ซีโมนคนมีไฟ

คำเทศนาเรื่อง ซีโมนคนมีไฟ

        

ในเช้าวันนี้ ผมจะแบ่งปันชีวิตสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าอีกคนหนึ่งเป็นคนที่ 8 ให้กับพี่น้องได้รับฟังกัน เพื่อที่พี่น้องจะได้รู้จักสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าคนนี้มากขึ้นให้ที่ประชุมเปิดไปที่ มธ. 10: 1- 4 , มก. 31 : 13 - 19 , ลก. 6 : 12 - 16 , กิจการ 1 : 13 และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆ ด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “ซีโมนคนมีไฟ” ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่พี่ทอมกับเคที่ ได้มาเยี่ยมพวกเราที่คริสตจักรฯ ผมให้พี่น้องที่อยู่สามัคคีธรรมในตอนบ่าย ได้มีโอกาสที่จะแนะนำตัวของพี่น้องเองให้กับพี่ทอมกับเคที่ได้รู้จักก็ปรากฏว่ามีชื่อเล่นที่เรียกซ้ำกันอยู่ 2 ชื่อ นั่นก็คือ ดากับดา

พี่ทอมก็เลยบอกกับผมว่า ที่คริสตจักรฯ ของเขาเองนั้นก็มีคนที่ชื่อเคที่อยู่ 5 คนเหมือนกัน ซึ่งคุณไม่สามารถที่จะเรียกเขาว่าเคที่เฉยๆได้ เพราะถ้าคุณเรียกเคที่เฉยๆ นั่นหมายความว่า จะมีผู้หญิงถึง 5 คนหันมาหาคุณ แต่ถ้าคุณเรียกเคที่ และตามด้วยนามสกุลของเขา เช่น Kaytysafford นั่นหมายความว่า จะมีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่หันมาหาคุณ

ซึ่งถ้าพี่น้องได้อ่านในพระวจนะของพระเจ้าโดยเฉพาะในหนังสือพระกิตติคุณของพระเจ้าทั้ง 4 เล่ม พี่น้องก็คงจะพบว่ามีชื่อสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าอยู่ 2 ท่าน ที่มีชื่อที่มีเหมือนกันนั่นก็คือซีโมน โดยส่วนตัวผมมีความเชื่ออย่างมั่นใจว่าก่อนที่ 2 ท่านนี้จะมารู้จักกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้น พอใครเรียกชื่อซีโมน ผมเชื่อว่าทั้ง 2 ท่านนี้คงจะพากันหันหน้าไปหาคนที่เรียกนั้น

แต่พอเมื่อทั้ง 2 ท่านนี้ เขาได้มาพบกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้ว องค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็ทรงตั้งชื่อให้กับซีโมนใหม่ว่า “เปโตร” ผมเชื่ออย่างมั่นใจว่า ภายหลังจากที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงตั้งชื่อใหม่ให้กับซีโมนใหม่ว่า เปโตร แล้วนั้น ผมคิดว่าปัญหาเรื่องการเรียกชื่อของทั้ง 2 ท่านนี้ก็น่าจะลดน้อยลงหรือไม่ปัญหานี้ก็คงจะค่อยๆหมดไป

จากพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 1 เราพบเบื้องหลังของซีโมนคนนี้

            เราพบว่า ผู้เขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ในภาคพันธสัญญาใหม่ไม่ว่าจะเป็นมัทธิว , มาระโก มักจะเขียนถึงซีโมนคนนี้ว่า “ซีโมนพรรคชาตินิยม” แต่นายแพทย์ลูกาซึ่งเป็นผู้เขียนพระธรรมลูกา กับ อ.เปาโล ผู้เขียนพระธรรมกิจการก็มักจะเขียนถึงชื่อของเขาว่าซีโมนเศโลเท และเรื่องของซีโมนพรรคชาตินิยมหรือซีโมนเศโลเท ที่พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ก็มีเพียงเท่านี้ ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้

และด้วยเหตุนี้เองพี่น้องที่รักครับ จึงไม่ค่อยมีใครที่จะเทศนาถึงสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าคนนี้เท่าไหร่นัก เหตุเพราะเรามีข้อมูลที่จะเข้าถึงตัวซีโมนพรรคชาตินิยมหรือซีโมนเศโลเทคนนี้น้อยมากๆ ซึ่งต่างกับสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าคนอื่นๆ เช่น ยอห์น เปโตร ยากอบ มัทธิว ฟิลิป ยูดาส รวมทั้งอันดรูว์อย่างสิ้นเชิงที่เรามีข้อมูลที่จะเข้าถึงพวกเขาเหล่านั้นได้มากกว่า

แต่อย่างไรก็ตามพี่น้องที่รักครับ ถ้าพี่น้องอยากจะรู้จักกับ ซีโมนพรรคชาตินิยม คนนี้มากขึ้นจริงๆพี่ - น้องคิดว่าเราทำได้ไหมครับ ?

