ลาของพระเจ้า

คำเทศนาเรื่อง ลาของพระเจ้า

อีกถ้อยคำหนึ่งที่พระคำของพระเจ้าได้พูดกับพี่น้องผ่านทาง คุณอะยุเดช นั่นก็คือการที่เรานั้นจะเป็นคนที่ไวต่องานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็ขอพระเจ้าเมตตาพี่น้องนะครับ ที่พี่น้องนั้นจะไวต่องานของพระวิญญาณบริสุทธิ์และไวต่อการที่พี่น้องนั้นจะกลับใจใหม่กับพระเจ้าทั้งหลายทั้งปวงนั้นประโยชน์ตกอยู่กับใครครับ ? ตัวของพี่น้องเองทั้งสิ้น และในเช้าวันนี้ผมจะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม ยน.12:9-19 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ ยน.12:9-11 ฝ่ายพวกยิวเป็นอันมากรู้ว่าพระองค์ประทับอยู่ที่นั่นจึงมาเฝ้าพระองค์ ไม่ใช่เพราะเห็นแก่พระเยซูเท่านั้น แต่อยากเห็นลาซารัสผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงให้ฟื้นขึ้นมาจากตายด้วยแต่พวกปุโรหิตใหญ่จึงปรึกษากันจะฆ่าลาซารัสเสียด้วย เพราะลาซารัสเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกยิวหลายคนออกจากพวกเขา และไปเชื่อพระเยซู

           ยน.12:12-19 วันรุ่งขึ้นเมื่อคนเป็นอันมากที่มาในเทศกาลเลี้ยงนั้นได้ยินว่า พระเยซูเสด็จมาถึงกรุงเยรูซาเล็มเขาก็พากันถือใบของต้นอินทผลัมออกไปต้อนรับพระองค์ร้องว่า "โฮซันนา ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระมหากษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงพระเจริญ"และเมื่อพระเยซูทรงพบลูกลาตัวหนึ่งจึงทรงลานั้นเหมือนดังที่มีคำเขียนไว้ว่าทีแรกพวกสาวกของพระองค์ไม่เข้าใจในเหตุการณ์เหล่านั้น แต่เมื่อพระเยซูทรงรับสง่าราศีแล้ว เขาจึงระลึกได้ว่า มีคำเช่นนั้นเขียนไว้กล่าวถึงพระองค์ และคนทั้งหลายได้กระทำอย่างนั้นถวายพระองค์เหตุฉะนั้นคนทั้งปวงซึ่งได้อยู่กับพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ทรงเรียกลาซารัสให้ออกมาจากอุโมงค์ฝังศพ และทรงให้เขาฟื้นขึ้นมาจากความตาย ก็เป็นพยานในสิ่งเหล่านี้เหตุที่ประชาชนพากันไปหาพระองค์ ก็เพราะเขาได้ยินว่าพระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์นั้นพวกฟาริสีจึงพูดกันว่า "ท่านเห็นไหมว่า ท่านทำอะไรไม่ได้เลย ดูเถิด โลกตามเขาไปหมดแล้ว"และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า ลาของพระเจ้า ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

            พี่น้องที่รักครับ พระคำของพระเจ้าที่มาถึงพี่น้องในเช้าวันนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ตอนใหญ่ๆด้วยกันตอนแรกนั้นจะอยู่ในข้อที่ 9-11 เป็นเรื่องของลาซารัสที่พระเจ้าทรงเรียกให้ฟื้นและเป็นขึ้นมาจากความตาย

ส่วนตอนที่สองนั้นจะอยู่ในข้อที่ 12-19 เป็นตอนที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงลาเพื่อเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งพระคำของพระเจ้าในสองตอนนี้ ถ้าดูอย่างผิวเผินก็ไม่น่าที่จะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกัน แต่ถ้าพี่น้องได้อ่านอย่างกลั่นกรอง ใคร่ครวญ และพิจารณาให้ดีๆพี่น้องก็จะพบว่า พระคำของพระเจ้าทั้ง 2 ตอนนี้มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

