เศรษฐกิจอย่างนี้ผู้เชื่อควรจะดำเนินชีวิตอย่างไรดี

คำเทศนาเรื่อง   เศรษฐกิจอย่างนี้ผู้เชื่อควรจะดำเนินชีวิตอย่างไรดี

สวัสดีครับพี่ - น้องในองค์พระเยซูคริสต์ที่รักทุกท่าน ผมชอบพระคุณพระเจ้าสำหรับโอกาสและสิทธิพิเศษ ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าหนุนนำผมผ่าน อ.ประยงค์ ทำให้ผมได้มีโอกาสเดินทางมาที่นี่อีกครั้งหนึ่งในเช้าวันนี้ พี่ - น้องมีความชื่นชมยินดีไหมครับ

และข้อพระคัมภีร์ที่ผมจะใช้ในการแบ่งปันกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้ จะอยู่ในพระธรรม มธ. 25 : 14 - 21 ให้สุภาพบุรุษอ่านในข้อที่ 14 และให้สุภาพสตรีอ่านในข้อถัดไป และให้ที่ประชุมอ่านสลับกันอย่างนี้เรื่อยไปจนถึงข้อ 21 เชิญครับ

และข้อพระคัมภีร์ ที่ผมจะใช้เป็นกุญแจในการแบ่งปันกับพี่ -น้องในเช้าวันนี้ จะอยู่ในข้อที่ 21 ให้ที่ประชุมอ่านในข้อที่ 21 พร้อมๆกันอย่างช้าๆ ด้วยเสียงดังอีกครั้งหนึ่งเชิญครับ และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า เศรษฐกิจอย่างนี้ผู้เชื่อควรจะดำเนินชีวิตอย่างไรดี ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาประเทศ USA ได้จัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศ USA คนใหม่แทน Mr.Barak Obama ซึ่งกำลังจะหมดวาระในสมัยที่หนึ่งลงในเวลานั้น ซึ่งคนทั่วโลกต่างได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมากว่า Mr. Barak จะลงชิงชัยต่ออีกสมัยหนึ่งหรือไม่ และใครจะเป็นผู้ที่จะมาชิงชัยแข่งกับ Mr. Barak คนนี้ ซึ่งในขณะนั้น สภาพเศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ในสภาวะที่หดตัวอย่างรุนแรงมาก นักการเงิน การธนาคาร เรียกว่าสภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในสภาวะอย่างนั้นว่า 'Fiscal Cliff' ซึ่งหมายความว่า ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังยืนอยู่หน้าผาทางเศรษฐกิจ"

ดังนั้นผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง ประธานาธิบดี USA คนใหม่ จะต้องมีนโยบายในเรื่องนี้อย่างชัดเจน มิเช่นนั้นคนอเมริกันทั่วประเทศ USA นับเป็นจำนวนหลายแสนคนอาจจะต้องเดินออกจากบ้านของตัวเองก็เป็นได้

เหตุเพราะการผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้โดยการที่เขาไม่สามารถที่จะหาเงิน มาจ่ายค่าผ่อนจำนองต่างๆได้ ดังนั้นการถูกยึดบ้าน การถูกยึดรถ อาจจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้

ผลกระทบที่ตามมานั่นก็คือว่า ตลาดสินเชื่อทั่วโลก ถึงคราวที่จะต้องสั่นสะเทือนอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน ราคาบ้าน & ราคาที่ดิน และอื่นๆก็จะต้องมีราคาที่ลดลงอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติเศรษฐกิจ

ผมอยากเรียนกับพี่ - น้องอย่างตรงไปตรงมาว่าวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ในแต่ละครั้งในแต่ละหนนั้น สาเหตุส่วนใหญ่มาจากความล้มเหลวทางคุณธรรม & จริยธรรม ของพวกผู้บริหารสถาบันทางการเงินขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาฯทั้งสิ้น

ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ผู้บริหารของสถาบันการเงินต่างๆเหล่านี้ พวกเขาต่างเข้าถึงแหล่งข่าวสารข้อมูล และรู้ทิศทางของปัญหาเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากพวกเขานั้นมีความโลภ

โลภที่อยากจะได้รับผลประโยชน์กันสูงๆ จึงได้ทำธุรกรรมต่างๆที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ราคาที่ดินซึ่งกรมที่ดินอาจจะมีการประเมินเอาไว้ที่ตรว.ละ 2,000- แต่เขากับให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารประเมินเอาไว้ในราคาประมาณ 200,000- นี่คือการทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง โดยการปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีมูลค่าแต่กับให้มีมูลค่าขึ้นมา ซึ่งการทำธุรกรรมอย่างนี้แหละครับพี่ - น้องที่รัก ที่ทำให้พวกเขานั้นสามารถที่จะร่ำรวยขึ้นมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว

แต่เมื่อถึงคราวที่เกิดวิกฤติการณ์ ฟองสบู่แตก ผลกระทบที่ได้รับมักจะเกิดขึ้นกับใครครับ ? กับประชาชนคนทั่วไป ซึ่งเราเองก็คงจะได้เห็นข่าวกันบ้างว่า มีเพื่อนบ้านของเราบางคนหรืออาจจะตัวของเราเอง ที่อาจจะต้องให้ถูกออกจากงาน ตามมาด้วยการเสียบ้าน เสียรถ เสียครอบครัว รวมทั้งเสียมูลค่าทรัพย์สินต่างๆอีกมากมาย

วิกฤติการณ์ต่างๆเหล่านี้พี่ - น้องที่รักครับ มันได้ส่งผลกระทบต่อคน ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นล้านๆคน ซึ่งในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ทำให้เราจะต้องตั้งคำถาม

ถามว่า ? ในยามวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้ผู้เชื่อหรือคริสตชนนั้น เราควรที่จะดำเนินชีวิตอย่างไรดี

จากพระวจนะคำของพระเจ้า ที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร

เราพบว่า พระเจ้าทรงบอกกับเราผ่านทางพระคัมภีร์ว่า 1.ให้ผู้เชื่อมิใช่เพียงแค่บางคนแต่ทุกๆคนให้เป็นผู้อารักขาที่ดี 2.ให้ผู้เชื่อมิใช่เพียงแค่บางคน แต่ทุกๆคน ที่จะมีความตั้งใจ สนใจ และใส่ใจในการที่จะดูแลทรัพย์สินเงินทองของพระเจ้า แม้แต่เพียงเล็กน้อยให้ดี

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ถ้าผู้เชื่อทุกคนตั้งใจ สนใจ และใส่ใจในการที่จะดูแลทรัพย์สินเงินทองของพระเจ้าแม้แต่เพียงเล็กน้อยให้เป็นอย่างดีแล้ว

พระสัญญาของพระเจ้าในข้อที่ 21 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าอย่างไรครับพี่ - น้อง ? พระสัญญาของพระเจ้าในข้อที่ 21 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าจะทรงตั้งให้เรานั้น ได้เป็นผู้ดูแลทรัพย์สิน เงินทองเป็นจำนวนมากของพระองค์

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า เมื่อเราไม่ได้เป็นศิษยาภิบาลหรือเป็นผู้นำของคริสตจักรฯ และหรือไม่ได้เป็นธรรมกิจของคริสตจักรฯ คำถามก็คือว่า แล้วเราจะดูแลทรัพย์สิน - เงินทองของพระเจ้าจากทางไหน ?