            มีครั้งหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์ ได้ขุดพบกระดูกสัตว์โบราณชนิดหนึ่งที่สูญพันธ์ไปแล้ว และในขณะที่นักวิทยาศาสตร์กำลังพิเคราะห์กระดูกสัตว์ซึ่งถูกค้นพบเป็นบางส่วนนั้น นักวิทยาศาสตร์เขาก็สามารถสเก็ตภาพของสัตว์ทั้งตัวที่เป็นเจ้าของกระดูกนั้นได้ ในทำนองเดียวกันพี่น้องที่รักครับ ผมคิดว่าเราก็สามารถที่จะสเก๊ตลักษณะนิสัย อีกทั้งบุคลิกภาพของซีโมนคนนี้ได้เช่นกัน ?

คำถามคือจากไหน? คำตอบก็คือ จากชื่อของเขานั่นเอง ซึ่งเรามักจะได้ยินผู้คนเรียกชื่อของเขาว่า ซีโมนพรรคชาตินิยม มากกว่าที่จะเรียกเขาว่า

ซีโมนเศโลเท เสียอีกพี่ - น้องว่าจริงไหม ?

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าเพียงแค่ชื่อซีโมนพรรคชาตินิยมเพียงคำเดียวก็น่าที่จะนำพี่ - น้องและผมสเก๊ตภาพของซีโมนพรรคชาตินิยมคนนี้ได้ไม่มากก็น้อย

ดังนั้นผมจึงขออนุญาตที่จะนำพี่น้องไปรู้จักกับคำว่าชาตินิยมและพรรคชาตินิยมที่ซีโมนเศโลเทเขาสังกัดอยู่ก่อนว่า พรรคของเขานั้นเป็นอย่างไร ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงตัวเขา

พี่น้องที่รักครับ คำว่า ชาตินิยม ในที่นี้หมายถึง การที่เรานั้นจะต้องตกอยู่ภายใต้หรือการที่เรานั้น จะต้องตกอยู่ในการเสียเปรียบอะไรบางสิ่งบางอย่างให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง และคนพวกนี้ต้องการที่จะปลดปล่อยผู้คนในสังคมให้หลุดพ้นจากการที่พวกเขานั้น จะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจหรือการเสียเปรียบนั้น

ตย.เช่น ที่ครั้งหนึ่งประเทศไทยของเรานั้นต้องเสียเปรียบดุลยการค้าให้กับประเทศ USA. ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น วงดนตรีที่มีชื่อว่า คาราบาว ต้องการที่จะปลดปล่อยคนไทยให้ออกจากการตกเป็นทาส Brand ของสินค้าต่างๆที่ประเทศ USA. ได้ส่งเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย พวกเขาจึงแต่งเพลงหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือเพลง อเมริกาอเมริโกย พี่น้องยังจำกันได้ไหมครับ

หรือตย.เช่น ที่ครั้งหนึ่งประเทศไทยของเรานั้นถูกรุกรานจากประเทศญี่ปุ่นแล้วก็มีคนไทยกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกตนเองว่า ขบวนการเสรีไทย ได้ออกมาเคลื่อนไหวใต้ดินเพื่อต่อต้านการเข้ามารุกรานประเทศไทยพี่น้องยังจำได้ไหมครับว่า

ซีโมนเศโลเทคนนี้ก็เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับ ที่เขานั้นไม่ชอบโรมเหตุเพราะโรมนั้นต้องการที่จะเข้ามาครอบครองชนชาติยิว

อีกทั้งซีโมนเศโลเทคนนี้ เขาก็ไม่ชอบแอกที่โรมนั้นใช้บีบคั้นคนยิวในเวลานั้น ด้วยการเข้ามาจัดระบบในการเรียกเก็บภาษีของคนยิวด้วยวิธีการที่ขูดรีด ซีโมนเศโลเทคนนี้เขารู้สึกว่าเขารับไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ซีโมนเศโลเท เขาต้องการที่จะปลดแอกชาวยิวให้ออกจากการที่จะต้องตกอยู่ภายใต้อาณัติของโรม และด้วยความคิดหรือเราอาจจะเรียกว่าอุดมการณ์ที่เขามี เขาจึงไปสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ชาตินิยม ซึ่งมีความคิดหรือมีอุดมการณ์ที่ตรงกับเขา