            จากพระคำของพระเจ้าในข้อที่ 9 -11 เราพบอะไร

ประการที่ 1 เราพบอดีตของคนที่ได้ตายไปแล้ว

ถ้าพี่น้องย้อนกลับไปดูพระคำของพระเจ้าใน ยน.11 พี่น้องก็จะพบว่าคนที่ได้ตายไปแล้วในอดีตนั่นก็คือ ลาซารัส

Q : คือว่า พระคำของเจ้าต้องการที่จะบอกอะไรกับเราผ่านการตายของลาซาลัสหรือการตายของลาซารัสนั้นมันเกี่ยวข้องอะไรกับเรา ?

A : ก็คือว่า พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกกับพี่น้องและผมว่า พวกเราทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ก็คือลาซาลัสคนหนึ่งเช่นเดียวกัน คือคนที่ได้ตายไปแล้วในความบาปซึ่งพี่น้องจะต้องเข้าใจอย่างนี้จริงๆนะครับ

พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 9 - 11 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า แต่เมื่อพระเจ้าทรงเรียกลาซารัสให้ฟื้นและเป็นขึ้นมาจากความตาย ข่าวนี้จึงได้เรื่องลือไปไกล อีกทั้งเป็นเหตุทำให้ชาวยิวเป็นจำนวนมากนั้นได้มาติดตามองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รัก เมื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงทำให้พี่น้องและผมนั้นได้ฟื้นและเป็นขึ้นมาจากความตายในฝ่ายวิญญาณแล้ว ดังนั้นพี่น้องและผมจะต้องสำแดงชีวิตของเรา ให้กับคนที่เดินอยู่บนท้องถนนในเวลานี้ได้เห็นพระคริสต์ผ่านชีวิตของเรา

ซึ่งพี่น้องจะต้องเข้าใจอย่างนี้นะครับว่า คนที่เราเห็นว่าเขากำลังเดินอยู่บนท้องถนนนั้น ถ้าเขาไม่ได้ถ้าต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตของเขานั้น ในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้วเขาคือว่าที่ของคนที่จะต้องตายอย่างแน่นอน

ดังนั้นเมื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงทำให้พี่น้องและผมฟื้นและเป็นขึ้นมาจากความตายในความบาปในฝ่ายวิญญาณแล้ว เราเองก็ควรที่จะสำแดงพระคริสต์ผ่านชีวิตของเราให้เขาได้แลเห็น เหมือนกับชีวิตของลาซารัสในตอนนี้ ที่เขานำคนยิวเป็นจำนวนมากมาถึงแผ่นดินของพระเจ้ามาถึงอาณาจักรของพระองค์

จากพระคำของพระเจ้าในข้อที่ 9-11 เราพบอะไร

ประการที่ 2 เราว่ามีบุคคล 2 กลุ่ม

2.1 กลุ่มแรกนั้นคือ พวกชาวยิว 2.2 ส่วนกลุ่มที่สองนั้นคือพวกฟาริสี ซึ่งผมจะไม่พูดถึงกลุ่มที่ 2 นี้เท่าไหร่นัก

พี่น้องที่รักครับ เมื่อพระเจ้าทรงเรียกลาซารัสให้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย ข่าวนี้จึงได้เรื่องลือไปไกล อีกทั้งเป็นเหตุทำให้ชาวยิวเป็นจำนวนมากนั้น ได้มาติดตามองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

ดังนั้นชาวยิวกลุ่มแรกที่มาบ้านเบธานีในตอนนี้เพื่ออะไรครับ ? เพื่อต้องการที่จะเห็นลาซารัสที่ได้ฟื้นและเป็นขึ้นมาจากความตายก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งแท้ที่จริงแล้วองค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็ทรงประทับอยู่ที่นั่นด้วย แต่พวกเขากับพุ่งความสนใจไปที่ลาซารัสก่อนเป็นอันดับแรก

