ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณ

คำเทศนาเรื่อง ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณ

    

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม ยน.14:12-14“เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่วางใจในเราจะกระทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปถึงพระบิดาของเรา สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายจะขอในนามของเรา เราจะกระทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร สิ่งใดที่ท่านขอในนามของเรา เราจะกระทำสิ่งนั้น ” และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณ ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่น้องที่รักครับ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ต่อสาธารณชนโดยทรงตั้งต้นกระทำการและสั่งสอน

            พระคำของพระเจ้าใน ลก.4:36 ตรัสดังนี้ว่า “คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนักพูดกันว่า “คนนี้เป็นอย่างไรหนอเพราะว่าท่านได้สั่งผีโสโครกด้วยสิทธิอำนาจและด้วยฤทธิ์เดชมันก็ออกมา ”

พระคำของพระเจ้าใน ลก.4:36 ทำให้เราทราบว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นได้ทรงตั้งต้นกระทำการรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วย ทั้งที่ป่วยฝ่ายร่างกายและทั้งที่ป่วยทางฝ่ายจิตวิญญาณ

          พระคำของพระเจ้าใน ลก.4:32 ตรัสดังนี้ว่า“คนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจด้วยการสอนของพระองค์ เพราะคำของพระองค์ประกอบด้วยอำนาจ ”

          พระคำของพระเจ้าใน ลก.4:32 ทำให้เราทราบว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงตั้งต้นการสั่งสอนเรื่องแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้า

องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงบอกกับสาวกของพระองค์ว่า กิจการงานทุกสิ่งนั้นพระองค์ทรงเป็นผู้ตั้งเริ่มต้นกระทำการและสั่งสอน และพระองค์ทรงสอนพวกเราในเช้าวันนี้ผ่านทางพระคำของพระองค์ใน ยน.14:12-14 ด้วยเช่นกัน พระองค์ทรงสอนว่าอย่างไรครับพี่น้อง ?

พระองค์ทรงสอนว่า สิ่งที่พระองค์ได้ทรงตั้งต้นกระทำการมาทั้งหม ดนั้นพระองค์ได้ทรงมอบหมายให้กับผู้ที่เชื่อและผู้ที่ไว้วางใจในพระองค์ทุกๆคนได้เป็นผู้กระทำแทนพระองค์

คำถามก็คือว่า สิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงตั้งต้นกระทำการมาทั้งหมด อีกทั้งได้มอบหมายให้กับผู้ที่เชื่อและผู้ที่ไว้วางใจในพระองค์ทุกๆคนนั้นคืออะไร ? คือ ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณ

นั่นหมายความว่า พระเยซูคริสต์ทรงมอบหมาย ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณ ให้แก่สาวกของพระองค์ทุกคนและรวมทั้งพวกเราทุกคนที่อยู่ใน ณ.ที่นี้ด้วย

คำถามคือว่า ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณ ที่พระเยซูได้ทรงประทานมอบให้กับพวกเราทุกคนนั้น ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณนี้ ยังอยู่ในชีวิตของเราหรือไม่ ?

พี่น้องที่รักครับ เมื่อเรามีโอกาสอธิษฐานเผื่อพี่น้องในคริสตจักร เมื่อเรามีโอกาสอธิษฐานเผื่อพี่น้องในพระกายเดียวกัน เมื่อเรามีโอกาสอธิษฐานเผื่อผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วย และเราอ้างสิทธิอำนาจตามพันธสัญญาของพระเจ้าว่า อธิษฐานโดยพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า ( อาเมน )

คำถามคือว่า

  1. ฤทธิ์อำนาจของการอธิษฐานหรือผลลัพธ์ของการอธิษฐานผ่านในชีวิตของเรานั้นเป็นอย่างไร
  2. ประสบการณ์ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเห็นได้ในชีวิตของการเป็นผู้เชื่อของเราหรือไม่
  3. พี่น้องอย่าคิดว่าพระเจ้าไม่ใช้พี่น้อง      
  4. พี่น้องอย่าคิดว่าพี่น้องมีความรู้น้อยพระเจ้าเลยไม่ใช้ท่าน
  5. จงได้ยินเขาก็จะได้ยิน
  6. จงลุกขึ้นเขาก็จะลุกขึ้น          
  7. จงมองเห็นเขาก็จะมองเห็น      
  8. จงเหยียดมืออก เขาก็จะเหยียดออกและมือของเขาก็จะหายเป็นปกติ

