เส้นแบ่งของชีวิต

คำเทศนาเรื่อง เส้นแบ่งของชีวิต

 

 ยน.15:18-20"ถ้าโลกนี้เกลียดชังท่านทั้งหลาย ก็จงรู้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อนถ้าท่านทั้งหลายเป็นของโลก โลกก็จะรักท่านซึ่งเป็นของโลก แต่เพราะท่านไม่ใช่ของโลก เพราะเราได้เลือกท่านออกจากโลก เหตุฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังท่านจงระลึกถึงคำที่เราได้กล่าวแก่ท่านทั้งหลายแล้วว่า "บ่าวมิได้เป็นใหญ่กว่านาย" ถ้าเขาข่มเหงเรา เขาก็จะข่มเหงท่านทั้งหลายด้วย ถ้าเขาปฏิบัติตามคำของเรา เขาก็จะปฏิบัติตามคำของท่านทั้งหลายด้วย

 พี่น้องทราบใช่ไหมครับว่า คำสอนบางศาสนานั้นสอนให้คนในศาสนิกนั้น เลือกที่จะเดินทางสายกลาง แต่ในคำสอนขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าพระองค์ไม่ได้สอนเราอย่างนั้น

 พระคำของพระเจ้าใน วว.3:16 ตรัสดังนี้ว่า “ดังนั้น เพราะเหตุที่เจ้าเป็นแต่อุ่นๆไม่เย็นและไม่ร้อน เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา”

 ซึ่งนั่นหมายความว่า 1.พระองค์ทรงสอนให้เรานั้นเป็นคนที่ชัดเจน 2.ในทางคริสตเตียนแล้วไม่มีทางสายกลางให้เราเดิน 3.เราต้องเลือกว่าเราจะอยู่ฝ่ายใด ระหว่าง 3.1ความมืดกับความสว่าง 3.2ฝ่ายพระเจ้ากับฝ่ายของมาร 3.3 ชาวโลกหรือชาวสวรรค์

 ซึ่งนั่นหมายความว่า เราจะเป็น 1.ลูกครึ่งหรือเป็นผู้เชื่อแบบคริสต+พุทธไม่ได้ 2.ผู้เชื่อแบบสลัวๆ คือ มืดครึ่งสว่างครึ่งไม่ได้ 3.ชาวนรกครึ่งหนึ่งชาวสรรค์ครึ่งหนึ่งไม่ได้

 พระคำของพระเจ้าใน วว.21:27 ตรัสเอาไว้ดังนี้ว่า “สิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือผู้ใดก็ตามที่กระทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน หรือพูดมุสาจะเข้าไปในเมืองไม่ได้เลย เว้นแต่เฉพาะคนที่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้”

 พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่าใครก็ตามที่มีเส้นแบ่งของชีวิตที่ไม่ชัดเจน เขาไม่สามารถที่จะเข้าแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าได้เลย นี่เป็นหลักความจริงอย่างหนึ่งที่พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะพูดกับเราในเช้าวันนี้

 จากพระคำของพระเจ้าใน ยน.15:18-20 ที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

 ประการที่ 1 อยู่ในข้อที่ 18 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ถ้าโลกนี้เกลียดชังท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายก็รู้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อน

 ประการที่ 1 เขาเกลียดชังเราเพราะเราเชื่อพระเยซู

 พี่น้องที่รักครับ คนที่เชื่อในพระเจ้าและได้บังเกิดใหม่ในพระเจ้าอย่างแท้จริงเขาจะไม่ทำตัวน่ารังเกียจแต่อย่างใด เมื่อเราทำตัวของเราให้ไม่เป็นที่น่ารังเกียจ แต่ถ้าคนในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นคนจำนวนน้อยหรือคนจำนวนมากก็ตามเขายังเกลียดชังเราได้อยู่นั้น

 พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า ขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่า โดยแท้จริงเขาไม่ได้เกลียดชังท่านแต่อย่างใดแต่ที่เขาเกลียดชังเราเพราะเรานั้นได้มาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

 มีใครในที่นี้บ้างครับ ที่ก่อนหน้าจะมาเชื่อพระเจ้าเพื่อนชวนไปไหนเราไปด้วย เพื่อนไปดื่มที่ไหนเราไปดื่มด้วย เพื่อนไปเที่ยวที่ไหนเราไปเที่ยวด้วย เพื่อนชอบพูดคำด่าคำเราก็พูดคำด่าคำ เพื่อเป็นคนชอบพูดสองแง่สามแง่ เราก็พูดสองแง่สามง่ามด้วย