และจากพฤติกรรมที่พวกเขาได้แสดงออกนี่เองทำให้เราทราบว่า “พวกเขามาดูลาซารัสเพื่อต้องการที่จะเห็นถึงผลลัพธ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูกระทำผ่านลาซารัสก็ว่าได้”

จากท่าทีของพวกยิวที่พระคัมภีร์ตอนนี้ได้มีการบันทึกเอาไว้ว่าแต่อยากเห็นลาซารัสผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงให้ฟื้นขึ้นมาจากตาย พี่น้องคิดว่าพวกยิว เขาได้พบกับพระคริสต์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาไหมครับ ? ไม่

การที่พวกยิวได้มุ่งตรงไปหาที่ลาซารัสก่อนเป็นอันดับแรก นั่นเท่ากับว่าพวกยิวเขาเห็นว่าอิทธิฤทธิ์หรือปฎิหารย์นั้นดีและสำคัญกว่าพระเยซูมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้พบกับพระคริสต์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาได้

ในทางตรงกันข้ามถ้าพวกเขาคิดสักนิดหนึ่งว่า ในพระเยซูคริสต์เจ้านั้นมีอิทธิฤทธิ์ มีปฎิหารย์ มีการอัศจรรย์ พี่น้องคิดว่าพวกเขาจะได้พบกับพระคริสต์ไหมครับ ? มีพระคริสต์ก็มีทุกสิ่ง

เฉกเช่นเดียวกับคนไทยเป็นจำนวนมากในเวลานี้ ที่พวกเขาสนใจแต่เพียงเรื่องอิทธิฤทธิ์และปฎิหารย์โดยขาดซึ่งปัญญา คนไทยหลายคนนะครับพี่น้องเจออะไรก็ไหว้หมด ทั้งพืช สัตว์ ผัก ผลไม้ กรวด หิน ดิน ทรายและอื่นๆอีกมากมาย

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า เมื่อพระเจ้าทรงเรียกลาซารัสให้ฟื้นขึ้นมาจากความตายข่าวนี้จึงได้เรื่องลือไปไกลอีกทั้งเป็นเหตุทำให้ชาวยิวเป็นจำนวนมากนั้น ได้มาติดตามองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

ซึ่งนั่นหมายความว่า ลาซาลัสเขาได้เป็นพยานถึงชีวิตแห่งการฟื้นและเป็นขึ้นมาจากความตายของเขาให้กับเพื่อนยิวด้วยกันฟัง จึงเป็นเหตุทำให้คนยิวเป็นจำนวนมากได้มาติดตามองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ทำให้คนยิวเป็นจำนวนมากได้รับความรอด

พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกกับเราว่า การนำคนในสังคมที่เราอาศัยอยู่ให้มาถึงแผ่นดินของพระเจ้านั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับศิษยาภิบาล มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้นำในคริสตจักรเท่านั้น 2คร.3:3 “ท่านปรากฏเป็นหนังสือของพระคริสต์ซึ่งเราเป็นผู้ปรนนิบัติ ซึ่งหมายความว่า มันขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตประจำวันของพี่น้องนอกคริสตจักรด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจะต้องถามตัวเองทุกครั้งเสมอว่า “ชีวิตของเรานั้นมีอิทธิพลเพียงพอที่จะนำคนมาหาพระเจ้าได้หรือไม่”

ผมเคยได้ฟังคำพยานของพี่น้องคริสเตียนบางคน เขาบอกว่า ก่อนที่เขาจะมาเชื่อในพระเจ้านั้น วงศ์วานญาติเครือของเขาหลายคนนั้นเขาเห็นผีในชีวิตของเขา เช่น ผีบ้า ผีสุราผีพนัน ผีพนันบอล ผีการพนันเข้าสิง เป็นต้น แต่เมื่อเขาได้มาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้ว วงศ์วานญาติเครือของเขาทุกคนเขากับเห็นพระคริสต์ในชีวิตของเขา