คำตอบอย่างง่ายๆ ก็คือว่า เราจะต้องดูแลทรัพย์สิน - เงินทองของพระเจ้า ผ่านเงินทองที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เรามีจับจ่ายใช้สอยในแต่ละวัน

         พระคำของพระเจ้าในหนังสือ 1 คร. 10 : 26 ตรัสดังนี้ว่า“ เพราะว่าแผ่นดินโลกกับสรรพสิ่งในโลกนั้น เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า ”

ดังนั้นทรัพย์สิน - เงินทอง ที่เรามีจับจ่ายใช้สอยในแต่ละวันนั้น เป็นของใครครับพี่ - น้อง ? เป็นของพระเจ้า มิใช่ของเรา แต่พระเจ้านั้นได้ให้เกียรติแก่เรา อีกทั้งพระเจ้าได้ทรงมอบความไว้วางใจให้กับเรา ในการที่จะให้เราทั้งหลายนั้น ได้เป็นผู้จัดการหรือให้เรานั้นได้เป็นผู้ดูแล ซึ่งเราจะต้องตระหนักอย่างนั้นจริงๆนะครับพี่ - น้อง

เพราะฉะนั้นเมื่อทรัพย์สินเงินทองต่างๆ ที่เรามีจับจ่ายใช้สอยในแต่ละวันนั้น เป็นของพระเจ้า ผู้เชื่อหรือคริสตชนเองก็ควรที่จะต้องมีวิธีการที่จะดูแลหรือมีวิธีการๆจัดการบริหารที่ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นที่ถวายพระเกียรติยศแด่พระเจ้า ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของในทุกๆสรรพสิ่งและเป็นเจ้าของที่แท้จริงด้วย                                                                                                                                                    

คำถามคือว่า วันนี้พี่ - น้องได้ดูแลทรัพย์สินเงินทองของพระเจ้าในแต่ละวันดีแล้วหรือยัง ? ถ้าดีแล้วก็ขอบคุณพระเจ้า แต่ถ้ายังไม่ดีให้พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้สอนเราดังนั้นในเช้าวันนี้เราจะมาดูวิธีการในการบริหารหรือการจัดการทางการเงิน อย่างง่ายๆ ด้วยกัน

การบริหารการเงินอย่างง่าย ๆ

ประการที่ 1 1คร.14:33 เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งการวุ่นวาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติสุข

ประการที่ 1คือ การจัดทำงบประมาณ ( ฉายงบ 2013 ของคริสตจักร )

พี่ - น้องที่รักครับ ระบบการเงินในชีวิตของพี่ - น้องและผม ทั้งในชีวิตส่วนตัว ในส่วนของครอบครัว และหรือในส่วนของคริสตจักรฯนั้น จะเป็นไปอย่างมีระบบ ระเบียบ จะเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่วุ่นวาย ถ้าพี่ - น้องมีการจัดทำงบประมาณหรือมีการจัดทำการวางแผนการใช้เงิน

คำถามก็คือว่า การจัดทำงบประมาณหรือ การจัดการ การวางแผนการใช้เงินนั้น ได้แก่งบประมาณอะไรบ้าง ? คำตอบเช่น งบประมาณประจำวัน งบประมาณประจำสัปดาห์ งบประมาณประจำเดือน และงบประมาณประจำปี เป็นต้น  

พี่ - น้องที่รักครับ การจัดทำงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งงบประมาณโดยส่วนตัว ทั้งงบประมาณในส่วนของครอบครัว ทั้งงบประมาณในส่วนของคริสตจักรนั้น จะทำให้สมาชิกในครอบครัวนั้น มีโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ในการที่จะปรึกษาหารือร่วมกันว่า วันนี้ พรุ่งนี้ อาทิตย์นี้ เดือนนี้ เดือนหน้า หรือในไตรมาสนี้และหรือในไตรมาสหน้า เราควรที่จะจับจ่ายใช้สอยอะไร ได้บ้างมากน้อยแค่ไหน และเราไม่ควรที่จะจับจ่ายใช้สอยอะไรเลย

ซึ่งการจัดทำงบประมาณนี้

- จะทำให้เรารู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริงของเรา

- จะทำให้เราเกิดความระมัดระวัง ในการที่เรานั้นจะไม่มีปัญหาการชักหน้าไม่ถึงหลัง หรืออาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็ได้ว่า ปัญหาการชักหน้าไม่ถึงหลังจะไม่เกิดขึ้นเลย หรืออาจจะเกิดขึ้นบ้างแต่ก็คงจะน้อยเต็มที ถ้าเรามีการจัดทำ งบประมาณหรือมีการจัดการการวางแผนการใช้เงิน

คำถามต่อมาก็คือว่า เราจัดทำงบประมาณหรือมีการวางแผนการใช้เงินเพื่ออะไร ? คำตอบอยู่ในรม.13:8 พระคำของพระเจ้าใน รม.13:8 ได้บอกกับเราเอาไว้อย่างชัดเจนว่า อย่าเป็นหนี้อะไรใคร นอกจากความรักซึ่งมีต่อกัน

ดังนั้นการจัดทำงบประมาณต่างๆเหล่านี้ พี่-น้องที่รัก ก็เพื่อที่จะทำให้เราทั้งหลายนั้น ไม่ต้องไปเป็นหนี้อะไรใคร

                แน่นอนพี่ - น้องที่รักครับ การจัดทำงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆเหล่านี้ แม้ว่ามันจะดูเป็นเรื่องที่จุกจิก หยุมหยิม แต่พี่ - น้องทราบมั้ยครับว่า ?

แท้ที่จริงแล้วมันเป็นแบบฝึกหัดที่ดีมากๆ ที่จะฝึกฝนให้เรานั้น สามารถที่จะดูแลทรัพย์สินเงินทองของพระเจ้าแม้แต่เพียงเล็กน้อยได้เป็นอย่างดี

และการจัดทำงบประมาณในลักษณะนี้ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยาก หรือเป็นเรื่องที่เกินความสามารถของพวกเราที่จะทำได้(ถ้าพี่ - น้องมีความตั้งใจและสนใจที่จะทำมันอย่างแท้จริง)

การบริหารการเงินอย่างง่าย ๆ

ประการที่ 2 มธ.24:44 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้

ประการที่ 2 คือ งบฉุกเฉินสำหรับครอบครัว

มีสุภาษิตไทยบทหนึ่ง ได้กล่าวเอาไว้ดังนี้ว่า อนาตต คดเคี้ยวหลั่นเลี้ยวลัด

และเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ได้มีโฆษณาของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งได้โฆษณาว่าอนาคตต้องมีการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าครับ

และมีโฆษณาของอีกบริษัทหนึ่ง โฆษณาเอาไว้อย่างนี้ครับว่า เพราะชีวิตย้อนกลับไม่ได้

ทั้งหลายทั้งปวงที่ได้กล่าวมา นั่นก็คือ มันไม่แน่นอน สิ่งที่กำลังจะสื่อกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้ นั่นก็คือว่า หลายครอบครัวการดำเนินชีวิต ก็สามารถที่จะดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย แต่หลายๆครอบครัวนั้นก็อาจจะมีเหตุการณ์ร้าย หรือสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

