ยาขมของชีวิต

คำเทศนาเรื่อง : ยาขมของชีวิต

ข้อพระคัมภีร์ที่จะใช้แบ่งปันกับพี่น้องในเช้าวันนี้อยู่ใน มธ.26 ทั้งบท

    พี่น้องที่รักครับ เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาตอนที่ผมไปบุกเบิกก่อตั้งคริสตจักรแห่งใหม่ที่เพชรบุรี มีเพื่อนผู้รับใช้ใน จ.เพชรบุรี พูดกับสมาชิกของเขาในทำนองที่ว่า คริสตจักร อ.ก้องภพ นมัสการพระเจ้าวันเสาร์นั้นเป็นการไม่ถูกต้อง หรือพูดในทำนองที่ว่า มันมีโบสถ์ไหนใน จ.เพชรบุรี บ้างที่มีการนมัสการพระเจ้ากันวันเสาร์ มันไม่มีหรอก ดังนั้นโบสถ์ อ.ก้องภพ น่าจะเป็นโบสถ์ที่สอนไม่ถูกต้องหรือน่าจะเทียมเท็จและหรือน่าจะสอนผิด

    คำถามก็คือว่า มันใช่อย่างนั้นหรือไม่ ?

    มธ.5:17"อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ”

    บัญญัติเดิมให้นมัสการวันเสาร์ ดังนั้นเมื่อพี่น้องไปอิสราเอลพี่น้องก็จะเห็นคนยิวไปนมัสการพระเจ้าที่พระวิหารในวันไหนครับ ? บัญญัติใหม่คือได้ทุกวัน ได้ทุกเวลา ซึ่งนั่นหมายความว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้าเสด็จมาเพื่อทำให้มนุษย์เข้าหาพระเจ้าให้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นนมัสการพระเจ้าวันเสาร์ผิดไหมครับ ? จ.- ศ.

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีพี่น้องมาเล่าให้พี่น้องของเราฟังว่า มีพี่น้องคริสเตียนบางคริสตจักรเอาจริงๆก็คือพี่น้องที่แยกตัวออกไปจากเรานั่นแหละ มาพูดกับพี่น้องของเราว่าโบสถ์ อ.ก้องภพ ทำไมอยู่แบบลอยๆ ทำไม่ไม่สังกัดองค์กรหรือหน่วยงานใด พูดแบบเข้าใจง่ายๆก็คือโบสถ์นี้อ่ะเถื่อนคุณไปอยู่ทำไม

    พี่น้องที่รักครับ ใครจะพูดอะไร เราจะฟังอะไรใครหรือก่อนที่เราจะให้น้ำหนักหรือให้คุณค่าและเชื่อในสิ่งที่เขาพูดนั้นผมอยากจะแนะนำพี่น้องดังนี้ว่า ขอให้พี่น้องกรุณามองเข้าไปในชีวิตของคนที่พูดก่อน

    ถ้าคนที่พูดเป็นคริสเตียนก่อนที่เราจะให้น้ำหนักหรือคุณค่าในสิ่งที่เขาพูด พี่น้องต้องพิจารณาอย่างไรครับ ? เขามีการนมัสการอธิษฐานหรือมีการเฝ้าเดี่ยวกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า? เขาสัตย์ซื่อกับสิบลดหรือไม่ ? เขารับใช้พระเจ้าโดยเฉพาะในมิติฝ่ายวิญญาณมากน้อยแค่ไหน ?

    ถ้าพื้นฐานชีวิตของเขาโดยส่วนตัวมีพฤติกรรมแบบนี้พี่น้องควรให้คุณค่าหรือให้น้ำหนักกับคริสเตียนแบบนี้

    ดังนั้นถ้าเราจะฟังอะไรใคร พี่น้องก็จะต้องฟังแบบคนมีสติปัญญาที่มาจากพระเจ้าด้วย

    กลับมาในประเด็นที่ว่า คริสตจักรแห่งนี้อยู่ภายใต้องค์กรใดหรือไม่ ? ผมจะให้เอกสารเป็นตัวตอบ เพราะฉะนั้นพี่น้องจากคริสตจักรอื่นที่ถามคำถามนี้เข้ามา พี่น้องก็จะต้องพิจารณาเองว่าเขาถามเพื่อ ?ทำลายความน่าเชื่อถือของคริสตจักร , ผู้นำ , ก่อให้เกิดความสงสัยในคำสอนของผู้นำและอื่นๆ ซึ่งแน่นอนเขาสามารถที่จะเจาะบางคนได้โดยเฉพาะบางคนที่