พี่น้องคริสเตียนบางคนก็มาเป็นพยานให้ฟังว่า ก่อนที่เขาจะมาเชื่อในพระเจ้านั้นเพื่อนๆหลายคนเห็นแต่ขี้ในชีวิตของเขา เช่น ขี้เกียจ ขี้บ่น ขี้ขโมย ขี้นินทา ขี้อิจฉาขี้โม้ เป็นต้น แต่เมื่อเขาได้มาเชื่อพระเจ้าแล้ว เขาบอกว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงไล่ขี้ชนิดต่างๆออกจากชีวิตของเขาให้หมดไปบัดนี้เหลือเพียงแต่ทองคำ

ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามพระคำของพระเจ้าใน 2 คร.5:17 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆก็ล่วงไป ดูเถิดสิ่งสารพัดกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”ซึ่งนั่นหมายความว่า พระคริสต์ที่อยู่ภายในชีวิตของเรานั้นจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงเราใหม่จากภายในสู่ภายนอก

พี่น้องที่รักครับ แม้ว่าลาซาลัสเขาจะสามารถนำคนยิวเป็นจำนวนมากมาถึงความรอดในพระเยซูคริสต์ได้ก็ตาม แต่มันก็ยังจะมีอีกมุมหนึ่งด้วยเช่นเดียวกันที่ทำอย่างไรก็ตาม คนยิวกลุ่มนี้ก็ยังไม่เชื่อ ไม่ติดตามพระองค์ ต่อให้พวกเขาได้เห็นถึงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ของพระเจ้า จะกี่ครั้งหรือกี่หนแล้วก็ตามเขาก็ยังไม่เชื่อว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นทรงเป็นพระเมสสิยาห์ ซึ่งพระคำของพระเจ้าในลก.16:31 ก็ได้ตรัสเอาไว้ดังนี้ว่า อับราฮัมจึงตอบเขาว่า ถ้าเขาไม่ฟังโมเสสและพวกศาสดาพยากรณ์ แม้คนหนึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตายเขาก็จะยังไม่เชื่อ

ดังนั้นพี่น้องก็จะต้องเข้าใจในเรื่องนี้ด้วย   และพวกฟาริสี , พวกธรรมาจารย์ก็เป็นบุคคลกลุ่มที่ 2 ที่พระคำของพระเจ้าได้มีการบันทึกเอาไว้ว่า พวกเขานั้นก็ได้เห็นถึงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ของพระเจ้า อีกทั้งเห็นถึงฤทธิ์เดชที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้กระทำแล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่ออีก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเราก็คงต้องอธิษฐานเผื่อเขาต่อไป

แต่ที่เจ็บปวดที่สุดนั่นก็คือว่า นอกจากที่จะไม่เชื่อแล้ว พระคำของพระเจ้ายังบอกกับเราอีกด้วยว่าพวกปุโรหิตใหญ่จึงได้ปรึกษากันเพื่อจะฆ่าลาซารัสเสียด้วย เพราะลาซารัสเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกยิวหลายคนออกจากพวกเขาและหันไปเชื่อในพระเยซู

คำถามคือว่า พระคำของพระเจ้ากำลังที่จะบอกอะไรกับเรา ?

พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกกับเราว่า ในการประกาศ ในการเป็นพยานถึงพระกิตติคุณของพระเจ้านั้น พี่น้องก็อาจจะถูกคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้าคิดแบบนี้กับเราได้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่พี่น้องอย่ากลัวอย่างดีก็แค่ตาย

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 3 อยู่ใน ยน.12:12-19 ซึ่งผมอยากให้พี่น้องได้อ่านเทียบเคียงกับ มธ.21:6-9 ขอเชิญที่ประชุมเปิด มธ.21:6-9 และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ “สาวกทั้งสองคนนั้นก็ไปทำตามพระเยซูตรัสสั่งเขาไว้ จึงจูงแม่ลากับลูกของมันมาและเอาเสื้อผ้าของตนปูบนหลัง แล้วเขาให้พระองค์ทรงลานั้น ฝูงชนเป็นอันมากได้เอาเสื้อผ้าของตนปูตามถนนหนทาง คนอื่นๆก็ตัดกิ่งไม้มาปูตามถนน ฝ่ายฝูงชนซึ่งเดินไปข้างหน้ากับผู้ที่ตามมาข้างหลังก็พร้อมกันโห่ร้องว่า โฮซันนาแก่ราชโอรสของดาวิด ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญโฮซันนาในที่สูงสุด"

