เสียงหลายเสียง

คำเทศนาเรื่อง เสียงหลายเสียง

    

ข้อพระคัมภีร์ที่ผมจะใช้เป็นกุญแจในการแบ่งปันกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้อยู่ใน 1 คร. 14 :10 ขอเชิญที่ประชุมได้ยืนขึ้นเพื่อให้เกียรติกับพระคำของพระเจ้าและให้เราได้อ่านพร้อมๆกัน อย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ ในโลกนี้มีภาษาเป็นอันมากและไม่มีภาษาใดๆที่ปราศจากเนื้อความ และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า เสียงหลายเสียง ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

ก่อนที่จะเทศนาในเช้าวันนี้ ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้พี่ - น้องฟัง 2 เรื่องเรื่องแรก คือเมื่อวานนี้ผู้จัดการฝ่ายขายของ CP มาคุยกับผม เขาอยากให้ผมไปเปิดซุ้มไก่ย่าง 5 ดาวที่ Big C สมุทรสงคราม เขาให้เหตุผลว่าที่นั่นยอดขายดีแน่นอน

แต่ผมตอบว่า ยอดขายก็สำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าคือ สุดท้ายคุณเหลือเท่าไหร่อันนี้สำคัญกว่า

ดังนั้นถ้ายอดขายที่ Big C 15000 / วัน แต่ถ้าคุณเหลือ 300 – 400 กับยอดขายหน้าโบสถ์ 2000 - 3000บาท แต่เหลือ 300 – 400 เท่ากัน ผมคิดว่าผมอยู่ตรงนี้ดีกว่า จบเรื่องเล่าเรื่องที่หนึ่ง

เรื่องเล่าเรื่องที่ 2 มีชายคนหนึ่งเขาหมดสิ้นซึ่งทรัพย์สินและเงินทอง ทรัพย์สินและสิ่งของที่เขาได้ อุตสาห์สะสมมาตลอดทั้งชีวิตนั้น ได้ล่มจมไปกับธุรกิจหรือการค้าของเขา สภาพความเป็นอยู่ของชายผู้นี้ เสมือนกับคนที่สิ้นเนื้อประดาตัว เขารู้สึกผิดหวังและท้อแท้ใจเป็นอย่างมากมากจนเขาคิดที่จะฆ่าตัวตาย

วันหนึ่ง ชายผู้นี้เขาได้ออกไปยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าต่างของโรงแรมแห่งหนึ่ง และเขาพร้อมที่จะกระโดดลงไปด้านล่าง หมายที่จะปลิดชีวิตอันแสนระทมทุกข์ของตนเองให้มันรู้แล้ว รู้รอดไป ในทันใดนั่นเอง ก็มีเสียงที่แผ่วเบาๆ ดังขึ้นมาว่าอย่าเพิ่งกระโดด

แม้ว่ามันเป็นเสียงที่แผ่วเบา แต่มันดังก้องกังวาลในโสตสัมผัสของเขาอย่างมาก จนเขาต้องสะดุ้งสุดตัวเหมือนกันเขาได้ย้อนถามเสียงนั้นว่า“ ใคร ”แม้เขาจะไม่รู้ว่าเขากำลังพูดกับใครก็ตาม และเสียงนั้นไม่ได้ตอบว่าเขาเป็นใคร แต่เสียงนั้นกับตอบเขาว่า“ ให้รวบรวมและนำเงินที่ได้ทั้งหมด ไปซื้อถั่วเหลืองมา ”เขาจึงปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น

ในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ชายผู้นี้ได้ซื้อถั่วเหลืองมาแล้ว ปรากฏว่าราคาถั่วเหลืองได้พุ่งขึ้นสูงถึง 5 เท่าและเหตุการณ์ก็เป็นอย่างนี้ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทรัพย์สินของชายผู้นี้ได้เพิ่มสูงขึ้นและสูงขึ้น

ในเวลานั้นเอง ก็มีเสียงเตือนชายผู้นี้อย่างหนักแน่นว่า ในวันนี้เจ้าจงขายถั่วเหลืองทั้งหมดที่เจ้ามี แต่ชายผู้โลภมากคนนี้ ไม่สามารถที่จะทนต่อความเย้ายวนใจนี้ได้ เขายังคงเก็บถั่วเหลืองนี้ไว้ โดยไม่ยอมขายออกไปเพราะความเสียดาย

ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ราคาถั่วเหลืองก็มีราคาที่ตกต่ำลง อย่างฮวบฮาบ น่าใจหาย และในที่สุดชายผู้นี้เขาก็กับกลายเป็นชายที่หมดสิ้นซึ่งเงินและทอง และเขาก็ได้กลับมาอยู่ในสภาพซึ่งสิ้นไร้ไม้ตอก อีกครั้งหนึ่ง

