ผ่านปีเก่าสู่ปีใหม่ที่ดีกว่า

คำเทศนาเรื่อง ผ่านปีเก่าสู่ปีใหม่ที่ดีกว่า

              

ขอพระคุณความรัก และสันติสุขขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าดำรงอยู่ท่ามกลางคณาจารย์ , เพื่อนผู้รับใช้ที่เคารพรักทุกท่าน สวัสดีครับพี่ - น้องที่รัก

ผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับโอกาสและสิทธิพิเศษ ที่พระเจ้าหนุนนำผม ผ่านทางท่าน อ.ขจร ทำให้ได้มีโอกาสเดินทางมาแบ่งปันพระคำของพระเจ้าให้กับพี่ – น้องได้รับฟังกันในเช้าวันนี้ ซึ่งถ้าพี่ - น้องพิจารณาให้ดีๆ พี่ - น้องก็จะพบว่า ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าที่จะมาถึงนั้นก็จะถึงวันคริสตสมภพในปีที่ 2013 ที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้เสด็จลงมาบังเกิดในสภาพของกายมนุษย์ เพื่อไถ่ความผิดให้กับเราทั้งหลายซึ่งเป็นคนบาปบนไม้กางเขน จัดได้ว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญยิ่งวันหนึ่งของคริสตชนทั่วโลก

ส่วนถัดไปอีกหนึ่งสัปดาห์นั้น พี่ - น้องก็จะพบว่าวันอังคารนั้นมันตรงกับที่ 31 ธันวาคม ส่วนในวันพุธก็ตรงกับวันที่ 1 ม.ค. 2014 ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นเทศกาลที่สำคัญอีกวาระหนึ่งของคนทั่วโลกด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

วาระของเทศกาลคริสตมาสนั้นผมเชื่ออย่างมั่นใจว่าพี่น้องคงจะได้ยินได้ฟังกันมาพอสมควรแล้ว ดังนั้นในเช้าวันนี้ผมจะมาแบ่งปันกับพี่ – น้องในเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับวาระที่สองนี้ นั่นก็คือ วาระของการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยผมจะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม ฟลป. 3 : 13 - 14 พระคำของพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูก่อนพี่ - น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาเสีย แล้วโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบนให้เราไปรับ” และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า ผ่านปีเก่าสู่ปีใหม่ที่ดีกว่า ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่ - น้องที่รักครับ ภาพที่เราเห็นกันมาโดยตลอดในช่วงเทศกาลท้ายสุดหรือส่งท้ายของแต่ละปีนั้นคือภาพอะไรครับพี่ - น้อง ?

ภาพที่เราเห็นมาโดยตลอด ในช่วงท้ายสุดหรือที่เรามักจะเรียกกันว่าส่งท้ายปีเก่า นั่นก็คือ ภาพของคนที่ไม่ได้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์หรือคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนนั้น เขาจะส่งท้ายปีเก่ากันด้วย 1. การกิน การดื่ม 2. การเต้น และเขาจะส่งท้ายปีเก่ากันด้วยการนับเวลาถอยหลัง และเมื่อวินาทีแรกของ ค.ศ. ใหม่ / หรือคริสตศักราชใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น เขาก็จะพากันยิงพลุหรือจุดปะทัดขึ้นมาใช่หรือไม่ ? นี่คือภาพที่เรามักจะได้เห็นอยู่เป็นประจำทุกๆปี

คำถามแรกที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นเราควรจะส่งท้ายปีเก่ากันอย่างไร ?            

คำตอบก็คือ ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อหรือเป็นคริสเตียน เราควรจะส่งท้ายปีเก่าด้วยการกิน การดื่ม เพราะเป็นนี่เป็นเทศกาลหรือเป็นฤดูแห่งการเฉลิมฉลอง แต่การกินและการดื่มของเรานั้นจะต้องปราศจากการทำร้ายหรือทำลายสุขภาพร่างของตนเอง ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไร ?

ซึ่งนั่นหมายความว่า อะไรก็ตามที่เรากินหรือเราดื่มเข้าไปแล้ว และมันจะทำให้สุขภาพร่างกายของเรานั้นจะต้องทรุดโทรมหรือว่าเสื่อมโทรมลง ให้เรารับหรือปฏิเสธครับพี่ - น้อง? ให้เราปฏิเสธการกิน การดื่มในสิ่งต่างๆ เหล่านั้นทันที

คำถามก็คือว่า เพราะอะไรหรือทำไม ที่ผู้เชื่อหรือคริสเตียนเราถึงจะต้องปฏิเสธการกิน การดื่มสิ่งที่มีส่วนผสมของพวกแอลกอฮอล์

คำตอบที่ดีที่สุด อยู่ในพระวจนะของพระเจ้าในหนังสือ 1 คร. 6 : 19 พระคำของพระเจ้าตรัสกับเราหรือบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า “ ร่างกายของเรานั้นเป็นพระวิหารของพระเจ้า เป็นที่ประทับอยู่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ” ด้วยเหตุนี้เองพี่ - น้องที่รักครับ ผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทุกๆ คนจึงไม่ควรที่จะนำเอาสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเข้ามาในชีวิตของเรา

เรายังอยู่ในคำถามแรกกันอยู่นะครับ คำถามแรกที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า

ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียนหรือเป็นผู้ที่เชื่อ ในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเราควรที่จะเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่านั้นอย่างไร ?

