แบบอย่างคนมีปัญญา

คำเทศนาเรื่อง “แบบอย่างคนมีปัญญา”

 

      

ยน.8:48-59 “พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า "ที่เราพูดว่า ท่านเป็นชาวสะมาเรียและมีผีสิงนั้นไม่จริงหรือ / พระเยซูตรัสตอบว่า "เราไม่มีผีสิง แต่เราถวายพระเกียรติแด่พระบิดาของเรา และท่านลบหลู่เกียรติเราเรามิได้แสวงหาเกียรติของเราเอง แต่มีผู้หาให้ และพระองค์นั้นจะทรงพิพากษา / เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดประพฤติตามคำของเรา ผู้นั้นจะไม่ประสบความตายเลย / พวกยิวทูลพระองค์ว่า "เดี๋ยวนี้เรารู้แล้วว่าท่านมีผีสิง อับราฮัมก็ตายไปแล้ว และพวกผู้เผยพระวจนะก็ตายไปแล้วเช่นเดียวกัน และท่านพูดว่า "ถ้าผู้ใดประพฤติตามคำของเรา ผู้นั้นจะไม่ชิมความตายเลย "ท่านเป็นใหญ่กว่าอับราฮัมบิดาของเราที่ตายไปแล้วหรือ พวกผู้เผยพระวจนะก็ตายไปแล้วด้วย ท่านอวดอ้างว่าท่านเป็นผู้ใดเล่า" / พระเยซูตรัสตอบว่า "ถ้าเราให้เกียรติแก่ตัวเราเอง เกียรติของเราก็ไม่มีความหมาย พระองค์ผู้ทรงให้เกียรติแก่เรานั้นคือ พระบิดาของเรา ผู้ซึ่งพวกท่านกล่าวว่าเป็นพระเจ้าของพวกท่าน ท่านไม่รู้จักพระองค์ แต่เรารู้จักพระองค์ ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่รู้จักพระองค์ เราก็จะเป็นคนมุสาเหมือนกับท่าน แต่เรารู้จักพระองค์ และประพฤติตามพระดำรัสของพระองค์อับราฮัมบิดาของท่านชื่นชมยินดีที่จะได้เห็นวันของเรา และท่านก็ได้เห็นแล้วและมีความยินดี "พวกยิวก็ทูลพระองค์ว่า "ท่านอายุยังไม่ถึงห้าสิบปี และท่านเคยเห็นอับราฮัมหรือ / พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เราดำรงอยู่ก่อนอับราฮัมเกิด"คนเหล่านั้นจึงหยิบก้อนหินขึ้นจะขว้างพระองค์ แต่พระเยซูทรงหลบและเสด็จออกไปจากบริเวณพระวิหาร” และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “แบบอย่างคนมีปัญญา” ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

            เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นกับโลกของเราครับ แท้จริงแล้วมันก็มีอะไรเกิดขึ้นกับเราอย่างมากมาย แต่เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาประเทศจีนได้มีการปรับค่าเงินหยวนของตนเองให้อ่อนค่าลงเพื่อให้สินค้าของตนเองขายในตลาดโลกได้มากขึ้น

พี่น้องคิดว่าการปรับค่าเงินของจีนให้อ่อนค่าลงนั้นมีผลต่อสภาพเศรษฐกิจของโลกไหมครับ ? มีผลกระทบอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เองประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศต้องปรับค่าเงินของตัวเองให้มีมูลค่าที่เล็กลงตามไปด้วย

ซึ่งมีผลกระทบต่อคนทั่วโลกนะครับ คนที่มีชีวิตอยู่แบบที่เขาจะต้องทำธุรกิจ ทำการค้า ทำการขาย คนพวกนี้ต้องคอยแก้หมาก แก้เกมส์ทางธุรกิจอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการดำรงอยู่ในอนาคตนั้นไม่ง่าย แต่คนที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆก็คงจะไม่มีผลกระทบอะไรมากนัก