โจซีฟัส นักประวัติศาสตร์ชาวยิวคนหนึ่งที่มีชีวิตในสมัยนั้น ได้บันทึกถึงอุปนิสัยใจคอและพฤติกรรมของคนที่อยู่ในพรรคนี้ในทำนองที่ว่า คนที่อยู่ในพรรคนี้เป็นคนที่มีเลือดรักชาติมาจากบรรพบุรุษ (ไม่ใช่เป็นคนเลือดร้อนนะครับ) ซึ่งซีโมนเศโลเทเขาได้สืบทอดลักษณะนิสัยหรือมีเลือดรักชาตินี้มาจากบรรพบุรุษของตน

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกพี่น้องที่รัก ที่ซีโมนเศโลเทเขาจะเลือกเป็นพวกเสรียิว อีกทั้งพรรคนี้เขามี Motto หรือ มีสโลแกนของพรรคว่า “ถ้ายิวมอดแล้วใครเล่าจะรอดได้” ด้วยเหตุนี้ชาวยิวหลายคนที่มีความไม่พึงพอใจต่อการเข้ามาปกครองของโรม หรือมีความไม่พึงพอใจต่อการจัดเก็บภาษีของโรมแบบไม่เป็นธรรม และหรือมีความไม่พึงพอใจต่อการใช้อำนาจของรัฐบาลโรมพวกเขาจึงพากันไปร่วมอุดมการณ์กันอยู่ที่พรรคนี้

ซีโมนเศโลเทก็เช่นเดียวกันพี่น้องที่รัก ที่เขานั้นมีความรักชาติบ้านเมืองของตนมากกว่าประเทศชาติบ้านเมืองของคนอื่น สาระที่สำคัญที่เขาทำนั้นก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือ ซีโมนเศโลเทเขาไม่ได้บอกว่าเขารักชาติเฉยๆ

แต่ ซีโมนเศโลเท เขาสนใจในสิ่งที่กำลังคืบคลานเข้ามาในประเทศชาติบ้านเมืองของเขา นั่นก็คือ การที่ชาวยิวถูกเอารัดเอาเปรียบ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งระบบการจัดเก็บภาษีแบบไม่เป็นธรรมหรือแบบขูดรีดของรัฐบาลโรม สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ซีโมนเศโลเท เขาคิดถึงความอยู่รอดของชาวยิว และด้วยเหตุนี้เขาต้องการที่จะสละชีวิตของเขาเพื่อพี่น้องชาวยิวหรือเพื่อประเทศชาติของตน

และด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่แปลก ที่ ซีโมนเศโลเท เขาจะเป็นคนหนึ่งที่จะถูกหมายหัวจากรัฐบาลโรม และก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก ที่เขาและพวกจะถูกหมายหัวจากชาวยิวที่รักความสงบว่า เขาและพวกนั้นเป็นยิวที่ชอบสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง ซึ่งก็คงไม่แตกต่างอะไรไปจากสภาพ ของสังคมไทยที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ที่ฝ่ายหนึ่งมองอีกฝ่ายหนึ่งว่า เป็นพวกที่ชอบสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนนั่นก็คือ ในเวลานี้ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ไม่ได้ถูกประเทศชาติบ้านเมืองไหนเข้ามารุกราน แต่เราลุกขึ้นมารุกรานกันเองอันนี้คือสิ่งที่น่าเศร้าใจและนี่คือเบื้องหลังของผู้ชายคนนี้

จากพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 2 เราพบการทรงเรียก

            พี่น้องการที่ครับ การที่ ซีโมนเศโลเท เขามีเลือดรักชาติ เขามีเลือดรักบ้านรักเมือง การที่ ซีโมนเศโลเท เขามีความคิดที่จะสละชีวิตของเขาเพื่อชาวยิวเพื่อปกป้องประเทศชาติบ้านเมืองของตน อีกทั้งการที่ ซีโมนเศโลเท เขามีความความตั้งใจ ในการที่จะเข้าร่วมอุดมการณ์ รวมทั้งการที่ซีโมนเศโลเท มีความกระตือรือล้นในการที่จะขจัดความไม่ถูกต้องให้หมดไปจากสังคมของชาวยิวในเวลานั้น

พี่น้องคิดว่านอกเหนือจากการที่ ซีโมนเศโลเท เขาอยู่ในสายตาของสังคมของชาวยิวด้วยกันเองแล้วพี่น้องคิดว่าการกระทำของ ซีโมนเศโลเท นั้นยังอยู่ในสายตาของใครอีกไหมครับ ? ความคิดความอ่านและการกระทำของเขายังอยู่ในสายตาองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอีกด้วย

