ยอมเสียสละ

คำเทศนาเรื่อง ยอมเสียสละ

                                                

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม ฟลป.3:8 “ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัดและถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์” และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า ยอมเสียสละให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่น้องที่รักครับ เทศกาลอีสเตอร์ในปีนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา คริสตจักรต่างๆได้จัดให้มีการนมัสการศุกร์ประเสริฐในช่วงเวลา 19.00 - 21.00 น. เพื่อระลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระเยซูคริสตเจ้าที่ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อความบาปผิดของมวลมนุษย์ชาติบนไม้กางเขน และในเช้าของวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม ในปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่สามที่พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่าวัน อีสเตอร์

แต่ละคริสตจักร ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด รวมทั้งคริสตจักรของเราด้วย ก็จะจัดให้มีการ นมัสการรุ่งอรุณ ในช่วงเวลา 06.00 ซึ่งบางที่ บางแห่ง ก็จะจัดให้มีการนมัสการรุ่งอรุณที่สุสาน หรือบางที่ บางแห่ง ก็จะจัดให้มีการนมัสการรุ่งอรุณที่คริสตจักร ก็แล้วแต่คณะกรรมการของแต่ละคริสตจักรจะตกลงกัน

อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางคณะกรรมการการประสานงานคริสตจักรโปรแตสแตนท์แห่งประเทศไทย (กปท) ได้มีมติที่จะจัดงาน อีสเตอร์ส่วนกลางขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย ณ. สนามกีฬาฟุตบอลโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เริ่มตั้งแต่เวลา 13.00 - 22.00 น. โดยมี Them หรือหัวข้อในการเฉลิมฉลองในปีนี้ว่า ยอมเสียสละ โดยใช้สัญลักษณ์เป็น รูปไข่ แทนอุโมงค์ที่ว่างเปล่าและได้เขียนหัวข้อในปีนี้ว่า ยอม หรือ เสียสละ ลงไป

เหตุเนื่องจากว่าวันอีสเตอร์เป็นวันที่พระเยซูคริสต์ทรงยอมเสียสละพระองค์เอง เพื่อไถ่มวลมนุษย์ชาติและพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพราะฉะนั้นให้เราทั้งหลายซาบซึ้งในพระคุณของพระเจ้าที่ยอมเสียสละพระองค์เพื่อเรา เพราะสิ่งที่พระองค์ยอมเสียสละเพื่อเรานั้น เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อพวกเราทั้งในด้านฝ่ายร่างกายและฝ่ายจิตวิญญาณเป็นอย่างมาก

พระคำของพระเจ้าใน สดด.116: 2 ตรัสดังนี้ว่า “ข้าพเจ้าจะเอาอะไรตอบแทนพระเจ้าได้ เนื่องจากบรรดาพระราชกิจอันมีพระคุณต่อข้าพเจ้า” ดังนั้นมนุษย์จึงไม่สามารถที่จะหาอะไรมา เพื่อเป็นการตอบแทนการยอมเสียสละของพระองค์ได้

คำถามคือว่า สิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์ยอมเสียสละพระองค์เพื่อเรานั้นมีอะไรบ้าง

ประการที่ 1 คือ ยอมเสียสละเพื่อบังเกิดมาเป็นมนุษย์

ฟลป. 2:8 “และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระทัยลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณากระทั่งความมรณาที่กางเขน”

พี่น้องที่รักครับ พระเจ้า พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเป็น ผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งและไม่มีสักสิ่งเดียวที่ไม่ได้เป็นของพระองค์ พระวจนะของพระเจ้าในหนังสือ วิวรณ์ ทำให้เราทราบว่า ฐานะของพระองค์นั้นทรงมั่งคั่ง เพราะที่ประทับของพระองค์บนสวรรค์นั้นทุกสิ่งและทุกอย่างล้วนแต่ทำด้วยทองคำทั้งสิ้น

แต่พระเจ้า พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงยอมเสียสละฐานะอันมั่นคงของพระองค์เพื่อมาบังเกิดเป็นมนุษย์ที่ธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่มีความจำกัดในฝ่ายร่างกาย ผ่านทางช่องคลอดของหญิงพรหมจารีย์คนหนึ่งที่มีชื่อว่านางมารี ทั้งนี้เพื่อที่จะทำให้แผนการที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้านั่นก็คือแผนการที่จะนำให้มนุษย์คืนดีกับพระเจ้านั้นสำเร็จ

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า วันนี้เราจะยอมไหม ? ถามต่อไปว่า…ยอมอะไร ?

