วันพ่อ

   คำเทศนาเรื่อง วันพ่อ

 

ขอพระคุณ ความรักและสันติสุขขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า ดำรงอยู่กับพี่น้องทุกท่านเสมอไป

สวัสดีครับพี่ - น้องที่รักผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับโอกาสและสิทธิพิเศษที่พระเจ้าหนุนนำผมผ่านทาง อ.ประยงค์ อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ผมนั้นได้มีโอกาสเดินทางมาแบ่งปันพระคำของพระเจ้าให้กับพี่ - น้องได้รับฟังกันในเช้าวันนี้ และก่อนที่ผมจะเทศนาให้กับพี่ - น้องที่ คจ. ใจสมานสมุทรสงคราม ได้รับฟังกัน ผมก็มักที่จะถามพี่ - น้องของผมอยู่เสมอว่า พี่ - น้องพร้อมที่จะฟังพระคำของพระเจ้าหรือยังครับ ? พี่ - น้องที่สมุทรสงคราม ก็จะตอบผมด้วยคำตอบที่ว่า….อุ๊ยตื่นเต้น….อุ๊ยตื่นเต้น

ดังนั้นในเช้าวันนี้ ผมจะถามพี่ - น้องที่นี่ด้วยคำถามอย่างเดียวกันและผมคาดหวังว่าพี่ - น้องที่นี่จะหนุนใจผม ด้วยคำตอบอย่างเดียวกันกับพี่-น้องที่สมุทรสงครามนะครับ และในเช้าวันนี้ผมจะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากหนังสือ ฉลธ. 5:16 ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ ฉลธ.5:16 และเราจะอ่านพระคำของพระเจ้าในข้อนี้พร้อมๆกัน อย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า ดังที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนานและเจ้าจะไปดีมาดีในแผ่นดิน ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “ พ่อที่ดีเลิศสำหรับทุกคน ” ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่ - น้องทราบไหมครับว่า

วันที่ 19 ม.ค. ของทุกปีนั้น ตรงกับ วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศอะไร ?

คำตอบ :                                                                           เบลเยี่ยม อิตาลี โปรตุเกส สเปน

08   พ.ค.                                                                           เกาหลีใต้

05   มิ.ย.                                                                            เวียดนาม

W3 มิ.ย.**                                                                        สหรัฐ

23   มิ.ย.                                                                           โปแลนด์ นิการากัว

07   ก.ค.                                                                           บราซิล

W2 ส.ค.                                                                          อาร์เจนตินา แคนาดา ชิลี คิวบา อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ตุรกี ปากีสถาน ปานามา เขมร จีน อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย   ฟิลิปินส์ ฝรั่งเศส สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์

W1 ก.ย.                                                                            ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

W2 พ.ย.                                                                           ฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน

05   ธ.ค.                                                                           ไทย

พี่ - น้องที่รักครับจากข้อมูลทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้นเราพบอะไร ?

เราพบว่า วันพ่อ ในโลกใบนี้นั้นมีน้อยหรือมีมากครับพี่ - น้อง ?

เราพบว่า วันพ่อ ในโลกใบนี้นั้นมีมากมาย แต่คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า แล้ววันพ่อวันใดเล่า ที่มีความสำคัญยิ่งต่อประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ( 5 ธ.ค. )

คำถามที่น่าสนใจอีกคำถามหนึ่งนั่นก็คือว่า และพี่ - น้องคิดว่าคนไทยทั้งประเทศต่างได้ให้ความรักกับพ่อหลวง พระองค์นี้กันอย่างแท้จริงหรือจริงหรือไม่ ?  