พี่น้องที่รักครับ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงมองเห็นศักยภาพ ภายในตัวของ ซีโมนเศโลเทคนนี้ อีกทั้งพระองค์ทรงมองเห็นจิตใจที่มีความกระตือรือร้นและความเอาจริงเอาจัง ในการที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองของเขา

ด้วยเหตุนี้พี่น้องที่รัก องค์พระเยซูคริสต์เจ้าจึงเรียก ซีโมนเศโลเท คนนี้เข้ามาเป็นสาวกของพระองค์ ซึ่งถ้าพี่น้องถามผมว่า ในบรรดาสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าทั้ง 12 คนนั้น มีคนไหนไหมที่ไม่เหมาะที่จะมาเป็นสาวกของพระองค์    ผมเชื่อว่าชื่อของ ซีโมนเศโลเท น่าจะเป็นชื่อแรกๆที่หลายๆคนคิดถึง

เพราะโดยแท้จริงในสายตาของมนุษย์แล้ว เขาไม่เหมาะเลยที่จะเป็นสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า แต่เพราะนี่เป็นฤทธานุภาพของพระเจ้าและเป็นพระคุณของพระองค์โดยแท้ที่มีมาเหนือชีวิตของเขา และรวมทั้งพวกเราทั้งหลายในเช้าวันนี้ด้วย

พี่น้องที่รักครับ เมื่อซีโมนพรรคชาตินิยมได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้า และพระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้ว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่ได้ติดตามพระเยซูไป

คำถามก็คือว่า แล้วความรักชาติของเขาอยู่ที่ไหน ?

คำตอบก็คือ ความรักชาติ รักบ้าน รักเมืองของซีโมนเศโลเทนั้นยังเหมือนอยู่เหมือนเดิม แต่เมื่อซีโมนเศโลเทเขาดำเนินชีวิตติดตามพระคริสต์ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าอาจจะตรัสกับเขาอย่างนี้ได้ไหมครับว่า

“ซีโมนเศโลเท ถ้าคุณอยากเห็นสังคมของเราดีกว่านี้ ให้คุณนั้นเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน” หรือองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอาจจะตรัสกับเขาอย่างนี้ก็ได้ว่า “ซีโมนเศโลเทความรักชาติอย่างเดียวไม่อาจทำให้คนมีความสุขได้ แต่คุณต้องหาอะไรที่สูงส่งกว่าการรักชาติ” ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงตรัสอะไรกับเขาหรือเปล่าเพราะพระคัมภีร์ก็ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้

แต่สิ่งที่ผมทราบแน่ชัด นั่นก็คือว่า ความรักชาติ รักบ้าน รักเมืองของ ซีโมนเศโลเท นั้นได้ถูกแสดงออกในรูปแบบใหม่ และในวีถีทางใหม่

คำว่าได้ถูกแสดงออกในรูปแบบใหม่หมายความว่าอย่างไร ?

หมายความว่า ซีโมนพรรคชาตินิยมคนนี้ จากเดิมที่เขามีความกระตือรือร้นในเรื่องราวของแผ่นดินในโลกนี้ เขากลับมามีความกระตือรือร้นในเรื่องราวแผ่นดินของพระเจ้าหรือในอาณาจักรของพระองค์แทน

คำว่าได้ถูกแสดงออกในวีถีทางใหม่หมายความว่าอย่างไร ?

หมายความว่า เมื่อใดก็ตามที่ซีโมนเศโลเทและพวกเจอกับทหารของโรมที่เข้ามาเอารัดเอาเปรียบหรือขูดรีดเพื่อนชาวยิว ซีโมนเศโลเท และพวกก็จะใช้มีดพกหรือกริชปักเข้าที่อกของพวกทหารโรมันแต่ตอนนี้ ซีโมนเศโลเท เขากับใช้ความรักของพระเจ้าปักเข้าที่อกของทหารโรมแทน

คำว่าได้ถูกแสดงออกในวีถีทางใหม่หมายความว่าอย่างไร ?

หมายความว่า เมื่อใดก็ตามที่ ซีโมนเศโลเท และพวกเจอชาวยิวด้วยกันเองที่ขายชาติหรือไปเข้าข้างและหรือหันไปรับใช้รัฐบาลโรม

Ex. เช่น มัทธิวคนเก็บภาษี เป็นต้น เขาว่ากันว่าถ้ามัทธิวกับซีโมนเศโลเท เดินมาเจอกันที่ท้องถนน ในขณะที่ทั้ง 2 คนนั้นยังไม่ได้กลับใจมารู้จักกับพระเจ้า เขาว่ากันว่าจะต้องมีคนหนึ่งอยู่ และมีคนหนึ่งที่จะต้องตายอย่างแน่นอนและคนที่ตายก็น่าจะเป็นมัทธิวคนเก็บภาษี