คำตอบก็คือ เราควรที่จะเฉลิมฉลองด้วยการเต้น เพราะนี่เป็นช่วงเวลาแห่งความชื่นชมยินดี แต่นัยยะหรือความหมาย ในการเต้นของคริสเตียนนั้น ไม่เหมือนกับคนในโลกนี้เต้น คนในโลกนี้เขาเต้นสรรเสริญมาร - ซาตาน ผีชั่ววิญญาณร้าย

ดังนั้น ท่าเต้นของคนในโลกนี้หรือคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า จึงมีเพียงท่าเดียวเท่านั้นนั่นก็คือ “ท่าลิงเหยียบถ่าน” ที่ไฟกำลังลุกโชน ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ที่คนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้าจะเต้นกันในท่านี้ เหตุเพราะเขามีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องฝึกท่านี้เอาไว้ เพื่อให้เกิดทักษะและมีความชำนาญเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะอะไร ? เพราะเขาจะต้องนำไปใช้ในบึงไฟนรก

1.ท่าเต้นของคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้าจึงดูไม่สวยงาม ท่าเต้นบางท่าเต้นจึงดูยั่วยวนอารมณ์ ทำให้ผู้ชายหลายๆคน เกิดมีใจกำหนัด เขาเลยส่งท้ายปีเก่าด้วยการทำบาป โดยการไปมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่ภรรยาของตน

2.ท่าเต้นบางท่าเต้นดูแล้วมันช่างกวนอก กวนใจวัยรุ่นบางคนเสียจริงๆ ทำให้วัยรุ่นบางคนทนดูไม่ได้ เลยต้องลุกขึ้นไปเตะคนเต้น ทำให้หลายๆคนต้องส่งท้ายปีเก่าด้วยการมีเรื่อง บ้างก็ฆ่ากันตายในวันส่งท้ายปีเก่า

อย่างไรก็ตามในฐานะที่พี่ - น้องและผมเป็นผู้ที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า เราจะต้องเข้าใจว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่มันเกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่แปลกประหลาดอะไรเลยพี่ - น้องที่รัก

เหตุเพราะบรรยากาศอย่างนี้มาร ซาตานหรือพวกผีชั่ว วิญญาณร้าย มันชอบไหมครับพี่ - น้อง ? มันชอบมาก เพราะมันควบคุมได้ง่าย มันจึงเข้ามาทำหน้าที่ของมันนั่นก็คือ โดยการลัก ฆ่าและทำลายมากเป็นพิเศษ

ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา พี่ - น้องทราบไหมครับว่า ? มาร ซาตาน ผีชั่ว วิญญาณร้าย มันได้ลักฆ่าคนไทยไปกี่ดวงวิญญาณจิตแล้วพี่ - น้องทราบไหมครับ ? และมันได้ทำลายคนไทยให้เป็นผู้พิกล พิการไปกี่คนแล้วพี่ - น้องทราบไหมครับ ?

ข้อมูลล่าสุด ณ. วันที่ 2 ม.ค. 2013 ณ. เวลา 15. 30 น. มาร ซาตาน ผีชั่ววิญญาณร้าย มันได้ฆ่าคนไทยที่ใช้พาหนะในการเดินทางบนท้องถนนไปทั้งสิ้น 238 ศพ และมันได้ทำร้ายคนไทยให้ได้รับบาดเจ็บไปทั้งสิ้น 2, 725 คน ( ไม่นับในกรณีที่มีการฆ่ากันตายในวงเหล้าหรือในสถานบันเทิงนะครับ ) และนี้เป็นภาพที่เรามักจะได้เห็นกันอยู่โดยตลอด ในช่วงเวลาของการส่งท้ายปีเก่าในแต่ละปีของทุกๆปี

ซึ่งเมื่อเรานำท่าเต้นของคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า   มาเปรียบเทียบกับท่าเต้นของคนที่เป็นคริสเตียนแล้ว มันแตกต่างกันไหมครับพี่ - น้อง ? มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะเราเต้นนมัสการสรรเสริญพระเจ้า

เมื่อเราเต้นนมัสการสรรเสริญพระเจ้า บรรยากาศอย่างนั้นใครเป็นผู้ควบคุมครับพี่ - น้อง ? พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่สูงสุดเป็นผู้ควบคุม ภาพที่ออกมาจึงออกมาเรียบร้อย ท่าเต้นของคริสเตียนนั้นดูเรียบร้อย สวยงาม มีสง่า มีราศี มีพระสิริของพระเป็นเจ้าอยู่ด้วย

มาถึงอีกภาพหนึ่งที่ผมอยากให้พี่ - น้องได้จินตนาการไปด้วยกับผมนั่นก็คือ ในช่วงของวันขึ้นปีใหม่กันบ้าง ภาพของวันขึ้นปีใหม่ของแต่ละปีนั้นคือภาพอะไร พี่ - น้องยังพอที่จะจำกันได้ไหมครับ ?