            พี่น้องอ่านพระคำของพระเจ้าในตอนนี้แล้วเคยคิดบ้างไหมครับว่า ทำไมผู้ทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ถึงต้องใช้ลาเป็นพาหนะ ? ทำไมผู้ทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ไม่ใช้ม้าหรืออูฐ

หรือพี่น้องเคยคิดแบบนี้บ้างไหมครับว่า ? โดยแท้จริงแล้วลามันใช่พาหนะที่สมเกียรติ สมศักดิ์ศรีหรือสมฐานะของผู้ที่จะมาเป็นกษัตริย์อย่างนั้นจริงๆหรือ พี่น้องเคยคิดแบบนี้บ้างไหมครับ ? เพราะฉะนั้นการที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงใช้สาวกของพระองค์ให้ไปจูงลามาเป็นพาหนะเพื่อที่พระองค์จะเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มนั้นอันนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าคิดเป็นอย่างมาก

พี่น้องที่รักครับ โดยแท้จริงแล้ว “ลา” นั้นเป็นตัวแทนของสิ่งที่ต่ำต้อย “ลา” เป็นตัวแทนของสิ่งที่อ่อนแอ แต่พระเจ้าต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มนุษย์คิดว่ามัน อ่อนแอ หรือสิ่งที่มนุษย์คิดว่ามันนั้น ต่ำต้อย เพื่อประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

            โดยแท้จริงแล้ว “ลา” นั้นเป็นตัวแทนของสิ่งที่ต่ำต้อย “ลา” เป็นตัวแทนของสิ่งที่อ่อนแอ แต่พระเจ้าต้องการที่จะบอกกับมนุษย์ว่า พระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่

ดังนั้นอะไรก็ตามที่ในสายตาของมนุษย์ดูแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่เล็กน้อยด้อยค่า แต่เมื่อมันอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าแล้วสิ่งนั้นยิ่งใหญ่ได้เสมอ

พี่น้องยังจำไม้เท้าของโมเสสได้ไหมครับ ? ในสายตาของมนุษย์นั้นมันดูเล็กน้อยมาก แต่เมื่อพระเจ้าทรงบอกให้โมเสสยกไม้เท้าขึ้น ทะเลแดงก็ถูกแหวกออก เมื่อโมเสสเอาไม้เท้าลง ทหารอียิปต์ที่ตามไล่ล่าชาวฮีบรูได้ตายลงในทะเลแดงเป็นจำนวนมาก ไม้เท้าของโมเสสซึ่งในสายตาของมนุษย์นั้นดูเล็กน้อยมากแต่เมื่ออยู่ในธารพระกรของพระเจ้าแล้วมันคือศาสตราวุธที่ยิ่งใหญ่มาก

            พี่น้องยังจำสถานที่ๆพระเยซูทรงถือกำเนิดได้ไหมครับ ? ที่ไหนครับ ที่โรงนา

            สภาพที่โรงนาที่พี่น้องคุ้นเคยเป็นอย่างไรบ้างครับ ? เป็นสถานที่ๆเล็กน้อยมากๆ แถมมีกลิ่นที่เหม็นและอับชื้น แต่เมื่อมีดวงดาวปรากฏ สถานที่ๆดูเล็กน้อย แถมมีกลิ่นเหม็นและอับชื้นกับกลายเป็นที่ชุมนุมของนักปราชญ์ขึ้นมาในทันที

