แป้งมหัศจรรย์ของพระเจ้า

คำเทศนาเรื่อง แป้งมหัศจรรย์ของพระเจ้า

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจาก มธ.13:33 พระองค์ยังตรัสคำอุปมาให้เขาฟังอีกข้อหนึ่งว่า "แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนเชื้อ ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอามาเจือลงในแป้งสามถัง จนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด" และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “แป้งมหัศจรรย์ของพระเจ้า”

พี่ - น้องที่รักครับ ในการสอนขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าในหลายๆครั้ง ในหลายๆหน ไม่ว่าจะเป็นการสอนในเรื่องของ 1 ) แผ่นดินของพระเจ้า 2 ) การอธิษฐาน 3 ) บุตรน้อยหลงหาย รวมถึงการสอนของพระองค์ในเรื่องอื่นๆและรวมถึงการสอนของพระองค์ในครั้งนี้ด้วย องค์พระเยซูคริสต์เจ้ามักจะทรงสอนโดยการใช้คำอุปมา ซึ่งผมอยากให้พี่น้องได้มีความเข้าใจที่ตรงกันใน 2 สิ่งนี้ก่อน

สิ่งแรกนั่นก็คือว่า คำอุปมาของพระเยซูเจ้านั้น แตกต่างจากคำอุปมาของโลกอย่างสิ้นเชิง คำอุปมาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า หมายถึง

การยกตัวอย่างเรื่องราวในโลกนี้ แต่มีความหมายของแผ่นดินสวรรค์

การยกตัวอย่างจากโลกธรรมชาติแต่แสดงความหมายในฝ่ายวิญญาณ

สิ่งที่ 2 ที่ผมอยากให้พี่น้องได้มีความเข้าใจที่ตรงกันนั่นก็คือว่า ในสมัยขององค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้น มันไม่ได้ทีเครื่องไม้ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการที่จะช่วยสอนอะไรมากมายนัก

ด้วยเหตุนี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้า จึงหยิบเอาสิ่งที่อยู่รอบตัวเรานั้นมาใช้เป็นสื่อในการสอน เพื่อทำให้เรานั้นได้ 1) จินตนาการ 2) เห็นถึงภาพ 3) เห็นถึงแนวทาง 4) เห็นถึงพระพรที่ซ่อนอยู่ 5) เข้าใจถึงความหมายว่ามัน “เป็นจริงได้” “เป็นไปได้”

พระคำของพระเจ้าใน มธ.13:33 ตรัสว่า "แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือน”

ดังนั้นคำว่า “เปรียบเหมือน” คำนี้จึงหมายถึง 1) มันเป็นจริงได้ 2) มันเป็นไปได้ อย่างที่พระเจ้าได้เปรียบเทียบเอาไว้

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 1 เราพบคำว่า “เชื้อ” ให้ที่ประชุมอ่านใน ปฐก.1:26 , ปฐก.2:7

ปฐก.1:26 "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา”

ปฐก.2:7 “พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต”

พระคำของพระเจ้าใน ปฐก.2:7 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พระองค์ได้ทรงใช้ “เชื้อ” ชนิดหนึ่งในการสร้างมนุษย์ขึ้นมานั่นก็คือ “ผงคลีดิน” การระบายลมปราณของพระองค์ลงมา ทำให้เราทราบว่า พระเจ้าเป็นผู้ประทานให้มนุษย์นั้นเป็นผู้มีสติ มีปัญญา มีความเก่ง มีความสามารถอยู่ภายในชีวิตของมนุษย์ทุกคน

อาจจะกล่าวได้ว่า มนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นต่างมี DNA มีพันธุกรรม มีเชื้อของพระเจ้าอยู่ในชีวิตของเรา

ปฐก.3:6 “เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นน่ากินและน่าดูด้วยทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีกินด้วย เขาก็กิน”

จากพระคำของพระเจ้าในข้อนี้ทำให้เราทราบว่า DNA หรือพันธุกรรมและหรือเชื้อของพระเจ้านั้น ได้อยู่ในชีวิตของมนุษย์อีกต่อไปหรือไม่ ? เมื่ออิทธิพลของมารซาตานได้เข้ามาบดบังชีวิตของมนุษย์ DNA หรือพันธุกรรมและหรือเชื้อของพระเจ้าก็ไม่ได้อยู่ในชีวิตของมนุษย์อีกต่อไป

                แต่โดยพระคุณของพระเจ้าผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์ที่ทรงไถ่เราทั้งหลายบนไม้กางเขน จึงทำให้เราทั้งหลายนั้น พ้นจากสภาพแห่งความเสื่อมโทรมนั้น อีกทั้งสิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงกระทำนั้น ยังเป็นเหตุทำให้เราทั้งหลายนั้นกลับมามี DNA กลับมามีพันธุกรรมและหรือกลับมามีเชื้อของพระเจ้าได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

        คำถามคือว่า พี่น้องได้ข้อคิดอะไรไหมครับ ? เชื้อเป็นสิ่งเล็กๆแต่พลังนั้นมากมายมหาศาลมาก ?