ภาพที่เราเห็นมาโดยตลอดในช่วงเริ่มต้นในแต่ละปีของทุกปี นั่นก็คือ ภาพของคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเยซูคริสต์หรือคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนนั้น เขาจะต้อนรับปีใหม่ด้วยการทำบุญวันขึ้นปีใหม่

มาถึงคำถามที่สอง ซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจอีกเช่นกันนั่นก็คือว่า

ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อหรือเป็นคริสเตียน เราควรที่จะต้อนรับปีใหม่กันอย่างไร ? พระวจนะของพระเจ้าในหนังสือ อฟซ.5:20 ตรัสดังนี้ว่า “จงขอบพระคุณพระเจ้าคือ พระบิดาสำหรับสิ่งสารพัดเสมอในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา” และพระคำของพระเจ้าในหนังสือ 1 ธสก.5:18 ตรัสดังนี้ว่า “ จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าซึ่งปรากฏอยู่ในพระคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย ”

ดังนั้นคำถามที่ว่า ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า เราควรที่จะต้อนรับปีใหม่กันอย่างไร ?

คำตอบก็คือ เราควรที่จะต้อนรับปีใหม่ด้วยการ ขอบคุณพระเจ้า

พี่ - น้องที่รักครับ ในช่วงส่งท้ายปีเก่าก่อนที่จะก้าวสู่ปีใหม่ในแต่ละปีนั้น เราจะเห็นว่าคนที่เขาทำธุรกิจ คนที่เขาทำการค้า การขายนั้น เขาจะมีกระเช้าผลไม้ เขาจะมีกระเช้าของขวัญ - ของฝาก นำไปมอบให้กับผู้ที่มีส่วนในการสนับสนุน ส่งเสริม การค้าการขายของเขา และถือโอกาสที่พิเศษนี้เป็นการขอบคุณสำหรับในสิ่งที่ผ่านมาตลอดทั้งปีทั้งนี้เพื่ออะไร ?

คำตอบก็คือ เพื่อที่เขาจะได้นำธุรกิจของเขาให้ก้าวไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา

ในฐานะที่เราเรียกตัวเองว่าเราเป็นผู้เชื่อภาพในฝ่ายวิญญาณของเราเอง เราเองก็ควรที่จะต้อนรับปีใหม่ด้วยการ ทบทวนถึงพระคุณของพระเจ้าและขอบพระคุณพระองค์สำหรับในปีเก่าที่ผ่านมาก่อนที่เราจะก้าวเข้าสู่ปีใหม่อย่างแท้จริง

พระวจนะของพระเจ้าใน อฟซ. 5 : 20 ที่เราได้อ่านร่วมกัน ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า“ ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าในสิ่งสารพัดเสมอ ” และพระคำของพระเจ้าในหนังสือ 1 ธสก.5:18 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนด้วยเช่นเดียวกันว่า “ ให้ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี ”ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไร ? ซึ่งนั่นหมายความว่า

1.ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าทั้งในสิ่งที่ดีและในสิ่งที่ไม่ดี

2.ให้เราขอบคุณพระเจ้าทั้งในสิ่งที่เราชอบและในสิ่งที่เราไม่ชอบ

3.ให้เราขอบคุณพระเจ้าอย่างไม่มีแม้ ไม่มีแต่หรือไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

พี่ - น้องที่รักครับ ในความเป็นมนุษย์ของเรานั้น เรามักจะขอบพระคุณพระเจ้าได้ 1. แต่สิ่งที่ดี 2. แต่สิ่งที่เราชอบ โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่เราชอบๆ เรามักจะขอบพระคุณพระเจ้าได้อยู่อย่างสม่ำเสมอ

บางคนเจอพี่ - น้องคนนู้นก็อยากที่จะเป็นพยาน เจอพี่ - น้องคนนี้ก็อยากที่จะเป็นพยาน จนบางครั้งพี่ - น้องบางคนต้องย้ำเตือนสมาชิกคนนั้นว่า นี่เธอ เธอเป็นพยานเรื่องนี้มา 4 ครั้งแล้วน๊ะในปีนี้ ดังนั้นให้เราขอบคุณพระเจ้าได้ในทุกๆกรณี แม้ว่าในบางเรื่องนั้น เราจะมีความรู้สึกที่ไม่ชอบก็ตาม

พี่ - น้องฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆ นะครับ สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า การที่เราไม่ชอบ ไม่ได้หมายความว่า สิ่งนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ไม่ดีเสมอไป

พ่อ - แม่หลายคนนำลูกอธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับยา ซึ่งโดยธรรมชาติของเด็กแล้ว เด็กเขาชอบกินยาหรือชอบกินขนมครับพี่ - น้อง ? แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ยานั้นเป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป เพราะสิ่งที่ลูกไม่ชอบนั้นมันนำมาซึ่งการเยียวยารักษาเขาให้หาย