            พระราชกิจของพระเจ้าก็เช่นเดียวกันพี่น้องที่รัก ถ้าพระเจ้าทรงใช้คนที่1) เก่ง 2 ) มีความรู้ มีความสามารถ 3 ) มีฐานะ และถ้าพระเจ้าทรงใช้คนที่โลกนิยมมันก็ไม่แปลกอะไรที่งานเหล่านั้นจะสำเร็จ

            แต่ถ้าพระเจ้าทรงใช้คนที่โลก 1 ) ไม่นิยม 2 ) มองว่าอ่อนแอและต่ำต้อย พระเจ้าทรงใช้คนที่ฐานไม่ดี บารมีไม่สูงอย่างพี่น้องและผม และเมื่อคนอย่างพี่น้องและผมเป็นผู้ที่เกิดผลและเกิดผลมากในพระราชกิจของพระเจ้า อันนี้แหละที่จะทำให้คนนั้นได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า (Ex.หมวย)

            พระคำของพระเจ้าใน 1คร.1:26-29 ตรัสดังนี้ว่า “พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูว่า พวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมานั้นเป็นคนพวกไหน มีน้อยคนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าโง่เขลา เพื่อจะทำให้คนมีปัญญาอับอาย และพระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้คนที่แข็งแรงอับอาย พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำต้อยและสิ่งที่ถูกดูหมิ่น ทั้งทรงเลือกสิ่งเหล่านั้นซึ่งยังมิได้เกิดเป็นตัวจริงด้วย เพื่อจะได้ทำลายสิ่งซึ่งเป็นตัวจริงอยู่แล้วเพื่อมิให้เนื้อหนังใดๆอวดต่อพระพักตร์พระองค์ได้”

            พี่น้องที่รักครับ ไม่ว่าโลกจะมองเราอย่างไรก็ตาม ขอให้พี่น้องรู้และเข้าใจว่าพระเจ้านั้นเห็นคุณค่าในเราเสมอและพระเจ้าพร้อมที่จะประกาศความยิ่งใหญ่ของพระองค์ผ่านชีวิตธรรมดาสามัญของพวกเราทุกคน ถ้าเรานั้นยอมถ่อมใจที่จะจำนนต่อพระเจ้าเหมือนอย่าง “ลา” ตัวนี้

ดังนั้น “ลา” ซึ่งเป็นตัวแทนของสิ่งที่ต่ำต้อยหรือเป็นตัวแทนของสิ่งที่อ่อนแอแล้ว “ลา” ยังเป็นตัวแทนของความถ่อมใจอีกด้วย ดังนั้นการที่พระเจ้าจะทรงเลือกใช้ใครหรือผู้ใดนั้น คุณสมบัติอย่างหนึ่งที่คนๆนั้นจะต้องมีนั่นก็คือ เขาจะต้องมีความถ่อมใจ

และบุคคลหนึ่งที่ยอมถ่อมใจเป็นเหมือนลาที่ยอมให้พระเจ้าใช้นั่นก็คือ อับราฮัม พระคำของพระเจ้าใน ปฐม18: 27 ตรัสดังนี้ว่า อับราฮัมทูลตอบว่า "ดูเถิด กรุณาเถิด ข้าพระองค์มีเจตนาทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งข้าพระองค์เป็นเพียงผงคลีดินและขี้เถ้า”

พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ทำให้เราทราบว่า อับราฮัม นั้นเขาวิงวอนและต่อรองกับพระเจ้าเพื่อคนชอบธรรมในเมืองโสโดม คำพูดของ อับราฮัม ในข้อนี้แสดงให้เห็นถึงความถ่อมใจที่ท่านมี และความถ่อมใจที่ท่าน อับราฮัม มีนี่เองทำให้พระเจ้าทรงใช้ท่านเป็นอย่างมาก และผลของความถ่อมใจที่ท่านมีนี้ทำให้ท่านได้กลายเป็นบิดาของบรรดาประชาชาติทั้งหลาย