       ผมเชื่อว่ามีคนไทยเป็นจำนวนมาก ที่รักพ่อหลวงพระองค์นี้

1 ) เพียงแค่ลมปากเท่านั้น ปากก็บอกว่ารักพระองค์ท่าน แต่การกระทำดูแล้วมันยังไงๆมันก็ไม่ใช่ อย่างที่พี่ - น้องได้แลเห็นๆกันอยู่ พอจบเพลงสรรเสริญพระบารมีในวันที่ 5 ธ.ค. เพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น เราก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม คอรัปชั่นกันเหมือนเดิม ซื้อเสียงกันเหมือนเดิม ใฝ่หาอบายมุขกันเหมือนเดิม ( พี่ - น้องว่าจริงไหมครับ )

2 ) เพียงแค่ภายนอก โดยที่เขานั้นไม่ได้ยึดเอาพระดำรัสของพระองค์ท่าน มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันหรือสำแดงออกด้วยการกระทำอย่างที่ควร สังเกตได้จากการที่หลายๆคน ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไรก็ตาม แต่หัวใจของเขานั้นยังใฝ่หาอบายมุขนานาชนิด ทั้งยาเสพติด เข้าบ่อนเล่นการพนัน แทงหวยบนดิน - ใต้ดิน สูบบุหรี่ กินเหล้า เที่ยวบาร์ ร้องคาราโอเกะ ขึ้นสาวอาบ อบ นวด หิ้วสาวโคโยตี้ รวมทั้งดูสื่อลามก อนาจารต่างๆทั้งทาง CD และทางอินเตอร์เน็ท เป็นต้น

สิ่งต่างๆเหล่านี้เองพี่ - น้องที่รัก เป็นคำตอบที่ชัดเจน ที่ทำให้เรารู้ว่ามีคนไทยเป็นจำนวนมาก ที่ไม่จริงใจในการรักพระองค์ท่าน หรือรักพระองค์ท่านเพียงแค่ลมปากเท่านั้น

พี่ - น้องที่รักครับ พฤติกรรมของคนไทยที่บอกว่ารักพระองค์ท่าน แต่ไม่ได้ยึดเอาพระดำรัสที่พระองค์ท่าน ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตอย่างแท้จริง ทำให้ผมคิดถึงพระคำของพระเจ้าที่ได้มีการบันทึกเอาไว้ใน มก. 7:6 พระคำของพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแต่ปากแต่ใจของเขาห่างไกลจากเรา

ซึ่งโดยแท้จริงแล้ววันที่ 5 ธ.ค. ของทุกปี เราทุกๆคนควรที่จะทำวันนี้ให้เป็นวันที่พระองค์ท่านทรงได้ปลื้มพระทัย

แต่เราทำไหมครับพี่ - น้อง ? เราทำแต่ก็เหมือนไม่ได้ทำเพราะเรากับไปทะเลาะกันเหมือนเดิม และโดยแท้จริงแล้วพี่ - น้องคิดว่าลึกๆ แล้วพระองค์ท่านทรงทราบไหมครับ ว่าลูกๆของพระองค์เป็นแบบนี้ รู้ แต่พระองค์ทรงเก็บความทุกข์ส่วนพระองค์นี้ไว้

สิ่งที่พระองค์ทรงทำนั่นก็คือ การใช้พระเนตรข้างซ้ายเพียงข้างเดียวของพระองค์บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ลูกของพระองค์ต่อไป

ซึ่งถ้าพี่ - น้องอยากทราบว่า 70 กว่าปีที่ผ่านมา พ่อหลวง พระองค์นี้ได้ทรงทำงานหนักมากน้อยแค่ไหน ก็ขอให้พี่ - น้องได้ลองเอามือปิดตาข้างขวาของพี่ - น้อง แล้วลองทำงานดูสัก 1 วัน

พี่ - น้องก็พอจะเข้าใจและรู้ว่า 70 กว่าปีที่ผ่านมาของ พ่อหลวง พระองค์นี้ได้ทรงทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมากน้อยแค่ไร

จากพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกัน เราพบอะไร ?