นี่ไม่นับนะครับ ที่สิ้นปีนี้ประเทศไทยของเราก็จะเข้าสู่ AEC แล้วซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศท้ายๆนะครับที่มีความพร้อมในการเข้าสู่ประชาอาคมอาเซี่ยน ซึ่งนั่นหมายความว่า เราเสียเปรียบเขานะครับในการที่เราจะเข้าไปบ้านเขา แต่เขานั้นได้เปรียบเราเต็มๆในการที่จะเข้ามาในบ้านเรา ดังนั้นเราไม่รู้จริงๆว่ารูปร่างหน้าตาของประเทศนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากหนุนใจพี่น้องในเช้าวันนี้นั่นก็คือว่า ไม่ว่าโลกใบนี้หรือไม่ว่าประเทศนี้มันจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม ถ้าพี่น้องมีพระปัญญาของพระเจ้านั้นอยู่ด้วยกับเราอย่างแท้จริง พี่น้องไม่ต้องกลัว

แต่ถ้าพี่น้องดำเนินชีวิตอย่างคิดเอง เออเอง คือ คิดอยากจะทำ

1 ) ไอ้นั่น 2 ) ไอ้นี่ 3) ไอ้นู้น อันนี้พี่น้องก็ต้องระวังให้ดี ซึ่งโดยแท้จริงแล้วมันก็เป็นความคิดนะครับ แต่มันเป็นความคิดของมนุษย์ โดยเฉพาะความคิดที่ปราศจากพระเจ้าร่วมคิดนั้นพระคัมภีร์สอนเราอย่างชัดเจนนะครับว่านั่นเป็นความคิดที่ไร้ปัญญา

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 1 เราพบว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างของคนที่มีปัญญา เนื้อหาของพระคำของพระเจ้าในตอนนี้นั้นคือ องค์พระเยซูคริสต์เจ้ากำลังถูกพวกชาวยิวตราหน้าว่าเป็นคนที่ถูกผีสิง เหตุเพราะองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ทรงบอกกับพวกคนยิวเหล่านั้นว่าพระองค์นั้นมาจากพระเจ้า พระเยโฮวาห์ ซึ่งพวกคนยิวเหล่านั้นไม่สามารถที่จะรับคำกล่าวนี้ของพระองค์ได้

เหตุเพราะคนยิวพวกนี้เขารู้ว่าพระเยซูเกิดมาจากที่ไหน พวกเขาเห็นพระเยซูมาตั้งแต่เล็กๆ เขารู้ว่าพ่อแม่ของพระเยซูเป็นใคร และอยู่ๆเวลานี้จะมาบอกกับพวกเขาว่า พระองค์นั้นมาจากพระเจ้า พระเยโฮวาห์ ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถที่จะยอมรับได้

นอกจากพวกคนยิวเขาไม่สามารถที่จะยอมรับว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นมาจากพระเจ้า พระเยโฮวาห์ได้แล้ว เขายังกล่าวหาด้วยว่าแท้ที่จริงแล้วองค์พระเยซูคริสต์ก็ไม่น่าที่จะเป็นยิวด้วย พวกเขากล่าวว่าแท้ที่จริงแล้วองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นน่าจะเป็นชาวอะไรครับ ? สะมาเรีย มากกว่า

ซึ่งคนยิวที่เคร่งครัดนั้น เขาจะไม่คบกับคนต่างชาติเลยนะครับพี่น้องที่รัก เมื่อหลายปีที่ผ่านมาผมมีโอกาสไปอิสราเอล ในใจก็คิดว่ามีเวลาจะไปขอถ่ายรูปกับคนยิวบางคน แค่ผมไปยืนข้างๆยังไม่ได้ถ่ายรูปเลย เขาก็ทำหน้าตาเหมือนจะกินผมให้ซะแล้ว

ดังนั้นคนยิวที่เคร่งครัดจริงๆนั้น เขาจะไม่คบกับคนต่างชาติเลยเพราะเขาถือว่าเขาเป็นคนที่พระเจ้าเลือกสรรเอาไว้ ดังนั้นคนที่ไม่ได้เป็นยิวเหมือนกับพวกเขา พวกเขาจึงไม่ยอมรับ ซึ่งโดยแท้จริงแล้วองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเกิดที่ นาซาเร็ธ แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงเป็นยิวแท้ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่วายที่จะถูกพวกยิวกลุ่มนี้กล่าวหาว่าพระองค์เป็นพวกชาวสะมาเรีย