และในครั้งนี้ ชายผู้นี้เขาได้ก้าวออกไปยืนบนระเบียงหน้าต่างของโรงแรมอีกครั้งหนึ่ง ทำทีทำท่าว่าพร้อมจะกระโดดลงมาด้านล่างเหมือนครั้งแรก พลางก็เงยหน้าขึ้นและร้องถามขึ้นว่า.........ข้าควรจะทำอย่างไรต่อไป

แต่อนิจจา……ในครั้งนี้กับไม่มีเสียงกระซิบตอบ…..อย่างที่เคยมี

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบว่า พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกและได้มีการเปิดเผยเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เสียงในโลกนี้นั้นมีหลายเสียง ซึ่งแต่ละเสียงนั้นก็เป็นเสียงที่สามารถเรียกร้องความสนใจของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า เสียงต่างๆในโลกที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเรานั้นมีกี่เสียง

คำตอบก็คือว่า เสียงต่างๆในโลกนี้ โดยเฉพาะเสียงที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตคริสตเตียนของเรานั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 เสียง

เสียงที่ 1 คือ เสียงของมนุษย์

เสียงของมนุษย์เป็นเสียงที่คนเรานั้นจดจำกันได้ง่าย ผมจำได้ว่าเมื่อตอนไปค่ายครั้งที่ 2 ที่คริสตจักรฯได้จัดขึ้นเมื่อปี 2007 นั้น ผมกับ อ.ดา เราพักอยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งห้องนั้นก็อยู่ติดกับห้องพักของท่านวิทยากร

พอตกตอนกลางคืนเราก็ได้ยินเสียง และเสียงนั้นก็เป็นเสียงของมนุษย์ซึ่งกำลังคุยกัน ก็พอทำให้เราทราบว่าท่านวิทยากรนั่นแหละที่กำลังคุยอยู่กับภรรยาของท่าน ดังนั้นเสียงของมนุษย์จึงเป็นเสียงที่จดจำง่าย

ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันที่เป็นอยู่ในเวลานี้นั้น เราพบว่าเสียงของมนุษย์รอบๆตัวเรานั้นมีทั้งเสียงที่ดีและมีทั้งเสียงที่น่ากลัวใช่หรือไม่ครับพี่น้อง

พี่ - น้องยังจำได้ไหมครับว่า เมื่อนางซารายได้พูดกับอับรามว่า “ ดูเถิดพระเจ้าไม่ทรงโปรดให้ฉันมีบุตร ขอจงเข้าไปหาคนใช้ของฉันเถิด บางทีฉันจะได้บุตรโดยนางนั้น อับรามก็ฟังเสียงของนางซาราย ”

พี่ - น้องคิดว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ดีหรือเป็นเสียงที่น่ากลัวครับ ?

ปฐก.16 : 5 ทำให้เรารู้ว่า ภายหลังจากที่อับรามได้ฟังเสียงของนางซารายผู้ซึ่งเป็นภรรยาของตนแล้ว ความวุ่นวายนานานัปการได้เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้

ปฐก.16 :6 ทำให้เรารู้ว่านางซารายได้เคี่ยวเข็ญหญิงคนใช้ชาวอียิปต์ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ให้ออกจากดินแดนของตน

ปฐก.16 :7 ทำให้เรารู้ว่า เรื่องนี้ ได้ส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงฑูตสรรค์ของพระเจ้าด้วย

ปฐก.21 :10 ทำให้เรารู้ว่าอิชมาเอลนั้นกำลังเล่นกับน้อง แต่นางซารายคิดว่าวันหนึ่งเมื่ออิชมาเอลนั้นเติบโตขึ้น เขาจะต้องข่มเหงน้อง และรับมรดกร่วมกับอิสอัค ซารายจึงพูดกับอับราฮัมว่า ให้ไล่ทาสหญิงคนนี้กับบุตรชายของนางไปเสียเถิด

ปฐก.21 :11 ทำให้เรารู้ว่าอับราฮัมนั้นมีความกลุ้มใจ ในเรื่องบุตรชายของตน

ปฐก.21:12 ทำให้เรารู้ว่า พระเจ้าได้เสด็จมาให้คำหนุนใจและให้คำปรึกษาแก่อับราฮัมในเรื่องที่วุ่นวายนี้    

พี่ - น้องที่รักครับ เสียงของมนุษย์นั้นมีเสียงทั้งที่ดีและทั้งเสียงที่น่ากลัว ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ เราจะต้องรู้ว่าเสียงไหน เป็นเสียงที่ดีและเสียงไหนเป็นเสียงที่น่ากลัว อาเมน ไหมครับ

พี่ - น้องฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆ สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า เสียงของมนุษย์ที่น่ากลัวมากที่สุดนั่นคือ

  1. เสียงที่แนะนำเราไปในทางที่ขัดแย้งกับพระคำของพระเจ้า
  2. เสียงที่แนะนำเราให้ออกจากน้ำพระทัยของพระเจ้า