 แต่พอเรามาเป็นคริสเตียน และเรามีความตั้งใจในการที่จะเลิกนิสัยเดิมทุกอย่างๆหมดเกลี้ยง ซึ่งเพื่อนๆควรที่จะชื่นชมเรา แต่เพื่อนที่ไม่เป็นคริสเตียนกับพูดกับเราว่า คริสเตียนอะไรๆก็ดีหมดเสียอย่างเดียวอะไรๆก็ 1.พระเจ้า 2.ไปโบสถ์ อยู่กับโบสถ์ทั้งวัน มึงมันบ้าพระเจ้า 3.แล้วตามน้ำพระทัยพระเจ้า ใครเคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้างครับ ?

 ซึ่งถ้าเราพูดกันอย่างตรงไปตรงมาและไม่โจมตีในศาสนาอื่นๆนะครับ เราจะเห็นได้ว่าคนที่มาเชื่อในพระเจ้านั้นต่างมีชีวิตที่ดีขึ้นจริงๆ ด้วยเหตุนี้พระคำของพระเจ้าจึงได้ตรัสกับเรา เพื่อที่จะให้เราได้เข้าใจว่าโดยแท้จริงแล้ว โลกหรือคนที่ยังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้านั้นพวกเขาได้เป็นปฎิปักษ์กับพระคริสต์หรือเกลียดชังพระคริสต์มาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว

 คำถามที่สำคัญก็คือว่า โลกหรือคนที่ยังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้านั้นพวกเขาทำไมถึงได้เป็นปฎิปักษ์กับพระคริสต์หรือทำไมพวกเขาถึงเกลียดชังพระคริสต์

 วว.12:7-9 และมีสงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลและพวกทูตสวรรค์ของท่านได้ต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับพวกทูตของมันก็ต่อสู้ แต่ฝ่ายพญานาคแพ้ และพวกพญานาคไม่มีที่อยู่ในสวรรค์อีกเลย พญานาคใหญ่ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่า พญามารและซาตาน ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก พญานาคและพวกทูตของมันก็ถูกผลักทิ้งลงมาในแผ่นดินโลก

 คำว่า โลก คำนี้ ในพระคัมภีร์เล็งถึง มาร ซาตาน งูดึกดำบรรพและผู้สอนเท็จ เมื่อมารมันกบฏต่อพระเจ้า มารมันถูกเหวี่ยงลงมาในโลก ทำให้โลกเป็นที่อยู่ของมารและการที่มารมันได้ครอบครองโลกนี้

 เหตุเพราะอาดำได้สูญเสียสิทธิอำนาจในการปกครองโลกที่พระเจ้าได้มอบให้กับเขาในตอนแรกไปให้กับมาร ผ่านการที่อาดำนั้นไปเชื่อฟังมารแทนพระเจ้า จากนั้นเป็นต้นมา มารมันจึงปกครองโลกนี้มาโดยตลอดจนถึงเวลานี้

 ซึ่งนั่นหมายความว่า 1.โลกนี้อยู่ภายใต้อำนาจของมาร 2.มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้อยู่ภายใต้อำนาจของมารด้วยเช่นเดียวกัน

 ยุทธวิถีที่มารใช้กับมนุษย์ตั้งแต่ในสวนเอเดนเลยนั่นก็คือการครอบครองความคิดของมนุษย์ เวลานี้มารมันก็ยังใช้วิธีการนี้อยู่ คือ ครอบครองความคิดของคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า

 พี่น้องสังเกตไหมครับว่า คนที่ไม่เชื่อในพระเจ้านั้นเขาอยากจะกราบไหว้อะไรเขาก็กราบไหว้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ใบไม้ ตอไม้ จอมปลวกสิ่งที่ทำจากไม้ อิฐ หิน ปูนทราย สัตว์ร่างกายผิดแปลกแตกต่าง ศาลนั่นนี่นู่นและอื่นๆอีกเยอะแยะมากมาย

 สิ่งต่างๆเหล่านี้มีให้เห็นทุกวันและยังดำเนินต่อไปได้เพราะอะไรครับ ? เพราะมารมันรู้ว่าคุณเชื่อเรื่องพวกนี้แล้วคุณจะไม่รอด มารมันจึงสนับสนุน