การทะเลาะกันเป็นสิ่งที่ดีไหมครับ ? ไม่ดี เป็นสิ่งที่ผมกับภรรยาไม่ชอบ แต่ในความเป็นมนุษย์ของเราทั้งสองคนนั้น เราก็ต้องยอมรับความจริงว่าเรา ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงในสิ่งนี้ได้ แต่ในขณะเดียวกันผมกับภรรยาเราก็ขอบคุณพระเจ้าสำหรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันนำให้เราทั้งสองคนไปสู่ความเข้าใจซึ่งกันและมากยิ่งขึ้น

ทำให้ครอบครัวของผมนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น มีความสุขและมีสันติสุขทั้งฝ่ายร่างกายและฝ่ายจิตวิญญาณมากขึ้น ที่สำคัญเป็นทีมในการดูแลพระราชกิจของพระเจ้า และเป็นทีมในการดูแลบุตรชายของเรามากยิ่งขึ้น เมื่อเราต่างเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น อัตราส่วนในการทะเลาะกันในครอบครัวของเราก็จะลดน้อยลง ในทางตรงกันข้ามอัตราส่วนในหยอกล้อกันนั้นมีมากขึ้น

แต่ถ้าสามี - ภรรยาคู่ไหนที่ทะเลาะกันแล้วและไม่ได้นำไปสู่ความเข้าใจกันมากขึ้น รักกันมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามกลับทะเลาะกันหนักขึ้นกว่าเดิม ในเบื้องต้นผมใคร่ขออนุญาตแนะนำท่าน ด้วยความรักของพระเจ้าว่า ให้ท่านรีบเข้ามาขันน๊อตกับศิษยาภิบาลของท่านโดยด่วน เพื่อที่จะเตรียมชีวิตของท่านเข้าสู่บทเรียน “ การเผชิญชีวิตคู่ ” ได้อย่างถูกต้องและทันเวลา เพราะไม่เช่นนั้นอัตราส่วนที่ท่านจะขาดพระพรของพระเจ้าในชีวิตสมรสนั้นก็จะสูงขึ้นตามลำดับ

ครอบครัวหลายครอบครัว มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจในครัวเรือน เช่น การชักหน้าไม่ถึงหลัง บ้างก็ชักหลังไม่ถึงหน้า ซึ่งความยากลำบากในชีวิตเป็นสิ่งที่มนุษย์เรานั้นชอบหรือไม่ชอบครับพี่ - น้อง ?

แต่พระวจนะคำของพระเจ้าก็บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าให้เรานั้นขอบคุณพระเจ้าเสมอ เพราะในความยากลำบากนั้น ทำให้ครอบครัวของเราได้แบ่งปันกันมากขึ้นหรือร่วมทุกข์และร่วมสุขซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น และหรือทำให้เรารู้สึกห่วงใยและเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น และนี่เป็นท่าทีของครอบครัวของคนที่ได้ชื่อว่าคริสเตียน

อย่างไรก็ตามผมก็พบว่า มีผู้เชื่อบางประเภท ที่มักจะอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าได้ก็ต่อเมื่อ เขาจะต้องได้รับคำตอบจากพระเจ้าแล้วเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า เขาก็ยังไม่อธิษฐานขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

เพราะบางเรื่องสำหรับบางคนนั้น เขาอาจจะต้องใช้เวลาถึงลมหายใจสุดท้ายของชีวิตของเขา เขาจึงจะได้รับคำตอบจากพระเจ้าก็เป็นได้ แล้วเขาไปรู้คำตอบเอาที่ไหนพี่ - น้องทราบมั้ยครับ ? ข้างบนนู้น

ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นคริสตชนเป็นคนของพระเจ้าให้เราต้อนรับปีใหม่โดยการทบทวนถึงพระคุณของพระเจ้า และด้วยการขอบคุณพระองค์ในทุกๆ กรณี

เรายังอยู่ในคำถามที่สองกันอยู่นะครับพี่ - น้อง ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อเราควรที่จะต้อนรับปีใหม่กันอย่างไร ? คำตอบก็คือ เราควรที่จะต้อนรับปีใหม่ด้วยการ “ ขอโทษและยกโทษ ”

พระวจนะของพระเจ้าในพระธรรม มธ. 6 : 12ตรัสดังนี้ว่า“ และขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น ”

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านนั้นมามีสมาชิกของผมคนหนึ่งสั่งให้ลูกน้องเก็บทำความสะอาดบ้านเรือนของตนเพื่อที่จะเปิดบ้านต้อนรับทูตสวรรค์ของพระเจ้า ที่จะไปร้องเพลงที่บ้านของเขา ประกอบกับเขาได้มีการนำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆซึ่งเป็นสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาไว้ในบ้าน

พี่ - น้องคิดว่า มันน่าจะดูสวยงามมั้ยครับ ?