เหตุเพราะว่า ในสายตาของซีโมนเศโลเทกับพวกพรรคชาตินิยมของเขานั้น ต่างมองมัทธิวว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่ถูกจัดว่าเป็นพวกขายชาติไปแล้ว ดังนั้นถ้าคู่นี้เดินมาเจอกันบนถนนเมื่อไหร่ ชาวยิวอาจจะได้เห็นคนหนึ่งซึ่งในที่นี้ก็คือ มัทธิวได้ถูกกริชของ ซีโมนเศโลเท ปักอกตายไปแล้วก็ได้แต่เมื่อทั้ง 2 คนนี้ได้กลับใจมาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเราก็พบว่า

คนหนึ่งที่รับใช้โรมและอีกคนหนึ่งที่เกลียดชังโรมกับอยู่ร่วมกันได้

คนหนึ่งที่เป็นคนเก็บภาษีแบบขูดรีด และอีกคนหนึ่งเป็นคนที่เกลียดชังคนที่เก็บภาษีแบบขูดรีดแต่ในเวลานี้เขากับจับมือทำงานร่วมกันได้

คนหนึ่งเป็นข้าราชการรับใช้ผู้มีอำนาจ (โรม) ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นนักการเมืองที่รับใช้คนไม่มีอำนาจ (ชาวยิว) เวลานี้เขาทั้ง 2 กับประสานกันได้อย่างสนิทในความเป็นสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า และนี่คือฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้าที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาทั้ง 2 คน

ฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้าได้เปลี่ยนแปลงซีโมนเศโลเท ผู้ฆ่าชีวิตคนด้วยการปักกริชไว้ที่อกบัดนี้เขาได้นำกริชของเขาไปปักไว้ที่ไม้กางเขน และนี่คือชีวิตของคนที่ได้พบกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

ฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้าได้เปลี่ยนแปลงศัตรูที่เกลียดชังกันมาเป็นรักกันได้

ฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้าได้เปลี่ยนแปลงความแตกต่างทั้งหลายในอดีตหรือลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน มาเป็นให้เราทั้งหลายต่างยอมรับซึ่งกันและกันได้ ด้วยเหตุนี้คริสตจักรของพระเจ้าจึงต้องยอมรับนิสัยใจคอของทุกประเภทเอาไว้ด้วยความรักขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า

มีพี่น้องต่างๆคริสตจักรหลายคน   ที่ได้มาเยี่ยมพี่น้องที่แม่กลองแล้วมักจะพูดกับผมใน

ทำนองที่ว่า แท้ที่จริงแล้วพวกเราต่างมีเบื้องหลังของชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จะว่าไปแล้วมันไม่น่าที่จะมารวมกันได้เลย

ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ แต่โดยองค์พระเยซูคริสต์เจ้าพี่น้องที่รัก ที่พระองค์ได้ทรงโปรดที่จะรื้อกำแพงหรือทรงทำลายกำแพงขวางกั้นระหว่างเรากับพระเจ้า ทำให้เรานั้นสามารถที่จะร่วมส่วน เข้าส่วนหรือเป็นหุ้นส่วนกับพระองค์ได้ แล้วมนุษย์เป็นผู้ใดเล่าถึงจะขึงหรือตรึงกำแพงนั้นขึ้นมาอีกและนี่คือฤทธานุภาพของพระเจ้า

จากพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 3 เราพบว่าซีโมนเป็นคนที่ร้อนรน

            พี่น้องที่รักครับ ชื่อพรรคการเมืองที่ ซีโมนเศโลเท คนนี้เขาสังกัดชื่อว่าพรรคชาตินิยม ซึ่งชาวยิวโดยส่วนมากที่เข้าสังกัดพรรคการเมืองนี้น่าจะเป็นคนที่กระตือรือร้น หรือร้อนรน และหรือเป็นคนที่มีไฟอยู่ตลอดเวลา

ให้ที่ประชุมเปิดพระคำของพระเจ้าไปที่หนังสือ คลส. 3 : 23 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “ไม่ว่าท่านจะกระทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนกระทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า” โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าเมื่อ ซีโมนเศโลเทได้กลับใจมาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้ว เขาน่าจะชอบพระคำของพระเจ้าในข้อนี้

เหตุเพราะพระคำของพระเจ้าในข้อนี้สอนเราว่าถ้าเรารับงานอะไรแล้วขอให้เราทำให้เต็มที่ ลุยเต็มที่ อย่าทำเล่นๆ ทำอย่างสิ้นสุดจิต สิ้นสุดใจ สุดกำลัง สุดความคิด ถ้าเป็นเครื่องยนต์ก็ขอให้เรานั้นวิ่งให้เต็ม CC. หรือวิ่งให้เต็มสูบ