       1.ไม่มีพระวจนะของพระเจ้ารองรับในชีวิต

       2.คริสเตียนไม่เจริญเติบโตในฝ่ายวิญญาณ

    คำถามคือว่า สิ่งต่างเหล่านี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าเจอด้วยไหม ? หนักหนาสาหัสกว่าเรามาก

     ลก.6:40 “ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู แต่ศิษย์ทุกคนที่ได้รับการฝึกสอนครบแล้ว ก็จะเป็นเหมือนครูของตน” นี่เป็นถ้อยคำแห่งการหนุนใจที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงหนุนใจว่า บนถนนแห่งการรับใช้นี้เราก็จะเจอแบบนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการถูกกล่าวหา กล่าวร้าย การขากถ่มถุยและอื่นๆอีกมากมาย

     คำถามคือว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเจอแบบนี้กับใครครับ ? คนในเมืองนาซาเร็ธด้วยกันเองให้การต้อนรับพระเยซูไหมครับ ? คนยิวด้วยกันเองให้การต้อนรับพระเยซูไหมครับว่าพระองค์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์

     เวลานี้การข่มเหงไม่ได้มาจากการที่เรานั้นประกาศข่าวประเสริฐกับคนต่างชาติ แต่มันมาจากภายในพวกเรากันเอง นี่จึงเป็นยาขมหม้อใหญ่ของชีวิต

     ยาขมหม้อใหญ่ขององค์พระเยซูคริสต์จาก มธ.26 คืออะไรครับ ? มธ.26:3-4 บอกกับเราว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้าถูกพวกมหาปุโรหิตย์ ซึ่งเปรียบเสมือนผู้นำทางศาสนาในสังคมยิวทำการวางกลอุบายในการที่จะองค์พระเยซูคริสต์เจ้าไปฆ่าเสีย

     ทำไม่พวกฟาริสีถึงทำอย่างนั้น ? 1.เพราะพวกฟาริสีกลัวว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นจะทำให้ศาสนายิวของพวกเขานั้นเสื่อมเสีย ด้วยเหตุนี้พวกฟาริสีจึงต้องออกมาปกป้องคำ ซึ่งถ้าเป็นเหตุผลนี้จริงๆมันก็พอจะรับฟังได้

     แต่ผมว่ามันน่าจะเป็นประการที่2 นี้มากกว่า นั่นเป็นเพราะว่าพวกฟาริสีเห็นว่ามีคนติดตามองค์พระเยซูคริสต์เป็นจำนวนมากพวกเขาก็เลยมีใจอิจฉาพระเยซู พวกฟาริสีก็อยากที่จะหยุดยั้งการติดตามของฝูงชนเหล่านี้แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะหยุดยั้งฝูงชนเหล่านั้นได้ พวกเขาก็เลยทำการประชุมไม่ใช่เพื่อก่อการดีนะครับ แต่เพื่อการก่อการร้ายหมายจะนำพระเยซูไปฆ่าทิ้งเสีย นี่คือยาขมหม้อที่ 1 ของพระเยซูในบทที่ 26

     คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ต้องการสอนอะไรกับเรา ? พวกฟารีสี ธรรมาจารย์ คนเหล่านี้ถือว่าเป็นคนชั้นสูงในสังคมคนยิว คนเหล่านี้ถือว่าเป็นครูผู้สอนคน ข้างนอกของพวกเขาดูดี แต่เนื้อในหรือแก่นแท้ชีวิตของพวกเขานั้นกับใช้ไม่ได้เลย

     เวลานี้มีคริสเตียนหลายคนที่มีใจอยากรับใช้พระเจ้า หลายคนอยากมียศ มีตำแหน่งในคริสตจักร หลายคนอยากมายืนอยู่หน้าธรรมาสน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีไหมครับ ? แต่คำสอนของพระเจ้ากลับไม่เกิดผลในชีวิตของพวกเขาเลย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย คำสอนที่ดีคือมันต้องเป็นชีวิตของผู้สอนของคนๆนั้นด้วย

     เพราะฉะนั้นจึงมีพี่น้องผู้เชื่อมากมายที่พูดในทำนองที่ว่าเรื่องของพระเจ้าหรือเรื่องของคริสเตียนนั้นมันไม่ใช่เพียงแค่คำพูดแต่มันเป็นเรื่องของชีวิต