3.    เสียงที่แนะนำเราให้สนองตอบต่อการงานของเนื้อหนังของตนเอง

อ. เปาโล ซึ่งผมเข้าใจว่าท่านน่าจะมีความรู้และมีความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดีท่านจึงได้พูดเอาไว้ในหนังสือ

กลท. 5 :17 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า“ เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเป็นศัตรูกัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้ ”

ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าพี่ - น้องจะทำตามในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงตรัสไว้ ในฝ่ายเนื้อหนังมันก็พยายามที่จะดึงให้พี่ - น้องที่จะไม่ทำตาม มันจึงเป็นภาพของการต่อสู้กันเสมอระหว่างฝ่ายเนื้อหนังกับฝ่ายพระวิญญาณ

(เล่าเรื่องพี่อ๊อด 1.หมดภาระจะมารับใช้พระเจ้า 2.ให้รับใช้พระเจ้าในที่ๆเราอยู่และในอย่างที่เราเป็น) ด้วยเหตุนี้ อ. เปาโล จึงได้เขียนเตือนเราเอาไว้ใน กลท. 5 :17

นอกจากนี้ยังมีพระคำของพระเจ้าอีกข้อหนึ่งที่ได้กล่าวเตือนเราทั้งหลาย

เอาไว้อยู่ในกจ.5:29 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ฝ่ายเปโตรกับอัครฑูตอื่นๆตอบว่า ข้าพเจ้าจำต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์

เราจะต้องเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาที่เป็นมนุษย์ ถึงแม้ว่าผู้บังคับัญชาคนนั้นจะไม่รู้จักกับพระเจ้าก็ตาม แต่ถ้าคำสั่งของผู้บังคับัญชาคนนั้น ซึ่งจะเป็นผู้เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม สั่งให้เราทำในสิ่งที่มันขัดแย้งกับพระคำของพระเจ้าคุณต้องมีจิตวินิจฉัยในการรับคำสั่งนั้นด้วยสติปัญญาจากพระเจ้า เช่น

ให้เอาไก่เน่า ไก่หมดอายุ ไปย่างขายให้เขาอย่างเนี่ย จิตวินิจฉัยพื้นฐานพี่ - น้องต้องรู้แล้วว่ามันผิดหรือมันถูก แล้วยิ่งเมื่อพี่ - น้องเอามาเช็คกับพระคำของพระเจ้าแล้วยิ่งพระคำของพระเจ้าบอกว่าผิด พี่ - น้องก็จะต้องเชื่อฟังใครครับ ? กจ. 5 :29 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์

บางคนถามอย่างนี้ครับว่า อาจารย์แล้วถ้าเขาไล่ผมออกละ ใครจะรับผิดชอบ ? ก็พระเจ้าไง ถ้าพี่ - น้องไม่เข้าใจให้พี่ - น้องกลับไปอ่านเรื่องราวของดาเนียลกับเพื่อนก็แล้วกัน พี่ - น้องก็จะพบว่า พระเจ้าแห่งอิสราเอลนั้นรับผิดชอบกับชีวิตของพวกเขามากน้อยแค่ไหน

ดังนั้นในเช้าวันนี้ ผมจึงขอหนุนใจพี่ - น้องที่รักทุกท่านให้เราเรียนรู้ที่จะฟังเสียงของพระเจ้าให้มากกว่าที่จะฟังเสียงของมนุษย์

อย่างไรก็ตามในการเป็นคริสเตียนของผมนั้นผมก็พบว่ายังมีคริสเตียนที่ยังไม่ได้บังเกิดใหม่อีกมากหลายคนที่เขานั้นเลือกที่จะฟังเสียงของมนุษย์มากกว่าที่จะฟังเสียงของพระเจ้า

และด้วยเหตุนี้เองพี่ - น้องสมาชิกที่รัก จึงทำให้เกิดความผิดพลาดในการดำเนินชีวิตขึ้นอยู่เสมอๆ เรื่องยุ่งๆ ทั้งในชีวิตส่วนตัว , ในครอบครัว , ในภารกิจหรือในหน้าที่การงาน ของคริสเตียนที่ฟังเสียงของมนุษย์ มากกว่าเสียงของพระเจ้าจึงไม่ได้แตกต่างอะไรไปจาก

1 ) การพายเรืออยู่ในอ่าง 2 ) วตสงสาร คือ ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในปัญหานั้นๆไม่จบไม่สิ้น 3. จากชนชาติอิสราเอลที่ย่ำอยู่ในถิ่นทุรกันดารในสมัยของโมเสสให้เราบอกคนข้างๆว่าคุณต้องไม่ใช่คนนั้น

เสียงที่ 2 คือ เสียงของซาตาน

ปฐก. 3 ทำให้เรารู้ว่าอาดัม - เอวา ซึ่งเป็นมนุษย์คู่แรกของโลกและเปรียบเสมือนพ่อ - แม่ของมวลมนุษย์ชาติ ได้ยินเสียงของซาตานครั้งแรกในสวนเอเดน