พี่ - น้องฟังสิ่งผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆ สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า โดยพระทัย พระเมตตาของพระเป็นเจ้าของเรานั้น พระองค์ทรงปรารถนาให้พี่ - น้องและผู้ซึ่งบุตรของพระองค์ทุกๆคนนั้น 1. มีความสวยสดและงดงามขึ้นทุกวัน 2. ดีขึ้นในทุกๆ วัน ทุกๆ เดือนและทุกๆ ปี

แต่การที่พี่ - น้องและผม ไม่สามารถที่จะสวยสด งดงามหรือดีขึ้นในทุกๆวัน ในทุกๆเดือน และในทุกๆปีได้นั้นก็เพราะ มันอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างสำหรับบางคน และมันอาจจะมีหลายสิ่งหลายอย่างสำหรับหลายๆคน ที่เราได้กระทำไม่ถูกต้องกับพระเจ้า อาจจะเป็นความผิดความบาปหรืออาจะเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ด้วยเหตุนี้เองพี่ - น้องที่รักครับ เป็นเหตุทำให้ชีวิตทั้งในฝ่ายร่างกายและฝ่ายจิตวิญญาณของเรานั้นขาดพระพรของพระเจ้า

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ สภษ. 28 :13 จึงได้ตรัสเอาไว้อย่างชัดเจนว่า“ บุคคลที่ซ่อนการละเมิดของตนจะไม่จำเริญ แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา ” ให้เราพูดกับตัวเองว่า ( ปกปิดไม่จำเริญ สารภาพได้รับความเมตตา )

ดังนั้น เราควรที่จะต้อนรับปีใหม่ในแต่ละปี ด้วยการสำรวจตรวจดูตัวเองของเราเองนั้นให้ละเอียด และล้างชำระหรือทำความสะอาดชีวิตตัวเองโดยการสารภาพบาปนั้นต่อพระเจ้า

และไม่เพียงแค่สารภาพเท่านั้นพี่ - น้องที่รัก พระคำของพระเจ้าได้ตรัสเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “ ให้ละทิ้งความชั่วเสีย ”ซึ่งนั่นหมายความว่า ให้เรานั้นกลับใจเสียใหม่ โดยไม่หันกลับไปทำความผิดความบาปนั้นซ้ำอีก แล้วพระเจ้าจะอภัยให้กับท่าน

อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านสารภาพบาปนั้นต่อพระเจ้าแล้ว แต่ท่านยังกลับไปทำผิดทำบาปเหมือนเดิมทุกอย่าง นั่นก็เท่ากับว่า ท่านไม่ได้กลับใจใหม่อย่างแท้จริง ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรไปจาก การนำบาปของปีหนึ่งไปสู่อีกปีหนึ่งหรือไม่ได้ต่างอะไรไปจาก การนำบาปของปีเก่าข้ามไปสู่ปีใหม่ด้วย ซึ่งท่านก็คงจะต้องรู้สึกเหนื่อยกับการดำเนินชีวิตนั้นต่อไป เหตุเพราะชีวิตของท่านนั้นขาดพระพรหรือท่านไม่ได้รับพระพรจากพระเจ้านั่นเอง

นอกเหนือจากที่ได้กล่าวมาแล้ว พระคำของพระเจ้าในข้อเดียวกันนี้คือ มธ.6 : 12 ก็ยังได้สอนเราทุกคนให้เรียนรู้ที่จะให้อภัยต่อผู้อื่นด้วยใจที่กว้างขวาง

พี่ - น้องที่รักครับ มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ ที่เราจะอภัยให้กับคนที่เรารัก แต่ในทางตรงกันข้าม มันก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ เช่นเดียวกัน ที่เราจะอภัยให้กับคนที่เกลียดชังเราหรือคนที่ด่าว่าเรา

แต่ถ้าพี่ - น้องและผม จะก้าวไปสู่ปีใหม่โดยเก็บความรู้สึกโกรธ รู้สึกเกลียดนี้เอาไว้ก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะมันจะเป็นนรกที่อยู่ในใจและคอยเผาไหม้อยู่ภายในจิตใจของพี่ - น้องอยู่ตลอดเวลา ทำให้พี่ - น้องขาดสันติสุขของพระเจ้า พี่ - น้องอยากมีสันติสุขของพระเจ้าไหมครับ ?