     ยาขมหม้อที่ 2 ขององค์พระเยซูคริสต์อยู่ที่ตรงไหนอีกครับจาก มธ.26 อยู่ในข้อที่ 14-16 ให้เราอ่านด้วยกัน

     แค่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าถูกพวกฟาริสีวางแผนจะเอาให้ถึงตายนี่ก็เจ็บมากพออยู่แล้ว แต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเจ็บมากขึ้น เมื่อ 1/12 สาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าซึ่งใช้เวลากว่า 3 ปีกินนอนด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ทำไมครับ ? เขาคิดที่จะขายองค์พระเยซูคริสต์เจ้าด้วยเงินเพียง 30 เหรียญดานาริอันให้กับพวกฟาริสี-ธรรมจารย์ อย่างไม่สะทกสะท้าน

    ทำไมถึงใช้คำว่าไม่สะทกสะท้าน ในข้อที่ 21-25 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “หนึ่งในพวกท่านจะอายัดเรา” 25 “ยูดาสถามองค์พระเยซูคริสต์เจ้าว่าเป็นเขาหรือ พระเยซูตรัสว่า ที่ท่านว่านั้นถูกต้องแล้ว”

     แทนที่ยูดาสจะสำนึก รู้สึกเสียใจและกลับใจใหม่ต่อพระเจ้า แต่นี่เขากับเดินหน้าที่จะขายองค์พระเยซูคริสต์ให้กับคายาฟาสต่อไป

     ด้วยท่าทีของยูดาสตรงนี้นี่เอง ทำให้เราสามารถที่จะพูดได้เลยว่า เขาคิดที่จะขายองค์พระเยซูคริสต์เจ้าด้วยเงินเพียง 30 เหรียญดานาริอันให้กับพวกฟาริสี-ธรรมจารย์ อย่างไม่สะทกสะท้าน นี่คือยาขมหม้อที่ 2

     คำถามคือว่า พระเจ้าต้องการที่จะบอกอะไรกับเราในเรื่องนี้ พระเจ้าต้องการที่จะบอกกับเราว่า พระองค์เป็นองค์สัพพัญญูญาณ ซึ่งมีความหมายว่าอย่างไรพี่น้องทราบดี

     แต่จากพระคำของพระเจ้าในตอนนี้ พระองค์ต้องการที่จะบอกกับเราว่า พระองค์ทรงรู้รายละเอียดชีวิตของพระองค์ทั้งในเวลานี้และในอนาคตเป็นอย่างดี อีกทั้งพระองค์ทรงรู้รายละเอียดในชีวิตของเราทั้งในวันนี้และในอนาคตเป็นอย่างดีด้วยเช่นเดียวกัน

     ยาขมหม้อที่ 3 ขององค์พระเยซูคริสต์อยู่ที่ตรงไหนอีกครับจาก มธ.26 : 56 ให้เราอ่านด้วยกันครับ

     พี่น้องที่รักครับ โดยแท้จริงแล้วในยามที่ชีวิตของเรานั้นพบกับวิกฤตที่หนักที่สุดในชีวิต เราปรารถนาที่จะมีใครสักคนมาคอยยืนเคียงข้างจริงหรือไม่จริงครับ ?

     แต่ภายหลังจากพิธีมหาสนิทแล้ว องค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็นำเหล่าสาวกของพระองค์ออกไปยังภูเขามะกอกเทศเพื่อไปอธิษฐาน พระองค์อธิษฐานอยู่ที่นั่นถึง 3 ครั้ง

ภายหลังจากนั้นยูดาส อิสคาริโอทก็ได้พาทหารโรมันมาจับกุมองค์พระเยซูคริสต์เจ้า พระคำพระเจ้าในข้อที่ 56 บอกกับเราว่า สาวกทุกคนพากันหนีพระองค์ไปหมด รวมถึงยอห์นสาวกที่พระองค์ทรงรักมากที่สุดด้วย นี่คือยาขมอีกข้อหนึ่งที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้รับ

     คำถามคือว่าพระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกอะไรกับเราครับ ?

     ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับพี่น้อง ขอพี่น้องได้โปรดจำเอาไว้ว่า พี่น้องไม่ใช่คนแรกที่ถูกทอดทิ้ง แต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงถูกทิ้งมาก่อน

     ถ้าการทรยศหักหลังเกิดขึ้นกับพี่น้อง ขอพี่น้องโปรดจำไว้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเคยถูกทรยศและเคยทรงถูกหักหลังมาก่อน

     แต่ไม่ว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าจะทรงถูกทอดทิ้งหรือจะทรงถูกทรยศหักหลังก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือพระองค์ทรงผ่านมันมาได้และด้วยความมีชัยชนะ

     ยาขมหม้อที่ 4 ขององค์พระเยซูคริสต์อยู่ที่ตรงไหนอีกครับจาก มธ.26 : 69-70 , 71-72 , 73-74 ให้เราอ่านด้วยกันครับ

พระคำของพระเจ้าก่อนหน้านี้พี่น้องจำได้ไหมครับว่า เปโตรเคยพูดกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเอาไว้ว่าอย่างไร

     33-34“แม้คนทั้งปวงจะทิ้งพระองค์ ข้าพระองค์จะทิ้งพระองค์ก็หามิได้”

     35“ถึงแม้ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์”

     เปโตรเป็นศิษย์รัก ศิษย์เอก ขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า เปโตรถือได้ว่าเป็นสาวกชั้นใน แต่ตอนนี้เปโตรเป็นอย่างไรครับ ? ปฏิเสธองค์พระเยซูคริสต์เจ้าถึง 3 ครั้ง

       ครั้งที่ 1 เปโตรปฏิเสธต่อหน้าผู้คน

       ครั้งที่ 2 เปโตรปฏิเสธพร้อมสาบาน จริงจังขึ้น

       ครั้งที่ 3 เปโตรปฏิเสธพร้อมสบถสาบาน เป็นคำสาบานใหญ่ที่ใหญ่ขึ้น ภายหลังจากนั้นไก่ก็ขันขึ้น

      คำถามคือว่า ทำไมเขารักพระเจ้าแต่ก็กลัวตาย รักพระเจ้าแต่ละทิ้งพระเจ้า ในข้อที่ 36 เพราะพวกเขาเอาแต่นอน พวกเขาจึงขาดการติดสนิทกับพระเจ้า พวกเขาจึงขาดพลัง

      ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกันครับพี่น้องที่รัก ถ้าเราขาดการติดสนิทกับพระเจ้า 1.เราจะขาดกำลัง 2.ชีวิตของเราจะมีปัญหาและจะมีปัญหามากขึ้น ดังที่ผมเคยพูดให้กับพี่น้องฟังในคำพูดที่ว่า “คริสเตียนไม่อธิษฐานมารแทรกความคิด คริสเตียนไม่ติดสนิทชีวิตมีปัญหา”

      กลับมาที่พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 75 พระเจ้าทรงใช้ให้ไก่ขันเพื่อเตือนสติเปโตร แต่สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่าโดยแท้จริงแล้วพระเจ้าทรงใช้อะไรก็ได้ที่จะสติเปโตร แต่พระคำของพระเจ้าตอนนี้พระองค์ทรงใช้ไก่ขัน เปโตรจึงได้สติ เปโตรจึงระลึกถึงสิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์ผู้ซึ่งเป็นพระเจ้าในสภาพมนุษย์ได้ตรัสกับเขาว่า “ก่อนไก่ขันเจ้าจะปฏิเสธเรา 3 ครั้ง”

      ด้วยเหตุนี้เปโตรจึงร้องไห้ อีกทั้งสำนึกด้วยการกลับใจใหม่

      คำถามคือว่า พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกอะไรกับเรา ? อย่างที่ผมได้บอกกับพี่น้องไปเมื่อสักครู่นี้ว่า พระเจ้าจะใช้อะไรก็ได้เตือนเรา

      แต่ในปัจจุบันนี้พระเจ้าทรงใช้พระคำของพระเจ้าเตือนเรามากที่สุด รองลงมาคือพระเจ้าใช้พี่น้องคริสเตียนโดยเฉพาะคนที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณเตือนเราอีกทั้งพระองค์ทรงใช้วิธีการอีกหลายสิ่งหลายอย่างเตือนเรา

      คำถามก็คือว่า เราไวต่อการเตือนของพระองค์เหมือนแบบท่าน อ.เปโตร ในตอนนี้หรือไม่ เมื่อพระองค์ทรงเตือนเราแล้ว ต่อมแห่งการสำนึกผิดและการกลับใจใหม่ของเราไวแบบเดียวกับท่าน อ.เปโตร หรือไม่ ?

           

           

Green City