ประการที่ 1 เราพบพระบัญชาหรือคำสั่งของพระเจ้า

พี่ - น้องที่รักครับ พระบัญญัติ 10 ประการที่พระเจ้าได้ทรงประทานมอบให้กับชนชาติอิสราเอลผ่านทางโมเสสนั้น เราสามารถสรุปเป็นพระบัญญัติใหญ่ๆได้ 2 พระบัญญัติด้วยกัน

พระบัญญัติแรก ตั้งแต่ข้อที่ 1 - 4                

พระบัญญัตที่ 2 ตั้งแต่ข้อที่ 5 - 10

พระบัญญัติแรกตั้งแต่ข้อที่1-4นั้นเป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า

ส่วนพระบัญญัติข้อที่2ตั้งแต่ข้อที่5-10นั้นเป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน

พระบัญญัติข้อแรก ที่เป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าอยู่ในหนังสือ อพยพ 20:3ให้ที่ประชุมเปิดไปที่หนังสือ อพยพ. 20:3 และให้ที่ประชุมอ่านพร้อมกันด้วยเสียงดัง พระคำของพระเจ้าตรัสว่า อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา

พระบัญญัติข้อแรกที่เป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน

อยู่ในหนังสืออพยพ 20:12 ให้ที่ประชุมเปิดไปที่หนังสือ อพยพ.20:12 และอ่านอย่างช้าๆพร้อมๆกันด้วยเสียงที่ดัง พระคำของพระเจ้าตรัสว่า จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า

ซึ่งถ้าพี่ - น้องได้นำพระคำของพระเจ้าทั้ง 2 ข้อนี้ มาไตร่ตรอง ใคร่ครวญและพิจารณากันให้ดีๆพี่ - น้องก็จะพบว่า

องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นได้ทรงวางตำแหน่งของบิดา - มารดา ให้มีความสำคัญเป็นลำดับที่ 2 รองจากพระเจ้า เหมือนดั่งที่หลายๆ คนมักจะพูดว่าพ่อ - แม่เป็น พระ องค์ที่ 2 ของลูก

เมื่อพระเจ้าได้วางตำแหน่งของบิดามารดา ให้มีความสำคัญเป็นลำดับที่ 2 รองจากพระองค์ ซึ่งนั่นหมายความว่า ลูกทุกๆคนควรต้องเคารพและให้เกียรติแก่บิดามารดาของตน

พี่ - น้องที่รักครับ คำว่า จง คำนี้ เป็นพระบัญชา - เป็นคำสั่งของพระเจ้าเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสสั่งนายกรัฐมนตรี / คณะรัฐมนตรี ตลอดจนพวกข้าราชบริพารของพระองค์ท่าน ผู้คนเหล่านี้ต่างปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ท่านมั้ยครับพี่ - น้อง ? ต้องปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติไม่ได้

เช่นเดียวกันพี่ - น้องที่รักครับ เมื่อพระเจ้า พระบิดาของเรา พระองค์ทรงตรัสสั่งพวกเราทั้งหลายเอาไว้อย่างชัดเจนว่า จงให้เกียรติแก่บิดา มารดาของตน ดังนั้นพวกเราจะต้องปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติไม่ได้

พี่น้องที่รักครับ ชนชาติอิสราเอลในสมัยแรกนั้น เขาเรียนรู้จักการให้ความสำคัญกับบิดามารดาของตนเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากการที่ อับราฮัมผู้เป็นบิดาหาภรรยาให้กับอิสอัคผู้เป็นบุตรชายของตน ผ่านทางเอลีเยเซอร์ ซึ่งเป็นคนรับใช้ที่มีอาวุโสที่สุดในบ้าน ซึ่งพระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้ในหนังสือ ปฐก. 24:67 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “ อิสอัคก็พาเธอเข้ามาในเต้นท์ของซาราห์มารดาของท่าน และรับเรเบคาห์ไว้เธอก็เป็นภรรยาของท่าน ” ซึ่งนั่นหมายความว่า อิสอัคได้ให้ความเคารพและให้เกียรติแก่บิดาของตนไหมครับ? อิสอัคได้ให้ความเคารพและให้เกียรติกับบิดาของตนโดยรับนาง เรเบคาร์ ไว้ด้วยความยินดีและเต็มใจในภรรยาที่ผู้เป็นบิดาได้จัดเตรียมเอาไว้ให้

อีกตัวอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เราทราบว่า ชนชาติอิสราเอลในสมัยแรกนั้น เขาเรียนรู้จักการให้ความสำคัญกับบิดามารดาของตนเป็นอย่างมากดังจะเห็นได้จาก โยเซฟผู้เป็นบุตรของยาโคบ ซึ่งขณะนั้นโยเซฟเป็นเสมือนกับนายกรัฐมนตรีของประเทศอียิปต์ เขาได้พาบุตรชายทั้ง 2 คนของเขา คือ เอฟราอิมกับมนัสเส่ห์ ไปเยี่ยมเมื่อครั้งที่ยาโคบล้มป่วย

ซึ่งพระคัมภีร์ได้มีการบันทึกไว้ในปฐก. 48 : 1 - 2 ( ให้ที่ประชุมได้อ่านพร้อมกัน ) โยเซฟไม่เพียงแต่ได้ให้เกียรติแก่บิดาของตนเท่านั้น ในข้อที่ 11 - 14 ทำให้ เราทราบว่า ยาโคบ นั้นมีความชื่นชมยินดีที่จะได้พบหลานทั้งสองคนด้วย

ย้อนกลับมาดูสังคมไทยในปัจจุบัน เวลานี้พี่ - น้องคิดว่าบรรดาลูกที่เกิดมาเป็นผู้เป็นคนกันในเวลานี้ได้ให้เกียรติแก่บิดา มารดาของตนมากน้อยแค่ไหน

ลูกสมัยนี้พออยากจะได้รถยนต์ เขาคิดถึงใครเป็นคนแรกครับ : คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ อยากให้พ่อแม่ซื้อให้

พอได้รถแล้วเขากับคิดถึงใครเป็นคนแรกครับ : คิดถึงแฟน อยากให้แฟน ได้นั่งรถเป็นคนแรก และแฟนที่พามานั่งด้วย ใครเป็นคนเลือกให้ครับ ? เหมือนกับที่อับราฮัมเลือกนางเรเบคาห์ให้กับอิสอัคมั้ยครับ ? หรือเขาเลือกกันเอง เขาเลือกกันเอง

ดังนั้น เมื่อมีปัญหา ก็ทะเลาะกันเอง และท้ายสุดเขาก็เลิกกันเอง พอบิดา - มารดาถามไถ่ว่า เป็นไง ? คบกันไปถึงไหน ? ลูกบางคนถึงกับโกรธ บางคนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ

พ่อแม่บางคนถามว่า จะให้พ่อ - แม่ ช่วยหาให้เอาไหม ?   ลูกบางคนถึงกับบ่นว่าพ่อ - ว่าแม่ในทำนองที่ว่า “ พ่อแม่จะไปเข้าใจอะไร ”

พ่อ - แม่ในปัจจุบันหลายคนจึงต้องยกตำแหน่ง บางตำแหน่งให้กับลูกของตัวเอง พี่ - น้องทราบมั้ยครับว่าตำแหน่งอะไร ? พ่อมหาจำเริญ

ซึ่งความหมายที่แท้จริงของคำว่า พ่อมหาจำเริญ นั้นหมายความว่า ในสายตาของเราคนๆนี้เป็นคนที่เรา พูดว่าอะไรเขาไม่ได้เลย เพราะอะไร ?

เพราะเขาเป็นคนที่มีการประพฤติ มีการปฏิบัติหรือชีวิตที่เป็นแบบอย่างที่ดีมากๆ

แต่พอคำว่า พ่อมหาจำเริญ มาใช้กับลูก ความหมายที่ผมได้อธิบายความไปเมื่อสักครู่พี่ - น้องคิดว่ามันเปลี่ยนไหมครับ :

น้ำเสียงเปลี่ยน ความหมายก็เปลี่ยนไปด้วย เป็นคำพูดเชิงประชดประชัน

ให้ที่ประชุมเปิดไปที่หนังสือ มก.7:9-13 เมื่อพบแล้วเราจะอ่านพร้อมกัน พระคำของพระเจ้าใน มก.7:9-13 ที่เราได้อ่านร่วมกันได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานั้น

