ยากอบ สาวกที่ล้มเหลวแต่สำเร็จ

คำเทศนาเรื่อง ยากอบ สาวกที่ล้มเหลวแต่สำเร็จ

        

พี่ - น้องที่รักครับเมื่อประมาณ 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ผมเคยเทศนาแบ่งปันเรื่องราวชีวิตสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าให้กับพี่ - น้องได้สดับและรับฟังกันมากี่คนแล้วพี่น้องยังจำกันได้ไหมครับ ? ผมเคยเทศนาแบ่งปันเรื่องราวชีวิตสาวกของพระเยซูคริสต์ให้กับพี่ - น้องได้รับฟังกันมาแล้วถึง 2 คนด้วยกัน

คนแรกคือ ยูดาส โดยให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาว่า ยูดาสคนเสียชาติเกิด

คนที่ 2 นั่นก็คือ มัทธิวโดยให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาว่า มัทธิวผู้ยอมหักปากกา

และในเช้าวันนี้ เราจะเรียนรู้จักชีวิตสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าอีกท่านหนึ่งโดยจะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม มก.1:19-20 ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ มก. 1:16 - 20 แล้วอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ และข้อพระคัมภีร์ที่ผมจะใช้เป็นกุญแจในการแบ่งปันกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้จะอยู่ในข้อที่ 19-20 ให้ที่ประชุมอ่านข้อที่ 19-20 พร้อมๆกันอย่างช้าๆอีกครั้งหนึ่งเชิญครับ และผมจะให้ชื่อของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า ยากอบอัครทูตที่ล้มเหลวแต่สำเร็จ ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่ - น้องที่รักครับ พี่ - น้องเข้าใจคำว่า ล้มเหลวแบบสำเร็จ ไหมครับ ?

ถ้าพี่ - น้องไม่เข้าใจคำว่า ล้มเหลวแบบสำเร็จ ผมขออนุญาตที่จะยกตัวอย่างของผู้ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส  

คริสตโตเฟอร์ โคลัมบัส คนนี้เขาเป็นคนที่มีความคิดที่ว่า ถ้าเราจะเดินทางไปทางตะวันออกเราจะต้องหันหัวเรือไปทางตะวันตก เขาเชื่อว่า ถ้าเราจะไปทางตะวันตกในที่สุดมันก็จะไปถึงตะวันออกได้ ด้วยความเชื่อที่เขามีเขาก็เลยทำตามทฤษฏีนั้น

แต่ปรากฏว่าเรือของเขาไปถึงอินเดียไหมครับ ? เรือไปไม่ถึงอินเดียแต่มันไปหยุดที่ดินแดนที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง ซึ่งในเวลานี้นั่นก็คือประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดประเทศหนึ่งของโลก

คริสตโตเฟอร์ โคลัมบัส เขาล้มเหลวในทฤษฏีนั้น แต่เขาประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในการค้นพบประเทศสหรัฐอเมริกา นี่คือตัวอย่างหนึ่งพี่ - น้องที่รักครับ ของการล้มเหลวแบบสำเร็จ

ให้ผมได้ยกตัวอย่างของบุคคลอีกสักท่านหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าพี่ - น้องหลายคนคงรู้จักนั่นก็คือ โธมัส อัลวา เอดิสัน ซึ่งเรารู้จักท่านผู้นี้กันเป็นอย่างดีในฐานะนักประดิษฐ์ นักคิดค้น

พี่ - น้องที่รักครับ โธมัส เอดิสัน นั้นเขาได้จดทะเบียนหรือสิทธิบัตรในสิ่งที่เขาได้คิดค้นหรือได้ประดิษฐ์ขึ้นมาทั้งหมดจำนวน 1,913 อย่างหรือชิ้น

พี่ - น้องทราบไหมครับว่า ในจำนวน 1,913 อย่างหรือชิ้นที่เขาได้ประดิษฐ์ขึ้นมาและได้จดทะเบียนหรือได้จดสิทธิบัตรเอาไว้นั้น เกือบจะทั้งหมดนั้นไม่เคยถูกผลิตขึ้นมาใช้ในตลาดอุตสาหกรรมเลย ยกเว้น กล้องถ่ายภาพ กล้องถ่ายภาพยนตร์ กล้องถ่ายวิดีโอกราฟฟิคและหลอดไฟเท่านั้นที่ผลิตออกมาขายได้

ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 1,909 อย่างหรือชิ้น ที่เขาได้ประดิษฐ์หรือคิดค้นขึ้นมานั้นมันมีแต่ชื่อ มันมีแต่ความคิด มันขายไม่ได้ เมื่อเขาเปิดบริษัทเพื่อจัดจำหน่ายกล้องถ่ายภาพ กล้องถ่ายภาพยนตร์ กล้องถ่ายวิดีโอกราฟฟิคและหลอดไฟขึ้นมา บริษัทของเขาก็ประสบกับภาวะขาดทุน

อาจจะกล่าวได้ว่า โธมัส เอดิสัน เขาล้มเหลวเหตุเพราะ สิ่งที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมานั้น ไม่ได้ถูกนำมาเกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมการผลิตในเวลานั้นสักเท่าไหร่

อาจจะกล่าวได้ว่า โธมัส เอดิสัน เขาล้มเหลวเหตุเพราะ ธุรกิจประสบภาวการณ์ขาดทุน

แต่เมื่อเขาจากโลกนี้ไปแล้วพี่ - น้องที่รักครับ ได้มีคนมาขอซื้อสิ่งที่เขาคิด สิ่งที่เขาประดิษฐ์ไปด้วยจำนวนเงิน 80 ล้านบาทในเวลานั้น ซึ่งนั่นหมายความว่า เขาได้ทิ้งทรัพย์สินเอาไว้จำนวนมหาศาลอาจจะกล่าวได้ว่านี่คือ ความล้มเหลวแบบสำเร็จ ได้ไหมครับพี่ - น้องที่รัก

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 1 เราพบการทรงเรียกที่ชัดเจน

พระวจนะคำของพระเจ้าใน มก. 1 : 16 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มีวันหนึ่งที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้า กำลังเสด็จพระราชดำเนินไปตามชายทะเลของแคว้นกาลิลีนั้น องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงทอดพระเนตรเห็นยากอบบุตรเศเบดี เขากำลังนั่งทำงานประจำวันของตนเองอยู่

คำถามก็คือว่า งานประจำวันของยากอบในเวลานั้นคืองานอะไรครับพี่ - น้อง ?

งานประจำวันของยากอบในเวลานั้นคือ เขาไม่ได้ออกทะเลไปหาปลาเหมือนกับ ทุกๆวันที่ผ่านมา ดังนั้นงานประจำวันของยากอบในวันนั้นนั่นก็คือ เขาได้นั่งชุนอวนอยู่ในเรือ

พี่ - น้องที่รักครับ คำว่า ชุนคำนี้ในภาษาไทยนั้นแปลว่า ซ่อม หรือแปลว่า ทำให้ดีขึ้น และหรือแปลว่า ทำให้มันใช้งานได้เหมือนเดิม ในขณะเดียวกันคำว่า ชุน คำนี้ในภาษากรีกนั้นแปลว่า การปรับปรุง ดั่งที่ อ. เปโตร ได้กล่าวไว้ใน 1ปต.5:10 ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ 1ปต.5:10 และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ  

องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเรียกยากอบบุตรเศเบดี ในขณะที่เขากำลังนั่งทำงานประจำวันของเขาอยู่ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าตรัสว่า ยากอบเอ๋ยเจ้าอย่ามาชุนอวนอยู่เลย ให้เรานั้นได้มาชุนคนกันดีกว่าหรือให้เรานั้นได้มาช่วยกันปรับปรุงคนให้ดีขึ้นกันดีกว่า

พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 20 ยังตรัสต่อไปอีกด้วยว่า ยากอบเขาจึงได้ลาจากพ่อและลูกจ้างของเขาเพื่อติดตามพระองค์ไป ซึ่งทำให้เราทราบว่ายากอบนั้นเขาไวประการที่สำคัญคือ เขาเชื่อฟังต่อการทรงเรียกของพระเจ้า และนี่เป็นการทรงเรียกที่พิเศษที่มีมาเหนือสำหรับชีวิตของเขา

สิ่งที่พระคำของพระเจ้า ต้องการที่จะสื่อกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้นั่นก็คือว่า วันนี้แม้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้น จะไม่ได้เรียกพี่ - น้องนั้นให้ก้าวออกมาจากครอบครัวหรือไม่ได้เรียกให้พี่ - น้องนั้นให้ก้าวออกมาจากงานประจำมาเหมือนดั่งที่พระองค์ทรงเรียกยากอบก็ตาม