มีเรื่องที่แปลกแต่จริง นั่นก็คือว่า เหตุการณ์ร้ายหรือสิ่งที่เราไม่คาดคิดที่มักจะเกิดขึ้นนั้น มันมักที่จะมาพร้อมๆกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดด้วยเช่นกัน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ และอื่นๆ เป็นต้น

พี่ - น้องที่รักครับ ถ้าเราได้มาและใช้ไป ได้มาและใช้ไป และถ้าเราทำเป็นวัฏจักรหรือทำเป็นวงจรอย่างนี้อยู่เรื่อยไป โดยที่เราไม่มีงบฉุกเฉินที่จะเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อรองรับสิ่งต่างๆเหล่านี้

ครั้นเมื่อเราหรือครอบครัวของเราเกิดเหตุฉุกเฉินหรือเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นมาในอนาคต มันก็อาจจะทำให้เรารู้สึกต้องทุกข์ยาก หรือลำบากใจเป็นอย่างมากเมื่อเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นมาถึง

พี่ - น้องที่รักครับ การเก็บออมนั้นมี 2 ด้านด้วยกันคือ ทั้งในฝ่ายร่างกายและในฝ่ายจิตวิญญาณ

การเตรียมงบฉุกเฉินในฝ่ายร่างกายนั้น ท่านเตรียมได้โดยการเก็บออมเท่านั้น ซึ่งพี่ - น้องจะต้องสร้างนิสัยในการเก็บออมนี้ขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้ก็ถือว่าเป็นจุดที่อ่อนแอ หรือถือว่าเป็นความล้มเหลวก็ว่าได้ของพี่ - น้องประชาชนคนไทยและรวมทั้งพี่ - น้องคริสเตียนของเราด้วย

พี่ - น้องทราบมั้ยครับว่า มีพี่ - น้องคริสเตียนในต่างจังหวัดหลายคน ที่เขานั้นไม่สามารถที่จะมีส่วนในงานของพระเจ้าได้มากเท่าไหร่นัก แต่ผมก็พบความจริงอีกประการหนึ่งด้วยเช่นกันว่า

มีพี่ - น้องคริสเตียนในต่างจังหวัดของเรา อีกจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่เขานั้นสามารถที่จะมีส่วนในงานของพระเจ้าได้

เหตุเพราะเขามีกระปุกออมสิน ที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน กระปุกออมสินนี้สำหรับใส่เหรียญ 5 เพื่อถวายให้กับหน่วยงานนี้ กระปุกออมสินนี้สำหรับใส่เหรียญ 10 เพื่อถวายให้กับองค์การนั้นหรือองค์กรนี้เป็นต้น นี่คือ การเก็บออมในฝ่ายร่างกาย

การเก็บออมในฝ่ายจิตวิญญาณนั้นเราเตรียมเก็บออมผ่านคำอธิษฐานของเรา ในครอบครัวของเรา อีกทั้งเตรียมผ่านเครือข่ายอธิษฐาน ในฝ่ายวิญญาณเราเตรียมการเก็บออมอย่างนั้

เมื่อไม่นานมานี้ มีพี่ - น้องสมาชิกของเราคนหนึ่ง ได้มาขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องการเงิน ซึ่งไม่ใช่มาขอยืมเงินจากคริสตจักรฯ น๊ะครับ

สิ่งที่ผมแนะนำเขานั่นก็คือว่า ให้เขานำเงินที่เขามีอยู่ไปลบกับงบประมาณการและในส่วนที่เขายังขาดอยู่นั้น

ผมได้หนุนใจให้เขาได้วางมือ และอธิษฐานทูลขอในสิ่งที่ขาดอยู่นั้นต่อพระเจ้า ด้วยความเชื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้น จะทรงดลใจและเร้าใจ ให้มีพี่ - น้องที่รักพระเจ้าหรือผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณ ได้เข้ามามีส่วนในเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้กับเขา

และจากประสบการณ์ ในการรับใช้พระเจ้าของผมกับ อ.ดา ผมขอเรียนกับพี่ - น้องอย่างสัตย์ซื่อว่า ในหลายๆครั้งที่ผมเห็นที่ผู้เชื่อโดยเฉพาะผู้เชื่อที่เชื่อฟังและยำเกรงพระเจ้า อีกทั้งผู้ที่มีส่วนในการที่จะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า ที่เขาได้ทำตามคำแนะนำนี้ ผมได้เห็นถึงการช่วยเหลือของพระเจ้า ที่มีมาถึงชีวิตของเขาเหล่านั้น

ผมจะเป็นพยานให้กับพี่ - น้องฟัง 2 เรื่อง เรื่องที่หนึ่งก็คือว่า พี่ - น้องทราบไหมครับว่า คริสตจักรฯ แห่งนี้ต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการทั้งสิ้น ทุกปีเฉลี่ยปีละประมาณ 800,000- (ฉายอีกครั้งหนึ่ง)

ในขณะเดียวกันผมขอเรียนกบพี่ - น้องอย่างตรงไปตรงมานะครับว่าผมรับใช้พระเจ้าอยู่ท่ามกลางพี่ - น้องที่ส่วนหนึ่งสัตย์ซื่อและส่วนหนึ่งไม่สัตย์ซื่อกับพระเจ้า

คำอธิษฐานโดยส่วนตัวของผมนะครับ ผมขอกับพระเจ้าที่พระองค์จะทรงเห็นกับชีวิตของผู้รับใช้1 คน ที่ได้วางชีวิตลงในจังหวัดแห่งนี้นั่นก็คือชีวิตของท่าน อ.ชาโต้ และผมอธิษฐานขอกับพระเจ้าที่จะเห็นกับสมาชิกที่สัตย์ซื่อที่มีอยู่ในเวลานี้

และด้วยคำอธิษฐานง่ายๆ อย่างนี้แหละครับพี่ - น้องที่รัก ทำให้พระเจ้าเติมงบประมาณในส่วนที่ขาดอยู่ให้กับ คจ.ใจสมานสมุทรสงคราม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงในเวลานี้และในอนาคต ผ่านทางผู้ที่เป็นผู้ใหญ่วิญญาณ

เรื่องที่ 2 นั่นก็คือว่า แท้ที่จริงแล้ว Note Book ของคริสตจักรฯ เสียและซ่อมไม่ได้มา 2 อาทิตย์แล้ว และคริสตจักรก็ไม่ได้มีเงินมากพอ ที่จะซื้อของใหม่ผมก็อธิษฐานกับพระเจ้าในเรื่องนี้

อาทิตย์แรกก็ขอบคุณพระเจ้า ที่น้องสุนทรให้ยืมมาใช้ อาทิตย์ที่ 2 ผมก็ขอบคุณพระเจ้าอีก ที่พี่ต่ายให้ยืมมาใช้

แต่ในอาทิตย์นี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ทรงเร้าใจคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณท่านหนึ่ง ท่านโทรมาถามผมว่า

ที่คริสตจักรของอาจารย์ ต้องการอะไรบ้างไหมผมตอบว่าต้องการ Note Book ครับ อย่างนั้นพี่ขอถวายร่วมรับพระพรและผมก็สั่งซื้อเครื่องนี้มาในราคา 17,200- ให้เราปรบมือสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน

คำถามก็คือว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ทรงทำสิ่งนี้เพื่ออะไร