ถ้าพี่น้องไม่มีประสบการณ์กับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า

(3) พี่น้องอย่าคิดว่าพระเจ้าไม่ได้ให้ฤทธิ์อำนาจนี้กับท่าน

(4) พี่น้องอย่าคิดว่ามีอะไรที่ผิดพลาดในพระสัญญาของพระเจ้า แต่ให้เรากับไปพิจารณาการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเรา

พระคำของพระเจ้าใน มธ.9:16-17 ตรัสดังนี้ว่า “ไม่มีผู้ใดเอาท่อนผ้าทอใหม่มาปะเสื้อเก่า เพราะว่าผ้าที่ปะเข้านั้น เมื่อหดจะทำให้เสื้อเก่าขาดกว้างออกไปอีกและเขาไม่เอาน้ำองุ่นหมักใหม่ มาใส่ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นถุงหนังจะขาดน้ำองุ่นจะรั่วทั้งถุงหนังก็จะเสียไปด้วยแต่เขาย่อมเอาน้ำองุ่นหมักใหท่ใส่ในถุงหนังใหม่แล้วทั้งสองอย่างก็อยู่ดีด้วยกันได้ ”

พระคำของพระเจ้า ใน มธ.9:16-17 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าไม่ทรงทำงานผ่านคนที่พยายามจะปรับปรุงแก้ไขชีวิตตนเองโดยความพยายามของตนเอง นอกจากเราจะสำนึกผิดและสารภาพบาปของเราผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์

พี่น้องที่รักครับ พระเจ้าไม่ทรงเทฤทธิ์อำนาจของพระองค์ผ่านคนอธรรม หรือภาชนะที่เต็มด้วยความบาปได้ แต่พระเจ้าจะทรงเทและสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์ผ่านคนชอบธรรมหรือภาชนะที่บริสุทธิ์เท่านั้น และเมื่อเราชอบธรรมหรือเป็นภาชนะที่บริสุทธิ์เราทุกคนสามารถทำกิจอย่างที่พระเยซู ได้ทรงตั้งต้นและกระทำการไว้

และพระคำของพระเจ้าในหนังสือ ยน.14:12-14 ตรัสดังนี้ว่า “เราจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก ”ถ้าเราชอบธรรม ถ้าเราบริสุทธิ์ นั่นก็เท่ากับเป็นการเปิดฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าให้เทลงมาและกระทำผ่านชีวิตของเราเพื่อเป็นพระพรไปสู่คนอื่น

พี่น้องที่รักครับ คนที่ได้รับพระพรจากพระเจ้าผ่านชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรครับ ? ร้องไห้ ชื่นชมยินดี เต้นรำถวายเกียรติพระเจ้า ร้องเพลงบทใหม่สรรเสริญพระเจ้า แต่ในความเป็นจริง ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณ ของพระเจ้ามาถึงเขาเต็มที่ไหมครับ ?

เพราะอะไรครับพี่น้อง ? ที่ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณของพระเจ้ามาถึงเราไม่เต็มที่  

เพราะจิตใจของเขา ความคิดของเขา คำพูดของเขา ท่าทีการกระทำของเขา บาปในชีวิตของเขา เหล่านี้เป็นอุปสรรค มันเป็นเหมือนกำแพงขวางกั้น การไหลฤทธิ์อำนาจ ของพระเจ้าในชีวิตของเขาหรือของผู้เชื่อทุกคน

เช้าวันนี้มีกี่คนครับพี่น้อง ที่ต้องการให้ฤทธิ์อำนาจฝ่ายจิตวิญญาณของพระเจ้าไหลมาสู่ชีวิตของเราและให้ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าไหลผ่านชีวิตของเราเพื่อเป็นพระพรแก่คนอื่น

พี่น้องที่รักครับ ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณ ของพระเจ้านั้นจะไหลลงมาสู่ชีวิตของเราและจะสำแดงผ่านชีวิตของเราอย่างไร้ขอบเขตจำกัด ถ้า………………………………...