แต่ผมมีความเชื่ออย่างมั่นใจว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้นสามารถที่จะเรียกพี่ - น้องจากในที่ๆ พี่ - น้องพำนักอาศัยอยู่ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าที่นั่นจะเป็นที่บ้านของท่าน หรือไม่ว่าที่นั่นจะเป็นที่ทำงานของท่าน และหรือไม่ว่าที่นั่นจะเป็นสถานศึกษาของท่านก็ตามแต่

และการที่ผมเชื่อเช่นนั้นก็เพราะ พระคำของพระเจ้านั้นได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน เช่น

1.พระเจ้านั้นทรงเรียกซีโมนในขณะที่กำลังเป็นนักการเมืองอยู่

2.พระเจ้านั้นทรงเรียก อ. เปโตร ในขณะที่เขานั้นกำลังจับปลา

3.พระเจ้านั้นทรงเรียกมัทธิวขณะที่เขากำลังนั่งเก็บภาษีอยู่ที่ประตูเมือง

4.พระเจ้านั้นทรงเรียก เซาโล ในขณะที่เขากำลังเดินทางไปข่มเหงคริสเตียนระหว่างเดินทางไปดามัสกัส

เพราะฉะนั้นผมจึงมีความเชื่อว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าสามารถที่จะเรียกพี่ - น้องและผมได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าพี่ - น้องและผมจะอยู่ในที่ใดๆก็ตาม อาเมนไหมครับ

คำถามที่สำคัญก็คือว่า เวลานี้พี่ - น้อง คจ. ใจสมานสมุทรสงคราม ไวต่อการทรงเรียกหรือไวต่อการเร้าใจ และหรือพี่ - น้องนั้นไวต่อการดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้ากันมากแค่ไหน อันนี้เป็นคำถามที่สำคัญ

3 ปีที่ผ่านมานั้น ผมและพี่ - น้องในคริสตจักรฯ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมแม่แจ๋วที่มหาชัยเมืองเก่า ก่อนที่แม่แจ๋วนั้นจะย้ายมาอยู่ที่แม่กลอง จำได้ว่าตอนนั้นดาวิดกับผึ้งก็ได้มีโอกาสมาเยี่ยมแม่แจ๋วที่บ้านด้วย ซึ่งในวันนั้นน้องผึ้งก็ได้ขึ้นไปดูแลน้องพีซกับน้องเพชรอยู่ที่ข้างบนบ้าน ผมจึงบอกให้คนขึ้นไปตามน้องผึ้งลงมารับการอธิษฐานเผื่อ

ในระหว่างที่กำลังรอน้องผึ้งลงมานั้น ผมก็ได้กระซิบกับพี่ - น้องของเราบางคนที่อยู่ใกล้ๆผมรวมทั้งตัวเล็กน้องชายของ อ. ดา ด้วย ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็นผู้เชื่อในพระเจ้าด้วยว่า เมื่อน้องผึ้งลงมาถึงเขาจะร้องไห้และเขาก็ร้องไห้จริงๆ

ทำให้น้องตัวเล็กสงสัยว่าแล้วผมรู้ได้อย่างไร คำตอบก็คือเป็นเพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้นเร้าใจผม และต้องการสำแดงพระองค์เองกับน้องตัวเล็กด้วยว่า พระองค์กำลังเรียกเขาให้มาเป็นบุตรของพระองค์ผ่านทางผู้รับใช้ของพระองค์

ในขณะเดียวกันสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมก็รู้สึกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้เร้าใจผมในบางสิ่งบางอย่าง ผมจึงขอให้ทางคริสตจักรได้ถวายสงเคราะห์ให้กับผู้เชื่อใหม่คนหนึ่งในคริสตจักร รินทร์บอกกับผมว่าเมื่อเธอได้รับสิ่งนั้นไป ทำให้เธอน้ำตาไหลในทันที เพราะฉะนั้นขอให้เรานั้นไวต่อการเคลื่อนไหวหรือต่อการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์