ถ้าพี่ - น้องอยากมีสันติสุข ให้อธิษฐานกับพระเจ้า ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าช่วยข้าพระองค์ที่จะมีกำลังขึ้นในการที่จะยกโทษให้กับชายคนนี้หรืออภัยให้กับหญิงคนนี้

ข้าพระองค์ขอมอบความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกเกลียด และความรู้สึกต่างๆ เหล่านี้ให้เป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า เพื่อพระเจ้า พระเยซูจะทรงได้รับเกียรติในชีวิตของข้าพระองค์

ง่ายๆ เพียงเท่านี้พี่ - น้องก็จะมีสันติสุขในพระคริสต์แล้วละครับ และไม่เพียงแต่พี่ - น้องจะมีสันติสุขเท่านั้นนะครับ อะไรที่มันหนักๆ ก็จะอยู่ที่เขา ส่วนอะไรที่เป็นความเบาก็จะอยู่ที่เรา

เรายังอยู่ในคำถามที่สองกันอยู่นะครับ คำถามก็คือว่า ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า หรือเป็นคริสเตียนเราควรจะต้อนรับปีใหม่อย่างไร

คำตอบก็คือ เราควรจะต้อนรับปีใหม่ด้วยการ “ ลืมอดีตมุ่งสู่อนาคต ”  

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ ฟลป. 3 : 13 - 14 ตรัสดังนี้ว่า“ ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่งคือ ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย แล้วโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบนให้เราไปรับ ”

พี่ - น้องที่รักครับ ครูสอนภาษาไทยของผมคนหนึ่ง ได้พูดไว้อย่างน่าสนใจว่า “ อนาคตต้องคิด อดีตลืมทิ้งมันไป ปัจจุบันเริ่มต้นใหม่และทำให้ดี ”

แต่อย่างไรก็ตามคุณครูของผมท่านนี้ ก็ได้ขยายคำพูดนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า ก่อนที่เราจะทิ้งอดีต เราควรนำอดีตมาทบทวนให้เป็นบทเรียน แล้วจึงมุ่งสู่อนาคตโดยการเริ่มต้นใหม่แล้วทำมันให้ดี

ในพระคัมภีร์เดิมเราพบว่าผู้รับใช้ “โมเสส” ได้กล่าวทบทวนพระบัญญัติของพระเจ้าให้กับประชากรของพระเจ้าได้ฟัง ก่อนที่พวกชนชาติอิสราเอลนั้น จะเข้าแผ่นดินแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า ว่าเหตุผลใดที่พวกเขาต้องวนเวียนอยู่ในถิ่นทุรกันดารนานถึง 40 ปี

สาเหตุที่โมเสสจะต้องทบทวนพระบัญญัติของพระเจ้า ให้กับพวกเขาฟังก่อนที่จะเข้าแผ่นดินแห่งพันธสัญญาของพระเจ้านั้น ก็เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ทำในสิ่งที่ผิดพลาดหรือจะได้ไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้นอีก

ภายหลังจากที่โมเสสได้ทบทวนพระบัญญัติและบทเรียนต่างๆ ที่พระเจ้าได้ให้กับพวกเขาเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาจึงบัญชาให้ชนชาติอิสราเอลมุ่งสู่อนาคตโดยการเข้าไปยึดครองแผ่นดินคานาอัน

ดังนั้นพี่ - น้องที่รัก การทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมาในอดีต ก่อนจะก้าวไปสู่อนาคตนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างไรก็ตามเมื่อเราทบทวนอดีตแล้ว ให้เรามุ่งหน้าไปสู่อนาคต อย่าฝังหรืออย่าจมปลักอยู่กับอดีต

เพราะถ้าเราจมปลักอยู่กับอดีต มันไม่เพียงแต่จะทำให้ความคิดใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ความคิดเก่าไม่ได้ แต่วิญญาณแห่งความคิดจิปาถะ มันจะเข้ามาครอบครองท่านด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของผู้เชื่อเลย

มีเรื่องเล่าอย่างนี้ครับว่า...............เจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งได้รับโทรศัพท์

จากพนักงานของโรงงานว่าไฟกำลังไหม้โรงงาน พอเจ้าของโรงงานคนนี้ไปถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าไฟได้เผาโรงงานของเขาหมดเรียบร้อยแล้ว

เจ้าของโรงงานได้นั่งลงสักครู่หนึ่ง ขีดๆเขียนๆเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลุกขึ้นเดินไป สักครู่หนึ่งเจ้าหน้าที่ก็วิ่งมาตามบอกว่า “ ท่านครับ ท่านครับ โรงงานของท่านที่ถูกไฟไหม้อยู่ทางนู้น ” เจ้าของโรงงานได้ตอบกับเจ้าหน้าที่ๆ วิ่งมาตามกลับไปว่า “ แต่โรงงานที่ผมจะสร้างใหม่มันอยู่ทางนี้ ”

พี่ - น้องที่รักครับ หลายคนจมอยู่ในอดีต สุภาพสตรีหลายคนจมอยู่กับความรักที่ไม่สมหวังของตนเอง แม้ว่าบางคนจะกลับใจมาเชื่อในพระเจ้าแล้วก็ตาม ทำให้ผู้หญิงหลายๆคนที่ผิดหวัง ไม่อยากที่จะแต่งงาน กลัวการแต่งงาน เพราะคิดว่าผู้ชายคนนั้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี

บางคนฝักใฝ่กับอดีตของตนเองมากเกินไป คิดว่าผู้ชายนั้นเลวไปทั้งหมด จนทำให้ผู้หญิงหลายๆคนขาดคู่ครอง หรือขาดคู่พระพรที่ดีไปอย่างน่าเสียดาย  พระคำของพระเจ้าได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ให้เราลืมสิ่งที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก เพราะถ้าเราไม่ลืมมัน