ประการที่ 1 ใจของเราปราศจากสิ่งชั่วร้าย สภษ.4:23 “ จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ ”คำว่า “เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ” นั้น ทำให้เราทราบว่า “ใจ” นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ทั้งด้านมืด และด้านสว่าง ทั้งด้านด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี พระคำของพระเจ้าสอนเรา ให้ระวังระไวในทุกๆ ด้านเพื่อที่ใจของเราจะไม่โสมม เพื่อที่ใจของเราจะไม่สกปรก

ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณของพระเยซู ไม่สามารถไหลผ่านผู้ที่มีใจโสมม หรือสกปรกได้ให้ระวังระไวในทุกๆด้าน เพื่อที่ใจของเราจะเป็นภาชนะที่บริสุทธิ์ เพื่อที่ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณของพระเจ้าจะทรงเทลงมาสู่ชีวิตของเรา ( อาเมน )

ในความเป็นมนุษย์ของเราๆมีความจำกัด เรามีความอ่อนแอในฝ่ายร่างกาย เราไม่อาจสามารถที่จะปกป้องใจของเราจากสิ่งซึ่งชั่วร้ายได้ ถึงแม้ว่าเราจะพยายามชำระล้างจิตใจของเรา แต่มันก็อาจจะสกปรกและเปรอะเปื้อนอยู่ดี ด้วยเหตุนี้องค์พระเยซูคริสต์จึงขอใจของเรา

เหมือนดังพระคำของพระเจ้าที่ได้ตรัสไว้ใน สภษ.23 :26 “บุตรชายของเราเอ๋ยขอใจของเจ้าให้เราเถอะ”พระเยซูขอใจของเรา และถ้าเราได้ให้ใจของเรากับพระองค์อย่างแท้จริง นั่นก็เท่ากับว่า เราได้สวมใจของพระเยซูไว้ในชีวิตของเรา พระองค์ก็จะทรงปกป้องใจของเราจากสิ่งซึ่งชั่วร้าย ใจของเราจากนี้ต่อไปจะคิดอะไร ก็จะคิดถึงสิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงคิดถึงพระบิดาและด้วยเหตุนี้เองจะทำให้ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณของพระเจ้า จะไหลลงมาสู่ชีวิตของเราอย่างเต็มขนาดและกระทำการไหลผ่านจากชีวิตของเราเพื่อเป็นพระพรกับคนอื่นๆ

ประการที่ 2 ถ้อยคำของเรา สะอาดบริสุทธิ์หรือไม่ มีสักวาเกี่ยวกับ คำพูด สักวาหนึ่งที่ได้มีผู้ประพันธไว้ดังนี้ว่า

อันอ้อยตาลหวานลิ้น แล้วสิ้นซาก            แต่ลมปากหวานหู ไม่รู้หาย

เจ็บอื่นหมื่นแสน ไม่แคลนคลาย   เจ็บจนตาย นั่นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ

หมายความว่าอะไร ? หมายความว่า คำพูดของเรามีผลกระทบต่อจิตใจและร่างกายผู้อื่น และคำพูดของคนอื่นก็มีผลกระทบต่อจิตใจและร่างกายของเราด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นบางคนคิดมากในคำพูดของคนอื่น เราจึงเห็นบางคนทำร้ายตัวเองเพราะมีความน้อยเนื้อต่ำใจในคำพูดของคนอื่นหลายคน

สิ่งหนึ่งที่เราต้องไม่ลืมนั่นก็คือว่า ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ดังนั้นคำพูดของเรา จึงมีผลกระทบต่อจิตใจ ร่างกายและต่อจิตวิญญาณของผู้อื่นด้วย

ด้วยเหตุนี้พระคำของพระเจ้า สภษ.18:7 “ปากของคนโง่เป็นสิ่งทำลายตัวเขาเอง และริมฝีปากของเขาก็เป็นบ่วงดักตนเอง”

พี่น้องที่รักครับ เมื่อเรารับเชื่อพระเจ้าเรารับด้วยอะไรครับ ? เรารับด้วยปากและเชื่อด้วยใจ

