บัญญัติรัก

คำเทศนาเรื่อง บัญญัติรัก

        

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจาก มธ.22:34-38 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า”ฝ่ายพวกฟาริสี เมื่อได้ยินว่าพระองค์ทรงกระทำให้พวกสะดูสีนิ่งอั้นอยู่จึงประชุมกันมีบาเรียนผู้หนึ่ง ในพวกเขาทดลองถามพระองค์ว่าอาจารย์เจ้าข้า ในธรรมบัญญัตินั้นข้อใจสำคัญที่สุดพระเยซูทรงตอบเขาว่า จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อใหญ่และข้อต้น” และข้อพระคัมภีร์ที่จะใช้เป็นกุญแจ ในการแบ่งปันกับพี่น้องในเช้าวันนี้จะอยู่ในข้อที่ 37 ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่น้องที่รักครับ พระวจนะของพระเจ้าในพระคริสตธรรมคัมภีร์ไม่ได้มีการบันทึกหรือกล่าวถึงวันวาเลนไทน์ ดังนั้น วันวาเลนไทน์ จึงไม่ใช่วันที่มีความหมายหรือวันที่มีความสำคัญอะไรสำหรับคริสตชน แต่สิ่งที่พระคำของพระเจ้าได้มีการบันทึกและกล่าวถึงไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์นั่นก็คือ ความรัก

ผมขอบพระคุณพระเจ้า ที่พระคำของพระเจ้าได้พูดอย่างชัดเจนใน 1 ยน.4 :7 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “ พระเจ้าเป็นความรัก ” จึงทำให้เรารู้ว่า ความรักมาจากไหนและทำให้เรารู้ว่าใครเป็นเจ้าของความรักนอกเหนือจากกล่าวที่มาแล้วในพระวจนะของพระเจ้าในปฐก.2:7 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “ พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดินระบายลมปราณเข้าทางจมูกมนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต ”

พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ขึ้นมาจากผงคลีดินและระบายลมปราณ คือ ความรักและจิตวิญญาณของพระองค์ลงมาในชีวิตของเรา ซึ่งนั่นหมายความว่า พระเจ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ครู ผู้สอนให้เรารู้จักรักเท่านั้น ? แต่พระองค์ทรงเป็นผู้ออกแบบความรัก และทรงบรรจุความรักของพระองค์ไว้ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน

ดังนั้นพระองค์จึงเป็นเจ้าของความรัก เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ เป็นความรักที่สมบูรณ์แบบ เป็นความรักที่มีคุณค่าและมีความหมายเป็นอย่างมากและความรักแบบนี้จะหาจากใครที่ไหนไม่ได้เลย นอกจากจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันใน มธ.22:34 - 40 เราพบอะไร ?

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบว่า มีผู้นำศาสนาของยิวกลุ่มหนึ่งในเวลานั้น ซึ่งประกอบไปด้วยพวกธรรมาจารย์ พวกฟาริสี พวกสะดูสีและพวกบาเรียนที่ไม่ชอบพระเยซู แต่พวกเขาก็มักจะติดตามพระเยซูไปในแต่ละที่ แต่ละแห่งอยู่ตลอดเวลา

พวกธรรมาจารย์ พวกฟาริสี พวกสะดูสีและพวกบาเรียนพวกนี้ติดตามพระเยซูไปด้วยเหตุผลใดครับพี่น้อง ? คนพวกนี้ติดตามพระเยซูไปในแต่ละที่ แต่ละแห่ง เพื่อต้องการที่จะจับผิด และขัดขวางการประกาศพระกิตติคุณของพระเยซู

ในข้อที่ 35 - 36 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า มีบาเรียนผู้หนึ่งในพวกเขาทดลองถามพระองค์ว่า “ อาจารย์เจ้าข้าในธรรมบัญญัตินั้นข้อใดสำคัญที่สุด ”

วันหนึ่งมีบาเรียนคนหนึ่ง ซึ่งบาเรียนหมายถึง คนที่ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลคนที่มีความเชี่ยวชาญพระบัญญัติของพระเจ้าเป็นอย่างมาก ได้มาทดลองพระเยซูโดยการตั้งคำถามง่ายๆแต่คำตอบนั้นไม่ง่ายเลย เพราะอะไรครับ ?