คำถามคือว่า เกิดปัญหาอะไร ให้ที่ประชุมอ่านข้อที่ 9 , 13 ร่วมกันอีกครั้งหนึ่งด้วยเสียงดัง

ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ เกิดการสอนผิดแปลกไปจากพระวจนะคำของพระเจ้า ทำให้มีคนยิวเป็นจำนวนมาก มีค่านิยมที่ผิด หันไปเชื่อคำสอนของมนุษย์มากกว่าคำสอนของพระเจ้า สมัยของพระเยซูคริสต์เจ้า ใครเป็นผู้ทำหน้าที่ในการสอนในพระวิหารครับพี่น้อง ? พวกฟาริสี - ธรรมจารย์

พวกฟาริสี ธรรมจารย์ ได้สอนคนยิวในสมัยนั้นว่า สิ่งใดก็ตามที่ท่านได้ให้กับพวกเราแล้ว ก็เปรียบเสมือนว่าท่านได้ให้กับบิดา มารดาของท่านแล้ว ดังนั้นพระบัญญัติของพระเจ้าที่ได้ให้ไว้กับโมเสส เกี่ยวกับการให้เกียรติหรือให้ความสำคัญแก่บิดา มารดา ท่านไม่จำเป็นต้องทำก็ได้

และด้วยคำสอนของพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์นี้เองพี่ - น้องที่รัก เป็นเหตุทำให้ชาวยิวหลายคนในสมัยนั้น ต่างได้ละทิ้งและไม่เลี้ยงดูบิดา มารดาของตน พี่ น้องคิดว่าคำสอนอย่างนี้ถูกต้องไหมครับ ?

( จะถูกหรือไม่ผมจะยังไม่ตอบ แต่จะให้ข้อสังเกตกับพี่ - น้องอย่างนี้ว่า ) คำสอนใดก็ตามที่ไม่สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า ล้วนแต่เป็นคำสอนที่ผิดทั้งสิ้น เช่นเดียวกับคำสอนของพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ ที่ผมได้กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้ เป็นคำสอนที่ขัดขวางต่อการให้เกียรติแก่บิดา มารดา ไหมครับพี่น้อง ?

ดังนั้นคำสอนนี้จึงเป็นคำสอนที่ผิด ? อาจจะกล่าวได้ว่าพวกฟาริสีหรือพวกธรรมาจารย์นั้น เขาใช้พระวจนะของพระเจ้าเป็นเครื่องมือในการทำมาหากิน และหรือใช้พระวจนะของพระเจ้าเป็นเครื่องมือในการทำมาหาเก็บของพวกเขาก็ได้

คำถามก็คือว่า ในปัจจุบันคำสอนที่ไม่ถูกต้องนี้ยังคงมีอยู่ไหมครับพี่ - น้องในสังคมไทย

ในสังคมไทยของเรา ผมพบว่าในบางครั้งพอเราจะไปเยี่ยมพ่อ - เยี่ยมแม่ เราก็จะพบว่า พอเพื่อนฝูงบางคนทักว่า

เฮ้ย….เดี๋ยวนี้เขาใช้โทรศัพท์กันแล้วไม่ต้องไปก็ได้ พี่ - น้องเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้ไหมครับ

เฮ้ย….สิ้นเดือนแล้วนายค่อยโอนตังค์ไปให้แกก็ได้ ขาดเหลืออะไรก็ซื้อฝากคนอื่นเอาไปให้แกก็ได้ พี่ - น้องเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้ไหมครับ

ผมอยากที่จะบอกกับพี่ - น้องด้วยใจที่สัตย์ซื่อว่า คำสอนเหล่านี้หรือคำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดหรือคำสอนที่ใช้ไม่ได้

คำสอนเหล่านี้เป็นคำสอนที่ไม้ให้เกียรติบิดา - มารดา ฟังแล้วทำให้เราเกิดความหลีกเลี่ยงที่จะไม่ไปเยี่ยมเยียน พ่อแม่ หรือทำให้เราคิดว่าเราจะไปเยี่ยมเมื่อไหร่ก็ไปได้ เห็นพ่อ - แม่เป็นลูกไก่ในกำมือหรือเป็นของตาย