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า เมื่อพระองค์ทรงถูกกล่าวหาเช่นนั้นแล้วพระองค์ทรงทำอย่างไรครับ ? ไม่โต้เถียง แต่ทรงชี้แจงและตอบคำถามต่างๆด้วยเหตุผล ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ ยน.18:28-37 และอ่านพร้อมๆกันด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร เราพบว่าจากเหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน ที่ทำให้เรานั้นทราบว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็ทรงชี้แจงและตอบคำถามต่างๆด้วยเหตุผล

คำถามคือว่า สิ่งนี้ได้สอนอะไรแก่เรา

คำตอบก็คือ สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่สอนเราด้วยว่า ชีวิตขององค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ 1 ) คำพูดของใครนอกเหนือจากคำพูดของพระบิดา 2) กระแสของสังคมหรือกระแสของใครแต่ขึ้นอยู่กับการประพฤติตามพระทัยพระบิดาเท่านั้น

เฉกเช่นเดียวกับชีวิตคริสเตียนของเราพี่น้องที่รัก ที่เราจะต้องไม่ให้

1 ) ชีวิตของคนที่ไม่เชื่อพระเจ้านั้น มามีผลกระทบอะไรกับเรามากกว่าพระคำของพระเจ้า

2 ) คำพูดของคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้านั้นมีผลกับเรามากกว่าคนของพระเจ้า Ex.มีผู้หญิงคริสเตียนหลายคนนะครับที่ไปแต่งงานเพราะคำพูดของคนที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้า

คำถามคือว่า เขาพูดว่าอย่างไร ? เขาพูดว่าเธอยังไม่แต่งงานอีกเหรอด้วยก็ขึ้นคานหรอก เมื่อคนถามกันมากๆเขาก็เลยรำคาญ เขาก็เลยแต่งงานแต่งการให้มันจบๆกันไปนี่ไม่ใช่เป็นการใช้ปัญญาไหมครับ ? การคิดแบบนี้ การตัดสินใจแบบนี้ นี่เป็นการใช้ความโง่ล้วนๆ

ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมนุษย์เรานั้นมีปากก็สักแต่จะพูดกันไป แต่คนที่มีมีปัญญา เขาจะต้องฟังแล้วเขาจะต้องใช้จิตวินิจฉัย ถ้าเราไม่มีจิตวินิจฉัยชีวิตของเราก็จะต้องถูกซัดไปซัดมาและชีวิตแบบนี้มันเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพไม่ได้ ดังนั้นเราไม่ควรที่จะตกเป็นทาสคำพูดของใคร นอกเหนือจากเป็นทาสของคำพูดของพระเจ้าเท่านั้น

3 ) พฤติกรรมหรือการแสดงออกของเรานั้น ขึ้นอยู่กับกระแสของสังคมหรือกระแสของใครที่มากดดันเรา นอกเหนือจากการทำตามกระแสของน้ำพระทัยพระบิดาเท่านั้น

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 2 เราพบว่า ผู้ใดประพฤติตามพระคำของพระองค์ผู้นั้นไม่ประสบความตาย

พี่น้องที่รักครับ การที่เราไม่รู้นั้น ทำให้เรานั้นต้องเรียนผิด เรียนถูก การเรียนผิด การเรียนถูก ย่อมทำให้เกิดทั้งความผิดพลาด ล้มเหลวและทำให้เกิดความสำเร็จขึ้นได้

แต่พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ได้ตรัสเอาไว้อย่าชัดเจนนะครับว่า ผู้ใดที่ประพฤติตามพระคำของพระองค์ ผู้นั้นจะไม่ประสบกับความตาย

ซึ่งนั่นหมายความว่า การดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของผู้มีปัญญาแบบองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นเราต้องเรียนผิดเรียนถูกไหมครับ พี่น้อง ? เราไม่ต้องเรียนผิดเลย เราเรียนแต่ถูกอย่างเดียว

คำถามก็คือว่า แท้จริงแล้วเราเรียนตามแบบพระเยซูจริงไหม

พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ได้ตรัสเอาไว้อย่าชัดเจนนะครับว่า ผู้ใดที่ประพฤติตามพระคำของพระองค์ ผู้นั้นจะไม่ประสบกับความตาย

ซึ่งนั่นหมายความว่า ชีวิตของคนที่ยืนอยู่บนหลักของพระคัมภีร์คือ รู้พระคำ เข้าใจพระคำ ปฎิบัติตามพระคำของพระเจ้า