พี่ - น้องที่รักครับ แม้ว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าจะไม่ได้เรียกพี่ - น้องเหมือนกับที่พระองค์ทรงเรียกยากอบบุตรเศเบดีก็ตาม แต่ผมมีความเชื่ออย่างมั่นใจว่าพระองค์ทรงเรียกให้พี่ - น้องและผมนั้น ได้มีโอกาสที่จะ ชุน หัวใจของใครบางคนที่แตกสลายนั้นเพื่อให้เขามีกำลังใจขึ้นใหม่ หรือได้ให้พี่ - น้องและผมนั้นได้ ชุน ภาระปัญหาของใครบางคน ซึ่งอาจจะเป็นคนในที่ทำงานของท่านหรือคนในวงศ์วานญาติเครือของท่านและหรืออาจจะเป็นคนที่ท่านไม่รู้จักก็เป็นได้ เพื่อให้เขานั้นได้มีความหวังใจในชีวิตขึ้นใหม่ ขอพระเจ้าเมตตาที่พี่ - น้องและผมนั้นจะมีความไวต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเหมือนดังยากอบในตอนนี้

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 2 เราพบว่าเขาเป็นนักปฏิบัติ

ว่ากันว่าคนที่มีอาชีพชาวประมงนี้ จะต้องเป็นคนที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ คอยดูน้ำขึ้นน้ำลง คอยดูว่าลมฉิวไม่ฉิว ว่ากันว่าคนที่มีอาชีพนี้จะต้องร้อนรนอยู่เสมอโดยเฉพาะตอนที่มีพายุซัดเข้ามาในเรือ ต้องคอยช่วยกันชักใบเรือ เพื่อไม่ให้เรือนั้นมันเสียหรือไม่ให้เรือนั้นมันจม เพราะฉะนั้นในบางอารมณ์ของคนที่มีอาชีพนี้จึงมีในลักษณะของความกระตือรือร้นทีมีความพลุ่งพล่านอยู่ข้างใน

ว่ากันว่าในสมัยของพระเยซูนั้น ถ้าพวกเขาว่างจากการจับปลาก็ต้องพากันมานั่งชุนอวนให้มันอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ คงไม่มี Fino ให้แว้นไปที่โน่น ไปที่นี่เหมือนกับในสมัยนี้อย่างแน่นอน อาจจะกล่าวได้ว่าอาชีพชาวประมงนั้น เป็นอาชีพที่จะต้องลงมือปฏิบัติ ดังนั้นยากอบจึงเป็นนักปฏิบัติมากกว่านักพูด เพราะฉะนั้นมือของยากอบนั้นก็คงจะต้องปฏิบัติการอยู่ตลอดเวลา

สิ่งที่พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะสื่อกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้นั่นก็คือว่า คริสตจักรของพระเจ้าในประเทศไทยในเวลานี้

1.ไม่ต้องการคริสเตียนที่เสียงดังหน้าแดงแต่แรงไม่ออก

2.ไม่ต้องการคริสเตียนที่พูดอะไรมากมาย แต่ต้องการคริสเตียนที่ลงมือทำหรือลงมือปฏิบัติ

3.ไม่ต้องการคริสเตียนที่อุ่นๆ แต่คริสตจักรของพระเจ้าในประเทศไทยในเวลานี้ต้องการคริสเตียนที่ร้อนรนในการที่จะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า โดยเฉพาะในยุคสุดท้ายที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้เสด็จมาแล้วแต่ยังมาไม่ถึง

ผมจำได้ว่าผมเคยพูดกับพี่ - น้องของเราหลายคนในคริสตจักรและต่างคริสตจักร

ว่าการรับใช้พระเจ้านั้นเป็นเรื่องที่ดีและดีมากๆด้วย ถ้าเราเข้าใจการรับใช้ ถ้าเราอยากรับใช้พระเจ้า แต่ถ้าเราไม่เข้าใจการรับใช้ แทนที่จะเป็นพระพรกับไม่เป็นพระพรหนำซ้ำในบางกรณีกับเป็นพระเพลิงอีกด้วย

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อยากอบบุตรเศเบดีได้รับการทรงเรียกเป็นการส่วนตัวจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้าว่าให้ติดตามพระองค์ไปนั้น ยากอบเขาได้เอานิสัยชาวประมงของเขามาด้วย นิสัยชาวประมงของเขาคืออะไรครับ ? เขาหาปลาเก่ง เขาชุนอวนเก่ง

พอเวลามาเป็นคริสเตียน ยากอบเขาก็เลยชอบที่จะปฏิบัติมาก กล่าวคือ เขามีความกระตือรือร้นทั้งในฝ่ายร่างกายและฝ่ายจิตวิญญาณ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและดีมากๆ นะครับ