ปฐก. 3 :1 ซาตานได้พูดกับมนุษย์ว่า “ จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่าอย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆ ในสวนนี้ ”

ปฐก. 3 : 4 งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า “ เจ้าจะไม่ตายจริงดอก ”

ปฐก. 3 : 5 เพราะพระเจ้าทราบอยู่ว่า เจ้ากินผลไม้นั้นในเวลาใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้นแล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้าคือสำนึกในความดีและความชั่ว

พี่ - น้องที่รักครับ เสียงของซาตานนั้น 1) อ่อนหวาน ฟังเพราะเสนาะหู แต่มันนำมนุษย์ไปสู่ความตาย 2 ) ฟังดูมีเหตุมีผล น่าเชื่อถือแต่นำมนุษย์หลบเสียงเรียกของพระเจ้า

                                                   ดังนั้นเสียงของซาตานจึงเป็นเสียง

* แห่งการมุสาหรือเสียงแห่งการโกหก เพื่อที่จะนำคนไปสู่ความบาป

* แห่งการล่อลวงหรือหลอกลวง เพื่อที่จะนำคนให้ห่างไกลจากพระเจ้า

สิ่งที่พี่ - น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า ปัจจุบันมาร - ซาตาน มันไม่ได้พูดกับเราเหมือนกับที่มันพูดกับ 1 ) อาดัม - เอวาที่สวนเอเดน 2 ) องค์พระเยซูคริสต์เจ้าในถิ่นทุรกันดาร

สิ่งที่พี่ - น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่าปัจจุบันมาร ซาตาน มันไม่ได้พูดกับเราตรงๆ เหมือนกับที่มันพูดกับเราผ่านทางผีโสโครก ซึ่งพระคำของพระเจ้าได้มีการบันทึกเอาไว้ใน ลก.4:33-34 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ไฮ้พระเยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมายุ่งกับเราทำไม ท่านมาทำลายพวกเราหรือเรารู้ว่าท่านเป็นผู้ใด

คำถามก็คือว่า แล้วปัจจุบันนี้มาร - ซาตานมันพูดกับเราโดยวิธีไหนและอย่างไร ?

คำตอบก็คือ ปัจจุบันมาร - ซาตาน มันใช้เสียงของมนุษย์ทั้งชายและหญิงนั่นแหละพูดกับเราในทุกวันว่า เช่น เที่ยวมั้ยค่ะพี่ขา ป๊านวดกับหนูไหมค่ะ แล้วมันก็จะขยิบตาซ้ายให้คุณสักนิดนึง

หรือไม่มาร ซาตานมันก็จะพูดว่า ดื่มมั้ยครับผม 60 / ดริ้งค์ ไม่มีชาร์จ หรือไม่มาร ซาตานมันก็จะพูดว่า ชุดนี้ชุดสุดท้ายครับ รับไว้มั้ยครับเฮีย พรุ่งนี้รวยแน่นอนพี่ - น้องคิดว่า ถ้าคนขายรู้ถึงขนาดว่า ถ้าชุดสุดท้ายนี้มันจะรวยแน่นอนพี่ - น้องคิดว่ามันจะเก็บเอาไว้เองหรือมันจะให้เรา

นอกเหนือจากนี้มาร ซาตาน มันยังใช้เสียงของเครื่องไม้ เครื่องมือ อุปกรณ์ รวมทั้งสื่อต่างๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ท และสื่ออื่นๆ อีกมากมาย เพื่อที่จะนำให้มนุษย์นั้น ติดบ่วงหรือติดกับดัก ของมันทั้งสิ้น

พี่ - น้องเคยฟังเพลงบางเพลงไหมครับ พอฟังแล้ว รู้สึกมันท้าทายจิตใจของเราเป็นอย่างมากทำให้เราอยากมีภรรยาที่อ่อนกว่าวัย

พี่ - น้องเคยดู โฆษณาบางโฆษณาไหมครับ ? ที่เมื่อเราดูแล้วทำให้เราอยากลิ้มลองเพราะมันท้าทายว่ารสชาติของมันนั้นนุ่มจริงๆ

พี่ - น้องเคยดูละครบางเรื่องไหมครับ ? ที่เมื่อเราดูแล้วทำให้เราหลงไหลได้ปลื้มไปกับพระเอก นางเอกอย่างเช่น สุภาพบุรุษจุฑาเทพหรือไม่ก็ทำให้เราหลงไหลไปกับนางอิจฉาในเรื่องเรือนเสน่ห์หา เมื่อเราดูแล้วและทำให้เรามีใจ อยากที่จะเอาอย่างหรือมีใจอยากที่จะเลียนแบบ พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า นั่นเป็นการงานของเนื้อหนังทั้งสิ้น