พระคำของพระเจ้าใน กดว.12:3 ตรัสดังนี้ว่า “โมเสสเป็นคนถ่อมใจมากยิ่งกว่าคนทั้งปวงที่พื้นแผ่นดิน” แท้จริงแล้วโมเสสคือว่าที่กษัตริย์แห่งอียิปต์แต่โมเสสยอมเป็นลาที่ให้พระเจ้าใช้ โดยการที่ยอมทิ้งราชบัลลังก์มาเป็นผู้นำชนชาติอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร

ตลอดช่วงชีวิตของโมเสสที่เดินกับพระเจ้านั้น เขาถ่อมใจในการที่จะให้พระเจ้าฝึก สร้าง สอนและตีสอนเขา ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงปูนบำเหน็จแห่งการถ่อมใจให้กับโมเสส บำเหน็จที่โมเสสได้รับคืออะไรครับ ?

พระคำของพระเจ้าในอพยพ 33:22-23 ตรัสว่า “แล้วขณะเมื่อสง่าราศีของเรากำลังผ่านไป เราจะซ่อนเจ้าไว้ในช่องศิลาและจะบังเจ้าไว้ด้วยมือเราจนกว่าเราจะผ่านไป เมื่อเราเอามือของเราออกแล้ว เจ้าจะเห็นหลังของเรา แต่หน้าของเราเจ้าจะมิได้เห็น" โมเสสเป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่ได้เห็นหลังของพระเจ้า

            พระคำของพระเจ้าในมธ.17:2-3 ตรัสว่า “แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์ของพระองค์ก็ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง ดูเถิด โมเสสและเอลียาห์ก็มาปรากฏแก่พวกสาวกเหล่านั้น กำลังเฝ้าสนทนากับพระองค์” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงจำแลงพระกายให้เปโตร , ยอห์นและ ยากอบได้เห็น แต่ทั้ง 3 คนนั้นก็ได้เห็นใครด้วยครับ ?เห็นโมเสสกำลังสนทนากับพระเจ้าด้วย

            คนของพระเจ้าอีกคนหนึ่งที่ยอมเป็นลาให้พระเจ้าใช้ด้วยความถ่อมใจอยู่ใน อฟซ.3:8 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “ทรงโปรดประทานพระคุณนี้แก่ข้าพเจ้า ผู้เป็นคนเล็กน้อยกว่าคนเล็กน้อยที่สุดในพวกวิสุทธิชนทั้งหมด ทรงให้ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างชาติถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ อันหาที่สุดมิได้”

พี่น้องที่รักครับ อ.เปาโล ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ มีความสามารถมาก ถือได้ว่าเป็นปราชญ์คนหนึ่งของคนในยุคนั้นก็ว่าได้ แต่ท่าน อ.เปาโล บอกว่าความสำเร็จทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นโดยพระคุณของพระเจ้า

พี่น้องคิดว่านี่เป็นคำพูดของผู้ที่ถ่อมใจไหมครับ ?

และผลแห่งความถ่อมใจนี้เองทำให้พระเจ้าทรงใช้ท่าน อ.เปาโล อย่างมากมายในการประกาศข่าวประเสริฐกับบรรดาประชาชาติ ไม่เพียงเท่านั้นนะครับพี่น้องที่รัก องค์พระผู้เป็นเจ้ายังใช้ท่าน อ.เปาโล ให้เป็นผู้เขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ในภาคพันธสัญญาใหม่อีกมากมายหลายเล่มด้วย

สิ่งที่พระคำของพระเจ้า ต้องการที่จะสื่อกับพี่น้องในเช้าวันนี้นั่นก็คือว่า มนุษย์ทั้งโลกต้องการชื่อเสียง เกียรติยศและความมั่งคั่ง แต่พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้ต้องการที่บอกกับเราว่า แต่ความถ่อมใจนำมาซึ่งทั้งหมดที่มนุษย์ต้องการได้

