คำเทศนาเรื่อง ชีวิตคุณในอ้อมกอดใคร
ฟลป.3:18-21 เพราะว่า มีคนหลายคนที่ประพฤติตัวเป็นศัตรูต่อกางเขนของพระคริสต์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บอกท่านถึงเรื่องของเขาหลายครั้งแล้ว และบัดนี้ยังบอกท่านอีกด้วยน้ำตาไหล 19 ปลายทางของคนเหล่านั้นคือความพินาศ พระของเขาคือกระเพาะ เขายกความที่น่าอับอายของเขาขึ้นมาโอ้อวด เขาสนใจในวัตถุทางโลก 20 แต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์ เรารอคอยผู้ช่วยให้รอด ซึ่งจะเสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูคริสตเจ้า 21 พระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงกายอันต่ำต้อยของเรา ให้เหมือนพระกายอันทรงพระสิริของพระองค์ ด้วยฤทธานุภาพซึ่งทำให้พระองค์ปราบสิ่งสารพัดลงใต้อำนาจของพระองค์
มี 2 สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับพี่น้อง เพื่อพี่น้องจะได้รู้และมีความเข้าใจที่ตรงกันนั่นก็คือว่า พระวจนะคำของพระเจ้านั้นถูกเขียนขึ้นมาด้วยการดลใจที่มาจากพระเจ้าหรือองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ และพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะให้ทั้งผู้ที่เป็นผู้เชื่อและผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าได้อ่านในพระวจนะคำของพระองค์
ดังนั้นพระคำของพระเจ้าใน ฟลป.3:18 ที่เราได้อ่านร่วมกันรวมทั้งในอีก 66 เล่ม ทั้งในภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อสอนใครครับ ? สอนทั้งผู้เชื่อและผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ด้วย
สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับพี่น้อง อีกประการหนึ่งนั่นก็คือว่า ทุกสิ่งในโลกใบนี้ย่อมมี 2 ด้านเสมอ มีบวกก็ต้องมีลบ , มีขึ้นก็ต้องมีลง , มีมืดก็ย่อมมีสว่าง , มีดีก็ย่อมมีไม่ดีหรือชั่ว , มีผู้ภักดีก็ต้องมีผู้ทรยศหักหลัง ซึ่งผมเชื่อว่าพี่น้องทราบในเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อมีอ้อมกอดของพระเจ้า อีกด้านหนึ่งก็ย่อมมีอ้อมกอดของซาตานด้วยไหมครับ ?
เมื่อเรามองไปที่ไม้กางเขนพี่น้องมองเห็นอะไรครับ ?
สัญลักษณ์รูปไม้กางเขนนั้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการประหารชีวิตคน แพร่หลายในยุคสมัยที่ชาวโรมันเรืองอำนาจซึ่งอยู่ในภาคพันธสัญญาใหม่ แต่โดยแท้จริงแล้วสัญญลักษณ์รูปไม้กางเขนนั้นเป็นสติปัญญาของพระเจ้าตั้งแต่ก่อนสร้างโลก
1 คร.2:7-8 แต่เรากล่าวถึงเรื่องพระปัญญาของพระเจ้าซึ่งเป็นข้อลับลึก คือพระปัญญาซึ่งทรงซ่อนไว้นั้น และซึ่งพระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ก่อนปฐมกาล เพื่อให้เราถือศักดิ์ศรีของเรา 8 ไม่มีอำนาจครอบครองใดๆในยุคนี้ได้รู้จักพระปัญญานั้น เพราะว่าถ้ารู้แล้ว จะมิได้เอาองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งพระสิริ ตรึงไว้ที่กางเขน
แต่ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าพระเยซูคริสต์เราต้องเข้าใจว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีน้ำพระทัยที่จะเลือกใช้สัญลักษณ์ คือ รูปไม้กางเขนนี้ตั้งแต่ก่อนสร้างโลก
อย่างที่ 2 ที่ผมมองเห็นก็คือ ขีด 2 ขีดบนไม้กางเขน
เส้นแรกคือ เส้นตรงขีดแนวตั้ง เส้นที่ 2 คือเส้นขีดตรงแนวขวางหรือแนวนอน ผมจะอธิบายความหมายของแต่ละเส้นให้พี่น้องฟังดังนี้
เส้นตรงขีดแนวตั้งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพยัญชนะตัว I ในภาษาอังกฤษไหมครับ ? ซึ่งตัว I ตัวนี้หมายถึง ฉัน , ตัวฉัน , ตัวกู