แต่ความกระตือรือร้นในลักษณะที่มีความพลุ่งพล่านเหมือนเสียงฟ้าร้อง เหมือนเสียงฟ้าคำรามอยู่ข้างในนี่เองพี่ - น้องที่รัก พระคำของพระเจ้าใน มก.3:17 ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ มก.3:17 พระคำของพระเจ้าว่าอย่างไรให้เราอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

พระคำของพระเจ้าใน มก.3:17 ได้เปิดเผยหรือได้บอกกับเราว่า เราอย่าเป็นคนที่ร้อนรนในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในลักษณะที่รุนแรงแบบนี้

            และด้วยการที่ยากอบ มีใจร้อนรนในการที่จะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในลักษณะที่มีอารมณ์ดุเดือดพลุ่งพล่านนั่นเอง แทนที่ชีวิตของเขานั้นจะเป็นพระพรกับพระราชกิจของพระเจ้าไปได้นานๆ แต่กับเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะอะไรครับพี่ - น้อง ?

ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ กจ.12 : 1 - 2 และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ เพราะกษัตริย์เฮโรดได้เอาดาบฟันคอยากอบขาดในทันที ยากอบจึงเป็นสาวกคนแรกของพระเยซูที่ตายก่อนเพื่อนไม่นับยูดาสอิสคาริโอทที่ขายพระเยซูนะครับ

เพราะฉะนั้นผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การที่เราร้อนรนในการที่จะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้านั้นเป็นเรื่องที่ดีและดีมากๆ และเป็นสิ่งที่พี่ - น้องและผมควรที่จะทำกันต่อไป แต่เราก็ควรที่จะเข้าใจในการรับใช้ด้วย เพราะถ้าเราเอาแต่ร้อนรนโดยไม่ใช้สมองเลย มันก็อาจจะกลายเป็นผลร้ายได้ หรือมันอาจจะนำเราไปสู่การรับใช้ที่ผิดพลาดทางหลักศาสนศาสตร์ก็เป็นได้ ซึ่งก็มีคริสเตียนอยู่จำนวนไม่น้อยเลยนะครับพี่ - น้องที่รักครับ ที่อยากรับใช้พระเจ้าแต่ไม่เข้าใจการรับใช้ ด้วยเหตุนี้เองการรับใช้ของเขามันจึงเป็นเรื่องที่วุ่นวายอยู่ในเวลานี้

อ. เปาโล จึงได้กล่าวเตือนเราเอาไว้ใน รม.10:2 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ เขามีความกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติพระเจ้าแต่หาได้เป็นไปตามปัญญาไม่ ซึ่งนั่นหมายความว่า มันมีความกระตือรือร้นบางอย่างที่ไม่ถูกต้องอยู่จริงและยากอบเป็นคนประเภทนั้น ดังนั้นขอพระเจ้าช่วยเราที่เรานั้นจะมีความกระตือรือร้นในการที่จะปรนนิบัติและรับใช้พระเจ้าได้อย่างถูกต้อง

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 3 เราพบว่ายากอบนั้นเป็นคนที่ไม่อดทน

คำถามคือว่า พระคัมภีร์ข้อไหนที่บอกว่า ยากอบ นั้นเป็นคนที่ไม่อดทน ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ ลก. 9:51 - 54 และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันในตอนนี้ มีพี่ - น้องคนไหนเห็นความอดทนของยากอบบ้างไหมครับ ? ไม่มีเลย พอใครไม่ยอมรับในตัวพระเยซู เขาก็บอกว่าอย่างไรครับ ? งั้นก็ให้เอาอำนาจของพระเจ้ามาเผาพวกมันเสียเลย ยากอบเป็นคนแบบนี้

ซึ่งพี่ - น้องคิดว่ามีคริสเตียนที่เป็นแบบยากอบนี้มีไหมครับในสังคมของเรา ? พอเวลาเราไปประกาศหรือพอเวลาเราไปเป็นพยานกับใครมาหลายครั้ง หลายหนแล้ว เขาก็ไม่ยอมเชื่อสักทีหนึ่ง มีคริสเตียนบางคนถึงกับพูดว่าอย่างไรพี่ - น้องทราบไหมครับ ? งั้นก็ปล่อยให้มันตกนรกก็แล้วกัน