ผงคลีดินเล็กๆทำให้เกิดเป็นมนุษย์ขึ้นได้ พลังมากมายมหาศาลมาก

หนึ่งชีวิตที่ยอมจำนนด้วยการอุทิศตัวถวายเป็นเชื้อโดยการยอมตายบนไม้กางเขนทำให้เกิดการไถ่บาปของคนทั้งโลกได้ พลังมากมายมหาศาลมาก

คำถามคือว่า เชื้อเล็กๆของพระเจ้าที่อยู่ภายในชีวิตของพี่น้องในเวลานี้มีอิทธิพล มีพลังมากน้อยแค่ไหน ขอหนุนใจพี่น้องว่าอย่าเพียงให้ DNA ของพระเจ้านอนหลับอยู่ในชีวิตของพี่น้องเท่านั้น แต่ขอหนุนใจให้พี่น้องต้องปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาในทุกๆวัน เพื่อให้มันมีอิทธิพลต่อความรอดของคนอื่น เพื่อให้มันเป็นเกลือและแสงสว่างต่อชุมชน สังคมและประเทศชาติบ้าง เพื่อให้มันมีพลังในการที่จะทำสิ่งใหญ่ให้กับแผ่นดินของพระเจ้าบ้าง

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 2 เราพบคำว่า แป้งกับผู้หญิงคนหนึ่ง

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ผู้หญิงคนหนึ่งมีเชื้อ และเขาได้นำเชื้อนั้นใส่ลงไปในแป้ง เมื่อแป้งนั้นมันรับเชื้อเข้าไปมันก็ฟูขึ้น พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ได้บอกกับเราต่อไปอีกว่า และการฟูนั้นก็ไม่ได้เป็นการฟูแบบธรรมดาๆแต่แป้งนี้กับฟูขึ้นถึง 3 ถัง

พี่น้องที่รักครับ ในมิติของฝ่ายวิญญาณนั้น “แป้ง” กับ “ผู้หญิงคนหนึ่ง” เปรียบได้กับชีวิตของมนุษย์

ดังนั้น “ชีวิต” ของมนุษย์ที่มี 1) เชื้อของพระเจ้าอยู่ในชีวิตนั้นจะต้องฟูขึ้นแบบนี้ 2) สภาพของพระเจ้าอยู่ในชีวิตนั้นจะต้องฟูขึ้นแบบไม่ธรรมดา 3 ) DNA ของพระเจ้าอยู่ในชีวิตของเขานั้นมันจะต้องฟูขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ 4 ) พันธุกรรมของพระเจ้าอยู่นั้น มันจะต้องมีพลังมีแรงในการที่จะขับเคลื่อนอยู่เสมอ 5 ) ยีนส์ของพระเจ้าอยู่นั้นแม้เริ่มต้นเขาอาจจะมองไม่เห็นอะไร แต่เมื่อเขาได้ลงมือทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าสิ่งเล็กก็จะกลายเป็นสิ่งที่ใหญ่ได้

ดังนั้นเมื่อเราหลุดพ้นจาก DNA ของมาร ซาตาน มาสู่ DNA ของพระเจ้าผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์ที่ทรงไถ่เราทั้งหลายบนไม้กางเขนแล้ว ชีวิตของเราก็จะต้องเป็นเสมือนกับ “แป้งมหัศจรรย์ของพระเจ้า” ที่จะต้องฟูแบบไม่ธรรมดาแต่จะต้องฟูถึง 3 ถัง

ซึ่งการที่ชีวิตของเราจะฟูได้ถึง 3 ถังนั้น มันไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้เองพี่น้องที่รัก แต่มันจะต้องเป็นการรับเอาเชื้อของพระเจ้าเอาไว้ภายในชีวิตของเราอย่างเป็นรูปธรรมด้วย

ยน.1:12-13 “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้าซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อ หรือกาม หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า”

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า การที่เราจะรับเอาเชื้อของพระเจ้าเอาไว้ภายในชีวิตของเขาได้อย่างเป็นรูปธรรมนั้น คนๆนั้นต้องเชื่อและรับเอาองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตของเขาในฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้า มิใช่ในฐานะศาสดาของศาสนาคริสต์ อันนี้เป็นเชื้อที่เป็นแบบพื้นฐานเลยนะครับพี่น้องที่รัก