คำตอบ อย่างง่ายๆนั่นก็คือว่า เพื่อที่เรานั้น

- จะได้เห็นถึงพระคุณของพระเจ้า

- จะได้สรรเสริญและโมทนาขอบพระคุณพระองค์

- จะได้ถวายพระเกียรติและพระสิริแด่พระเจ้าของเรา

นี่คือ งบฉุกเฉิน ซึ่งผู้ที่เป็นคริสเตียนจะต้องมีการจัดเตรียมสิ่งนี้เอาไว้ล่วงหน้า ทั้งในฝ่ายร่างกายและในฝ่ายจิตวิญญาณ

ซึ่งพระคำของพระเจ้า ได้บอกกับเราเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ให้เราทั้งหลายนั้น ได้มีการเตรียมสิ่งต่างๆ เหล่านี้เอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้

น่าเสียดายตรงที่ว่า เรามีผู้เชื่อหรือมีคริสเตียนอยู่จำนวนไม่น้อยเลยที่เดียวพี่ - น้องที่รัก ที่ไม่มีนิสัยในการเก็บออม ทั้งๆที่บางคนนั้นเก็บออมได้แต่ไม่เก็บออม บางคนอธิษฐานขอการเตรียมงบประมาณล่วงหน้าจากพระเจ้าได้ก็ไม่อธิษฐาน

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลก ที่เมื่อถึงเวลาที่ฉุกเฉิน เราจะเห็นถึงผู้เชื่อเหล่านี้ไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้าสักเท่าไหร่ เหตุเพราะหยิบยืมเขาอยู่เรื่อยไป ขอให้เราบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาว่าคุณต้องไม่ใช่คนนั้น

การบริหารการเงินอย่างง่าย ๆ

ประการที่ 3 อยู่ใน ลก. 12 :15 แล้วพระองค์จึงตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า จงระวังและเว้นเสียจากการโลภทุกประการ เพราะว่าชีวิตของคน มิได้อยู่ในการที่มีของฟุ่มเฟือย

ประการที่3คือการหลีกเลี่ยงการซื้อเกินความสามารถ

พี่ - น้องที่รักครับ วิถีชีวิตของโลก ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันนั้น มักจะมีค่านิยมอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการ ซื้อก่อนผ่อนที่หลัง ผ่านการชำระสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ด้วยบัตรเครดิต เช่น Amex Diner Visa Master หรือผ่านบัตรพลาสติกชนิดต่างๆ เช่น ผ่านบัตรน้องออน เป็นต้น

พี่ - น้องฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆนะครับ สิ่งที่ผมจะพูดนั่นก็คือว่า คริสเตียนที่มีความเจริญเติบโตในฝ่ายจิตวิญญาณแล้ว เขาจะต้องปฏิเสธ หรือเขาจะต้องไม่ยอมรับระบบการซื้อก่อนผ่อนที่หลังนี้ แต่ก็อาจจะมีการยกเว้นบ้างในบางกรณีที่จำเป็น เช่นการซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ ก/ธ ประกันชีวิต เป็นต้น แต่คริสเตียนที่มีความเจริญเติบโตในฝ่ายจิตวิญญาณแล้วเขาจะต้องปฏิเสธ หรือเขาจะต้องไม่ยอมรับระบบการซื้อก่อนผ่อนที่หลังนี้

เหตุเพราะการซื้อก่อนผ่อนทีหลัง โดยเฉพาะสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นนั้น มันเป็นการฟุ่มเฟือย และที่สำคัญ คือ การซื้อก่อนผ่อนที่หลังนั้น มันเป็นการจับจ่ายใช้สอยอย่างง่าย ๆ

แต่มันก็ทำให้เราทำไมครับพี่ - น้อง ? แต่มันก็ทำให้เราง่ายเหมือนกันในการที่จะเป็นหนี้คนหรือเป็นหนี้สถาบันการเงิน และสุดท้าย ท้ายสุด มันก็ทำให้เราง่ายเหมือนกัน ในการเป็นหนี้ที่เราเองนั้นไม่สามารถจะใช้คืนได้

ข้อมูลล่าสุดจากบริษัทศูนย์ข้อมูลบัตรเครดิตในประเทศไทยพบว่าคนที่เป็นหนี้ในระบบ ซื้อก่อนผ่อนทีหลังผ่านบัตรเครดิตรวมทั้งบัตรพลาสติกชนิดต่างๆ ที่ปัจจุบันไม่สามารถจะใช้หนี้คืนได้มีสูงถึง 70 %

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อเราไม่สามารถที่จะใช้หนี้คืนเขาได้ ปัญหาต่างๆ มันก็จะกลับมาหาเราเองในที่สุด ให้เราบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาของเราว่า ให้หลีกเลี่ยงการซื้อก่อนผ่อนทีหลัง แล้วคุณจะสบาย

สบายเพราะอะไร ? สบายเพราะว่าจะไม่มีคนหน้าแปลกหรือคนแปลกหน้า ที่จะคอยโทรศัพท์มาติดตามเราอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่มือถือ ทั้งที่บ้าน ทั้งที่ทำงาน ทั้งฝากข้อความหรือ SMS มาถึงเรา

สบายเพราะว่า จะไม่มีใครเขียนไปรษณีย์บัตรหรือ Fax ไปที่ทำงานของเราว่า ให้คุณช่วยไปชำระหนี้ให้ตรงเวลาหน่อย จากฝ่ายเร่งรัดหนี้สินหรือฝ่ายกฏหมาย

พี่ - น้องที่รักครับ พระวจนะของพระเจ้าได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เพราะชีวิตของเรานั้นไม่ได้อยู่ในการที่มีของฟุ่มเฟือย

ซึ่งนั่นหมายความว่า พระเจ้าจะทรงเลี้ยงดูเราตามความจำเป็น ไม่ใช่ตามความฟุ่มเฟือยหรือตามความสะดวกสบายของเรา และหรือตามที่ใจของเราต้องการ

วันนี้ที่คนไทยเราเป็นหนี้เพราะอะไรครับ เพราะมนุษย์เราไม่ชอบ ที่จะอยู่บนพื้นฐานการจัดเตรียมของพระเจ้า แต่มนุษย์เราชอบที่จะอยู่บนพื้นฐานการจัดเตรียมของลูกน้องลูซิเฟอร์นั่นก็คือมาร - ซาตาน

ซึ่งปัจจุบันนี้มาร - ซาตน มันใช้ระบบการบริโภคนิยมของโลกหรือใช้ความสะดวกสบายนั่นแหล่ะที่มาหลอกลวงเรา ทำให้มนุษย์นั้นติด บ่วงแร้ว ของมัน รวมทั้งผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียนเองก็ตาม ที่ติดในบ่วงแร้วของมาร - ซาตานด้วยเช่นกัน

ผมอยากให้พี่ - น้องฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดี สิ่งที่ผมจะพูดนั่นก็คือว่า เมื่อใดก็ตามที่พี่ - น้องซื้ออะไรก็ตามแต่ ที่เกินความสามารถในการจ่ายของตนเอง มาร - ซาตาน มันจะพูดคำว่า Bingo หรือเสร็จเรา อันนี้ก็ประเด็นหนึ่ง