เพราะพระบัญญัติของพระเจ้า นั้นมีเป็นร้อยเป็นพันๆข้อรวมทั้งข้อปลีกย่อยอื่นๆอีกมากมายเพื่อต้องการที่จะทดสอบว่าพระเยซูนั้นรู้พระบัญญัติของพระเจ้ามากน้อยแค่ไหนและถ้าพระเยซูตอบคำถามนี้ไม่ได้ ท่ามกลางผู้ที่ติดตามพระองค์เป็นจำนวนมาก คำถามนี้ก็จะเป็นคำถามที่ทำลายความน่าเชื่อถือของพระเยซูนั่นเอง

ในข้อที่ 37 เราพบว่าองค์พระเยซูคริสต์ ทรงตรัสตอบบาเรียนคนนั้นอย่างไม่ลังเลใจแม้ติดนิดเดียว โดยได้กล่าวถึงบัญญัติทั้ง 2 ข้อนี้ ซึ่งเป็นข้อที่ใหญ่ที่สุด โดยสรุปได้ด้วยคำว่าความรัก ดังนั้นความรัก จึงเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของการดำเนินชีวิตคริสเตียน เพราะฉะนั้นชีวิตของผู้ใดก็ตามที่ยอมให้พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตของเขา ชีวิตของเขาก็จะมีลักษณะแห่งความรักทั้ง 2 อย่างที่พระองค์ทรงตรัสไว้ในบัญญัติรักนี้ ซึ่งในเช้าวันนี้อย่าลืมนะครับ ผมจะแบ่งปันเพียงข้อเดียวนั่นก็คือในข้อที่ 37 จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้า ด้วยสุดใจ สุดจิตของเจ้าและด้วยสุดความคิดของเจ้า

ใน ฉลธ. 5 : 6 พวกท่านจงรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิต สุดใจและสุดกำลังของท่านและในพระกิตติคุณเล่มอื่นๆ เช่นใน มก.12:30 และพวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิต สุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิดและด้วยสุดกำลังของท่าน

เมื่อนำพระวจนะของพระเจ้า ทั้งสองข้อนี้มารวมกันกับข้อที่ใช้เป็นกุญแจในการแบ่งปันกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้ เราจะพบคำว่า สุด กี่ครั้งด้วยกันครับพี่น้อง ? เมื่อนำพระวจนะของพระเจ้า ทั้งสองข้อนี้มารวมกันกับข้อที่ใช้เป็นกุญแจในการแบ่งปันกับพี่น้องในเช้าวันนี้

เราก็จะพบคำว่าสุดถึง 4 ครั้งด้วยกันคือ สุดใจ สุดจิต สุดกำลังสุดความคิดผมเชื่อว่าพี่น้องหลายท่านคงได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้

แต่พี่น้องเคยคิดไหมครับว่า รักพระเจ้าสุดใจ สุดจิต นั้นเป็นอย่างไรหรือพี่น้องเคยใคร่ครวญไหมครับว่า สุดความคิด สุดกำลัง นั้นเป็นอย่างไร

รักพระเจ้าสุดใจ สุดจิต นั้นเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า

รักพระเจ้าสุดใจนั้นหมายถึงอะไร ? รักพระเจ้าสุดใจ นั้นหมายถึงผู้ที่รักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใดมากที่สุดในชีวิตนี้ผู้ที่ให้พระเจ้าเข้ามาครอบครองในชีวิตของเขา

รักพระเจ้าสุดใจนั้นหมายถึงอะไร ? รักพระเจ้าสุดใจ นั้นหมายถึงผู้ที่ให้พระเจ้าเป็นเอก เป็นหนึ่งในชีวิตของเขา      