การรับเอาเชื้อของพระเจ้าเอาไว้ภายในชีวิตของเราอย่างเป็นรูปธรรมอีกประการหนึ่งอยู่ใน 2 คร.5:17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า คนๆนั้นต้องเป็นผู้ที่อยู่ในพระคริสต์นะครับ ไม่ใช่เป็นผู้ที่อยู่ในศาสนาคริสต์ การอยู่ในศาสนานั้นไม่สามารถที่จะช่วยอะไรเราได้เลย แต่การอยู่ในพระคริสต์นั้นต่างหากจะทำให้เรานั้นถูกสร้างขึ้นใหม่ได้

การรับเอาเชื้อของพระเจ้าเอาไว้ภายในชีวิตของเราอย่างเป็นรูปธรรมอีกประการหนึ่งอยู่ใน1คร.13 : 4-7 “ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัวไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิดไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง”

พระคำของพระเจ้าในข้อนี้ได้บอกกับเราว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งในการรับเอาเชื้อของพระเจ้าเอาไว้ภายในชีวิตของเรา ซึ่งเชื้อนี้ต้องใช้เวลา บางคนอาจจะใช้เวลาไม่นานมากนัก บางคนอาจจะนานมาก ผู้เชื่อบางคนอาจจะยังรับเชื้อนี้เอาไว้ไม่ได้เลยก็ได้ เพราะอะไรครับ ? เพราะยังคิดเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน เพราะเขายังช่างจดจำความบาปของคนอื่นอยู่ และฯลฯ ขอพระเจ้าเมตตาเราทั้งหลายที่เราจะสามารถรับเอาเชื้อนี้เอาไว้ได้ด้วยกันทุกคน

การรับเอาเชื้อของพระเจ้าเอาไว้ภายในชีวิตของเราอย่างเป็นรูปธรรมอีกประการหนึ่งอยู่ใน พซม.2:2 “ดอกพลับพลึงท่ามกลางต้นกระชับนั้นอย่างไรที่รักของฉันก็อยู่เด่นในท่ามกลางสาวอื่นๆอย่างนั้น”

พระคำของพระเจ้าในข้อนี้บอกกับเราว่า ถ้าเรามีเชื้อของพระเจ้าอยู่ในชีวิตของเรา เรามิใช่เพียงแค่โดดเด่นท่ามกลางผู้อื่นเท่านั้น แต่เราต้องเป็นความโดดเด่นที่เหนือผู้อื่นด้วย เหมือนกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าที่พระองค์ไม่เพียงแค่โดดเด่นท่ามกลางผู้อื่นเท่านั้น แต่พระองค์ทรงโดดเด่นอยู่เหนือผู้อื่นด้วย เหมือนดังคำพูดที่พวกเราชอบพูดว่า พระองค์ทรงเป็นราชาเหนือราชา เป็นพระเหนือพระทั้งปวง

ดังนั้นชีวิตของเราจะเป็นเสมือนกับ “แป้งมหัศจรรย์ของพระเจ้า” คือ ฟูได้ถึง 3 ถังอย่างแน่นอน ถ้าเรารับเอาเชื้อของพระเจ้าเอาไว้ภายในชีวิตของเราอย่างเป็นรูปธรรม อย่างมีเป้าหมาย ชีวิตของเราไม่เพียงแต่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้าตอบขอบเขตของเราเท่านั้น แต่มันจะเป็นพลังส่งผลให้เราเกิดผลกับพระเจ้าอย่างมหัศจรรย์อีกด้วย

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 3 เราพบคำว่า แป้งสามถัง

        พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ทรงสำแดงอะไรหลายๆอย่างให้กับเราได้คิดมากพอสมควร พระคำของพระเจ้าได้พูดถึง “ผู้หญิงคนหนึ่ง”

คำถามก็คือว่า ถ้าเราจะคิดหรือถ้าเราจะจินตนาการถึงภาพของ “ผู้หญิงคนหนึ่ง” เราจะคิดหรือเราจะจินตนาการถึงเขาอย่างไรบ้างครับ ? คิดถึงความอ่อนแอ คิดถึงการเป็นช้างเท้าหลัง

แต่แป้งที่อยู่ในมือของผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง ซึ่งเขาได้นวดแป้งนี้กลับไปกลับมา มันกับกลายเป็นพลังที่มหาศาล พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้ว่า มันไมได้ฟูขึ้นเพียงแค่ถังใดถึงหนึ่งเท่านั้นนะครับ แต่มันกับฟูขึ้นทั้ง 3 ถัง

คำถามคือว่าเพราะอะไรครับ ? เพราะมันได้เชื้อที่ดีนั่นเอง

ซึ่งไม่แตกต่างอะไรไปจากเมื่อเกือบ 2000 ปีที่ผ่านมา ที่มีชาวประมงกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ทางชนบทแถวกาลิลี ชาวประมงกลุ่มนี้เป็นคนยากคนจน พวกเขาเป็นคนที่มีการศึกษาที่น้อยนิด จัดได้ว่าพวกเขาเป็นคนระดับรากหญ้าก็ว่าได้

แต่เมื่อพวกเขาหลุดพ้นจาก DNA ของมาร ซาตาน มาสู่ DNA ใหม่ของพระเจ้า พวกเขาคิดการใหญ่ พวกเขาคิดที่จะพลิกโลกทั้งใบนี้ให้ฟูขึ้นและเขาสามารถที่จะทำได้ไหมครับพี่น้องที่รัก ?