เราจะยอมเสียสละแม้มันอาจจะไม่ใช่ทุกสิ่งและทุกอย่างในสิ่งที่เรามี เหมือนกับพระเจ้า

แต่เรายอมไหม ยอมที่จะเสียสละในบางสิ่ง บางอย่างที่เรามีนั้น เพื่อที่จะทำให้พระราชกิจของพระเจ้านั้นสำเร็จ

มีใครบ้างในที่นี้ที่ไม่รู้จักแปรงและยาสีฟันยี่ห้อคอลเกตบ้างครับ ผลิตภัณฑ์ของเขาได้มีการขยายตลาดออกไปทั่วทุกมุมโลก จากวันนั้น จนถึงวันนี้ ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ เป็นที่รู้จักมานานกว่า 100 ปี

พี่น้อง อยากทราบไหมครับว่า เพราะเหตุใดผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ ถึงได้จำเริญก้าวหน้ามากมายถึงขนาดนี้ เพราะเขายอม ที่จะเสียสละ 90 % จากรายได้ที่เขามีเพื่อที่จะทำให้พระราชกิจของพระเจ้านั้นสำเร็จ

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า วันนี้เรายอมไหม   ยอมที่จะเสียสละในบางสิ่ง บางอย่างที่เรามีเพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าสำเร็จในชีวิตของเรา

องค์พระเยซูคริสต์เจ้า พระองค์ทรงปรนนิบัติรับใช้มวลชนด้วยการให้อาหารฝ่ายจิตวิญญาณนั่นก็คือ การเทศนาพระวจนะของพระเจ้าก่อนที่จะให้อาหารฝ่ายร่างกายด้วยการเลี้ยงขนมปัง พระคำของพระเจ้าใน ยน. 6 ทำให้เราทราบว่า มีคนเป็นจำนวนมากพากันมาหาพระองค์ และจำนวนเงินที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพอที่จะซื้อหาอาหารมาเลี้ยงดูคนเหล่านี้

สาวกของพระองค์คนหนึ่งบอกกับพระเยซูว่า ที่นี่มีเด็กคนหนึ่งมีขนมบารีห้าก้อนกับปลาสองตัวแค่นั้นมันจะไปพออะไรกับคนที่มากมายอย่างนี้ (ให้ที่ประชุมเปิดและอ่าน ยน. 6:11-13พร้อมๆกันด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ)

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า เรายอมไหม ยอมที่จะเสียสละบางสิ่งบางอย่างซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดเหมือนกับเด็กคนนี้ เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือเพื่อที่จะให้พระเจ้าได้รับเกียรติในชีวิตของเรา

คนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า เมื่อเขาจะทำอะไรไม่ถูกต้อง เช่น เขากำลังจะฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตและพระของเขาเห็น พระของเขาจะพูดว่าอย่างไรครับ ? ขอบิณฑบาตเถอะโยม เขาก็จะยอมหยุดที่จะทำในสิ่งนั้น เพื่อที่จะถวายพระสิริแด่พระบาอัลของเขา

วันนี้เรายอมไหม ยอมที่จะเสียสละการดำเนินชีวิตในฝ่ายเนื้อหนังของเรา (กลท.5:19)นั่นคือ การล่วงประเวณี การโสโครก การลามก การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้อีกเหมือนที่ข้าพเจ้าได้เตือนท่านมาก่อน ซึ่งนั่นหมายความว่า การงานของเนื้อหนังนั้นยังมีอีกมาก เช่น การยั่วโทสะ การอวดตัว การถือตัว การขโมย การฉ้อโกง เป็นต้น

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า วันนี้เรายอมไหม ยอมเสียสละสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่อที่จะถวายพระสิริแด่พระเจ้าของเรา

สิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์ยอมเสียสละพระองค์เพื่อเรามีอะไรบ้าง

ประการที่ 2 คือ ยอมเสียสละความสะดวกสบายเพื่อมาบังเกิดเป็นคนยากจน

พระคำของพระเจ้าใน 2คร.8:9 “เพราะท่านทั้งหลาย รู้จักพระคุณของพระเยซูคริสตเจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์มั่งคั่งพระองค์ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจน เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งมีเนื่องจากความยากจนของพระองค์”

พี่น้องที่รักครับ ชีวิตของมนุษย์นั้นเลือกเกิดไม่ได้ แต่ถ้าเลือกได้ ผมเชื่อว่าคงจะไม่มีใครอยากที่จะเลือกเกิดมาจน เพราะคนจนมันลำบากหรือสบายครับพี่น้อง ?

ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าผู้ใหญ่บางคนและหลายคนนั้น มีใจที่แอบอิจฉาเด็กบางคนที่เพิ่งคลอดออกมา เพราะอะไรครับ ? เพราะเด็กนั้น มันคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด

พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงมีฐานะอีกฐานะหนึ่งนั่นก็คือ เป็นพระบุตรของเจ้า เป็นบุตรของพระเจ้า เป็นบุตรของพระเจ้าสบายหรือลำบากครับพี่น้อง ? มีข้าทาสบริวารไว้ใช้มากมาย จะเอาอะไรก็มีคนจัดหาและนำมาให้ทั้งสิ้น แต่พระองค์ทรงยอมที่จะเสียสละความสะดวกสบายทั้งสิ้นมาเป็นคนลำบากยากจน

พระคำของพระเจ้าใน ลก.2:7 ตรัสดังนี้ว่า “นางจึงประสูติบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางใหญ่ เพราะว่าไม่มีที่ว่างให้เขาในโรงแรม” ซึ่งนั่นหมายความว่า พระองค์ทรงยอมที่จะเสียสละความสะดวกสบายทั้งสิ้น มาเป็นคนลำบากยากจนตั้งแต่กำเนิด

แรกเกิดที่รางหญ้า สะดวก สบายไหมครับ ? ทั้งสกปรก ทั้งมีกลิ่นเหม็น เพราะพระองค์ทรงประทับอยู่ที่โรงนา

พระเยซูคริสต์ ทรงเริ่มปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าเมื่ออายุ 31-33 ปีโดยประมาณ ซึ่งนั่นหมายความว่า ก่อนหน้าที่พระเยซูจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า พระเยซูต้องช่วย เลี้ยงน้องชาย คือ ยากอบ อีกทั้งต้องช่วยครอบครัวในการประกอบอาชีพโดยการเป็นช่างไม้ร่วมกับโยเซฟผู้เป็นบิดา

ซึ่งผมเชื่อว่าพระเยซูคงจะต้องทำงานหนักทุกๆวัน เหมือนกับพี่ชายคนโตที่เกิดในครอบครัวที่ยากจนทั่วๆไป พระเยซูสะดวก สบายไหมครับ ?

ผมมีโอกาสไปค่ายๆหนึ่ง ที่ค่ายนี้เขามีป้ายเขียนไว้ว่า “ที่นี่คือค่ายอยากสบายต้องที่บ้าน”

เมื่อเดือน เม.ย. ปี 2003 มีภาพยนตร์เรื่อง The Passion OF The Christ ได้เข้าฉายในบ้านเราซึ่งตอนนั้น ผมรับใช้พระเจ้าอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ ผู้รับใช้พระเจ้าจากทุกคริสตจักรได้ตกลงกันว่าจะเหมาเพื่อปิดโรงภาพยนตร์ไว้ 4 รอบ และจะร่วมมือกันเชิญคนที่ไม่ได้รู้จักกับพระเจ้าให้มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ฟรีโดยให้ผู้เชื่อออกค่ารถ ค่าตั๋วหนังให้คนที่เราเชิญทั้ง 4 รอบ เป็นความจริงที่มีการพูดกันว่าของฟรีใครๆ ก็ชอบ

ดังนั้นคนที่มา ก็มากันมากจนเกินความพอดีทำให้ผู้เชื่อต้องยอมเสียสละจากเก้าอี้ซึ่งเป็นที่นั่งนุ่มๆลงไปนั่งที่พื้นกระได

คำถามคือว่า เรายอมไหม ยอมที่จะเสียสละ ความสะดวกสบายในชีวิตของตนเพื่อที่จะนำคนเหล่านี้มาถึงแผ่นดินของพระเจ้า

พระคำของพระเจ้าใน ลก.10:2 - 11 ทำให้เราทราบว่าสาวกของพระเยซูคริสต์กลุ่มนี้นั้นต้องยอมเสียสละทั้งความสะดวกและความสบายต่างๆเพื่อออกไปประกาศถึงพระกิตติคุณของพระเจ้า

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า เรายอมไหม ยอมที่จะเสียสละ ความสะดวก ความสบายในชีวิตของเรา เหมือนกับสาวกทั้งเจ็ดสิบคนของพระองค์ ที่ออกไปประกอบพระราชกิจในการขยายแผ่นดินของพระเจ้า