เสียงต่างๆเหล่านี้พี่ - น้องที่รักครับ ล้วนแต่เป็นเสียงของมาร ซาตาน วิญญาณชั่ว ที่พร้อมจะนำเราทั้งหลายไปสู่ความผิดความบาปหรือพร้อมที่จะนำให้เราห่างไกลจากพระเจ้าทั้งสิ้น

นอกจากนี้มาร ซาตานมันยังใช้เสียงอะไรอีกครับพี่ - น้องทราบไหมครับ พระคำของพระเจ้าในหนังสือมก.8:32-33 ตรัสเอาไว้ดังนี้ว่าคำเหล่านี้พระองค์ตรัสโดยเปิดเผย ฝ่ายเปโตรเอามือจับพระองค์แล้วก็ทูลท้วง พระองค์จึงทรงหันพระพักตร์ดูเหล่าสาวก แล้วติเปโตรว่า อ้ายซาตานจงไปให้พ้นเพราะเจ้าคิดอย่างคน มิได้คิดอย่างพระเจ้า

พระคำของพระเจ้าใน มก.8:32-33 ชี้ให้เราเห็นว่า มาร ซาตานมันใช้เสียงของผู้เชื่อ มันใช้เสียงของพี่น้องสมาชิกในคริสตจักร หรือมันใช้เสียงของพี่ - น้องคริสตเตียนด้วยกันเอง ในการพูดที่จะไม่เห็นด้วย พูดเพื่อก่อให้เกิดความแตกแยก แตกร้าว หรือพูดเพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่พี่ - น้องด้วยกันเอง อ. เปโตร จึงได้กล่าวเตือนเราใน

1 ปต.5:8 พระคำของพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่าน คือมาร วนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้

ดังนั้นในเช้าวันนี้ขอพระเจ้าช่วยเรา ที่เราจะสามารถสังเกตและแยกแยะเสียงต่างๆได้อย่างชัดเจนว่า เสียงใดเป็นเสียงที่เป็นประโยชน์และเราควรที่จะฟังหรือเสียงใดที่เราไม่ควรจะฟังโดยเฉพาะเสียงของมารซาตาน

เสียงที่ 3 คือ เสียงของตัวเอง

พี่ - น้องที่รักครับ ธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์เรานั้น เราปรารถนาที่จะดำเนินวิถีชีวิตตามวิถีทางของตนเอง การที่มนุษย์ปรารถนาที่จะดำเนินวิถีชีวิตตามทางของตนเอง ตามความคิดของตนเอง นั่นก็เท่ากับการที่เราฟังเสียงของตนเอง

พระคำของพระเจ้า จึงได้กล่าวเตือนเราในเรื่องนี้เอาไว้ใน รม.12:2พระคำของพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม

อ่านพระคำของพระเจ้าในข้อนี้แล้วทำให้ผมคิดถึงตัวเอง เล่าให้พี่ - น้องฟังก็ได้ว่าก่อนที่ผมจะมาเป็นผู้ที่เชื่อในพระเจ้า หรือมาเป็นคริสเตียนนั้น ผมเป็นคนที่ฟังเสียงของตัวเองเยอะเหมือนกัน

ผมมีความปรารถนาที่จะดำเนินชีวิต ตามเสียงเรียกร้องภายในใจของตนเองหลายๆอย่าง ซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดอะไรนะครบพี่ - น้อง เหตุเพราะพื้นฐานของสังคมและวัฒนธรรมไทย ก็ได้วางรูปแบบของการดำเนินชีวิตเอาไว้แบบนี้ แต่เสียงที่ลุ่มหลงของตนเองเนี่ยแหละที่อันตรายเพราะนำมาซึ่งการเปิดช่องทางอย่างเต็มที่ให้กับมาร - ซาตาน

ตัวอย่างเช่นเช่นนักการเมืองบางคนเป็นต้น ซึ่งผมต้องออกตัวก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้อยู่สีไหนทั้งสิ้น แต่ผมอยู่ฝ่าย และฝ่ายที่ผมอยู่นั่นก็คือฝ่ายพระเยซู ดังนั้นเมื่อผมอยู่ฝ่ายพระเยซู ผมจึงประกาศหรือเป็นพยานในเรื่องราวของพระเจ้าได้กับทุกสี

กลับมาที่ตัวอย่าง เช่นนักการเมืองบางคนเป็นต้น ซึ่งไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องลี้ภัยไปอยู่ในต่างประเทศ ถ้าเขาไม่ลุ่มหลงเสียงหรืออำนาจของตนเอง การที่นักการเมืองหลายต่อหลายคนในโลกใบนี้ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น ล่าสุดคือผู้นำของประเทศอียิปต์ จนทำให้เกิดอียิปต์โมเดล ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นๆ เพราะเขาลุ่มหลงเสียงของตนเอง การที่เขาลุ่มหลงเสียงของตนเองนั่นก็เท่ากับ เป็นการเปิดช่องให้กับมาร - ซาตานอย่างเต็มที่