รักพระเจ้าสุดใจนั้นหมายถึงอะไร ? รักพระเจ้าสุดใจ นั้นหมายถึงผู้ที่พร้อมจะให้พระเจ้าได้ในทุกๆอย่าง

รักพระเจ้าสุดใจนั้นหมายถึงอะไร ? รักพระเจ้าสุดใจนั้นหมายถึง   ผู้ที่พร้อมจะทำให้พระประสงค์ของพระเจ้านั้นสำเร็จในทุกๆประการ

รักพระเจ้าสุดใจนั้นหมายถึงอะไร ? รักพระเจ้าสุดใจ นั้นหมายถึงผู้ที่มีจิตใจจดจ่ออยู่กับพระเจ้าและอยากที่จะใช้เวลาอยู่ร่วมกับพระองค์นานๆ

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า ความรักที่พี่น้องมีต่อพระเจ้า สุดใจ แบบนี้ไหมครับ ?

ถ้ายังไม่ สุดใจ แบบที่กล่าวมา นั่นก็เท่ากับพี่น้องยังรักพระเจ้าแบบผิวเผินธรรมดาๆยังไม่ได้รักพระองค์อย่างสุดหัวใจอย่างแท้จริง

ขอพระเจ้าช่วยเราที่เรานั้นจะรักพระองค์เหนือสิ่งอื่นใดในชีวิตนี้

ขอพระเจ้าช่วยเราที่เรานั้นจะให้พระเจ้าเข้ามาครอบครองในชีวิตของเรา

ขอพระเจ้าช่วยเราที่เรานั้นจะให้พระเจ้าเข้ามาเป็นเอกและเป็นหนึ่งในชีวิตของเรา

รักพระเจ้าสุดจิต จิตในที่นี้หมายถึง จิตวิญญาณ

รักพระเจ้าสุดจิตวิญญาณนั้นหมายถึงอะไร ?

ปฐก. 2:7 พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์จากผงคลีดินระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชิวิต

ดังนั้นพี่น้องที่รักครับ มนุษย์เป็นเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงประทานจิตวิญญาณให้

ดังนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราจะสังเกตเห็นได้ว่ามนุษย์ทุกคนนั้น มีใจในการแสวงหาการนมัสการพระเจ้าอยู่โดยตลอดแม้ว่าพระที่มนุษย์แสวงหาอยู่ในปัจจุบันนั้นจะเป็นพระที่มนุษย์สร้างขึ้นมาก็ตาม

ส่วนสัตว์นั้นมีแต่จิต แต่ไม่มีจิตวิญญาณ ดังนั้นสัตว์ไม่ว่ามันจะฉลาดขนาดไหนก็ตามมันไม่สามารถที่จะนมัสการพระเจ้าได้

ลิงซิมแฟนซีซึ่งได้ชื่อว่าเป็นลิงที่ฉลาดที่สุดก็ไม่สามารถที่จะนมัสการพระเจ้าได้หรือมีใครเคยลิงซิมแฟนซีนมัสการพระเจ้าบ้าง ?

ดังนั้นมนุษย์จึงเป็นเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่พระเจ้าประทานจิตวิญญาณให้แก่มนุษย์เพื่อที่มนุษย์นั้นจะรู้จักกับพระเจ้าและนมัสการพระองค์ได้

ดังนั้นการรักพระเจ้าสุดจิตวิญญาณ นั้นหมายถึงผู้ที่รักพระเจ้าและมีหัวใจเรียกร้องหาพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นการรักพระเจ้าสุดจิตวิญญาณ นั้นหมายถึงผู้ที่รักพระเจ้าและผู้ที่มีหัวใจอยากเข้าเฝ้าพระเจ้าเพื่อแสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์

ดังนั้นการรักพระเจ้าสุดจิตวิญญาณ นั้นหมายถึง ผู้ที่รักพระเจ้าและมีใจอยากนมัสการพระเจ้า อยากจะสรรเสริญพระองค์อย่างสุดหัวใจ