เวลานี้ชื่อเสียงของท่าน อ.เปาโล ก็เคียงคู่กับพระราชกิจขององค์พระเยซูคริสต์เจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ เกียรติยศที่ อ.เปาโล ได้รับนั่นก็คือ การเป็นอัครฑูตของพระเจ้าความมั่งคั่งที่ อ.เปาโล ได้รับนั่นก็คือความมั่งคั่งในฝ่ายวิญญาณ ถึงแม้ว่าพระคัมภีร์จะไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ว่า อ.เปาโล ได้นำคนมารับเชื่อกี่คน แต่ผมก็มีความเชื่ออย่างมั่นใจว่า อ.เปาโล ก็คงจะนำคนจำนวนไม่น้อยให้มาถึงความรอดในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

สุดท้ายที่พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะสื่อสารกับพี่น้องในเช้าวันนี้นั่นก็คือว่า พี่น้องยอมที่จะถ่อมใจเป็นลาให้พระเจ้าใช้ไหม ? หลายคนอาจจะบอกว่ายอม ก็ต้องถามต่อไปว่าท่านยอมแค่ไหน ? และยอมอย่างไร ? แบบขึ้นๆลงๆหรือยอมแบบมีเงื่อนไขมีแม้มีแต่กับพระเจ้า

            พี่น้องที่รักครับ สมัยขององค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้น วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์นั้นยังไม่เจริญเหมือนกับสมัยนี้ ดังนั้นเราจึงไม่รู้ว่าการป่วยตายของลาซารัสนั้นเขาป่วยตายด้วยเพราะสาเหตุอะไร ? เช่น เขาอาจจะป่วยตายเพราะโรคติดต่อหรือเขาอาจจะป่วยตายเพราะเขาขาดสารอาหาร ฯลฯ ซึ่งในขณะนั้นก็ยังไม่มีหน่วยงานชันสูตรพลิกศพอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นเราจึงไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่า การป่วยตายของลาซารัสนั้นโดยแท้จริงแล้วเขาป่วยตายด้วยเพราะสาเหตุอะไร

            แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าสมมติว่าการที่ลาซารัสนั้นเขาจะต้องป่วยตายและเป็นเพราะพระเจ้าทรงอนุญาตให้ลาซารัสป่วยตาย เพื่อต้องการที่จะใช้การตายของเขานั้นเป็นที่ถวายพระเกียรติและพระสิริแด่พระเจ้า และถ้าลาซารัสเมื่อเกือบสองพันปีที่แล้วเป็นพี่น้องล่ะ ? พี่น้องจะถ่อมใจยอมเป็นลาให้พระเจ้าใช้ถึงตายเหมือนกับลาซารัสคนนี้ที่เขายอมให้พระเจ้าใช้ชีวิตของเขาถึงแก่ความตาย

            พี่น้องที่รักครับ บางครั้งและในหลายๆครั้งวิธีการที่พระเจ้า 1 ) สอนเรา 2 ) สร้างเรา มันอาจจะเป็นวิธีการที่เรานั้น 1 ) ไม่เข้าใจ 2 ) คาดไม่ถึงและเราไม่สามารถที่จะยอมรับมันได้ แต่ผมอยากที่จะบอกกับพี่น้องว่า

ถ้าพี่น้องผ่านบททดสอบนั้นๆไปได้ชีวิตของพี่น้องจะได้รับพระพรจากพระเจ้าเหมือนกับชีวิตของลาซารัสที่เขาได้รับการต้อนรับจากฝูงชนเมื่อเขาเดินออกจากอุโมงค์ฝังศพ

ถ้าพี่น้องผ่านบททดสอบนั้นๆไปได้ชีวิตของพี่น้องจะได้รับพระพรจากพระเจ้าเหมือนกับลาที่ฝูงชนได้เอาเสื้อ เอาทางตาลมาปูวางบนถนนและได้รับการต้อนรับจากฝูงชนอย่างมากมาย

สภษ.22:4 “บำเหน็จของความถ่อมใจและความยำเกรงพระเจ้าคือ ความมั่งคั่งเกียรติและชีวิต” ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

           

           

           

 

Green City