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ รม.6:12 ตรัสเอาไว้ดังนี้ว่าเหตุฉะนั้นอย่าให้บาปครอบงำกายที่ต้องตายของท่าน ซึ่งทำให้ต้องเชื่อฟังตัณหาของกายนั้น

ดังนั้นเมื่อเราดำเนินวิถีชีวิต ตามเสียงเรียกร้องของตนเองหรือดำเนินวิถีชีวิตตามพื้นฐานของสังคมที่ได้วางเอาไว้ ขอให้รู้เถิดว่านั่นเป็นการดำเนินชีวิต 1) อย่างเนื้อหนัง 2 ) ที่พาเราให้ห่างไกลจากพระเจ้า

พระคำของพระเจ้าจึงได้กล่าวเตือนเราเอาไว้ใน 2 คร.10:5 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า คือ ทำลายความคิดที่มีเหตุผลจอมปลอมและทิฐิมานะทุกประการ ที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และน้อมนำความคิดทุกประการให้เข้าอยู่ใต้บังคับจนถึงรับฟังพระคริสต์

พี่ - น้องที่รักครับ ในวัยเด็กขององค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้น พระองค์ไม่เคยที่จะทำอะไรตามเสียงภายในใจของตนเองแม้เพียงสักครั้งเดียว แต่พระองค์ทรงเอาใจใส่ที่จะกระทำตามเสียงของพระบิดาอยู่เสมอ

เมื่อพระองค์ทรงอยู่ในพระวิหาร พี่ - น้องจำได้ไหมครับว่า เมื่อโยเซฟกับนางมารี พระบิดา - มารดาของพระองค์ตามหาพระองค์นั้น พระเยซูทรงตรัสว่าอย่างไร พระองค์ทรงตรัสว่า ท่านเที่ยวหาฉันทำไม ฉันต้องอยู่ในพระนิเวศน์แห่งพระบิดาของฉัน

เมื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงจำเริญวัยขึ้น และก้าวเข้าสู่การรับใช้พระเจ้า พระบิดา พระคำของพระเจ้าในหนังสือ ยน.5:30 ตรัสดังนี้ว่า เราทำสิ่งใดตามอำเภอใจไม่ได้ เราได้ยินอย่างไร เราก็พิพากษาอย่างนั้น และการพิพากษาของเราก็ยุติธรรม เพราะเรามิได้มุ่งที่จะทำตามใจของเราเอง แต่ตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา

และที่สวนเกทเสมนี พี่ - น้องจำได้ไหมครับว่า ก่อนที่ทหารของโรมจะเอาพระเยซูไปอายัดไว้นั้น องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงอธิษฐานว่าอย่างไร ? พระองค์ทรงอธิษฐานว่า อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์

พี่ - น้องที่รักครับ ตั้งแต่เสด็จลงมาบังเกิดในรางหญ้าจนถึงกางเขนแห่งพระคุณ ไม่มีพระคัมภีร์ตอนไหนเลย ที่บันทึกว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงฟังเสียงของตนเองหรือเห็นด้วยกับตัวเองและหรือทำตามใจตนเอง

ดังนั้นในเช้าวันนี้ขอพระเจ้าช่วยเรา ที่เราจะฟังเสียงของพระเจ้า ผ่านทาง 1 ) พระคำของพระองค์ มากกว่าที่เราจะฟังเสียงของตนเอง 2 ) ผู้รับใช้พระเจ้าที่พระองค์ทรงโปรดเจิมและแต่งตั้งเอาไว้ มากกว่าที่เราจะฟังเสียงของตนเอง 3 ) ที่เราจะฟังเสียงของพระเจ้าผ่านทางพี่ - น้อง สมาชิกในคริสตจักร หรือพี่ - น้องในพระกายเดียวกัน โดยเฉพาะพี่ - น้อง สมาชิกที่มีชีวิตที่ดี มีชีวิตที่เป็นแบบอย่าง อีกทั้งมีความเป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณ มากกว่าที่จะฟังเสียงของตนเอง

เล่าเรื่องที่ไปประชุม ทางออกประเทศไทย มีผู้เข้าร่วมสัมนาถามว่าคนดีเขาดูกันอย่างไร ? คนที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณเขาดูกันอย่างไร

เสียงที่ 4 คือ เสียงของพระเจ้า

                พี่ - น้องที่รักครับ เสียงของพระเจ้าเป็นเสียงแห่งพระคุณ เป็นเสียงแห่งความรัก เป็นเสียงที่ดีเลิศ เป็นเสียงที่มีประโยชน์ทั้งในฝ่ายร่างกายและจิตวิญญาณของเรา

ในหนังสือ ปฐก.2:15 เราพบว่ามนุษย์นั้นได้ยินเสียงของพระเจ้าเป็นครั้งแรกที่สวนเอเดน อย่างไรก็ตามในปัจจุบันถึงแม้ว่ามนุษย์จะไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าเหมือนกับในยุคของพระคัมภีร์เดิมก็ตาม

