เปลี่ยน

คำเทศนาเรื่อง เปลี่ยน

ปฐก.1:2 แผ่นดินโลกนั้นก็ปราศจากรูปร่างและว่างเปล่าอยู่ ความมืดอยู่เหนือผิวน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือผิวน้ำนั้น

2 คร.5:17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆก็ล่วงไป ดูเถิด สิ่งสารพัดกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า การเปลี่ยนแปลง ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่น้องที่รักครับ การที่พระเจ้ากับพระวิญญาณของพระเจ้าได้ทรงปกคลุมอยู่เหนือผิวน้ำนั้น ทำให้เราเห็นภาพของการผูกพันตัวต่อกันและกันตั้งแต่ 1.ฉากแรกจนถึงฉากสุดท้าย กล่าวคือ ตั้งแต่หนังสือปฐมกาล > วิวรณ์ 2.พระคัมภีร์เดิมไปจนถึงพระคัมภีร์ใหม่

พี่น้องที่รักครับ พระคำของพระเจ้าเริ่มนี้ถูกเขียนขึ้นมาประมาณเกือบ 6000 ปี คำถามก็คือว่า การผูกพันตัวอย่างนี้ยาวนานไหม ? ที่ยาวนานอย่างนี้ได้เพราะอะไร ?

เพราะพระเจ้ากับพระวิญญาณทรงมีความปรารถนา ทรงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผูกพันตัวต่อกันและกันอย่างชัดเจน

Them หรือหัวข้อในการขับเคลื่อนของคริสตจักรในปี 2018 ทั้งของเพชรบุรี – สมุทรสงคราม ว่าเอาไว้อย่างไร ใครพอจำได้บ้างครับ ? ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง

เมื่อวันคริสตมาสที่ผ่านมา อ.เด่น ถามพี่น้องว่าในปีหน้าใครมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ? มีหลายคนตอบว่าอยากที่จะเปลี่ยนแปลงในเรื่องนั้นเรื่องนี้ Ex. เช่น 1.การอ่านพระคำของพระเจ้า 2. ความสัตย์ซื่อในการถวายสิบลด 3. การมาคริสตจักรแต่เช้า เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีนะครับ

แต่มันจะดีเป็นอย่างมาก ถ้าพี่น้องมีความปรารถนาและมันจะดีเป็นอย่างมาก ถ้าพี่น้องเรียนรู้ในการที่จะผูกพันตัวต่อเป้าหมายอีกทั้งลงมือทำในสิ่งที่พี่น้องอยากเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ

เหมือนดังที่พระเจ้าทรงมีความปรารถนาในการที่จะผูกพันตัวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ (บอกกับคนข้างซ้ายข้างขวาอย่าให้คำพูดเป็นเพียงแค่ลมปาก)

พี่น้องที่รักครับพระคำของพระเจ้าใน 2 คร.5:17 ได้ตรัสกับเราเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆก็ล่วงไป ดูเถิด สิ่งสารพัดกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น

ซึ่งนั่นหมายความว่า บุคคลที่ได้พบกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอย่างแท้จริงนั้นเขาจะต้องเป็นคนที่มีชีวิตที่ 1.ถูกสร้างใหม่ 2.ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ 3.ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เขาได้รับเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้าและรับบัพติสมาในน้ำแล้วก็ตาม แต่ถ้าชีวิตของคนๆนั้นยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นหมายความว่า เขาได้พบกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอย่างแท้จริงหรือไม่ครับ ?

ฉลธ.28:13 “ถ้าท่านเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ และระวังที่จะกระทำตาม พระเยโฮวาห์จะทรงกระทำให้ท่านเป็นหัว ไม่ใช่เป็นหาง กระทำให้สูงขึ้นทางเดียว มิใช่ให้ต่ำลง”

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่าในปี 2018 ถ้าพี่น้องอยากจะมีความสงบสุขภายในจิตใจและถ้าพี่น้องอยากประสบความสำเร็จในชีวิตพี่น้องจะต้องเป็น “หัว”

คำถามคือว่า “หัว” มีหมายความว่าอะไร ?