และโดยส่วนตัวของผมเองนั้น ผมก็มีความเชื่ออย่างมั่นใจลึกๆว่านี่คงจะเป็นเหตุผลหนึ่งในหลายๆเหตุผลที่ทำให้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตัดสินพระทัยเลือก ซีโมนเศโลเท คนนี้เข้ามาเป็นสาวกของพระองค์ เหตุเพราะองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเองก็ทรงมีพระทัยที่ร้อนรนเกี่ยวกับในเรื่องพระนิเวศน์ของพระเจ้าด้วยเช่นกัน

พี่น้องที่รักครับ ซีโมนเศโลเทซึ่งเป็นคนที่เต็มไปด้วยความร้อนรนแต่เพียงอย่างเดียวซึ่งก็ไม่มีฤทธานุภาพอะไร แต่การที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงมีความร้อนรนนิสิครับมันมีความหมายมาก การที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงมีความร้อนรนในภาษากรีก คือคำว่า en + theos หมายถึง ความร้อนรนที่เต็มไปด้วยพระเจ้า

ซึ่งแปลความว่าความร้อนรนที่ ซีโมนเศโลเท มีในเวลานี้ได้ถูกปรับจูนให้ตรงกับความร้อนรนที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงมี และนับจากนี้ต่อไปความร้อนรนที่ ซีโมนเศโลเท มีจึงกลายเป็นความร้อนรนที่เขาเองนั้นอยากที่จะปรนนิบัติและรับใช้พระเจ้า

จากนี้ต่อไปไม่มีแล้วคนที่ชื่อว่า ซีโมนเศโลเท จากนี้ต่อไปไม่มีแล้วคนที่ชื่อว่า ซีโมนพรรครชาตินิยม แต่จากนี้ไปจะมีแต่คนที่ชื่อว่า “ซีโมนคนมีไฟ” เท่านั้น และผู้เชื่อที่มีความกระตือรือร้น มีความร้อนรนอย่างนี้แหละครับพี่น้องที่รักครับ ที่แผ่นดินของพระเจ้าและอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นมีความต้องการเป็นอย่างมาก

พี่น้องลองช่วยผมพิจารณาหน่อยได้ไหมครับว่า ถ้าในคริสตจักรของเรานั้น มีคริสเตียนแบบซีโมนคนมีไฟคนนี้มากๆมันจะเกิดอะไรขึ้นกับคริสตจักรของเรา ในทางตรงกันข้ามและถ้าคริสตจักรในประเทศไทยมีคนอย่างซีโมนคนมีไฟคนนี้มากๆ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศชาติบ้านเมืองของเรา อันนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

แต่การที่ คจ.ใจสมุทรสงครามของเรา อีกทั้งคริสตจักรของพระเจ้าในประเทศไทยในหลายที่หลายแห่ง ขาดคนมีไฟอย่างซีโมนคนนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าโดยพื้นฐานของพี่น้องที่มารับเชื่อนั้นมีพื้นฐานมาจากศาสนาพุทธซึ่งคำสอนของศาสนานี้ก็เน้นให้เราเดินทางสายกลาง

            พอมาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้ว หลายคนยังสลัดคำสอนเดิมหรือความเชื่อเดิมยังไม่หลุด ผู้เชื่อหลายคนจึงเดินกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าในลักษณะ “คิดตะพุท” หรือ “คริสต์ครึ่งหนึ่งพุทธครึ่งหนึ่ง” ซึ่งเราจะดำเนินชีวิตในการติดตามพระองค์ ในลักษณะอย่างนี้ไม่ได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ชัดเจน

ดังนั้นลูกๆของพระองค์ทุกคน ก็ควรที่จะเป็นลูกที่มีความชัดเจนด้วยเช่นเดียวกัน เราจะมาเป็นคริสตเตียนแบบทางสายกลาง หรือมาติดตามพระองค์แบบครึ่งๆกลาง และหรือมาเป็นคริสเตียนเพียงแต่ชื่อ โดยที่เราเองไม่ได้ยืนหยัดอะไรเพื่อพระองค์เลยนั้นคงจะไม่ได้

ซึ่งองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตำหนิทั้งผู้เชื่อและคริสตจักรแห่งหนึ่งที่เมืองเลาดิเซีย ให้ที่ประชุมเปิดพระคำของพระเจ้าไปที่หนังสือวิวรณ์ 3:16 และให้ที่ประชุมอ่านพร้อมๆกัน อย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