ด้วยเหตุนี้นี่เองพี่ - น้องที่รักครับ เราจึงพบว่าพ่อ - แม่ที่มีฐานะที่ดีหลายคนในหลายๆปีที่ผ่านมา จึงพากันนำที่ดินหรือทรัพย์สิน-เงินทองที่มีอยู่ไปถวายให้กับวัด

เหตุก็เพราะว่า ลูกไม่เคารพและให้เกียรติต่อผู้เป็นบิดา - มารดาหรือลูกไม่ให้ความสำคัญต่อพ่อ - แม่นั่นเอง ให้เราหันไปบอกกับคนข้างซ้าย - ข้างขวาของเราว่า จงให้เกียรติแก่บิดา มารดาของท่าน

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ให้ที่ประชุมอ่าน ฉลธ. 5 : 16 พร้อมกันด้วยเสียงดัง

ประการที่ 2 เราพบพระสัญญาของพระเจ้า

จากพระคำของพระเจ้าข้อนี้เราพบว่า พระเจ้า พระองค์ได้ทรงตั้งพระสัญญา ซึ่งเป็นสัญญาแห่งพระพรเอาไว้ 2 ประการด้วยกัน นั่นก็คือ การมีชีวิตที่ยืนนานและการไปดีมาดีในแผ่นดินโลก

ให้เราถามคนข้างซ้ายขวาว่าท่านอยากได้พระพรของพระเจ้าไหม

ถ้าพี่ - น้องอยากได้ พี่ - น้องจะต้องจ่ายราคา

พี่ - น้องที่รักครับ พระพรของพระเป็นเจ้านั้นเป็นพระพรที่ไม่เหมือนกับที่มนุษย์ในโลกนี้ให้ มนุษย์มักจะให้ในสิ่งของที่ตามองเห็น จับต้องและสัมผัสได้

พอผู้ที่ได้รับเปิดออกมาดูแล้วรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างครับ ? ดีใจ…อุ้ยตื่นเต้น…อุ้ยตื่นเต้น

ซึ่งตรงกันข้ามกับพระพรของพระเจ้า พระพรของพระเจ้านั้นเป็นพระพรในฝ่ายจิตวิญญาณ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถที่จะมองเห็นด้วยสายตาของเรา ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงไม่ค่อยตื่นเต้น

ดังนั้นเราจึงไม่ต้องแปลกใจพี่ - น้องที่รัก ที่เราจะเห็นถึงคนที่เป็นลูกในปัจจุบันจึงมีใจจดจ่ออยู่กับงาน เพราะเขาหวังที่จะได้รับพระพรทางด้านวัตถุ ทั้งเกียรติ ลาภ ยศ และคำสรรเสริญ รวมทั้งหวังว่าจะได้รับพระพรทางด้านเนื้อหนัง เช่น บ้านสักหลัง รถสักคัน ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ( ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าไม่ใช่สิ่งผิด )

แต่การที่ลูกได้ละทิ้งงานอีกด้านหนึ่งหรืออีกหน้าที่หนึ่ง ที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ทรงคาดหวังให้ลูกๆได้กระทำนั่นก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องด้วยเช่นกัน

บิดา - มารดาเป็นจำนวนมาก ยอมทำงานหนักเพื่อส่งเสียให้ลูกได้เรียนสูงๆ แต่ยามพ่อเฒ่าชะแลแก่ชรา ลูกกับทอดทิ้ง ลูกกับไม่ดูแลเอาใจใส่ อย่างนี้ถือว่าเคารพและให้เกียรติแก่บิดา - มารดาของตนไหมครับ

พ่อ - แม่หลายคน ยอมที่จะเสียสละหลายสิ่ง หลายอย่างเพื่อลูก แต่ยามที่บิดา - มารดาเจ็บไข้ได้ป่วย ลูกกับไม่ยอมที่จะเสียสละเพื่อพ่อ - แม่ แม้กระทั่งเวลาที่จะดูแลปรนนิบัติ อย่างนี้ถือว่าให้ความสำคัญไหมครับพี่ - น้อง ?