แต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้น พระองค์ไม่ได้เสด็จมาเพื่อที่จะทำลายชีวิตของใคร

พระคำของพระเจ้าพูดเอาไว้อย่างชัดเจนใน มธ.18:11 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า บุตรมนุษย์นั้นมาเพื่อที่จะเสาะหาคนที่หลงหายให้รอด

ด้วยเหตุนี้เองพี่ - น้องที่รักที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าจึงได้ทรงเตือนยากอบเอาไว้ว่าให้ช้าไว้ก่อนหรือใจเย็นๆอย่าใจร้อน

อีกประการหนึ่งที่เราควรที่จะเรียนรู้จากชีวิตของยากอบ ผ่านทางพระคำของพระองค์ ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ มก.10:35-39 พร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

พระคำของพระเจ้าในข้อนี้ได้ทำให้เราทราบว่ายากอบนั้นอยากจะนั่งในตำแหน่งที่สำคัญ มีความทะเยอทะยานมีความมักใหญ่ใฝ่สูง เขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่สาวกอีก 10 คนที่นั่งอยู่ข้างๆ พระเยซู

พระเยซูตรัสว่า คุณไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังขออะไร แต่ยากอบบอกกับพระเยซูว่าเขารู้ พี่ - น้องฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆ สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า

1. งานของพระเจ้านั้นเป็นงานฝ่ายวิญญาณและพัฒนามาสู่งานฝ่ายร่างกาย

2. งานของพระเจ้านั้นเป็นงานจากสิ่งที่ตาของมนุษย์นั้นมองไม่เห็นพัฒนาไปสู่ที่ตามองเห็น

พระเยซูตรัสว่า ยากอบคุณไม่รู้หรอกว่า คุณกำลังขออะไร ยากอบบอกว่าเขารู้

พระเยซูตรัสว่า จอกที่เราดื่มเจ้าจะดื่มได้หรือ ยากอบบอกว่าข้าพระองค์ดื่มได้

แล้วสุดท้ายยากอบเขาได้ดื่มจริงๆไหมครับพี่ - น้อง ?

เขาได้ดื่มจริงๆ กจ. 12 ได้บันทึกไว้ว่าเขาได้ตายเพื่อพระเยซูอย่างแท้จริง

สาเหตุที่ยากอบและยอห์นเป็นเช่นนี้เพราะอะไรพี่ - น้องทราบครับ ?

ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ มธ.20:20-23 และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

มีภาษิตไทยบทหนึ่งกล่าวไว้ดังนี้ว่า ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น ซึ่งมันมีทั้งในเรื่องที่ดีและไม่ดีนะครับ ในกรณีนี้เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีครับ ? ไม่ดีสักเท่าไหร่

พระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันทำให้เราทราบว่าแม่ของยากอบและยอห์นนั้นเป็นคนที่ทำไมครับพี่ - น้อง ? มีความทะเยอทะยาน มีความมักใหญ่ใฝ่สูง แม่ของยากอบไม่ได้ Robby ผ่านทางผู้ใหญ่คนไหนเลยนะครับ แต่เธอทำไมครับ ? เธอเข้าหาพระเยซูตรงๆเลย

            เมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดเรื่องหนึ่งนั่นก็คือผมได้ใช้มือฝรั่งปิดพัดลมเพียงแค่ครั้งเดียวจริงๆ ซึ่งในเวลาไม่นานนัก ผมก็เห็นน้องปลื้มเขาก็ได้ใช้มือฝรั่งปิดพัดลมเหมือนกับผมซึ่งในเวลานี้ผมพยายามที่จะหาทางแก้ไขพฤติกรรมน้องปลื้มอยู่ในเวลานี้ แต่สิ่งนี้ชี้ให้เราเห็นถึงอะไร ? การซีร๊อกในฝ่ายร่างกาย

            แต่ในกรณีของยากอบกับยอห์น ที่มีความทะเยอทะยานหรือมีความมักใหญ่ใฝ่สูงนั้น ชี้ให้เราได้เห็นถึงการซีร๊อกหรือการไหลผ่านในฝ่ายวิญญาณ เพราะฉะนั้นทางแก้ไขในกรณีนี้นั่นก็คือ การอธิษฐานตัดสัมพันธ์กับวิญญาณที่ไม่ถูกต้องที่เรานั้นได้รับมา

ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา คนที่เข้ากลุ่มเผชิญชีวิตคู่กับ ผป. ยงยุทธ กับ อ. ทิพยมาศ ที่คริสตจักรของเราก็คงจะได้รับการสอนในเรื่องนี้บ้างไม่มากก็น้อย

            สิ่งที่เราจะต้องเข้าใจให้ตรงกันนั่นก็คือว่า การปรนนิบัติการรับใช้พระเจ้าไม่ใช่เรื่องของยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ใช่เรื่องของอำนาจ ไม่ใช่เรื่องของใครที่จะนั่งอยู่ทางซ้ายหรือทางขวา ไม่ใช่เรื่องของใครที่จะเป็นใหญ่กว่าใคร และไม่ใช่เรื่องของคนที่จะต้องขึ้นไปอยู่บนเวทีเพื่อจะต้องทำอะไรอยู่ร่ำไป

เหตุที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะว่า มีคริสเตียนบางคนไม่ใช่ทุกคนนะครับพี่ - น้อง ที่เมื่อใดก็ตามที่เขาไม่ได้ยืนอยู่บนเวทีเขาก็ไม่อยากที่จะรับใช้พระเจ้า แต่คราวใดก็ตามที่เมื่อเขาได้ยืนอยู่บนเวทีเขาก็รู้สึกอยากที่จะรับใช้พระเจ้าขึ้นมาทุกที

คริสเตียนแบบนี้เราเรียกว่าคริสเตียนเนื้อหนัง ให้เราบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาอย่าเป็นคริสเตียนแบบเนื้อหนัง

คำถามคือว่า แล้วการรับใช้พระเจ้าที่แท้จริงนั่นคืออะไร ? คำตอบอย่างง่ายๆก็คือ 1. การที่เราเป็นคนที่ถ่อมใจในการที่จะปรนนิบัติผู้อื่น

2. การที่เรายอมปรนนิบัติซึ่งกันและกัน

3. การที่เรายอมเป็นคนสุดท้าย

            ซึ่งผมมักที่จะพูดกับผู้นำและพูดกับพี่ - น้องในคริสตจักรแห่งนี้อยู่เสมอว่า เมื่อใดก็ตาม ที่ผมยังต้องขึ้นมานำอะไรต่อมิอะไรบนเวทีนี้อยู่บ่อยๆนั้น ผมคิดว่านั่นคือ ความล้มเหลวในการรับใช้ของผม

แต่ถ้าพี่ - น้องในคริสตจักรแห่งนี้ ต่างได้ลุกขึ้นมาเป็นผู้นำนมัสการ นำอธิษฐาน นำกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ นำกลุ่มสามัคคีธรรมในตอนบ่าย นำกลุ่มเซลล์ นำทีมออกไปทำพันธกิจในที่ต่างๆ รวมทั้งแบ่งปันพระคำของพระเจ้าได้ นั่นคือความสำเร็จในการรับใช้ของผม เพราะผมได้ทำตามในสิ่งที่พระเยซูได้ทรงตรัสสั่งเอาไว้ใน มธ. 28:18 - 20 นั่นก็คือ สร้างให้เขาเป็นสาวกของพระเยซูที่พระเจ้าทรงใช้การได้

ทั้ง 4 ประการที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นทำให้เราทราบว่า ยากอบนั้นเขาล้มเหลวในการรับใช้พระเจ้า

แต่สิ่งที่พระคำของพระเจ้าได้มีการบันทึกเอาไว้ในหนังสือพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่มอย่างชัดเจนนั่นก็คือว่า ยากอบคนนี้

เขาประสบความสำเร็จในการเป็น 1ใน3 ที่พระเยซูทรงรัก

เขาประสบความสำเร็จในการเป็น 1ใน3 ของการเป็นสาวกวงใน

เขาประสบความสำเร็จในการเป็น 1ใน3 ของอัครทูตที่มีความใกล้ชิด และมีความสนิทสนมกับพระเยซูมากที่สุดคนหนึ่ง แน่นอนพี่ - น้องที่รัก สาวกที่พระเยซูทรง

รักมากที่สุดนั้นคือ ยอห์น แต่เขาก็เป็น 1ใน3 ที่พระเยซูทรงรักมากกด้วยเช่นกันและนี่คือการล้มเหลวแต่สำเร็จ