พี่น้องที่รักครับ พระคำของพระเจ้าได้บอกกับเราอย่างชัดเจนในหนังสือวิวรณ์ 3:16 ว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้น ได้ทรงตำหนิผู้เชื่อและคริสตจักรแห่งหนึ่งที่เมืองเลาดิเซียว่า เขาเป็นพวกที่ไม่เอาไหนเลย จะร้อนก็ไม่ร้อน จะเย็นก็ไม่เย็น จะเป็นแต่เพียงผู้เชื่อแบบอุ่นๆเท่านั้น

พระคำของพระเจ้าจึงตรัสว่าสำหรับคริสเตียนประเภทนี้เราจะทรงคายหรือถุยคริสเตียนทางสายกลางเหล่านั้นทิ้งเสีย ซึ่งในทัศนส่วนตัวของผมนั่นหมายความว่าคริสเตียนสายกลางคือการที่เขานั้นไม่ได้เป็นคริสเตียนเลย

คำถามที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง นั่นก็คือว่า และถ้าเราเป็นเหมือนกับซีโมนคนมีไฟที่ทำงานรับใช้พระเจ้าแล้วในตอนนี้แล้ว เราควรจะต้องทำถึงอายุเท่าไหร่ ? ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ รม. 12 : 11 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “อย่าอ่อนระอา จงมีจิตใจกระตือรือร้นด้วยพระวิญญาณ จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า” ซึ่งผมจะไม่ตอบคำถามนี้นะครับว่าเราควรจะรับใช้พระเจ้าด้วยความร้อนรนนี้ไปจนถึงอายุเท่าไหร่

แต่ผมอยากที่จะตอบกับพี่น้อง ด้วยการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงให้กับพี่น้องได้ฟังเรื่องหนึ่ง ซึ่งเรื่องเป็นอย่างนี้อย่างนี้ครับว่า นายพล Booth ในวัยที่ท่านชรามากซึ่งโดยแท้จริงแล้วท่านเป็นผู้ก่อตั้ง Salvation Army นายพล Booth ในวัยที่ท่านชรามากแล้วนั้น ท่านตามองไม่เห็น

ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต 2 วันท่านได้วางมือบนศีรษะบุตรชายของท่าน ซึ่งในที่นี่นั่นก็คือ การเจิมตั้งผู้รับใช้ของพระเจ้านั่นเอง และท่านก็ได้นำบุตรชายของท่านคือนาย Bramwall เข้ามากอด

และท่านนายพล Booth ก็ได้พูดกับลูกชายของเขา ว่า Bramwall เจ้าอย่าลืมคนที่ไม่บ้านอยู่ เจ้าอย่าลืมคนที่ถูกทอดทิ้ง รักษาใจของเจ้าที่จะรักพระเยซูอยู่เสมอๆรวมทั้งคนอื่นๆด้วย พูดเสร็จท่านนายพลก็จากไปอยู่กับพระเจ้า

พี่ - น้องที่รักครับ แม้ใกล้จะตาย แต่ไฟแห่งการรับใช้พระเจ้าก็ยังคงครุกรุ่นอยู่ภายในจิตใจของผู้รับใช้อาวุโสท่านนี้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆที่เมื่อเราแก่ตัวลงแล้วเราจะเฉื่อยช้าและเสียความร้อนรนนี้ไป

แต่พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า จงรักษาไฟในจิตวิญญาณของเราเอาไว้ให้ดี อย่าให้มันมอดไป และเราจะรักษามันได้ดีอย่างแน่นอนก็ต่อเมื่อ เรานั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์ รับใช้พระองค์ มอบถวายตัวของเราให้กับพระองค์เสมอๆ และเราจะเป็นเหมือนกับซีโมนคนมีไฟคนนี้อาเมน

จากพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 4 เราได้เห็นพลังของซีโมนที่ได้ถูกดึงออกมาใช้ในวิถีใหม่

            พี่น้องที่รักครับ มาถึงตอนนี้ผมเชื่ออย่างมั่นใจว่าพวกเราทุกคนต่างทราบกันเป็นอย่างดีแล้วนะครับว่า ก่อนหน้านี้ซีโมนคนนี้เป็นคนอย่างไร เขาเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น ในการที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะการจัดการเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ซึ่งสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ เขาเองอาจจะกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งนั่นก็คือการแกล้งวิ่งแล้วเอามีดไปปักใส่อกคนอื่นเขา

            แต่เมื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเห็นถึงความรักชาติของเขา เห็นถึงความเป็นความชาตินิยมของเขา เห็นถึงความกระตือรือร้นในชีวิตของเขา และเมื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสกับเขาว่าติดตามเราและเมื่อเขามาหาพระองค์