อีกประเด็นหนึ่งนั่นก็คือว่า อะไรก็ตามที่พี่ - น้องซื้อแล้ว ศักยภาพของสินค้านั้นมันมีขีดความสามารถที่สูงกว่าสติปัญญาของพี่ - น้องที่จะใช้งานมันได้ เช่น โทรศัพท์ Laptop Ipad

ถ้าศักยภาพของสินค้านั้น มันมีขีดความสามารถที่สูงกว่าสติปัญญาของพี่ - น้องที่จะใช้งานมันได้และพี่ - น้องไปซื้อมันเพราะอยากจะ Intrend อยากจะอยู่ในกระแส ทันทีที่พี่ - น้องควักเงินเพื่อที่จะซื้อมันมา มาร - ซาตานมันก็จะพูดว่า Bingoเสร็จเราไอ้หน้าโง่

จบหรือยัง มาร - ซาตาน มันจะต้องกลับไปรายงานนายของมัน คือ ลูซิเฟอร์ ว่าวันนี้มีมนุษย์หน้าโง่แล้วเป็นคริสเตียนด้วยติดบ่วงแร้วของท่าน

ถ้าพี่ - น้องไม่อยากให้ลูกน้องของลูซิเฟอร์ พูดกับท่านว่า Bingo เสร็จเราไอ้หน้าโง่

พี่ - น้อง ก็อย่าได้มีค่านิยมในการบริโภคนิยม หรือจับจ่ายใช้สอยเกินความสามารถของตนเอง หรือใช้ของที่ศักยภาพของเรานั้นไปไม่ถึงขีความสามารถของสินค้านั้นๆ

แน่นอนว่า คนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนหรือที่เราเรียกเขาว่าชาวโลกนั้น เขาอาจจะมีความคิดที่ว่า การที่เขาได้ครอบครองทรัพย์สินเงินทองเป็นจำนวนมากนั้น เป็นเครื่องชี้วัดความสำเร็จของชีวิต

แต่ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน ซึ่งแปลว่าผู้ติดตามพระเยซู เราจะต้องตระหนักในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงตรัสสอนแก่เราว่า จงระวังและเว้นเสียจากการโลภทุกประการ เพราะว่าชีวิตของคน มิได้อยู่ในการที่ฟุ่มเฟือย

ถ้าพี่ - น้องตระหนักในพระพระวจนะของพระเจ้าในข้อนี้ ผมเชื่ออย่างมั่นใจว่าพี่ - น้องก็จะสามารถที่จะผ่านวิกฤติเศรษฐกิจนี้ไปได้อย่างสบายๆ

การบริหารการเงินอย่างง่าย ๆ

ประการที่ 4         สดด. 23 : 1 พระเจ้าจะทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน และพระคำของพระเจ้าอีกข้อหนึ่งอยู่ในหนังสือ มธ. 6 : 26   จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้ส่ำสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ

ประการที่ 4 คือ ให้แยกแยะระหว่างความจำเป็นกับความต้องการ

จากข้อพระคัมภีร์ทั้งสองข้อนี้เราพบอะไร ?

จากข้อพระคัมภีร์ทั้งสองข้อนี้ เราพบว่านี่เป็นพระสัญญาของพระเจ้า พระสัญญาของพระเจ้าในข้อนี้ บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พี่ - น้องและผมจะมีทุกสิ่งและทุกอย่างตามความจำเป็นอย่างแน่นอน

แต่มนุษย์เรา ต้องการที่จะมีทุกสิ่งและทุกอย่าง ตามความจำเป็น ที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมเอาไว้ให้

กับเขามั้ยครับพี่ - น้อง ?ไม่

มนุษย์เรา ต้องการที่จะมีทุกสิ่งและทุกอย่างตามอะไรครับ ? ตามความโลภ ตามกิเลส ตามตัณหาในฝ่ายเนื้อหนังของตนเอง หรือตามที่ใจเราปรารถนาและหรือตามที่ใจเรานั้นต้องการ

เมื่อความอยากได้ใคร่มี มันครอบครองความคิดและจิตใจของเรา เราจึงไม่ค่อยที่จะสนใจในการที่จะแยกแยะว่า อะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็น

เมื่อความอยากได้ใคร่มี มันครอบครองความคิดและจิตใจของเรา เราจึงไม่ค่อยที่จะสนใจในการที่จะแยกแยะว่า อะไรคือสิ่งที่ต้องการหรืออะไรที่ไม่ต้องการ

มนุษย์คิดเพียงอย่างเดียวคือ ฉันเหนื่อย ฉันเป็นคนหามันมา ฉันอยากจะซื้อๆ ฉันก็ซื้อ ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะครับพี่ - น้อง

แต่ผมก็พบว่าหลายคน กับต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง เพราะว่าสิ่งที่เขาได้ซื้อมาในตอนนั้น

แต่ตอนนี้มันไม่ได้มีค่าอะไรเลย เพราะเมื่อเขาได้มานั่งแยกแยะสิ่งของออกมาทีละอย่าง สองอย่างเขาก็พบว่า หลายๆอย่างนั้น เขาไม่ได้มีความจำเป็นและเขาก็ไม่ได้มีความต้องการอะไรมันอย่างแท้จริง

ดังนั้นพี่ - น้องจำเป็นที่จะต้องแยกแยะให้ออกระหว่างสองสิ่งนี้ คือ ระหว่างความจำเป็นกับความต้องการ

ดังนั้นพี่ - น้องควรที่จะซื้อสิ่งที่มีประโยชน์ทั้งต่อตัวเราและต่อครอบครัวของเรา ไม่ใช่ซื้อเพียงเพราะเราอยากได้ หรือซื้อเพียงเพราะเราเพียงต้องการสิ่งนั้นสิ่งนี้เท่านั้น

การบริหารการเงินอย่างง่าย ๆ

ประการที่ 5กลท. 5 : 23 การรู้จักบังคับตน

ประการที่ 5 คือการหลีกเลี่ยงการซื้อจากแรงกระตุ้น

มีพี่ - น้องกี่ท่าน ที่เคยเดินโลตัสแม่กลองบ้างยกมือขึ้นครับ ซึ่งอีกไม่เกิน 2 ปีเราคงจะได้เปลี่ยนไปเดิน Big C กันบ้างนะครับ

แล้วมีพี่ - น้องกี่ท่านที่เคยเดินห้างสรรพสินค้าอื่นๆยกมือขึ้นครับ ?

พี่ - น้องเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มั้ยครับ ? คือ บางครั้งเมื่อเรามองเห็นอะไรบางสิ่ง บางอย่างที่เรากำลังสนใจ และเรากำลังพินิจ พิจารณาดูอยู่ว่า เราควรจะมีสิ่งนี้ดีหรือไม่อย่างไร

แต่ในทันใดนั้นเอง ก็จะมีพนักงานขายสินค้า เข้ามาเชียร์สินค้าหรือแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆของเขา ให้กับเราพี่ - น้องเคยมีประสบการณ์นี้ไหมครับ

คำถามคือว่า เพื่ออะไรพี่ - น้องทราบมั้ยครับ ?

ในทางการตลาดนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย

แต่ในทางจิตวิทยานั้น ก็เพื่อช่วยโน้มน้าวในการตัดสินใจของเรา ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะครับ เพราะเขากำลังทำหน้าที่ของเขา

แต่ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน เราก็จะต้องรู้จักการควบคุมตนเอง โดยควรที่จะหลีกเลี่ยงการซื้อ อันเนื่องมาจากแรงกระตุ้นนี้

คำถามคือว่า เราจะหลีกเลี่ยงอย่างไร ? คำตอบก็คือว่า เราควรจะหลีกเลี่ยงการซื้อจากแรงกระตุ้นนี้ โดยการกล่าวคำว่า ผม / ดิฉันขอบคุณมากครับ / ค่ะ หรือขอเวลาในการตัดสินใจหน่อยนะครับ หรือผมขอปรึกษากับครอบครัวดูก่อนครับ เป็นต้น

ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไร ? ซึ่งนั่นหมายความว่า เรายอมที่จะใช้เวลาในการที่จะกลั่นกรอง ใคร่ครวญ และพิจารณาอย่างรอบคอบว่า สิ่งเหล่านั้นมีความจำเป็นต่อเรา หรือต่อครอบครัวของเรา มากน้อยแค่ไหน

การบริหารการเงินอย่างง่าย ๆ

ประการที่ 6 1 คร. 10 : 31 เหตุฉะนั้นเมื่อท่านจะรับประทานจะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า

ประการที่ 6 คือ การจ่ายบิลทุกบิลให้ตรงเวลา

โดยปกติแล้วเมื่อเราพูดถึงเรื่องการเป็นหนี้ เราก็มักจะคิดถึงการเป็นหนี้ ในลักษณะรูปแบบของทรัพย์สินเงินทอง แต่พระคำของพระเจ้าในหนังสือ 1 คร. 10:31 พระคำของพระเจ้าตรัสผ่าน อ. เปาโล ดังนี้ว่า จะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า

จากพระวจนะของพระเจ้าในข้อนี้ทำให้เราทราบว่า อ. เปาโล นั้นท่านมีมุมมองที่ลึกซึ้งมาก

พี่ - น้องที่รักครับ ถ้าเรามีวิธีการที่จะจัดการการเงินของเราในแต่ละวัน ในแต่ละเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจำเป็นต้องติดค้างชำระอะไรใครมั้ยครับพี่ - น้อง ?

ถ้าพี่ - น้องและผม มีวิธีการในการจัดการเงินของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เราก็สามารถที่จะจ่ายบิลต่างๆทุกบิลของเราไม่ว่าจะเป็นบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์หรือบิลอื่นๆได้อย่างตรงเวลา และสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเรานั้นเป็นผู้อารักขาทรัพย์สิน - เงินทองของพระเจ้าที่ใช้ได้

ไม่เพียงเท่านั้น พี่ - น้องสามารถที่จะแบ่งปัน หรือเป็นพยานสำหรับผู้เชื่อใหม่หรือพี่ - น้องคริสเตียนใหม่ ที่เขาเองนั้นยังไม่มีระบบ ระเบียบ ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่พี่ - น้อง สามารถที่จะกระทำ เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าของเราได้เช่นกัน

เมื่อผมกับ อ.ดา ได้รับการท้าทายจาก ท่าน ศจ.มนูญศักดิ์ ให้เข้ามาตั้งคริสตจักรใน จ.สมุทรสงคราม ผมได้มาเช่าสถานที่อยู่ 2 แห่ง

แห่งหนึ่งสำหรับการพักอาศัยคือที่เอกชัย ซ.10อีกแห่งหนึ่งเพื่อทำสถานประกาศอยู่ซ.ขายอาหารกุ้ง

เจ้าของบ้านทั้ง 2 หลังไม่เคยเลยสักครั้งเดียวพี่ - น้องที่รัก ที่จะต้องส่งคนมาเก็บทั้งค่าเช่าบ้านและค่าเช่าโบสถ์ เหตุเพราะ อ. ดา คนสวย จะขับรถเอาไปให้กับเจ้าของบ้านทุกๆวันของที่ 25

ภายหลังจากนั้น 3 เดือน ผมก็ได้บอกคืนเขาทั้งหมด เพราะพระเจ้าทรงนำให้ผมได้ย้ายออกมา ผมก็ได้มาเช่าสถานที่ทำคริสตจักร ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโลตัสอยู่อีก 4 ปีครึ่ง ซึ่งก็ไม่มีเดือนไหนเลยพี่ - น้องที่รัก ที่คริสตจักรจะต้องติดค้างค่าเช่าคริสตจักรฯ แถมบางปีเรายังจ่ายก่อนทั้งปีด้วยซ้ำไป

และเมื่อพระเจ้าหนุนนำให้ผมได้พาพี่ - น้องย้ายมาอยู่ที่นี่ ซึ่งก็เข้าปีที่ 4 แล้วก็ไม่มีเดือนไหนอีกเช่นกันที่คริสตจักรฯ จะต้องติดค้างค่าเช่าสถานที่รวมทั้งบิลต่างๆ ที่เข้ามาในคริสตจักรฯ ด้วยนะครับพี่ - น้อง ที่เมื่อเราได้รับบิลเราก็จะรีบจัดการในทันที

ดังนั้นถ้าพี่ - น้องจะทำอะไรก็ตาม รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงินด้วยนะครับ ผมอยากจะให้พี่ - น้องได้ถามตัวเองอยู่เสมอๆว่า ถ้าพี่ - น้องทำสิ่งนั้น ทำสิ่งนี้แล้วพระจ้าสูงขึ้นไหมหรือพระเจ้าได้รับเกียรติไหมในชีวิตของท่าน

ถ้าจิตวินิจฉัย หรือ มะโนสำนึกภายในจิตใจของพี่ - น้องบอกว่า อันนี้ทำแล้วพระเจ้าได้รับเกียรติ พระเจ้าสูงขึ้น พี่ - น้องทำเลยครับ แต่ถ้าจิตวินิจฉัยของพี่ - น้องฟ้องผิดว่า อันนี้ทำให้พระเจ้าเสียเกียรติ อันนี้ทำให้พระเจ้าตกต่ำลงพี่-น้องก็ไม่สมควรที่จะทำ

การบริหารการเงินอย่างง่าย ๆ

ประการที่ 7 ฟลป.4:19 และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัด ที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์

ประการที่ 7 คือ อยู่บนสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียม

มีพี่ - น้องท่านใดเคยอ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์ ทั้งในภาค O/T & N/T แล้วเจอพระคำของพระเจ้าที่ทรงตรัสว่า เมื่อเรามาเชื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้วหรือถ้าเรามาติดตามพระเยซูแล้วพระองค์ทรงสัญญาว่าเราจะมีทรัพย์สินเงินทองอย่างมากมาย ? มีมั้ยครับ

สิ่งที่พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้ซึ่งเป็นพระสัญญานิรันดร์ของพระเจ้านั่นก็คือ พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นให้กับเรา ซึ่งนั่นมิได้หมายความว่า เราจะไม่ขาดเท่านั้น แต่นั่นหมายความว่า เราจะมีอย่างเพียงพอและพอเพียง ที่เราจะสามารถแบ่งปันหรือเป็นพระพรให้กับคนอื่นๆได้ด้วย

ดังนั้นผู้เชื่อหรือคริสเตียนทุกคน ควรจะเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่บนสิ่ง ที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมเอาไว้ให้กับเรา อีกทั้งเรียนรู้ที่จะไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันของความอยากได้ใคร่มีของเนื้อหนัง ของตนเองมากจนเกินไป รวมทั้งเรียนรู้ที่จะไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันของความโลภ หรือความอยากได้ในทรัพย์สิน - เงินทองและหรือสิ่งของจนเกินความพอดี