แต่มนุษย์ยังได้ยินเสียงของพระเจ้า หรือพระเจ้ายังตรัสกับมนุษย์อยู่ไหมครับพี่ - น้อง ?พระเจ้ายังตรัสกับมนุษย์อยู่ผ่านทาง 1.การอธิษฐาน 2. สถานการณ์ที่ซ้ำๆ  3. ความฝันหรือนิมิต 4. สันติสุขที่เราได้รับ                5. สภาวะสิ่งแวดล้อม 6.พระวิญญาณบริสุทธิ์ 7.พระคริสตธรรมคัมภีร์ 8.เหตุการณ์อันอัศจรรย์ และพระเจ้ายังตรัสกับมนุษย์อยู่ ผ่านคำเทศนาโดยเนื้อความหรือข้อความจากพระคัมภีร์นั้น ที่สามารถจะสัมผัสจิตใจของเราได้ในทันที รวมทั้งพระเจ้ายังตรัสกับมนุษย์ได้อีกหลายๆทาง

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ ยน.3:34 ตรัสไว้ดังนี้ว่า เพราะพระองค์ผู้ที่พระเจ้าทรงใช้มานั้น ทรงกล่าวพระวจนะของพระเจ้า เพราะพระเจ้ามิได้ประทานพระวิญญาณอย่างจำกัด

พี่ - น้องที่รักครับ พระเจ้าไม่ทรงถูกจำกัด ดังนั้นพระเจ้าจึงมีวิธีการที่จะตรัสกับมนุษย์ หรือพูดกับมนุษย์ในวิธีการที่แตกต่างกันออกไป กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือว่า พระเจ้าไม่ได้ตรัสกับมนุษย์ด้วยวิธีเดียวกันเสมอไป

ดังนั้นพี่ - น้องสมาชิกต้องคอยสังเกต ต้องคอยกลั่นกรอง คอยใคร่ครวญและพิจารณาให้ดีว่า ในเวลานี้ ขณะนี้เสียงของพระเจ้านั้นต้องการที่จะตรัสหรือต้องการที่จะพูดอะไรกับเรา

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อพระเยซูคริสต์เจ้าทรงเริ่มต้นที่จะเทศนาบนภูเขา พี่ - น้องคิดว่าทุกคนที่ฟังได้นำเอาคำสอนนั้นไปประพฤติ ไปปฏิบัติมไหมครับ ? มีทั้งคนที่นำไปปฏิบัติและมีทั้งคนที่ไม่นำไปปฏิบัติ

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ มธ.7:24,26 ตรัสเอาไว้ดังนี้ว่า เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญา สร้างเรือนของตนไว้บนศิลา แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และไม่ประพฤติตามเล่า เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลา สร้างเรือนของตนไว้บนทาง

พี่ - น้องที่รักครับ พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า คนที่ได้ยินเสียงของพระเจ้า แล้วนำข้อความนั้นไปปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนเป็นคนฟังที่ฉลาด

หนังสือ สดด.1:3 ได้บันทึกไว้ว่า คนที่ได้ยินเสียงของพระเจ้าและดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อฟังทำตาม พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกไว้ว่า เขาจะเจริญรุ่งเรือง เป็นความเจริญรุ่งเรืองทั้งในฝ่ายร่างกายและในฝ่ายจิตวิญญาณ

คำว่า จิตวิญญาณของเขาจะมีความรุ่งเรือง นั้นหมายถึง ความสุขใจ ความอิ่มเอิบใจ ความชื่นชมยินดี และความมีสันติสุขในพระเจ้า

ในขณะเดียวกันคนที่ได้ยินเสียงของพระเจ้าแล้ว แต่ไม่ได้นำข้อความเหล่านั้นไปปฎิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนเป็นคนฟังที่โง่เขลา อ.สวนีย์ ใช้คำว่ามันไม่เข้าหัว เขาจึงเปรียบเสมือนเป็นผู้ฟังพระคำคนหนึ่งเท่านั้นแต่พระคำไม่ได้ฝังรากลึกลงไปภายในจิตใจของเขา

พระคำของพระเจ้าใน สดด. 81:12 ตรัสเอาไว้ดังนี้ว่า เราจึงมอบเขาไว้แก่จิตใจดื้อด้านของเขาเองให้ตามคำปรึกษาของเขาเอง

คำถามก็คือว่า แล้วคนที่ได้ยินเสียงของพระเจ้าแล้วไม่ทำตาม เขาสามารถที่จะประสบความสำเร็จได้มั้ยครับพี่ - น้อง ?