เมื่อเราสารภาพบาปของเรา เราใช้อวัยวะส่วนไหนสารภาพบาปกับพระเจ้าครับ ? ปาก

เมื่อเราร้องเพลงนมัสการพระเจ้าเราใช้อวัยวะส่วนไหนร้องเพลงนมัสการพระเจ้าครับ ? ปาก แต่ถ้าเราใช้ปากของเราอันเดียวกันนี้ คอยแต่จะพึมพำ พร่ำบน โต้เถียง สร้างความแตกแยกและขมขื่น นั่นก็เท่ากับว่าพี่น้องได้เปิดช่องให้กับมาร นั่นก็เท่ากับว่าพี่น้องกำลังปิดกั้นการไหลของฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณของพระเจ้าโดยทางคำพูดของเขาเอง คริสเตียนหลายคนจึงปราศจากฤทธิ์อำนาจจากพระเจ้า การดำเนินชีวิตติดตามพระเยซูคริสต์ จึงเห็นแต่คนอื่นทำการอัศจรรย์ จึงเห็นแต่คนอื่นสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า พระคำของพระเจ้าใน สภษ.13 : 3 “บุคคลที่ระแวดระวังปากของเขาจะสงวนชีวิตของเขา บุคคลที่เปิดริมฝีปากกว้างก็มาถึงความพินาศ”

พี่น้องที่รักครับ ถ้าเรารับผิดชอบต่อคำพูดโดยการระมัดระวังคำพูดฝ่ายร่างกายของเราเพียงเท่านี้ นั่นก็เท่ากับว่า เราได้เปิดการไหลของฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณของพระเจ้าให้เข้ามาในชีวิตของเรา และเมื่อเราได้ใช้ถ้อยคำของพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสตว่า

ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณของพระเจ้านั้นก็ จะไหลลงมาสู่ชีวิตของเราอย่างเต็มขนาดและ

กระทำการไหลผ่านจากชีวิตของเราเพื่อเป็นพระพรไปถึงคนอื่น

ประการที่ 3 ดำเนินชีวิตด้วยความบริสุทธิ์

พี่น้องที่รักครับ พระเจ้า พระบิดา คือ แหล่งของฤทธิ์อำนาจทั้งปวง พระเยซู พระบุตร ของพระเจ้าทรงรับฤทธิ์อำนาจฝ่ายจิตวิญญาณอย่างเต็มขนาดและสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าอย่างเต็มที่ และเป็นพระพรตั้งแต่ตอนเริ่มต้นในการรับใช้ต่อสาธารณชน ด้วยการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์โดยการเชื่อฟังพระบิดา

ยก.1:22 “ แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงแต่ผู้ฟังเท่านั้นซึ่งเป็นการลวงตนเอง ”

พี่น้องที่รักครับ องค์พระเยซูคริสต์เจ้า ทรงมอบฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณอย่างเต็มขนาดนี้ไว้แก่ผู้เชื่อทุกคน และเราสามารถที่จะสำแดงฤทธิ์อำนาจเดียวกันนี้ อย่างที่พระองค์ได้ทรงกระทำอย่างเต็มที่เพื่อเป็นพระพรแก่คนมากมาย

ด้วยการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์โดยการประพฤติตามพระวจนะนั้น ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณ ของพระเจ้าจะเทลงมาเหนือชีวิตของเราและเมื่อเราสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าออกไป การรับใช้ของเราก็จะเต็มไปด้วยการอัศจรรย์เหมือนกับที่สาวกทั้ง 11 คนของพระองค์ทรงกระทำ

พระคำของพระเจ้าใน ยน.14:12 “ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าผู้ที่วางใจในเราจะกระทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก ”เราทุกคนคือผู้ที่วางใจในองค์พระเยซูคริสต์ เราจะกระทำกิจที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน ถ้าเราดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์โดยการประพฤติตามพระวจนะ การดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์โดยการประพฤติตามพระวจนะนั้น นั่นก็คือการที่เราสวมวิญญาณของพระเยซูคริสต์ไว้ในชีวิตของเรา