อ. เปาโล ได้พูดเอาไว้อย่างหนักแน่นและมั่นคงในพระธรรม ฟลป.4:11 - 12 ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องของความขัดสนเพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น ข้าพเจ้ารู้จักที่เผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ไม่ว่ากรณีใดๆ ข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุขและความขัดสน

ซึ่งนั่นหมายความว่า อัครทูต เปาโล เรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยความพอใจในทุกๆกรณีเสมอ ไม่ว่าจะมีมากหรือมีน้อย และหรือไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะเป็นอย่างไรก็ตามก็ไม่เป็นอุปสรรคหรือเป็นปัญหาสำหรับ อ. เปาโล เลยแม้แต่น้อย และผมกับ อ.ดาก็เรียนรู้ในการรับใช้ในแบบอย่างที่ อ. เปาโล เป็น

ผมอยากจะเรียนกับพี่ - น้องอย่างนี้ครับว่า ตั้งแต่เดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ผมเพียงคนเดียวนะครับไม่นับรวม อ.ดา นะครับ ผมได้รับเงินสนับสนุนจากคริสตจักรแม่ เหลือเพียงเดือนละ 3,300- น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำไหมครับ ทั้งๆที่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วผมเคยได้รับเงินเดือนๆละ 31,000 บาท

ซึ่ง 3,300 พี่ - น้องคิดว่าผมได้ใช้ไหมครับ ? ไม่ได้ใช้ ผมต้องเลี้ยงดูคุณแม่ของภรรยาตามสัญญาที่ได้ให้ไว้ในวันแต่งงานว่า แม่ของเขาจะเป็นแม่ของผม รวมทั้งน้องชายของภรรยาอีก 1 คนที่เป็นผู้ทุพพลภาพโดยถาวร

นอกจากไม่ได้ใช้แล้ว ผมยังต้องรับผิดชอบคุณภาพชีวิตคนในครอบครัวของผม โดยต้องส่งเบี้ยประกันชีวิตรายเดือนๆละ 7000-

และการที่ผมแบ่งปันกับพี่ - น้องในเรื่องนี้ให้กับพี่น้องฟัง นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ผมบ่น หรืออยากให้พี่ - น้องสมาชิกในคริสตจักรจะต้องมาถวายอะไรให้กับผม

แต่การที่ผมแบ่งปันกับพี่ - น้องในเรื่องนี้ก็เพื่อที่จะให้พี่ - น้องได้ภาระใจอธิษฐานเผื่อผม รวมทั้งต้องการให้พี่ - น้องได้เห็นถึงพระคุณของพระเจ้าที่ไหลผ่านชีวิตของผม ว่าเมื่อเรารับใช้พระองค์พระองค์จะทรงดูแล

ไม่เพียงเท่านั้นพี่ - น้องที่รัก พระเจ้ายังให้ครอบครัวของผม ยังได้เป็นพระพรให้กับผู้อื่นด้วย สิ่งที่ผมต้องการที่จะบอกกับพี่ - น้องนั่นก็คือว่า พระคุณของพระเจ้านั้น มันมีมูลค่ามากกว่าเงินที่ผมกับครอบครัวของผมถูกตัดออกไปเสียอีก

การบริหารการเงินอย่างง่าย ๆ

ประการที่ 8 สภษ.22: 26 - 27อย่าเป็นพวกที่ตกปากลงคำ อย่าเป็นพวกผู้เป็นประกันหนี้สิน ถ้าเจ้าไม่มีอะไรชำระเขา ทำไมจึงควรให้เขาเอาที่นอนไปจากใต้ตัวเจ้าเล่า

ประการที่ 8 คือ อย่าค้ำประกัน

พี่ - น้องเคยได้ยินคำนี้ไหมครับว่า เป็นเมียทหารนับขวด เป็นเมียตำรวจนับแบงค์ ผมเคยได้ยินคำนี้มาตั้งแต่ผมเป็นเด็กแต่พี่ - น้องทราบไหมครับว่า มีภรรยาตำรวจคนหนึ่ง ที่ขายปลาเผาอยู่หน้า สภอ.เมือง ต้องนับแบงค์ใช้หนี้วันละ 2,000- เพราะไปค้ำประกันผู้อื่น

ศิษยาภิบาลคนหนึ่งที่ผมรู้จัก ต้องสูญเสียงานรับใช้ในคริสตจักรฯ เหตุเพราะไปค้ำธุรกิจการค้าให้กับพี่ - น้องสมาชิกในคริสตจักรฯ

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อเราค้ำประกันคนอื่นนั่นหมายความว่าอะไรพี่ - น้องทราบไหมครับ ?

คำอธิบายตามประมวลกฎหมายแพ่ง & พาณิชย์ ว่าด้วยการค้ำประกัน คือ เมื่อเราค้ำประกันบุคคลอื่น นั่นหมายความว่า

- เรายอมรับสภาพการเป็นลูกหนี้ และถ้าเป็นสามีภรรยาที่มีทะเบียนสมรสให้รับสภาพหนี้ร่วมกัน

- เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการชำระหนี้สินแทนคนๆนั้นทั้งหมด ในกรณีที่เขาไม่ยอมชำระหนี้ หรือในกรณีที่เขาออกจากงาน และหรือหายหน้าหายตาไป

ซึ่งในสังคมปัจจุบันนั้น มีผู้คนเป็นจำนวนมากที่เคยผ่าน และมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาแล้ว และหลายๆคน ก็เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ที่มีความสนิทสนมรักใคร่ชอบพอกันเป็นอย่างดี

แต่พี่ - น้องทราบมั้ยครับว่ามีอะไรเกิดขึ้น ?   มากกว่า 70 % ที่เพื่อนช่วยเหลือเพื่อน โดยการเซ็นต์ค้ำประกันให้แก่กันและกัน ท้ายสุดไม่เหลือความเป็นเพื่อนให้แก่กันและกัน  

ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกล่าวเตือนเราในเรื่องนี้ ไม่เพียงในหนังสือ สภษ.22:26-27 เท่านั้น แต่พระองค์ยังได้กล่าวเตือนเราอีก 6 ครั้งในพระธรรมสุภาษิตว่า อย่าทำ

เพราะฉะนั้นถ้าพี่ - น้องจะไปเป็นนายประกัน หรือจะไปค้ำประกันใครก็ตาม พี่ - น้องจะต้องอธิษฐานและฟังเสียงของพระเจ้าให้ดีๆโดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจแบบนี้

การบริหารการเงินอย่างง่าย ๆ

ประการที่ 9 มธ.6:33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินและความชอบธรรมของพระเจ้าก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้

ประการที่ 9 คือ แสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้า

พี่ - น้องทราบไหมครับว่า สุดยอดเกษตรกรเอกของประเทศไทย นั้นคือใคร ? พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พี่ - น้องที่รักครับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริ ให้ข้าราชบริพารได้ทดลองทำโครงการต่างๆ ขึ้นมาอย่างมากมายในพระบรมมหาราชวังของพระองค์ท่าน