 คำถามคือว่า มารมันสนับสนุนอย่างไร ? พี่น้องรู้จักหญ้าใช่ไหมครับ ? วัวมันกินทั้งหญ้าสดและหญ้าแห้ง ส่วนม้ามันกินเฉพาะหญ้าสดเท่านั้น

 คำถามคือว่า ในช่วงของศึกสงครามมันมีแต่หญ้าแห้ง แล้วเขาจะให้ม้ากินหญ้าได้อย่างไร ? คนเลี้ยงม้าจึงได้เอาแว่นตาสีเขียวไปสวมไว้ที่ตาของม้า เมื่อม้าเห็นหญ้าแห้งเป็นหญ้าเขียวมันจึงกินในทันที

 สิ่งที่ผมกำลังจะบอกกับพี่น้องนั่นก็คือว่า มารมันก็ใส่แว่นตาชนิดนี้ให้กับมนุษย์ มารมันให้มนุษย์มองสิ่ง 1.ที่น่ารังเกียจเป็นสิ่งที่น่ารัก 2.ที่เป็นการอธรรมเป็นสิ่งที่ชอบธรรม

 คนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเยอะแยะมากมายนะครับพี่น้องที่รักที่ไปนมัสการกราบไหว้เรื่องรูปเคารพ แถมยังมาคุยโม้โอ้อวดให้ผมฟังว่า Ex.วันนี้พี่ไปไหว้พระมาแล้ว 9 วัด , วันนี้พระท่านให้ฤกษ์ให้ยามมาแล้ว , วันนี้แปะกง คนทรงเจ้าเข้าผีเขาให้ของดีพี่ติดตัวมาด้วย เดี๋ยวคราวหน้าถ้าพี่ไปอีก พี่จะชวนน้องไปด้วย

 ผมบอกว่าเขาว่าผมเป็นคริสเตียน ผมไปทำเรื่องอย่างนี้ไม่ได้ เขาผงะในทันที และมารมันให้คนเหล่านี้มองผมในสายตาที่เป็นคนโง่ไปเลย

 พี่น้องทราบใช่ไหมครับว่า ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีการหาฤกษ์หายามกันมากที่สุด นายกรัฐและคณะรัฐมนตรีไม่ว่าจะชุดไหนก็ตาม ก่อนเจ้าเข้าบริหารงานได้ต้องหาฤกษ์หายาม แต่ไม่รู้เขาหาฤกษ์หายามกันอย่างไร ประเทศชาติบ้านเมืองนี้จึงมีการทุจริตคอรัปชั่นมากที่สุดในภูมิภาคนี้

 ในทางตรงข้ามเมื่อเรามาเชื่อในพระเจ้า บังเกิดใหม่ในพระเจ้า เราจะมานมัสการพระเจ้า เราถูกมารมันต่อต้านทันที พี่น้องเคยสังเกตไหม ?ผ่านคนในครอบครัว : สามี ภรรยา ลูก ผ่านเพื่อนบ้าง ผ่านการงานการอาชีพ , กำลังจะมาโบสถ์แต่กับมีเรื่องนั้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง

 คำถามคือว่า ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะอะไรครับ ? เพราะมารมันรู้ว่า 1.ความเชื่อในพระเยซูนี้จะทำให้เราได้รับความรอด 2.ถ้าเราเชื่อในพระเจ้าแล้ว เราไม่ต้องสะเดาะเคราะห์หรือรดน้ำมนต์อีกต่อไป 3.ถ้าเราเชื่อในพระเจ้าแล้วผีไม่สามารถที่จะทำอะไรเราได้มีแต่เราจะเหยียบมัน

 ด้วยเหตุนี้มารมันจึงพยายามขัดขวางเราในทุกรูปแบบและนี่เป็นคำตอบอีกทั้งเป็นสิ่งที่เราจะต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าทำไมโลกนี้จึงเกลียดชังเรา

 ดังนั้นเส้นแบ่งของชีวิต เราต้องเลือกครับพี่น้องที่รักว่า เราจะให้มารมันรักเราหรือเราจะให้มารนั้นมันเกลียดเรา “มารรักเรา” คือ “เราเป็นของมาร” “มารเกลียดเรา” คือ “เราเป็นของพระเจ้า”

 จากพระคำของพระเจ้าใน ยน.15:18-20 ที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

 ประการที่ 2 อยู่ในข้อที่ 19 ถ้าท่านทั้งหลายเป็นของโลก โลกก็จะรักท่านซึ่งเป็นของโลก แต่เพราะท่านไม่ใช่ของโลก แต่เราได้เลือกท่านออกจากโลก เหตุฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังท่าน