1. อดีตนั้นจะเป็นสิ่งที่ถ่วงชีวิตของเรา 2. อดีตนั้นจะเป็นอุปสรรคในการที่เราจะเดินกับพระเจ้า 3. อดีตนั้นจะทำให้เราจะก้าวไปสู่ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าไม่ได้

ในหนังสือฟิลิปปี ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเป็นเจ้าได้ดลใจให้ อ. เปาโล ได้เขียนขึ้นมาถึงผู้เชื่อชาวเมืองฟิลิปปี

อ. เปาโล ได้บอกกับพี่ - น้องชาวเมืองฟิลิปปีว่า ชีวิตของท่านนั้นมีเป้าหมาย และท่านก็มีความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายนั้นและเป้าหมายที่ท่าน อ. เปาโลได้วางไว้ นั่นก็คือการที่ท่าน อ. เปาโล พยายามให้คนทั้งหลายเห็นองค์พระเยซูคริสต์ในชีวิตของท่านมากขึ้นทุกวัน

พี่ - น้องที่รักครับ ในการประกาศของ อ. เปาโล เราทุกคนต่างทราบกันเป็นอย่างดีว่า อ. เปาโล นั้นจะต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก ลำบากมากน้อยแค่ไหน แต่ อ. เปาโล ก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และไม่ละความพยายามที่จะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ โดยลืมความยากลำบากที่ผ่านมา โดยไม่ให้การถูกข่มเหงนั้นเป็นตัวถ่วงเป้าหมายที่ท่านจะก้าวไปข้างหน้ากับพระเจ้า

ด้วยเหตุนี้เองผมจึงขอหนุนใจพี่ - น้องทุกท่านว่า ให้เราได้มีโอกาสทบทวนถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา เพื่อที่บทเรียนนั้นจะสอนสิ่งใหม่ให้กับเรา รวมทั้งลืมอดีตทั้งหมดที่ผ่านมาในปีนี้ เพื่อที่เราทั้งหลายจะก้าวไปสู่เป้าหมายแห่งอนาคตที่สดใสในวันข้างหน้า

ประการสุดท้ายของคำถามที่สอง นั่นก็คือว่า ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อหรือเป็นคริสเตียน เราควรที่จะต้อนรับปีใหม่อย่างไร ? คำตอบนั่นก็คือ เราควรที่จะต้อนรับปีใหม่ด้วยการ “ ถวายสิ่งดีให้กับพระเจ้า ”

พระคำของพระเจ้าในพระธรรม รม. 12 : 1 ตรัสดังนี้ว่า“ พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านทั้งหลาย ให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย ”

พี่ - น้องที่รักครับ พระเจ้าที่เรานมัสการอยู่ พระองค์ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกเท่านั้น พระคริสตธรรมคัมภีร์ซึ่งเป็นหนังสือที่ศักดิ์สิทธิ์ ยังได้มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า พระองค์ยังทรงเป็นผู้ทรงสร้างในทุกๆ สรรพสิ่ง

สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกต้องใช้เงินมากเท่าไหร่ครับพี่ - น้องถึงจะสร้างได้ ? แล้วสร้างในทุกๆ สรรพสิ่ง มันจะต้องใช้เงินมากสักเท่าไหร่ครับถึงจะสร้างได้ ? ไม่มีสูตรคณิตศาสตร์ใดๆ ในโลกใบนี้ ที่จะคิดหรือคำนวณออกมาเป็นตัวเลขได้

ฐานะและพระเกียรติยศของพระองค์นั้นคือทรงยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่สามารถที่จะถวายเครื่องบูชาราคาถูกเพียงแค่ 20 - 30 หรือ 100 200 และหรือจุดปะทัดเพียงแค่ไม่กี่ดอกและใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีโดยทำพอเป็นพิธีเพื่อถวายแด่พระองค์ได้

ดังนั้นผู้เชื่อหรือคริสเตียนทุกคน ควรที่จะต้อนรับปีใหม่ในปีนี้ ด้วยการถวายสิ่งที่ดีที่สุดที่เรามีแด่พระเจ้าของเรา เหมือนดั่งพระเจ้า พระบิดาของเรา ที่พระองค์ได้ทรงประทานสิ่งที่ดีและดียอดเยี่ยมที่สุดของพระองค์ให้กับเรานั่นก็คือ พระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์  

เหมือนดั่งองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ที่พระองค์ก็ได้ทรงประทานสิ่งที่ดีและดียอดเยี่ยมที่สุดของพระองค์ให้กับเรา นั่นก็คือ ชีวิตและลมหายใจของพระองค์บนไม้กางเขน

เหมือนดั่งอับราฮัมผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของชนชาติทั้งปวง ที่เขาได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดที่เขามีให้กับพระเจ้านั่นก็คือ อิสอัคบนแท่นเผาบูชา