ทั้งคนที่เชื่อและทั้งคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้าเขาก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ แต่เป็นความสำเร็จทางด้านวัตถุ ไม่ได้เป็นความสำเร็จทางด้านฝ่ายจิตวิญญาณ ความสำเร็จที่เขาได้รับจึงเป็นความสำเร็จที่อาจจะทำให้เขามีความสุขเพียงแค่ภายนอก เป็นเพียงความสุขเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยามประเดี๋ยวประด่าวเท่านั้น

แต่ความสำเร็จที่แท้จริงนั้นเป็นความสำเร็จที่จะต้องนำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง และความสุขที่แท้จริงนั้นมันจะ Inside Out คือ ไหลจากภายในออกมาสู่ภายนอก นั่นเป็นความสำเร็จอีกทั้งเป็นความสุขที่แท้จริง และความสำเร็จและความสุขที่แท้จริงนั้นมีอยู่ในผู้ใดครับพี่ - น้อง ?

พระคำของพระเจ้าใน ยน.14:27 ตรัสไว้ดังนี้ว่า เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น   เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย ซึ่งนั่นหมายความว่าความสุขที่แท้จริงนี้มีอยู่ในพระเยซูคริสต์เจ้าของเราเท่านั้น

พี่ - น้องจำได้ไหมครับว่า เมื่อโยเซฟบิดาของพระเยซู ได้ยินเสียงของพระเจ้าในความฝัน บอกให้โยเซฟว่า จงลุกขึ้น และพาพระกุมารเยซูกับมารดานั้น ให้หนีไปประเทศอียิปต์และคอยอยู่ที่นั่น จนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหาพระกุมารเพื่อจะประหารชีวิตเสีย

โยเซฟเขาประสบความสำเร็จในการปกป้องพระกุมารเยซูไหมครับ ?เขามีความสุขไหมครับ ? เขามีความสุขที่เขาได้ยินเสียงตรัสของพระเจ้า   เพราะนี่คือ เสียงแห่งการปกป้องจากพระเจ้า

เมื่อนางซารายได้ยินเสียงของพระเจ้าว่า ปีหน้านางซารายนั้นจะมีบุตร ซึ่งเมื่อนางซารายได้ยินก็หัวเราะอยู่แต่ในใจ พี่ - น้องคิดว่านางซารายมีความสุขไหมครับ ? นางมีความสุขในความสำเร็จนั้น ถึงแม้ว่านางจะต้องรอคอยอีก 1 ปีก็ตาม แต่ครั้นเมื่อถึงเวลา พระเจ้าก็ได้ทรงกระทำตามที่ทรงให้สัญญาไว้

เมื่ออับราฮัมได้ยินเสียงของพระเจ้าว่า ให้พาบุตรคนเดียวของเจ้าผู้ที่เจ้ารักไปถวายเขาเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าและเมื่ออับราฮัมยอมที่จะปฏิบัติตามเสียงนั้นด้วยความยำเกรงพระเจ้า ซึ่งแรกๆอับราฮัมก็อาจจะรู้สึกรับไม่ได้ แต่เมื่อเขาทำสำเร็จนั่นก็คือเอาอิสอัควางบนแท่นบูชา

และเมื่อทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้มาปรากฏแก่อับราฮัม ซึ่งพระคัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้ใน ปฐก.22:12-13 พี่ - น้องคิดว่า อับราฮัมมีความสุขในความสำเร็จนั้นไหมครับ ? เพราะนี่เป็นเสียงแห่งการจัดเตรียมของพระเจ้า

เมื่อโมเสสได้ยินเสียงของพระเจ้าว่า ให้ขึ้นไปรับศิลาชุดที่สองและโมเสสก็ได้ปฏิบัติตามเสียงที่ได้ยินนั้น พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจนใน อพยพ34:35 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ชนชาติอิสราเอลเห็นผิวหน้าของโมเสสนั้นทอแสง จากไม่มีสง่าราศีสู่การมีสง่าราศี และจากการมีสง่าราศีหนึ่งสู่การมีสง่าราศีหนึ่ง พี่ - น้องคิดว่าโมเสสมีสันติสุขไหมครับ ? ที่ได้ร่วมอยู่ในพระสิริของพระเจ้า

ดังนั้นในเช้าวันนี้ ขอพระเจ้าช่วยพี่ - น้องและผม ที่เรานั้นจะมีความไวต่อพระสุรเสียงของพระเจ้า และเราจะไม่เพิกเฉยหรือมีใจที่ดื้อดึงหรือดื้อด้านต่อพระสุรเสียงของพระองค์ และพี่ - น้องจะมีสันติสุขมีความชื่นชมยินดีและเป็นผู้ที่ได้รับพระพรเหมือนกับผู้รับใช้ของพระเจ้าหลายๆคน ตามที่ได้กล่าวมา

สรุป พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้ เสียงนั้นมีหลายเสียง แต่เสียงที่ผู้เชื่อควรฟังนั้นคือเสียงของพระเจ้า และเสียงของผู้ชอบธรรมโดยเฉพาะผู้ที่มีความเป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณ ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน  

Green City