 ประการที่ 2 เขาเกลียดชังเราเพราะเราไม่เป็นเหมือนเขา

 พระคำของพระเจ้าได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ที่เขาเกลียดชังเรานั้น เพราะว่าเราไม่ได้เป็นของโลกหรือเพราะว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเป็น ด้วยเหตุนี้เขาจึงเกลียดชังเรา

 คำถามคือว่า เมื่อคริสเตียนไม่ได้เป็นของโลกแล้วคริสเตียนเป็นของใคร คส.3:1-4 “ถ้าท่านรับการทรงชุบให้เป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งซึ่งอยู่เบื้องบนในที่ซึ่งพระคริสต์ทรงประทับข้างขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า จงฝังความคิดของท่านไว้กับสิ่งทั้งหลายที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่กับสิ่งทั้งหลายซึ่งอยู่ที่แผ่นดินโลกเพราะว่าท่านได้ตายแล้วและชีวิตของท่านซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้าเมื่อพระคริสต์ผู้ทรงเป็นชีวิตของเราจะทรงปรากฏ ขณะนั้นท่านก็จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในสง่าราศีด้วย

 ประการที่ 2.1 เราเป็นสมบัติของพระคริสต์เจ้าหรือเราเป็นของสวรรค์และหรือเราเป็นชาวนครสวรรค์

 แนวคิดของคนชาวนครสวรรค์เขาคิดกันอย่างไร ? 1.เราสนใจสิ่งที่อยู่เบื้องบนมากกว่าสิ่งที่อยู่เบื้องล่าง 2.เรากินเพื่อที่จะอยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อที่จะกิน 3.เราไม่ได้อยู่เพื่อที่จะทำงานหาเงินเพียงอย่างเดียวและถ้าคุณทำอย่างนั้นนั่นก็เท่ากับว่าคุณกำลังให้เงินเป็นพระเจ้า แต่คนชาวนครสวรรค์จริงๆเขาอยู่เพื่อที่จะทำงานเพื่อที่เขานั้นจะได้เป็นพระพรแก่คนอื่นและนี่เป็นแนวความคิดแบบชาวสรรค์ที่พวกเราจะต้องไปให้ถึง

 ส่วนคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าหรือคนในโลกนี้เขามีแนวคิดกันอย่างไร ? ฟป. 3:19-21 ปลายทางของคนเหล่านั้นคือความพินาศ พระของเขาคือกระเพาะ เขายกความที่น่าอับอายของเขาขึ้นมาโอ้อวด เขาสนใจในวัตถุทางโลก)ฝ่ายเราเป็นชาวสวรรค์ เรารอคอยพระผู้ช่วยให้รอดซึ่งจะเสด็จมาจากสวรรค์ คือพระเยซูคริสต์เจ้าพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงกายอันต่ำต้อยของเรา ให้เหมือนพระกายอันทรงสง่าราศีของพระองค์ ด้วยฤทธานุภาพซึ่งพระองค์ทรงสามารถปราบสิ่งสารพัดลงใต้อำนาจของพระองค์

 พระคำของพระเจ้าพูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า คนในโลกนี้หรือคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเขา 1.สนใจแต่สิ่งที่อยู่เบื้องล่าง พระคัมภีร์ใช้คำว่า “กระเพาะ” กระเพาะของคนในโลกนี้หรือคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้านั้นเขาสนใจแต่เกียรติ , ลาภยศ , คำสรรเสริญ , ทรัพย์สินเงินทองและวัตถุสิ่งของต่างๆ 2.อยู่เพื่อตนเองมากกว่าที่จะอยู่เพื่อคนอื่นๆ

 พระคำของพระเจ้าได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ปลายทางหรือฉากจบของคนในโลกนี้นั้นคือ ความพินาศ เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่า จุดยืนของผู้เชื่อกับผู้ไม่เชื่อในพระเจ้านั้นมีความแตกต่างกัน

 สิ่งที่เราต้องรู้อีกประการหนึ่งเป็นประการที่ 2.2 อยู่ใน ยน.17:14-16 “ข้าพระองค์ได้มอบพระดำรัสของพระองค์ให้แก่เขาแล้ว และโลกนี้ได้เกลียดชังเขา เพราะเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลกข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากความชั่วร้าย
  เขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก

 ประการที่ 2.2 คือ คริสเตียนไม่ใช่ของโลกแต่ต้องอยู่ในโลก

 องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสในเรื่องนี้ย้ำอีกครั้งหนึ่งใน ยน.17:14-16 ว่าคริสเตียนนั้นไม่ใช่เป็นของโลก แต่พวกเราเป็นของพระเจ้าที่ยังคงดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้

 ด้วยเหตุนี้เองพี่น้องที่รัก จึงมีคริสเตียนบางคนพูดในทำนองที่ว่าเรา คือ พระเยซูคริสต์ตัวน้อยๆที่ยังดำเนินชีวิตอยู่ในโลกใบนี้จุดประสงค์ของการอยู่ในโลกนี้ของพระเยซูคริสต์ตัวน้อยๆอย่างพวกเราคือ

 มธ.5:13-16 ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้ไม่มีผู้ใดจุดเทียนแล้วนำไปวางไว้ในถัง แต่ย่อมตั้งไว้บนเชิงเทียน จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้นจงให้ความสว่างของท่านส่องไปต่อหน้าคนทั้งปวงอย่างนั้น เพื่อว่าเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ และจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้ทรงอยู่ในสวรรค์

 พระคำของพระเจ้าใน มธ.5:13-16 ทำให้เราทราบว่าจุดประสงค์ของการอยู่ในโลกนี้ของพระเยซูคริสต์ตัวน้อยๆอย่างพวกเรานั้นคือ ต้องเป็นเกลือและแสงสว่าง

 คำว่า “เป็นเกลือ” ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ให้คริสเตียนนั้นเป็นคนที่เค็มหรือขี้เหนียวแต่อย่างใดอย่างนั้นไม่ใช่นะครับคริสเตียนต้องประหยัดแต่ต้องไม่ขี้เหนียว คริสเตียนต้องเห็นคุณค่าของเงินแต่ต้องไม่รักเงินมากกว่าพระเจ้า

 คริสเตียนต้องเป็นเกลือ หน้าที่ของเกลือคือ

  • สร้างรสชาติ : อยู่ที่ไหน ทำให้คนมีความสงบสุขไม่ใช่วงแตก
  • รักษาเนื้อไม่ให้เน่าได้ : คริสเตียนต้องรักษาสังคมไม่ให้เน่าได้

 มีมิชชันนารีคนหนึ่งเคยพูดเอาไว้ดังนี้ว่า สังคมของประเทศนั้นเป็นอย่างไรสะท้อนถึงคริสเตียนประเทศนั้นเป็นอย่างไร ถ้าสังคมของประเทศนั้นดีสะท้อนถึงคริสเตียนประเทศนั้นดีด้วย

 หน้าที่ของแสงสว่างคือ

  • ให้ความสว่าง : ให้ปัญญา ให้ความรู้ ความเข้าใจ ให้ความดีแก่สังคมและผู้อื่น
  • ให้ความอบอุ่น : ให้การหนุนใจ ให้การฟื้นใจ
  • ให้ประโยชน์ : ชีวิตเราต้องเป็นประโยชน์ เป็นพรแก่ผู้อื่น

 หลักในการเป็นเกลือและแสงสว่างนั้น เราต้องเริ่มต้นจากคนในบ้านก่อน From inside Out และค่อยๆเริ่มออกไปเป็นเกลือและแสงสว่างนอกบ้าน ไหลผ่านไปยังชุมชนที่เราอาศัยอยู่ ไหลผ่านไปยังในเมืองหรือนครและครอบคลุมไปทั้งโลก

 ซึ่งสิ่งต่างๆที่เราได้กระทำนั้นจะเป็นสิ่งที่จะทำให้คนอื่นได้มองเห็นองค์พระเยซูคริสต์ผ่านชีวิตของเราและนี่คือเหตุผลที่องค์พระเยซูคริสต์ปรารถนาที่จะให้เราอยู่ในโลกนี้

 สรุป

  ประการที่ 1 เขาเกลียดชังเราเพราะเราเชื่อพระเยซู

  ประการที่ 2 เขาเกลียดชังเราเพราะเราไม่เป็นเหมือนเขา

     ประการที่ 2.1 เราเป็นสมบัติของพระคริสต์เจ้าหรือเราเป็นของสวรรค์

     ประการที่ 2.2 คริสเตียนไม่ใช่ของโลกแต่ต้องอยู่ในโลกเพื่อเป็นเกลือและแสงสว่างของโลก

 

Green City