เหมือนดั่งนักปราชญหรือโหราจารย์ที่มีจิตใจที่ภักดี เข้ามาโดยการกราบถวายนมัสการพระกุมาร ด้วยเครื่องราชบรรณาการที่ดีที่สุด ที่มีอยู่และหาได้ในเวลานั้นนั่นก็คือ ทองคำ มดยอบกำยาน

แต่เรื่องจริงที่น่าเศร้านั่นก็คือว่า วันเกิดพระเยซูทั้งทีหรือวันขึ้นปีใหม่ทั้งที กับมีคริสเตียนหรือผู้เชื่อจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่เอาของ แลกซื้อ เอาของทุกอย่าง 20 บาท มาถวายให้กับพระเจ้า ส่วนสินค้าหลักหรือผลิตภัณฑ์หลักต่างๆเขาเก็บเอาไว้ใช้เอง พี่ - น้องคิดว่าอย่างนี้มันถูกต้องไหมครับ ? ไม่ถูกอย่างแน่นอน

เหตุเพราะสินค้าหลักที่พระเยซูนำมาให้กับพี่ - น้องและผมนั่นคือ ความรอด ในบึงไฟนรก ส่วนของแถมที่พี่ - น้องและผมได้รับโดยไม่ต้องแลกซื้อนั่นก็คือ พระพรของพระเจ้าในแต่ละวันนั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าพี่ - น้องจะส่งท้ายปีเก่า ผ่านการฉลองวันคริสตมาสในแต่ละปี หรือจะต้อนรับปีใหม่ผ่านการถวายผลแรกตอนต้นปีให้กับพระเยซู

พี่ - น้องฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆ นะครับ สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า พี่ - น้องอย่าได้นำของ แลกซื้อ มาถวายเพียงอย่างเดียว แต่ให้นำผลิตภัณฑ์หลักมาถวายแด่พระเจ้าด้วย

           และการถวายสิ่งที่ดีที่สุดในเวลานี้ที่พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกไว้ นั่นก็คือ การถวายตัวของเรา ในรม.12 : 1 พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกไว้คือให้การถวายตัวของเราเป็นเสมือนกับเครื่องหอมบูชาที่มีชีวิตและเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า ทำอย่างไร ที่การถวายตัว ถวายหัวใจของเรา จะเป็นเสมือนกับเครื่องหอมบูชาที่มีชีวิตและเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้

พี่ - น้องที่รักครับ การถวายตัว ถวายใจ ให้เป็นเสมือนกับเครื่องหอมบูชา และเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้านั่นก็คือ

1. ให้ชั่วโมงที่หนึ่งของแต่ละวันแด่พระเจ้า ( ไม่ใช่ให้เพียงแค่เศษของเวลากับพระเจ้า )

2. ให้วันที่หนึ่งของสัปดาห์แด่พระเจ้า นั่นก็คือวันสะบาโต และพี่ - น้องควรที่จะมาก่อนเวลานมัสการเสมอ ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงความตั้งใจในการที่เราจะถวายพระเกียรติยศแด่พระเจ้า เหมือนกับที่ประชาชนคนไทย คอยเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามที่ต่างๆ

ทั้งนี้เพื่อเป็นการถวายเกียรติให้กับพระองค์ แต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ เป็นราชันเหนือราชัน เราจะมาทำเป็นเหมือนคนกินบัวลอยข้างคืนแล้วมาเข้าเฝ้าพระองค์นั่นไม่ได้

3. ให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งของเงินที่เราได้รับในทุกครั้งที่มีรายได้ โดยแยกสิบลดให้ชัดเจน มิใช่ให้พระเจ้าเป็นที่ 2 หรือที่ 3 ของเงินที่เราได้รับ

4. ให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในบ้านหรือในครอบครัวของเรา มิใช่ให้พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งในบ้านของเรา

5. ให้เอาความรู้ความสามารถที่เรามี มาให้พระเจ้าใช้หรือเอามาใช้ในงานของพระเจ้า มิใช่เอาความรู้หรือเอาความสามารถที่เรามีไปใช้กับงานของโลกแต่เพียงอย่างเดียว และนี่คือเครื่องหอมบูชาที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้า ทรงโปรดพอพระทัยในชีวิตของผู้ที่เชื่อในพระองค์ทุกคน ( ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ มก. 14 : 3 - 9 และอ่านพร้อมๆ กัน )

พี่ - น้องที่รักครับ ถ้าพี่ - น้องถวายสิ่งดีเหล่านี้ให้กับพระเจ้า สิ่งที่พี่ - น้องทำ นั้นจะเคียงไปคู่กับข่าวประเสริฐขององค์อย่างแน่นอน

สรุป     พระวจนะของพระเจ้าในเช้าวันนี้นั่นก็คือ เราควรที่จะต้อนรับปีใหม่ด้วยการขอบคุณพระเจ้า           ขอโทษและยกโทษ     ลืมอดีตมุ่งสู่อนาคต และถวายสิ่งดีที่สุดที่เรามีให้กับพระเจ้า ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

Green City