ผลงานทางเกษตรชนิดต่างๆ หรือประเภทต่างๆที่ผ่านการทดสอบ แล้วพระองค์ท่านทรงเห็นว่าดี พระองค์จึงอนุญาตให้พสกนิกร นำออกไปใช้ได้

เพื่อที่คนเหล่านั้น จะสามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ตามแนวทางเศรษฐกิจ พอเพียง ที่พระองค์ได้ทรงให้ไว้

แน่นอนครับพี่ - น้องที่รักว่า แนวทางเศรษฐกิจ พอเพียง นี้ แม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้คนที่เดินตามพระราชดำรินี้ ร่ำรวยอะไร แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คนที่เดินตามพระราชดำรินี้ จะต้องมีหนี้สินอะไร ที่จะทำให้เขาต้องรู้สึกทุกข์ใจ เช่นเดียวกับพระวจนะของพระเจ้าที่ได้ทรงตรัสเอาไว้ใน

มธ. 6 : 33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินและความชอบธรรมของพระเจ้าก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้ ซึ่งเป็นพระราชดำริที่พระเจ้าได้เห็นสมควรแล้วว่า ถ้าเราได้ให้

ชั่วโมงที่หนึ่งของวันแด่พระเจ้า

วันที่หนึ่งของสัปดาห์ คือ วันสะบาโตนั้นแด่พระเจ้า

พระเจ้าเป็นที่หนึ่งของเงินที่เราได้รับ

พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในบ้านหรือในครอบครัวของเรา

พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในคริสตจักรของเรา

พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในทั้งหมดที่เราทำหรือที่เรามี

พี่ - น้องก็จะได้รับพระพร แห่งพระสัญญาของพระเจ้าทั้งหมด ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมตามความจำเป็นต่างๆให้กับเราอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ร่ำรวยอะไร แต่เราก็จะไม่มีหนี้สินอะไร ที่จะทำให้เราต้องรู้สึกต้องทุกข์ใจ

และการบริหารการเงินอย่างง่ายๆประการสุดท้าย

ประการที่10 สดด.37:21 คนอธรรมขอยืมและไม่จ่ายคืน แต่คนชอบธรรมนั้นใจกว้างขวางและแจกจ่าย

ประการที่ 10 คือ วางแผนการปลดหนี้

                พระคำของพระเจ้า ได้ตรัสเอาไว้อย่างชัดเจนในหนังสือ สดด.37:21 ว่าคนที่ชอบเบี้ยวหรือคนที่ชอบชักดาบคนอื่นนั้นคือ คนอธรรม

พี่ - น้องทราบไหมครับว่า มีผู้เชื่อใหม่หลายคน ที่ไม่ยอมเข้ากลุ่มกพช.เพื่อศึกษาพระคำของพระเจ้า

พอเห็นพระคำของพระเจ้าใน 2 คร. 5 : 17 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น

แล้วก็ตีความพระคำของพระเจ้าเข้าข้างตัวเองว่า

ดังนั้นหนี้สินเก่าๆ ฉันก็ไม่มีแล้ว เพราะฉันเป็นคนใหม่แล้ว เราทำแบบนี้ได้ไหมครับพี่ - น้องครับ ? เราจะมั่วนิ่มๆแบบนี้ไม่ได้เพราะมันคนละเรื่องเดียวกัน

ดังนั้นผมจึงขอหนุนใจพี่ - น้องนะครับว่าให้เข้ากลุ่มศึกษาพระคัมภีร์กับ อ.ดา ผู้ซึ่งเป็นผู้มีของประทานในการสอนเป็นอย่างมาก

ในทางตรงกันข้ามเมื่อเรามาเป็นบุตรของพระเจ้าแล้วเรายิ่งต้องปลดหนี้ของเราให้เร็วที่สุด เพื่อที่พระเจ้าจะทรงได้รับเกียรติผ่านชีวิตของเรา

คำถามคือว่า แล้วเราจะทำอย่างไร ?

สิ่งแรกที่เราจะต้องทำ นั่นก็คือ เราไม่ต้องร้องเพลงเตรียมหนีนี้ เตรียมหนี เตรียมหนีนี้นี้ เราไม่ต้องร้องเพลงนี้อีกต่อไป

แต่เราจะต้องตรวจสอบหนี้ ที่เรามีอยู่ทั้งหมดว่า มันมีความพะรุงพะรังมากน้อยแค่ไหน ถ้ามันเยอะไปหมด ก็ให้เราเลือกที่จะเลือกจ่ายหนี้สิน ที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่แพง เช่น หนี้นอกระบบ หรือ หนี้บัตรเครดิต เป็นต้น

ขั้นตอนต่อมาให้พี่ - น้องเตรียมที่จะเปลี่ยนชื่อตัวเอง จากนายหรือ น.ส. หรือ นาง อะไรก็ตามแต่ เปลี่ยนเป็น นายประหยัด น.ส. ประหยัด หรือ นาง มัธยัสถ์ เป็นต้น

ไม่ใช่เพียงแค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น ครอบคลุมไปถึงการกระทำด้วย เช่น อยู่อย่างประหยัด กินอย่างประหยัด เที่ยวอย่างประหยัด แต่งกายแบบประหยัด เสริมสวยแบบประหยัด เป็นต้น และไม่ใช่ท่านทำคนเดียวเท่านั้นน๊ะครับ ครอบคลุมไปถึงทุกๆคนในครัวเรือนที่อยู่ในบ้านของพี่ - น้องด้วย

ผมมีความเชื่ออย่างมั่นใจว่า ถ้าครอบครัวของพี่ - น้องคนไหน ที่เป็นผู้ที่มีภาระหนี้สิน และได้มีการวางแผนร่วมกัน ในการที่จะปลดหนี้สินตามประเด็นต่างๆที่ได้กล่าวมา ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อให้เป็นที่ถวายพระเกียรติยศแด่พระเจ้า ผมเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงร่วมมือกับท่านด้วยอย่างแน่นอน

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ รม.8:28 ตรัสดังนี้ว่า เรารู้ว่าพระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือ คนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์

สรุป ผมจะจบคำเทศนาในเช้าวันนี้ โดยการเล่าข่าวให้พี่ - น้องฟังเรื่องหนึ่ง เนื้อข่าวเขาว่าอย่างนี้ครับว่า มีนักธุรกิจหนุ่มใหญ่คนหนึ่ง ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อ BMW ราคาเกือบ 2 ล้านบาท ออกจากบ้านพักแถวคลอง 5 จ.ปทุมธานี มาได้ประมาณ 300 ม.

ปรากฏว่าต้นก้ามปูที่ยืนต้นตายอยู่ ได้หล่นลงมาฟาดนักธุรกิจหนุ่มใหญ่คนนี้เสียชีวิตในทันทีข่าวบอกว่า บริษัทที่นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ผู้นี้ เขาทำหน้าที่ทั้งเป็นเจ้าของและบริหารอยู่ด้วยนั้น มีผลกาไรในปีที่ผ่านมาประมาณ 2 - 3 พันล้านบาท คำถามคือว่าเขาได้ใช้ไหมครับ ? อ. เปาโล ได้กล่าวเอาไว้ในหนังสือ1 ทมธ. 6 : 7 - 8 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกฉันใด เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น แต่ถ้าเรามีอาหารและเสื้อผ้าก็ให้เราพอใจด้วยของเหล่านี้เถิด อาเมนให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐานครับ

Green City