พระคำของพระเจ้าตรัสเอาไว้ในหนังสือ 1ทมธ.5:8 ดังนี้ว่า ถ้าแม้ผู้ใดไม่เลี้ยงดูวงศ์วานญาติของตน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในบ้านเรือนของตน ผู้นั้นก็ได้ปฏิเสธพระศาสนาเสียแล้ว และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้เชื่อเสียอีก

พระพรของคนเป็นลูกที่ได้รับในปัจจุบัน จึงเป็นอย่างที่พี่ - น้องได้เห็นๆกันอยู่ในปัจจุบันเนี่ยแหละครับ

ลูกหลายคนได้รถ แต่ไปก็ไม่ค่อยจะปลอดภัย กลับก็ไม่ค่อยจะปลอดภัย หลายคนจึงต้องพิการหรือเสียชีวิต ถ้าได้รถแต่ต้องพิการหรือเสียชีวิตพี่ - น้องเอาไหมครับ

ลูกหลายคนได้ทั้งบ้าน ได้ทั้งที่ดิน สมใจปรารถนา แต่ต้องเผชิญกับการเจ็บไข้ได้ป่วยมีประโยชน์ไหมครับพี่ - น้อง

ถ้าเราเชื่อฟังอีกทั้งกระทำตามพระบัญชา หรือคำสั่งของพระเป็นเจ้าโดยผู้ที่เป็นลูกไม่ทอดทิ้งงานอีกหน้าที่หนึ่ง ที่พระเจ้าได้ทรงคาดหวัง ให้เราทำ นั่นคือ การให้การปรนนิบัติบิดา - มารดา ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ด้วยการดูแลและเอาใจใส่ โดยให้ความสำคัญต่อท่าน พระพรของพระเจ้าที่ตาเรามองไม่เห็น ก็สามารถนำเราไปสู่พระพรที่ตามองเห็นได้

พี่ - น้องที่รักครับต้นไม้มันเจริญเติบโตมาจากระบบรากต่างๆที่ฝังอยู่ใต้ดิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตามนุษย์เรานั้นมองไม่เห็น แต่นำไปสู่โลกที่ตาของมนุษย์มองเห็นได้นั่นก็คือ ลำต้น กิ่งก้านใบไม้หรือดอกผลของมัน

ในทำนองเดียวกันพี่น้องที่รักครับ พระพรของพระเจ้าเป็นพระพรในฝ่ายวิญญาณ ซึ่งตาเรามองไม่เห็น แต่นำเราไปสู่โลกที่ตาของมนุษย์มองเห็นได้ นั่นก็คือ การมีสุขภาพที่ดี การไม่เจ็บไม่ป่วย การไปดี มาดี การไม่ขัดสนซึ่งทรัพย์สินเงินทอง

ฟังดูแล้วพระพรในฝ่ายจิตวิญญาณของพระเจ้านี้ เกี่ยวพันโดยตรงกับพระพรทางด้านวัตถุไหมครับ ? เกี่ยวข้องกัน

ดังนั้นพี่ - น้องที่รักครับ บุตรคนใดก็ตาม ที่เขาปรนนิบัติรับใช้บิดา - มารดาของตน ด้วยการดูแล เอาใจใส่โดยให้ความสำคัญและทำด้วยความรัก ( ไม่ใช่ทำเพื่อหวังจะได้รับพระพรจากพระเจ้า ) เขาก็จะได้รับพระพรในฝ่ายวิญญาณทั้งสองประการนี้จากพระเจ้าอย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นพระสัญญาของพระเจ้า

สรุป พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้

1. จงให้เกียรติแก่บิดา - มารดา เพราะเป็นพระบัญชาหรือเป็นคำสั่งของพระเจ้า

2. ผู้ที่ให้เกียรติและให้ความสำคัญแก่บิดา - มารดาโดยการปรนนิบัติ ดูแลและเอาใจใส่ จะได้รับพระพรจากพระเจ้า

** หมายเหตุ   W คือ Week (สัปดาห์)

  

Green City