(1)“หัว” คือ ผู้ที่เริ่มต้นและคนที่จะเริ่มต้นเป็นอันดับแรกนั่นก็คือตัวของคุณนั่นเอง

(2)“หัว” คือ ผู้กล้าที่จะเป็นคนใหม่ และคนที่จะต้องเป็นคนใหม่คือตัวคุณนั่นเอง

(3)“หัว” คือ ผู้ที่กล้าเริ่มทำสิ่งใหม่และคนที่จะกล้าทำสิ่งใหม่เป็นคนแรกนั่นก็คือตัวคุณนั่นเอง

(4)“หัว” คือ ผู้กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงใหม่และคนที่จะต้องกล้าเปลี่ยนแปลงใหม่เป็นคนแรกนั่นก็คือตัวคุณนั่นเอง

ดังนั้นในปี 2018 ถ้าพี่น้องอยากมีความสงบสุขภายในจิตใจและถ้าพี่น้องอยากประสบความสำเร็จในชีวิตพี่น้องจะต้องเริ่มต้นจากตัวของพี่น้องเองก่อนเป็นอันดับแรก เริ่มจากไหนก่อนครับ ? จากความคิดก่อนเป็นอันดับแรก

Ex.เช่น ร้อยวันพันปีพี่น้องไม่เคยมารวมพลังอธิษฐานร่วมกับพี่น้องในตอนเช้าของวันอาทิตย์เลยแม้แต่สักครั้งเดียวในชีวิต

แต่ในปี 2018 นี้ให้พี่น้องเริ่มคิดถึงในสิ่งนี้ เริ่มต้นทำสิ่งใหม่กล้าเป็นคนใหม่ กล้าเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยการมาให้ทันเวลารวมพลังอธิษฐานในทุกๆวันอาทิตย์ร่วมกับพี่น้องในคริสตจักร

นี่คือคนที่ได้พบกับพระเจ้าอย่างแท้จริง เพราะสิ่งเก่าๆ พฤติกรรมหรือการกระทำเก่าๆที่เขาเคยทำมัน บัดมันได้ล่วงหล่นและหายไปจากชีวิตของเขาแล้ว

การเดินทางมาคริสตจักรตั้งแต่เช้าเพื่อร่วมปรนนิบัติรับใช้ มาเพื่อรวมพลังอธิษฐานร่วมกับพี่น้องสมาชิกในคริสตจักรได้กลายเป็นสิ่งใหม่ในชีวิตของเขา พฤติกรรมใหม่ๆการกระทำใหม่ๆนี้เองจึงทำให้เขากลายเป็นคนใหม่

นี่คือคนที่เป็นหัว (1)“หัว” คือ ผู้ที่เริ่มต้น (2)“หัว” คือ ผู้ที่กล้าเริ่มทำสิ่งใหม่ (3)“หัว” คือ ผู้กล้าที่จะเป็นคนใหม่ (4)“หัว” คือ ผู้กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงใหม่

พี่น้องยังจำในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำกับมนุษย์เอาไว้ในหนังสือ ปฐก. ได้ไหมครับ ? พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่าพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากผงคลีดินและระบายลมปราณของพระองค์ลงมา จึงทำให้มนุษย์นั้นมีชีวิตสามารถที่จะขยับและเคลื่อนไหวไปมาได้

คำถามก็คือว่า พระคำของพระเจ้าในข้อนี้ได้ให้ภาพจำลองอะไรกับเราบ้าง ? คำตอบคือ พระคำของพระเจ้าได้ให้ภาพจำลอง 2 ภาพแก่เรา