ดังนั้นการรักพระเจ้าสุดจิตวิญญาณ นั้นหมายถึงผู้ที่รักพระเจ้าและมีใจที่อยากจะรู้จักกับพระองค์มากยิ่งขึ้น โดยการยอมทุกๆอย่างไม่ว่าจะเป็นการนมัสการ การอธิษฐานทั้งการถืออดและไม่ถืออด การอ่านพระวจนะ การเฝ้าเดี่ยว ทั้งนี้เพื่อให้จิตวิญญาณของเขาได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพระองค์มากยิ่งขึ้น

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า ความรักที่พี่น้องมีต่อพระเจ้าสุดจิตวิญญาณแบบนี้ไหมครับ ?

ถ้ายังไม่สุดจิตวิญญาณแบบที่กล่าวมานั้น นั่นก็เท่ากับพี่น้องยังรักพระเจ้าแบบธรรมดาๆผิวเผิน ยังไม่ได้รักพระองค์อย่างสุดจิตวิญญาณอย่างแท้จริง

มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รัก พอแต่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ผู้หญิงคนนี้ก็ต้องออกไปอยู่กินกับบ้านของพ่อแม่สามี

พอไปถึงบ้านของพ่อ แม่สามีสามีของเธอก็แจกแจง กฎระเบียบรวมทั้งข้อบังคบต่างๆของบ้านนี้ให้เธอทราบ เช่น

ต้องกราบสามีก่อนนอน ตื่นเช้ามาต้องเตรียมหนังสือพิมพ์ อาหารเช้าและเสื้อผ้าให้สามีก่อนไปทำงาน ซึ่งเธอทำอย่างไรก็ทำไม่ได้ ข้อเดียวก็ทำไม่ได้ ไม่นานทั้งคู่ก็ต้องหย่ากัน

ผ่านไปได้ไม่นานผู้หญิงก็แต่งงานใหม่ คราวนี้เธอได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก วันหนึ่งในขณะที่เธอกำลังปรนนิบัติสามีใหม่อยู่นั้น ก็มีกระดาษแผ่นน้อยๆได้ปลิวตกลงมา ซึ่งเธอก็ได้นำมาอ่านและเธอก็พบว่าในสิ่งที่เธอทำไม่ได้ในครั้งที่เธออยู่ในบ้านของสามีเก่านั้นแท้ที่จริงแล้วเธอทำได้ ข้อนั้นก็ทำได้ ข้อนี้ก็ทำได้ ไม่มีข้อไหนเลยสักข้อที่เธอนั้นไม่ได้

คำถามคือว่า แล้วทำไมถึงทำไม่ได้ในเวลานั้น แต่ทำไมถึงทำได้ในเวลานี้

คำตอบก็คือ เพราะว่าเขาไม่ได้รัก เพราะฉะนั้นกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆของบ้านนั้นมันจะมีสักกี่ข้อก็ตามเขาก็ไม่อยากที่จะทำมัน

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับ คริสเตียนที่รักพระเจ้าอย่างแท้จริงบัญญัติรักของพระเจ้าที่บอกกับเราทั้งหลายว่า จงรักพระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจ สุดจิตของเจ้า ก็ไม่ใช่อุปสรรคแต่ประการใด

ไม่ว่าบัญญัติรักของพระเจ้าจะมี 2 ข้อ 10 ข้อ หรือจะมีกี่ข้อก็ตามก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่รักพระเจ้าอย่างแท้จริง อาเมน

สุดใจ สุดจิต นั่นเป็นคู่แรก ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า

รักพระเจ้า สุดความคิดและสุดกำลัง นั้นเป็นอย่างไร

รักพระเจ้า สุดความคิดและสุดกำลัง นั้นเกี่ยวข้องกับการรับใช้

คนซึ่งรักพระเจ้าอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์ นมัสการพระองค์