1)พระสัญญาทุกตัวอักษรที่พระเจ้าตรัสนั้นจะต้องเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเขา

2)พระคำของพระเจ้าจะเป็นหลักค้ำประกันในการที่จะค้ำชูชีวิตของเขา

แต่แน่นอนพี่น้องที่รัก การดำเนินชีวิตในการติดตามพระเจ้าผ่านทางพระวจนะคำของพระองค์นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย และในหลายๆครั้งที่พระคำของพระเจ้านั้นก็ตรัสอย่างไม่ถูกใจเรา

แต่ผมอยากที่จะหนุนใจพี่น้องในเช้าวันนี้นะครับว่า ขอให้เรานั้นตั้งใจที่จะทำตามพระคำของพระเจ้านั้นอย่างสัตย์ซื่อ

คำถามคือว่าเพราะอะไร ? คำตอบก็คือว่า เพราะถ้าแม้พระเจ้าที่เราเรียกว่า จอมเจ้านาย พระผู้ช่วยให้รอด พูดกับเราอย่างนี้และเรายังกล้าละเมิดพระองค์ได้กับมนุษย์มันจะเหลืออะไรพี่น้องว่าจริงไหม ?

พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ได้ตรัสเอาไว้อย่าชัดเจนนะครับว่า ผู้ใดที่ประพฤติตามพระคำของพระองค์ ผู้นั้นจะไม่ประสบกับความตาย

ซึ่งนั่นหมายความว่า คนที่ไม่ประพฤติตามพระคำนั้น เขาจะประสบกับความตายไหมครับ ? ตายแน่นอน เมื่อปัญญาหรือความคิดนั้นตาย อนาคตก็ตายด้วย

อฟ.4:18 “โดยที่ความคิดของเขามืดมนไป และเขาอยู่ห่างจากชีวิตซึ่งมาจากพระเจ้า เพราะเหตุความไม่รู้เท่าถึงการซึ่งอยู่ในตัวเขา อันเนื่องจากใจที่แข็งกระด้างของเขา”

คนที่ความคิดมืดมน อนาคตของเขาก็จะมืดมน ส่งผลทำให้จิตใจของเขาก็จะมืดมนและแข็งกระด้างตามไปด้วยและจิตใจที่แข็งกระด้างนั้นก็นำไปสู่ความตายในนิรันดรกาล

ดังนั้นคนที่ไม่ประพฤติตามพระคำนั้น เขาจะประสบกับความตายอย่างแน่นอน เมื่อความคิดตาย อนาคตของเขาก็ตายด้วย คำว่า “ตาย” คำนี้หมายถึง การตายทั้งในฝ่ายร่างกายและส่งผลไปถึงการตายในฝ่ายจิตวิญญาณด้วยเช่นเดียวกัน

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 3 เราพบ ตัวอย่างของคนๆหนึ่งที่เป็นแบบอย่างของคนมีปัญญา และคนๆนั้นคือใครครับ ? องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงกล่าวถึงอับราฮัม ผู้ซึ่งเป็นบิดาของบรรดาประชาชาติทั้งหลายว่า ท่านเป็นผู้ที่มีความชื่นชมยินดีร่วมกับพระองค์

พี่น้องที่รักครับ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสคำหนึ่งว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าหรือเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า” ถ้าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสคำนี้เมื่อไหร่ ขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่าสิ่งนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

พระองค์ทรงตรัสว่าอย่างไรครับ พระองค์ทรงตรัสว่า เราดำรงอยู่ก่อนอับราฮัม ซึ่งโดยแท้จริงแล้วอับราฮัมนั้นเกิดก่อนองค์พระเยซูคริสต์เจ้านะครับ

แต่การที่พระองค์ทรงตรัสอย่างนี้นั่นหมายความว่า พระองค์ทรงดำรงอยู่กาลก่อน เมื่อพระองค์ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่กาลก่อน พระองค์จึงรู้ว่าอับราฮัมนั้นเป็นคนอย่างไร

อับราฮัมเป็นคนอย่างไรครับ ? ก่อนที่พระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมนั้น เขาอาศัยอยู่กับบิดามารดา เมื่อพระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมให้ออกมา ท่านก็ออกมาจากเมืองนั้นไปยังดินแดนที่พระเจ้าทรงใช้ให้ท่านไป ไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะต้องไปเจอกับอะไร