ภาพแรกที่พระเจ้าต้องการสื่อสารกับมวลมนุษย์นั่นก็คือว่า ชีวิตในฝ่ายจิตวิญญาณนั้นมีความสำคัญมากกว่าชีวิตในฝ่ายเนื้อหนัง ด้วยเหตุนี้เองผู้เชื่อหรือคริสตศาสนิกทั้งหลายจึงต้องแสวงหาแผ่นดินและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน ผ่านการนมัสการ อธิษฐาน อ่านพระคำของพระเจ้าเป็นการส่วนตัวหรือผ่านการเฝ้าเดี่ยวในทุกๆวันอันนี้คือภาพแรก

ภาพที่ 2 มองผ่านมุมมองในการทรงสร้างของพระเจ้าจากหนังสือปฐก. คือ เมื่อพระเจ้าได้ทรงระบายลมปราณของพระองค์ลงไปในมนุษย์ในที่นี้นั่นก็คืออาดำ การเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นทั้ง1.ภายในและภายนอก 2.ทั้งที่ตาของเรานั้นมองเห็นและทั้งที่ตาของเรานั้นมองไม่เห็น

ดังนั้นผู้เชื่อทุกคนจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทั้ง 2 ด้าน คือ ทั้งในด้านฝ่ายกายภาพคือที่ตามองเห็นและในด้านฝ่ายจิตวิญญาณที่ตามองไม่เห็นด้วย

ยน.10:10 “ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์”

พระคำของพระเจ้าใน ยน.10:10 พูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้าเสด็จเข้ามาในโลกนี้เพื่อทำให้ชีวิตทั้งในฝ่ายร่างกายและชีวิตในฝ่ายจิตวิญญาณของผู้ที่เชื่อในพระองค์นั้นครบบริบูรณ์หรือมีความสมดุลทั้ง 2 ด้าน คือ ทั้งในด้านฝ่ายร่างกายและทั้งในด้านฝ่ายจิตวิญญาณ

ซึ่งคำสอนของคริสตจักรโดยส่วนมากเน้นให้พี่น้องสมาชิกเปลี่ยนแปลงไปในทางด้านศีลธรรม จริยธรรมหรือสอนให้พี่น้องมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางของพระเจ้า Ex.เช่น คริสตจักรมักจะสอนให้พี่น้องตั้งเป้าหมายที่จะมีชีวิตที่บริสุทธิ์หรือมีความเชื่อในพระเจ้ามากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดีมากและคริสตจักรยังคงต้องสอนเช่นนั้นตลอดไป

แต่คริสตจักรเองก็จะต้องไม่ลืมที่จะสอนให้พี่น้องสมาชิกมีการตั้งเป้าหมายในฝ่ายกายภาพหรือในฝ่ายเนื้อหนังและหรือในฝ่ายวัตถุที่พี่น้องจะต้องมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ด้วย

Ex.เช่น พี่น้องสมาชิกในคริสตจักรคนไหนที่ขี้เกียจ ไม่ทำงานในปีนี้คุณต้องเลิกขี้เกียจและทำงานได้แล้ว ไม่มีแม้ ไม่มีแต่ ไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งคุณต้องขยันทำมาหากินด้วยความตั้งใจด้วย เพื่อคุณภาพชีวิตในฝ่ายกายภาพของคุณนั้นจะได้เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วย

จะมานั่งๆนอนๆนมัสการ อธิษฐาน อ่านพระคำโดยไม่ทำมาหากินหรืออยู่เฉยๆนั้นไม่ได้ และอย่ามาตีความหลักศาสนศาตร์แบบผิดๆว่ามาเชื่อในพระเจ้าแล้วไม่ต้องทำมาหากินอะไรอย่างนั้นก็ไม่ใช่