พี่ - น้องที่รักครับ ในสมัยที่ผมเรียนมัธยมอยู่นั้น ผมมีเพื่อนอยู่หลายคนที่ตอน

เรียนหนังสือนั้นมันเรียนไม่ได้เรื่องเลย เขาไม่มีระเบียบวินัย เขาขี้เกียจยอมทำการบ้าน เขาไม่ยอมอ่านหนังสือ ห่วงแต่จะเล่นกีฬาอย่างเดียว จะว่าไปแล้วเพื่อนคนนี้ ดูแล้วมันไม่น่าจะมีอนาคตที่ดีสักเท่าไหร่นัก

แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่เองก็ดี หลายหน่วยงานของรัฐเองก็ดี ต่างต้องให้เกียรติแก่เขา โดยพิมพ์เกียรติบัตรด้วยอักษรสีทองซึ่งไม่ใช่ทองจริงนะครับ แต่เป็นทองเก้ให้กับเขา ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสถานศึกษาและประเทศชาติ ในฐานะนักชกเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ รุ่นฟลายเวท ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 9 ในปี 2525 ( 1982 ) ณ. กรุงนิวเดลี ประเทศ อินเดีย เพื่อนของผมคนนี้เขาล้มเหลวในการศึกษาแต่เขาสำเร็จในด้านการกีฬา

คำถามก็คือว่า เรื่องเล่าซึ่งเป็นเรื่องจริงเรื่องนี้สอนอะไรเรา ?

เรื่องเล่าเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป

เรื่องเล่าเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ความล้มเหลวของเราอาจจะทำให้เกิดความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้

สิ่งที่ผมอยากจะ ชุน หัวใจของพี่ - น้องในเช้าวันนี้ก็คือว่า อย่าคิดว่าลูกของพี่น้องในวันนี้ จะเป็นเหมือนกับที่พี่ - น้องเห็นในวันนี้ แน่นอนในเวลานี้เขาอาจจะล้มเหลวแต่เมื่อเขาเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เขาอาจจะสำเร็จก็ได้ เพราะฉะนั้นพี่ - น้องอย่าสิ้นหวัง

กลับมาที่พระคำของพระเจ้า เหตุที่ยากอบล้มเหลวแต่สำเร็จ ในสิ่งที่ดังกล่าวไปเมื่อสักครู่นี้นั่นเป็นเพราะว่ายากอบได้แสดงให้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้แลเห็นแล้วว่า

1.เขานั้นมีความจงรักภักดี ซึ่งความจงรักภักดีนี่เอง ได้แสดงถึงความรักที่เขามีต่อพระเยซูอย่างแท้จริง

2. เขานั้นเอาจริงเอาจังต่อพระดำรัสสั่ง ที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงตรัสสั่งเราเอาไว้ใน มธ. 28 : 18 - 20 เพราะฉะนั้นถ้าเขาจะต้องตายเพราะการประกาศในเรื่องของพระเยซูก็ให้มันตายไป อาจจะกล่าวได้ว่ายากอบนั้นเขาล้มเหลวในฝ่ายกายภาพ แต่ในฝ่ายจิตวิญญาณแล้วเขาล้มเหลวไหมครับพี่ - น้อง ? เขาสำเร็จ เขาไม่ล้มเหลว

และก่อนที่ผมจะจบคำเทศนาในเช้าวันนี้ ผมอยากที่จะบอกกับพี่ - น้องว่าผมเป็นคริสเตียนมาประมาณ 11 ปีกว่าๆ ผมได้พบคริสเตียนที่ดี ที่พระเจ้าอำนวยพระพรให้เขาประสบความสำเร็จทั้งในฝ่ายร่างกายและในฝ่ายจิตวิญญาณมาจำนวนไม่น้อย ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เราขอบคุณพระเจ้าได้ ถึงแม้เราอาจจะไม่ได้เป็นคริสเตียนคนนั้นก็ตาม

แต่ผมก็ขอ ชุน ความคิดของพี่ - น้อง โดยให้พี่ - น้องมีความคิดที่ว่า พี่ - น้องจะเป็นคริสเตียนคนหนึ่ง ที่จะประสบความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่ง จะเป็นในด้านฝ่ายร่างกายหรือจะเป็นในด้านฝ่ายจิตวิญญาณก็ว่ากันไป ขอเพียงพี่ - น้องอย่าเป็นคริสเตียนคนหนึ่งที่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยก็แล้วกัน ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

Green City