ดังนั้นขอหนุนใจพี่น้องในเช้าวันนี้ว่า ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณของพระเจ้า นั้นคงอยู่ในชีวิตของเรา ดำรงอยู่กับผู้ที่ใจปราศจากสิ่งซึ่งชั่วร้าย ดำรงอยู่กับผู้ที่ระมัดระวังถ้อยคำและสุดท้ายดำรงอยู่กับผู้ที่ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์โดยการเชื่อฟังพระคำของพระเจ้า

ประการที่ 3 ท่าทีของเราต่อการสนองตอบต่อสถานการณ์ในชีวิต       

พระเจ้าไม่ได้ทรงสร้างความยากลำบากให้กับมนุษย์ แต่การทนทุกข์เริ่มต้นเข้ามาในโลกโดยทางความบาปของมนุษย์ ( ซึ่งซาตานเป็นผู้ยุยงให้มันเกิดขึ้น )

เมื่อความทุกข์ยาก ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ เข้ามาสู่ชีวิตของเรา เราระมัดระวัง หรือเรามีท่าทีที่ถูกต้องเกี่ยวกับความทุกข์นี้อย่างไร ?

พี่ - น้องที่รัก เมื่อเรามีความทุกข์ยาก แล้วเราพึมพำ พร่ำบน เรากำลังทำให้ฤทธิ์อำนาจในชีวิตของเราสูญเปล่า เรากำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้หายไปจากชีวิตของเรา   

2 ครท. 12 : 9 “แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มที่นั่น ” เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงภูมิใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า”

นั่นหมายความว่า ความอ่อนแอตามธรรมดา ของผู้เชื่อทุกคน ของคุณ ของผม

เป็นการเปิดโอกาสให้ ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณของพระเจ้า ไหลลงมาสู่ชีวิตของเรา

อัครฑูตเปาโลเป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่ต้องทนทุกข์อย่างมากในการติดตาม JESUS

กจ.9 :16 เราพบว่าอ.เปาโลต้องทนทุกข์อย่างมากและสูญเสียทุกสิ่งเพื่อนำคนมาถึง J

2 ครท.1 : 8 อ.เปาโลกล่าวว่า ขณะที่อยู่ที่เอเซียเขาถูกกดดันมากจนเขาหมดหวังในชีวิต

แต่ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ที่ไหลลงมาสู่ชีวิตของอ.เปาโล ในขณะที่ต้องทนทุกข์นั้นใช่หรือไม่ ? ที่พัฒนาอ.เปาโลให้มีคุณสมบัติที่ดีฝ่ายวิญญาณ

ที่เตรียมชีวิตของอ.เปาโลให้พร้อมที่จะปลอบใจผู้อื่น

ที่สอนอ.เปาโลไม่ให้ไว้วางใจตนเองและให้พึงพาพระเจ้า

ที่สอนอ.เปาโล สอนผู้รับใช้พระเจ้าท่านอื่นๆอีกมากมาย..ตามพระประสงค์ของพระองค์

เมื่อเราต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก ให้เราระมัดระวังท่าทีของเรา เพื่อที่พระเจ้าจะทรงเทฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณ ของพระองค์ลงมาในชีวิตของเรา

ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่ไหลลงมาในชีวิตของเราในขณะที่เราต้องทนทุกข์นั้น

เพื่อที่จะเป็นพระพรไปสู่คนอื่น     เพื่อจะเตรียมพี่ - น้องสำหรับพระราชกิจของพระองค์

เพื่อเตรียมพระวจนะในชีวิตของพี่ - น้องมากขึ้น

เพื่อที่จะเตรียมพี่ - น้องให้กว้างขวางในฝ่ายวิญญาณมากขึ้น

เพื่อเตรียมพี่ - น้องที่จะหนุนใจ แบ่งปัน หรือปลอบโยนผู้อื่น

เพื่อเตรียมพี่ - น้องที่พร้อมจะครอบครองร่มกับพระองค์มากขึ้น

เพื่อเตรียมพี่ - น้องให้รู้จักกับพระองค์อย่างใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้น

เช้าวันนี้   ฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณของพระเจ้า จะคงอยู่และจะอยู่กับเราตลอดไป

ถ้ารักษาใจของเรา ระมัดระวังคำพูดของเรา ตอบสนองต่อความยากลำบากด้วยท่าทีที่ถูกต้อง

Green City