พี่น้องยังจำได้ไหมครับว่า เมื่อพระเจ้าทรงสร้างอำดำขึ้นมา

พระเจ้าได้ทรงมอบหน้าที่การงานอะไรให้กับอาดำ ? คนดูแลสวน

ผลตอบแทนหรือค่าจ้างที่อาดำได้รับคืออะไร ? เขาสามารถที่จะเก็บพืชผลเหล่านั้นกินได้

ดังนั้นอาดำ คือ ลูกจ้างคนแรกของโลก

โดยพระเป็นเจ้าทรงเป็น CEO คนแรกของโลกใบนี้

เพราะฉะนั้นพี่น้องอย่ามาตีหลักศาสนศาตร์แบบผิดๆว่ามาเชื่อในพระเจ้าแล้วไม่ต้องทำมาหากินอะไรหรือจะมานั่งๆนอนๆนมัสการ อธิษฐาน อ่านพระคำโดยไม่ทำมาหากินหรืออยู่เฉยๆนั้นไม่ได้

ยน.3-5 (3)พระเยซูตรัสตอบเขาว่า เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ผู้นั้นจะเห็นอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้(4)นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่อย่างไรได้จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สองและบังเกิดใหม่ได้หรือ(5)พระเยซูตรัสตอบว่า เราบอกความจริงแก่ท่านว่าถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดจากน้ำและพระวิญญาณผู้นั้นจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้

พระคำของพระเจ้าใน ยน.3:3-5 พูดถึงสิ่งที่สำคัญเอาไว้ 2 ประการ ประการแรกนั่นคือ แผ่นดินสวรรค์ ประการที่ที่สองนั่นคือ การบังเกิดใหม่

องค์พระเยซูคริสต์เจ้าตรัสว่า แผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้านั้นมีอยู่จริง ซึ่งความเข้าใจของผู้เชื่อโดยส่วนมากคิดถึงแต่ในวันคืนที่พระคริสต์เสด็จกลับมารับเราทั้งหลายเพื่อไปอยู่กับพระองค์บนแผ่นดินสวรรค์เท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

ความเข้าใจที่ถูกต้องนั่นก็คือว่า แผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าก็มีตั้งอยู่ในโลกนี้และมีอยู่ในเวลานี้ด้วย คำถามคือว่าอยู่ที่ไหน ? อยู่ท่ามกลางผู้ที่เชื่อในพระองค์

Ex.เช่น ถ้าเราบอกกับคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้าว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า เราเป็นคริสเตียน คนอื่นจะต้องมองเห็นสวรรค์ผ่านความดี ความงาม ความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแพร่ ความคิด ความอ่าน ความไม่เห็นแก่ตัว ผ่านการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในแต่ละวัน เดือน ปี ซึ่งนั่นหมายความว่า ผู้เชื่อจะต้องทำให้เขาสามารถมองเห็นสวรรค์ผ่านชีวิตของเราให้ได้ก่อน

คริสเตียนหลายคนนะครับที่ไปประกาศ ไปเป็นพยานกับคนที่ยังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้า ไปๆมาๆกับไปถกเถียงกับเขาอย่างจะเอาเป็นเอาตายเรื่องชีวิตหลังความตายหรือสวรรค์หลังความตาย

ผมอยากเรียนอย่างนี้ครับว่า อย่าไปถกเถียงกับเขาเรื่องชีวิตหลังความตายหรือสวรรค์หลังความตาย ตราบใดก็ตามที่เขายังมองไม่เห็นสวรรค์ที่อยู่ในตัวเรา

การที่เราถกเถียงกับเขาหรือการที่เราถกเถียงกันเองจนเสียงดังลั่นไปทั่ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามกับทำให้เขามองเห็นนรกมากกว่าสวรรค์แล้วอย่างนี้ใครจะมาเชื่อพระเจ้า

สิ่งสำคัญประการที่สองที่พระคำของพระเจ้าได้พูดเอาไว้ใน ยน.3:3-5 นั่นคือ เรื่องการบังเกิดใหม่ เมื่อเราพูดถึงเรื่องการบังเกิดใหม่ ผู้เชื่อโดยส่วนมากมักจะคิดถึงในเรื่องของการบังเกิดใหม่ในฝ่ายจิตวิญญาณแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งนั่นก็เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