แต่ผลจากการที่อับราฮัมนั้นเชื่อฟังและได้ประพฤติตามพระคำของพระเจ้านอกจากอับราฮัมจะไม่ประสบกับความตายแล้วเขายังได้รับการอวยพรจากพระเจ้าอย่างมาก

พระเจ้าให้อับราฮัมนั้นได้เป็นชนชาติใหญ่ ชนชาติยิวนั้นมาจากอับราฮัม คริสเตียนกับมุสลิมนั้นเชื้อสายมาจากอับราฮัมทั้งสิ้น พี่น้องเห็นอะไรไหมครับ ? จากคนๆเดียวที่เชื่อฟังและได้ประพฤติตามพระคำของพระเจ้าส่งผลให้คนเกือบทั้งโลกนั้นเข้ามาเป็นเชื้อสายของท่าน

พระคำของพระเจ้าใน รม.9:5 “ทั้งอัครปิตาก็เป็นของเขาด้วย และพระคริสต์ก็ได้ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ในเชื้อชาติของเขา” ซึ่งนั่นหมายความว่า พระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าที่เสด็จเข้ามาในโลกนี้ก็ยอมผ่านเข้ามาทางเชื่อสายของอับราฮัมด้วย”

ลก.16 :22 “อยู่มาคนขอทานนั้นตาย และเหล่าทูตสวรรค์ได้นำเขาไปไว้ที่อกของอับราฮัม ฝ่ายเศรษฐีนั้นก็ตายด้วย และเขาก็ฝังไว้”

“อกของอับราฮัม” นั้นเป็นสถานแห่งหนึ่งของเมืองบรมสุขเกษมที่เมื่อผู้เชื่อเมื่อเขาได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วเขาจะต้องไปพักอยู่ที่นั่นเหมือนกับเศรษฐีคนนี้ที่ได้ไปอยู่ในสถานที่แห่งนั้นเรียบร้อยแล้ว

ยก. 2:23 “และพระคัมภีร์ก็สำเร็จที่ว่า อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์ทรงถือว่า ความเชื่อนั้นเป็นความชอบธรรมแก่ท่าน และท่านได้ชื่อว่า เป็น สหายของพระเจ้า”

พระคำของพระเจ้าในข้อนี้ ได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนนะครับว่า พระเจ้าไม่ได้ทรางเรียกอับราฮัมว่าบ่าวอีกต่อไป แต่ทรงเรียกอับราฮัมว่าเป็นมิตรสหายของพระเจ้า

การที่ผมหยิบข้อพระคัมภีร์ทั้ง 3 ข้อนี้ได้แก่ รม.9:5 , ลก.16 :22, ยก. 2:23 ขึ้นมาก็เพื่อที่จะบอกพี่น้องว่าเมื่อเราให้เกียรติพระองค์ ผ่านการเชื่อฟังและได้ประพฤติตามพระคำของพระองค์ พระองค์ก็จะทรงให้เกียรติแก่ผู้นั้น เมื่อเราเชื่อฟังและประพฤติตามพระองค์มาก พระองค์ก็จะทรงให้เกียรติและอวยพรแก่ผู้นั้นมากด้วย

เหมือนกับที่พระองค์ทรงให้กับอับราฮัม เป็นผลตอบแทนที่เราจับต้องได้ทั้งในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ในเวลานี้และในกาลอนาคตเหมือนกับอับราฮัมที่ตายไปแล้วอกของเขายังถูกนำไปใช้เป็นสถานที่แห่งหนึ่งในเมืองบรมสุขเกษม

ดังนั้นชีวิตแห่งความเชื่อของพี่น้องที่ผ่านมาไม่ต้องพูดถึงนะครับ พูดถึงเวลานี้และต่อไปในอนาคต พี่น้องจะเลือกเดินเส้นทางไหน ? ระหว่างเส้นทางตามอารมณ์ความรู้สึก ตามความนึกคิดของตนเองซึ่งเป็นเสมือนกับเส้นทางของคนที่ไร้ปัญญา กับเส้นทางแห่งการเชื่อฟังและประพฤติตามพระคำของพระเจ้าอย่างจริงจังซึ่งเป็นเสมือนกับเส้นทางขงคนที่มีปัญญา ทั้งหลายทั้งสิ้นพี่น้องเป็นคนเลือกเอง

 

 

Green City