุกหนแห่ง

  เกลือใส่ลงไปในแกงมากดีไหม ? น้อยไปเป็นไง ? การละลายจำเป็นต้องมีศิลปะ คือ ต้องกลมกล่อมพอดี มันจึงจะไม่เค็มปี๋หรือจืดชืดดูไม่มีรสไม่มีชาติ

  อีกคำหนึ่งที่พระคำของพระเจ้าได้พูดถึงใน มธ.5:13-16 นั่นคือคำว่าแสงสว่าง

  แสงสว่าง มีหน้าที่คือให้ความสว่างแก่โลก ซึ่งหน้าที่นี้ให้ กฟฝ. เป็นคนทำไป แต่ในส่วนที่ กฟฝ.ทำไม่ได้นั่นคือในมิติของฝ่ายวิญญาณ ซึ่งมีเพียงคริสเตียนเท่านั้นที่ทำได้นั่นคือ คริสเตียนต้องให้พระเจ้าพระเยซูคริสต์แก่โลกใบนี้ที่ยังมืดอยู่

   เทียน ก่อนที่มันจะส่องแสงได้ มันต้องเผาไหม้ตัวเองก่อน

  คริสเตียนก่อนที่จะส่องสว่างได้ต้องยอมเผาไหม้ตัวเองก่อน พระองค์ทรงเสด็จจากสวรรค์สู่โลกา จากโลกาสู่กางเขน จากกางเขนสู่อุโมงค์ จากอุโมงค์สู่สรรค์เพื่อที่พระองค์จะเป็นความสว่างให้แก่โลกนี้

  เราเองต้องเผาไหม้ตัวเองก่อน คำถามคือว่า เผาไหม้ตัวเองอย่างไร ? สละตัวเองเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า สละเวลาของตัวเองเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า สละสติปัญญาความสามารถที่ตัวเองเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า สละความสดวกสบายที่ตัวเองพึงได้รับเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า เพียงเท่านี้พี่น้องก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งความสว่างของโลกได้แล้ว

  ฮบ.13:16 “จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า”

  คำว่า “จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” นั่นหมายความว่า การทำความดีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการพระเจ้าและเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย

  คำว่า “และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน” นั่นหมายความว่าการทำความดีไม่ใช่เป็นเรื่องของคำพูดเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการกระทำ

  คำว่า “และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน” นั่นหมายความว่าการทำความดีไม่ใช่เพียงปากพูดคำว่าพระเจ้าอวยพรแต่มันต้องไปพร้อมๆกับการช่วยเหลือที่ไม่เกินกำลังความสามารถของเราด้วย

  สรุป ทุกชีวิตล้วนมี 2 ด้านด้วยกันทุกคน คือด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี ขอพระวิญญาณของพระเจ้าช่วยเราทุกคนที่เราจะมี

      1.ด้านที่ดีมากกว่าด้านที่ไม่ดี

      2.ด้านแห่งความสว่าง มากกว่าด้านที่มืด 

      3.ด้านที่เป็นพระพรมากกว่าด้านที่ไม่เป็นพระพร  

      4.มีด้านที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้ามากกว่าด้านที่ไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า

Green City