ส่วนความเข้าใจที่ถูกต้องอีกส่วนหนึ่งนั่นก็คือ ผู้เชื่อทุกคนจะต้องบังเกิดใหม่ทางฝ่ายกายภาพด้วย มก.8:33 พระองค์จึงทรงหันพระพักตร์ดูเหล่าสาวกของพระองค์ แล้วทรงติเปโตรว่า "อ้ายซาตาน จงถอยไปข้างหลังเรา เพราะเจ้ามิได้คิดตามพระดำริของพระเจ้า แต่ตามความคิดของมนุษย์"

พระคำของพระเจ้าใน มก.8:33 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ผู้เชื่อจะต้องบังเกิดใหม่ทางความคิด บังเกิดใหม่ทางการประพฤติ การปฎิบัติและหรือบังเกิดใหม่ในการกระทำด้วย

ซึ่งนั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรานั้นมีความสงบสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย

มธ.5:48 เหตุฉะนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ เหมือนอย่างพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ"

ดังนั้นการ Change หรือการเปลี่ยนแปลงในปี 2018 ของพี่น้องนั้นจะต้องมีการ Take Balance คือต้องทำให้เกิดความสมดุลทำอย่างรอบคอบ ทำทั้ง 2 ด้าน คือ ทั้งในด้านฝ่ายร่างกายและในด้านฝ่ายจิตวิญญาณด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่า พี่น้องจะเปลี่ยนแปลงในด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้

ส่วนในปี 2018 พี่น้องจะมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขในเรื่องอะไรบ้าง ทั้งในมิติของฝ่ายร่างกายและในฝ่ายจิตวิญญาณ ผมขออนุญาตแนะนำให้พี่น้องกลับไปทบทวนถึงในปีที่ผ่านมาพร้อมๆกลับไปอธิษฐานกับพระเจ้าด้วย

ผมจะจบลงด้วยพระคำของพระเจ้าใน กลท.6:7 อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น

ปี 2018 ถ้าพี่น้องไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งในด้านฝ่ายร่างกายและฝ่ายจิตวิญญาณ พระคำของพระเจ้าตรัสเอาไว้อย่างชัดเจน หว่านสิ่งใดเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น นั่นก็คือ ไม่เจริญก้าวหน้าหรือย่ำอยู่กับที่ ขมขื่นและเจ็บปวดแบบเดิมๆ รับผลที่เกิดขึ้นตามปกติเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาและอื่นๆอีกเยอะแยะมากมาย

ดังนั้นพอเราจะไปประกาศ เป็นพยานในเรื่องราวของพระเจ้า กับใครก็ตาม คำถามเขารู้ไหมว่าพระเจ้าดี ? แต่เมื่อเขามองสวรรค์ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา เขาก็เห็นว่าชีวิตของเรานั้นมันไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงเลย

5 ปีที่แล้วพี่น้องเป็นอย่างไร ปี 2017 ที่ผ่านมาพี่น้องก็เป็นอย่างนั้น ดังนั้นในปี 2018 นี้ เขาก็คงคิดว่าเราก็ไม่น่าที่จะมีอะไรที่ดีขึ้นไปกว่านี้

ดังนั้นคนที่เป็นอุปสรรคหรือคนที่ขัดขวางการนำคนมาถึงแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าคือใครครับ ? พูดกับใคร ใครเขาก็ไม่เชื่อ

ดังนั้นในปี 2018 โดยเฉพาะสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกของปีก็ขอให้พี่น้องที่จะเริ่มต้นด้วยพระวจนะของพระเจ้าอย่างถูกต้องโดยเริ่มต้นจากการกล้าคิดใหม่ กล้าเริ่มใหม่ กล้าเปลี่ยนแปลงใหม่ กล้าเป็นคนใหม่ เพื่อพี่น้องจะได้รับพระพรของพระเจ้าตลอดทั้งปีและเพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติผ่านชีวิตของพี่น้องด้วย ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

Green City