รักพระองค์ เชื่อฟังพระองค์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงพอพระทัยเท่านั้น แต่เขาต้องมีใจปรารถนาอย่างมากในการที่จะปรนนิบัติรับใช้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าด้วย

การที่เราจะทำอะไรสักอย่างให้ประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นไปได้ไหมครับที่เราจะทำ ทำแบบไม่ต้องคิดหรือแบบขอไปที หรือทำแบบล้อเล่น ทำไปเล่นไป เป็นไปได้ไหมครับ

การที่เราจะทำอะไรสักอย่างให้ประสบความสำเร็จ ทั้งในหน้าที่การงานหรือแม้กระทั่งในชีวิตส่วนตัวของเราเองก็ตามก็จะต้องใช้ความคิดทั้งสิ้น

ความคิดที่ว่านี้ก็คือ คิดอย่างมีเหตุมีผล คิดถึงผลกระทบต่างๆที่จะตามมาซึ่งนั่นมิได้หมายความว่าคิดมาก แต่เป็นการคิดอย่างรอบคอบ

คนที่คิดมากนั้นคือ คนที่ไม่รู้จักการเรียงลำดับความสำคัญว่าอะไรควรคิด อะไรไม่ควรคิด

คนที่ไม่รู้จักว่าอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วนและไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นเรื่องที่สำคัญและควรค่าแก่ที่เราจะนำมาคิด อะไรเข้ามานิดก็คิด อะไรเข้ามาหน่อยก็คิด คิดไปหมด ในที่สุดก็คิดถึงตัวเองว่าผมเป็นใครกูลูกใคร

คนที่คิดฟุ้งซ่านนั้นคือ คนที่ว่างงาน ว่างงานมากไม่รู้จักทำอะไรก็คิดเรื่อยเปื่อย คิดนู่น คิดนี่ ถ้าพี่น้องสังเกตให้ดีๆ คนที่คิดฟุ้งซ่านนั้นจะคิดอย่างไม่มีหลัก ไม่รู้ว่าตัวเองจะเอาอย่างไรหรือจับต้นชนปลายไม่ถูก

การปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า พระเยซูคริสต์อย่างสุดความคิด สุดกำลังไม่เพียงแต่เราจะใช้ความคิดของเราเท่านั้น แต่เราจะต้องอธิษฐานให้พระเจ้านั้นทรงประทานความคิดให้กับเราด้วย เพื่อความคิดนั้นจะ

  1. เป็นความคิดที่ดีและรอบคอบ
  2. เป็นความคิดที่จะนำมาสู่การจำเริญขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า
  3. เป็นความคิดที่จะนำมาสู่การเกิดผลอย่างมากมายในชีวิตของเรา
  4. เป็นความคิดที่จะนำมาสู่การเกิดผลที่เพิ่มพูนในคริสตจักรของเรา
  5. เป็นความคิดที่จะนำมาสู่การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขและการพัฒนาให้ที่ดีขึ้น

ผมขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงเป็นสติปัญญา เป็นคำตอบและทรงนำความคิดของผมในการบริหารพระราชกิจของพระองค์ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาพี่น้องที่รักครับคริสตจักรฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าโทรศัพท์และค่าไฟฟ้าได้เฉลี่ยประมาณ 1,500 บ / เดือน

การปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า พระเยซูคริสต์อย่างสุดความคิด สุดกำลัง ไม่เพียงแต่เราจะใช้กำลังของเราเท่านั้น แต่เราจะต้องทูลขอกำลังเรี่ยวแรงจากพระเจ้าด้วย เพราะอะไร ? เพราะว่าพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นแหล่งของฤทธิ์อำนาจทั้งมวล

ดังนั้นเมื่อเราทูลขอกำลังเรี่ยวแรงจากพระเจ้าเราจะไม่เหนื่อย อสย.40:31 แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้า จะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรีย์ เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย

ขอบคุณพระเจ้าที่เวลานี้ โตน มีโอกาสรับใช้พระเจ้าอยู่ในทีมนมัสการของคริสตจักร ฯอย่างเต็มที่ ไม่ได้เป็นตัวสำรองเหมือนกับ 3 - 4 ปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสให้โตนรับใช้พระเจ้าอย่างสุดกำลัง

ขอบคุณพระเจ้าที่เวลานี้ มีพี่น้องหลายท่านที่รับใช้พระเจ้าร่วมกับคริสตจักรฯ ในการออกไปเยี่ยมเยียน เฝ้าคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยที่โรงพยาบาลซึ่งขณะนี้คุณแม่พี่ต่ายก็นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และรวมทั้งไปเยี่ยมพี่น้องสมาชิกคนอื่นๆที่เจ็บไข้ได้ป่วยและพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน นอกจากนี้ยังมีพี่น้องของเราอีกส่วนหนึ่งที่ออกไปหว่านโดยการแจกใบปลิวในชุมชนต่างๆเมื่อวานนี้และจะทำมากขึ้นในช่วงปิดเทอม

เพราะฉะนั้นพี่น้องที่รักครับ เมื่อมีโอกาสขอหนุนใจพี่น้องทุกๆท่านให้เราทั้งหลายนั้นรับใช้พระองค์ผู้ซึ่งเป็นพระเจ้าอย่างเต็มที่ อย่างสุดความคิดและอย่างสุดกำลัง

มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งชื่อว่า Chariots of Fire บทสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริงสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1924 ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลอาคาเดมี Award ถึง 4 รางวัลด้วยกันหลักใหญ่ใจความของหนังเรื่องนี้ก็คือว่า มีนักวิ่งของประเทศอังกฤษ 2 คน ซึ่งเป็นนักวิ่งที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

คนหนึ่งมีชื่อว่า Erick Redder เป็นลูกของมิชชั่นนารี ที่คุณพ่อของเขานั้น รับใช้พระเจ้าอยู่ในประเทศจีนซึ่ง Erick นั้นถูกเลี้ยงดูมาในทางของพระเจ้า คุณพ่อเขาสอนให้ Erick รักพระเจ้าที่สุดในชีวิต

ส่วนนักวิ่งอีกคนหนึ่งมีชื่อว่า Abraham ซึ่งเป็นชาวยิวทั้ง Erick&Abraham นั้นมีเป้าหมายในการวิ่งที่แตกต่างกัน Erick นั้นมีเป้าหมายในการวิ่งเพื่อพระเจ้าส่วน Abraham นั้นมีเป้าหมายในการวิ่งเพื่อให้คนอังกฤษนั้นยอมรับนับถือคนยิวที่อาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษในเวลานั้น

เมื่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ประเภทกรีฑาเข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศ ปรากฏว่ากรรมการได้จัดให้ Erick ลงแข่งขันวิ่งชิงชนะเลิศ 100 ม. ชาย ในวันอาทิตย์พอดี ส่วนเพื่อนของเขาคือ Abraham ลงแข่งขันวิ่งชิงชนะเลิศ 400 ม. ชายในวันพฤหัสบดี

พี่น้องทราบไหมครับว่า เมื่อ Erick ทราบว่าตนเองจะต้องลงแข่งขันวิ่ง 100 ม. ในรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ Erick ทำอย่างไร ? Erick บอกกับกรรมการว่าเขาขอไม่วิ่ง เหตุเพราะว่าวันอาทิตย์เป็นวันที่เขาจะต้องนมัสการพระเจ้าและพระเจ้าต้องมาก่อนทุกอย่างเสมอ

จนกระทั่งเจ้าฟ้าชายแห่งจักรภพของอังกฤษกับกรรมการจัดโอลิมปิคของอังกฤษนั้นต้องขอร้องให้ Erick วิ่งเพื่อเห็นแก่ประเทศอังกฤษ ส่วนเรื่องพระเจ้าเรื่องของศาสนาให้ Erick เอาไว้ก่อน Erick ตอบว่าอย่างไรรู้ไหมครับ ถ้าไม่มีพระเจ้าก็ไม่มีอังกฤษ