สิ่งที่พระเยซูคริสต์ยอมเสียสละพระองค์เพื่อเรามีอะไรบ้าง

ประการที่ 3 ยอมเสียสละมาบังเกิดเป็นทาส

พระคำของพระเจ้าใน ฟลป. 2: 6 - 7 ตรัสดังนี้ว่า “ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ แต่ได้กลับทรงสละและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์”

เกิดมาเป็นทาสกับเกิดมาเป็นลูกจ้างเหมือนกันไหมครับ ? และพี่น้องคิดว่า เกิดมาเป็นทาสกับเกิดมาเป็นลูกจ้างอย่างไหนดีกว่ากันครับ ?คนที่เป็นลูกจ้างนั้นมีอิสรภาพมีเสรีภาพถึงเหนื่อยอย่างไรก็มีเวลาให้ลูกจ้างได้พักได้ผ่อนตอนเย็นกลับบ้านก็ไม่ต้องทำงานให้กับนายจ้าง

คนที่เป็นทาสนั้น เขาไม่มีอิสรภาพ มีเสรีภาพหรืออาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็คือเขาไม่มีชีวิตเป็นของตนเอง แต่ชีวิตของเขาเป็นของใครครับ ? นายทาส

ดังนั้น คนที่เป็นทาสนั้นชีวิตของเขาจึงต้องคอยปรนนิบัติ คอยรับใช้ผู้เป็นนายทาสอยู่ตลอดเวลา คนที่เป็นลูกจ้างนั้น ไม่ว่างานของเขา จะหนักมากหรือหนักน้อยขนาดไหนก็ตามแต่พอถึงเดือนเขาก็จะได้รับค่าจ้างหรือได้รับเงินเดือน

ส่วนคนที่รับสภาพทาสนั้น ไม่ว่างานจะหนักมากหรือหนักน้อยแค่ไหนก็ต้องทำ พอถึงเดือนเป็นไงครับ ? ไม่มีทั้งค่าแรง ไม่มีทั้งเงินเดือน

คนที่เป็นลูกจ้างนั้นถ้าทำผิดทำพลาด ทำขาดตกบกพร่อง อาจจะถูกตำหนิ ถูกด่า ถูกว่า แต่ส่วนของคนที่เป็นทาสนั้น ถ้าทำผิดทำพลาดไม่เพียงแต่จะถูกตำหนิ ถูกด่าหรือถูกว่าเท่านั้นนะครับ

แต่เขาอาจจะต้องถูกล่าม ถูกโบย ถูกเฆี่ยน ถูกตีและหรืออาจจะถูกให้ทรมานถึงแก่ความตายด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่า ทาสจะต้องถูกลงโทษ ต่อเมื่อกระทำความผิดนั้น

แต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้า พระองค์ไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใดเลย แต่เพราะว่าพระองค์ทรงรักเรา พระองค์จึงยอมเสียสละพระองค์ เพื่อรับสภาพยิ่งกว่าทาส บนไม้กางเขนนั้น เพื่อช่วยเราทั้งหลายให้รอดพ้นจากทาสบาปของอาดำเอวา ซึ่งนำเราไปสู่ความตายกลับกลายให้เราเป็นผู้ชอบธรรม ซึ่งนำไปสู่การมีชีวิตใหม่นั่นก็คือการชีวิตนิรันดร

องค์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้ซึ่งเป็นจอมเจ้านาย เป็นเจ้าชีวิต พระองค์ทรงยอมเสียสละทั้งหมดแม้กระทั่งชีวิตของพระองค์เพื่อเรา แน่นอนพี่น้องบางท่านยอมที่จะเสียสละบางสิ่งบางอย่างให้กับพระเจ้า แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือว่าเราได้ยอมหรือเคยยอมที่จะเสียสละให้กับพระองค์มากขนาดไหน ? มากน้อยขนาดไหนครับ

สรุปพระวจนะของพระเจ้าในเช้าวันนี้

ให้เรายอมที่จะเสียสละเพื่อพระราชกิจของพระเจ้าจะได้สำเร็จในชีวิตของเรา

ให้เรายอมเสียสละเพื่อที่พระเจ้าจะได้รับเกียรติในชีวิตของเรา

ให้เรายอมเสียสละเพื่อที่จะถวายพระสิริแด่พระเจ้าในชีวิตของเรา

ให้เรายอมเสียสละความสะดวก สบายในชีวิตเพื่อที่จะขยายแผ่นดินของพระเจ้า

ให้เรายอมเสียสละให้กับพระเจ้าให้มาก เหมือนดังที่พระองค์ยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตของพระองค์เพื่อเรา

Green City