พี่น้องที่รักครับ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าไม่ได้ทำลาย ความรักประเทศชาติบ้านเมืองของเขาแต่อย่างใด ไม่เพียงแต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าไม่ได้ทำลายความเป็นชาตินิยมของเขาเท่านั้นนะครับพี่น้ององค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็ไม่ได้ทำลายกระตือรือร้นรวมทั้งความสามารถต่างๆที่เขามี

คำถามคือว่า แล้วพระองค์ทรงทำอะไรกับซีโมนคนนี้

องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงนำสิ่งต่างๆที่ซีโมนมีนั้น เอามาไว้ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วพระองค์ทรงนำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้องนั้นมาชำระใหม่ อีกทั้งนำบางสิ่งบางอย่างในชีวิตของเราที่มีสีเทาๆนั้นมาเปลี่ยนใหม่

และเมื่อทุกอย่างที่พระองค์ทรงเห็นว่าดีแล้ว พระองค์ก็จะนำทุกสิ่งและทุกอย่างที่เรามีนั้น ไปใช้ในทิศทางใหม่ที่เกิดผล และเกิดประสิทธิภาพมากกว่าเก่าโดยเฉพาะในงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เช่นเดียวกับชีวิตของพี่ - น้องและผม ถ้าเราทุกคนต่างที่จะยอมนำตะลันต์ความสามารถหรือของประทานต่างๆที่เรามีนั้น มาให้กับพระเจ้าได้เป็นผู้ที่ครอบครอง องค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะทรงกระทำกับพี่ - น้องและผมอย่างเดียวกันกับที่พระองค์ได้ทรงกระทำกับซีโมน นั่นก็คือ ชำระเราทั้งหลายขึ้นใหม่ , ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขและพัฒนาเราขึ้นใหม่

แล้ว en + theos หมายถึง ความร้อนรนที่เต็มไปด้วยพระเจ้าภายในชีวิตของเรา จะทำให้เรานั้นมีไฟไม่เพียงแต่เราจะมีไฟในการหาเงินเท่านั้นแต่เราจะมีไฟที่มากพอในการที่เราทั้งหลายนั้นจะปรนนิบัติและรับใช้พระเจ้าด้วยความร้อนรนอีกด้วย

ภายหลังจากที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงสิ้นพระชนม์แล้วนั้น เราพบเรื่องราวของซีโมนคนมีไฟคนนี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพระคำของพระเจ้าได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนในกิจการ 1 : 13 ว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่รอคอยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเป็นเจ้าอยู่บนห้องชั้นบน ภายหลังจากนั้นเราก็ไม่พบเรื่องราวของซีโมนคนมีไฟคนนี้อีกเลย

แต่นักประวัติศาสตร์ได้บอกกับเราว่า ถ้าเรามีโอกาสได้ไปเยือนวิหารแคทอลิคที่กรุงโคโปเฮเกนต์ประเทศเดนมารค์ เราก็จะเห็นรูปปั้นของซีโมนพรรคชาตินิยมคนนี้ซึ่งปั้นโดยประติมากรรมชาวเดนนิส

โดยมือข้างหนึ่งนั้นถือเลื่อยซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความตายของสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าคนนี้ว่า เขานั้นได้ถูกเลื่อยขาดออกเป็นสองท่อนภายหลังจากการที่เขาไปเทศนาในประเทศเปอร์เซีย

แต่สัญลักษณ์ที่แท้จริงของซีโมนนั่นก็คือ ปลา ซึ่งเล็งถึงพระคำของพระเจ้าที่ทรงตรัสเอาไว้ว่า “อย่ากลัวเลยจากนี้ไปเจ้าจะเป็นคนจับคนดังจับปลา”

แต่ไม่ว่าสัญลักษณ์นั้นจะเป็นอะไรก็ตามแต่ขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่า ซีโมนคนมีไฟคนนี้ เขามีหัวใจที่รักองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอยู่เต็มหัวใจ

คำถามก็คือว่า พี่น้องมีหัวใจรักพระเยซูเหมือนกับซีโมนคนมีไฟคนนี้หรือไม่และมากน้อยแค่ไหน ? เป็นคำถามที่พี่น้องไม่ต้องตอบผมแต่ให้ท่านตอบตัวของท่านเอง

สรุปพระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้

ประการที่ 1 เราพบเบื้องหลังของซีโมนคนนี้

ประการที่ 2 เราพบการทรงเรียก

ประการที่ 3 เราพบว่าซีโมนเป็นคนที่ร้อนรน

ประการที่ 4 เราได้เห็นพลังของซีโมนที่ได้ถูกดึงออกมาใช้ในวิถีใหม่

ขอพระเจ้าอำนวยพระพรและให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

Green City