ในทางทฤษฎีแล้วมันไม่น่า 1) เชื่อ 2) ที่จะเป็นไปได้ แต่ในความเป็นจริงก็คือว่า มันได้เป็นไปแล้ว พวกอัครทูตหรือ 12 สาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าเขาสามารถที่จะ “พลิกโลกทั้งใบให้ฟูขึ้นได้”

พี่น้องที่รักครับ โลกของเราในอดีตที่ผ่านมานั้น มีอาณาจักรมากมายหลายอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรอียิปต์ อาณาจักรโรมัน อาณาจักรออโตมัน คอมมิวนิสต์ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งทุกอาณาจักรนั้นเคยรุ่งและก็ร่วง

แต่พวกอัครทูตหรือ 12 สาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นเขาสามารถที่จะ ทำให้อาณาจักรของพระเจ้าตั้งมั่นคงและดำรงอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้และในอนาคต อีกทั้งยังเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

ข้อพิสูจน์ คือ ปัจจุบันนี้เรามีผู้ที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอยู่ทั่วโลกทั้งสิ้นประมาณ 3,000 กว่าล้านคน ซึ่งนั่นหมายความว่า เกินครึ่งหนึ่งของประชากรในโลกนี้  

ด้วยเหตุนี้เองพี่น้องที่รัก จึงมีคำกล่าวในทำนองที่ว่า ศาสนาพุธเป็นศาสนาประจำชาติไทย แต่ศาสนาคริสต์นั้นเป็นศาสนาประจำโลกนี้

อย่างไรก็ตามพี่น้องที่รักครับ สาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นเขาอาจจะคิดใหญ่ได้ แต่เขาจะไม่สามารถที่จะทำการใหญ่นี้ได้เลย ถ้าเขาไม่มีเชื้อของพระองค์

และเชื้อหรือ DNA ของพระเจ้าที่ทำให้พวกสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าทำการใหญ่ของพระองค์ได้สำเร็จ ที่พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้อยู่ใน กจ.1:8 “แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"

องค์พระเยซูคริสต์ตรัสสั่งกับสาวกของพระองค์อย่างชัดเจนว่า รอรับเชื้อนี้ก่อน รอรับ DNA นี้ก่อน รอรับพันธุ์กรรมนี้ก่อน รอรับไฟนี้ก่อน รอรับกำลังนี้ก่อน

คำถามคือว่า ทำไมองค์พระเยซูคริสต์ถึงตรัสสั่งกับสาวกอย่างนั้น ?

เพราะ “กำลังของมนุษย์” กับ “กำลังของพระเจ้า” นั้นมันเทียบกันไม่ได้

กำลังของมนุษย์นั้นเปรียบได้เหมือนกับการที่เราเอามือไปหมุนใบพัดลม เมื่อหมดแรงเฉื่อยมันก็หยุด แล้วเราต้องทำไมครับ เอามือไปหมุนต่อ เมื่อหมดแรงเฉื่อยมันก็หยุด แล้วเราต้องทำไมครับ เอามือไปหมุนต่อ

ส่วนกำลังของพระเจ้านั้นเปรียบได้กับ “พลังงานไฟฟ้า” ไม่เหนื่อย ไม่หยุด ไม่พัก ไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่หลับ ไม่นอน อยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง เพราะฉะนั้นเราจะเป็นแป้งมหัศจรรย์ของพระเจ้าได้ ถ้าเรารับเอาเชื้อของพระเจ้าเข้ามาในชีวิตของเรา

สรุปพระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้

ประการที่ 1 เราพบคำว่า “เชื้อ”

ประการที่ 2 เราพบคำว่า “แป้งกับผู้หญิงคนหนึ่ง”

ประการที่ 3 เราพบคำว่า “แป้งสามถัง” ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นอีกมุมมองหนึ่งในเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า ที่เปรียบเสมือนกับแป้งอัศจรรย์ ซึ่งเริ่มต้นอาจจะดูเล็กน้อยหรืออ่อนแอ

แต่จบลงด้วยความ   1) เข้มแข็ง    2 ) ยิ่งใหญ่

นั่นเป็นเพราะว่าเชื้อของพระเจ้าที่อยู่ภายในชีวิตของเรา ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

Green City