โดยพระคุณของพระเจ้าพี่น้องที่รัก Abraham เพื่อนของ Erick ไม่สามารถที่จะลงวิ่งชิงชนะเลิศ 400 ม. ได้ ในวันพฤหัส Erick จึงลงไปวิ่งแทนและ Abraham ลงไปวิ่งแทน Erick ในวันอาทิตย์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว Erick เป็นนักวิ่งประเภทไหนครับ 100 ม. แต่ลงแข่งแทน Abraham ในประเภทวิ่ง 400 ม. ซึ่ง Erick มีโอกาสที่จะเข้าเส้นชัยน้อยมากเพราะไม่เคยฝึกฝนมาก่อนเลย แต่ในที่สุด Erick ก็สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยได้เป็นคนแรก

คำถามก็คือว่าทำไม Erick สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยได้ ? เพราะพระเจ้าผู้ทรงเสริมกำลังของข้าพเจ้า ส่วน Abraham นั้นไม่ต้องพูดถึงสามารถวิ่งเข้าเส้นชัยในประเภท 100 ม.ได้อย่างสบายมาก เพราะเขาเคยวิ่งในระยะ 400 มาก่อน

เรื่องของ Erick นี้เป็นตำนานของการแข่งขันโอลิมปิคที่ทุกคนต้องกล่าวถึงชายคนนี้ ชายที่รักพระเจ้า ชายที่ยอมแม้ว่าจะไม่ได้เหรียญทองกีฬาโอลิมปิค เพื่อจะให้พระเจ้าเป็นเอก เป็นหนึ่งในชีวิตของเขา

นี่คือคนที่รักพระเจ้า อย่างสุดใจ สุดจิต สุดความคิดและสุดกำลัง เขาวิ่งเพื่อพระเจ้า ถ้าพระเจ้าไม่ได้รักเกียรติ เขาจะไม่อาจขอบคุณพระเจ้าได้นี่เป็นความรักที่พระเจ้าปรารถนาที่จะให้เราทั้งหลายมีให้เรารักพระเจ้าอย่างสุดๆอย่างนี้

เพราะในพระวจนะของพระเจ้าบอกไว้ว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆในข้อที่ 38 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อใหญ่และข้อต้น การรักพระเจ้าอย่างสุดๆคือสุดใจ สุดจิต สุดกำลังและสุดความคิด เป็นพระบัญญัติข้อใหญ่ข้อต้น ซึ่งนั่นหมายความว่า เป็นข้อที่สำคัญที่สุดและเป็นข้อแรก เพราะอะไรที่พระวจนะของพระเจ้าถึงพูดอย่างนี้

พระคำของพระเจ้าใน 1 คร.2:9 ตรัสดังนี้ว่า “ดังที่มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า สิ่งที่ตาไม่เห็นหูไม่ได้ยินและสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึงคือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์”

เพราะเป็นเงื่อนไขแห่งพระพรที่ยิ่งใหญ่ที่มาจากพระเจ้าและพระเจ้าปรารถนาที่จะมอบพระพรอันยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นพระพรที่มั่งคั่งและสมบูรณ์ให้กับคนที่รักพระองค์

เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องท่านใดปรารถนาที่จะได้รับพระพรที่ยิ่งใหญ่นี้จากพระเจ้าเป็นพระพรที่มาจากเบื้องบน ให้รักพระเจ้าอย่างสุดๆอย่างที่ว่านี้

สรุปพระวจนะของพระเจ้าในเช้าวันนี้

รักพระเจ้าอย่างสุดใจ สุดจิต นั้นเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า

รักพระเจ้าอย่างสุดความคิด สุดกำลังเกี่ยวข้องกับการปรนนิบัติรับใช้พระองค์

Green City