ฟลป.3:18 เพราะว่า มีคนหลายคนที่ประพฤติตัวเป็นศัตรูต่อกางเขนของพระคริสต์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บอกท่านถึงเรื่องของเขาหลายครั้งแล้ว และบัดนี้ยังบอกท่านอีกด้วยน้ำตาไหล
ฟลป. 3:18 สอนเราว่า ศัตรูของไม้กางเขนนอกจากซาตานแล้วคือตัวของเราเอง
ปฐก.3:1-4 ในบรรดาสัตว์ป่าที่พระเจ้าทรงสร้างนั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า "จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆ ในสวนนี้' 2 หญิงนั้นจึงตอบงูว่า "ผลของต้นไม้ต่างๆ ในสวนนี้เรากินได้ 3 เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินหรือถูกต้องเลย มิฉะนั้นจะตาย' 4 งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า "เจ้าจะไม่ตายจริงดอก
นี่คือศัตรูตัวแรกของไม้กางเขน ซาตานมันใช้คำพูดเพียงแค่ 2 คำ คำแรกคือคำว่า จริงหรือ คำพูดที่ 2 ที่ซาตานมันใช้คือคำว่าไม่จริงดอก สร้างความสับสนให้กับมนุษย์คู่แรกของโลกก็คือ เอวา
แล้วมันใช้ได้ผลไหมครับ ? คำพูด 2 คำนี้ได้สร้างความสับสนให้กับเอวา เป็นเหตุทำให้เอวา1 ) ได้ทรยศต่อพระเจ้าแล้วไปภักดีต่อซาตาน 2 ) เลือกที่จะอยู่ในอ้อมกอดของซาตานมากกว่าที่จะเลือกอยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้า
คำถามคือว่า เวลานี้ซาตานมันก็ยังทำงานของมันอยู่ ไหมครับ ? เพียงแต่มันแปลงคำพูด 2 คำนี้ใหม่ให้สอดคล้องกับยุคสมัยของเรา
Ex1 พระเจ้ามีจริงหรือ สวรรค์นรกมีจริงหรือ Ex2 พระคัมภีร์เป็นถ้อยคำของพระเจ้าจริงหรือ ? Ex3 ทำอย่างนี้แล้วพระเจ้าจะได้รับเกียรติจริงหรือ ? Ex4 ไม้กางเขนมีฤทธิ์อำนาจจริงหรือ ? ไม่จริงดอก
การบิดเบือนความจริงแห่งพระวจนะคำของพระเจ้า พี่น้องคิดว่ามันส่งผลต่อความเชื่อที่เรามีต่อในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ไหมครับ ?
ยิ่งถ้าผู้เชื่อคนไหนก็ตามที่ไม่มีรากฐานความเชื่อที่แข็งแรงพอ พี่น้องคิดว่า เขามีแนวโน้มที่จะไปอยู่ในอ้อมกอดของซาตานมากกว่าอยู่ในอ้อมกอดกับพระเจ้าไหมครับ ? เหมือนเอวา
พี่น้องอย่าฟังเพลินนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในเส้นตรงขีดแนวตั้ง ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพยัญชนะตัว I ในภาษาอังกฤษซึ่งตัว I ตัวนี้หมายถึง ฉัน , ตัวฉัน , ตัวกู และท่าน อ.เปาโล สอนเราใน ฟลป.3:18 ว่า ศัตรูของไม้กางเขนตัวแรก คือ ซาตานและตัวของเราเอง ในส่วนของซาตานได้พูดไปแล้วเมื่อครู่
คราวนี้จะมาพูดถึงตัวที่ 2 คือ ตัวของเราเอง ลก.10:19 ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย
พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าได้ให้สิทธิอำนาจเหล่านี้กับเราแล้ว แต่มีคริสเตียนบางคน เกิดฝันร้าย , ตากระตุกจึงคิดว่าจะมีลางร้าย เขากับไม่เชื่อพระคำของพระเจ้าในข้อนี้
นอกจากไม่เชื่อฟังพระคำของพระเจ้าในข้อนี้แล้ว เขากลับไปพึ่งไสยศาสตร์ พึ่งหมอดู ไปแก้ดวงสะเดาะเคราะห์ นี่คือการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของซาตาน เรื่องนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะคนที่ไม่เชื่อพระเจ้านะครับ แม้กระทั่งผู้เชื่อบางคนก็ไปพึ่งพาเรื่องเหล่านี้จนหมดเนื้อหมดตัว ส่งผลให้การเป็นลูกของพระเจ้าของเขานั้นขาดพระพร เขาถึงได้กลับมาสารภาพบาปกับพระเจ้า
อพยพ 20:3 "อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา” คำนี้มีความหมายว่า ให้หมดหัวใจ 1 ) เหมือนอย่างที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงรักพระบิดาหมดหัวใจ ยอมทำตามน้ำพระทัยพระบิดาให้สำเร็จ 2 ) เหมือนอย่างที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงรักเราหมดหัวใจ จนพระองค์ยอมตายแทนเรา
คำถามคือว่า เราให้พระองค์หมดหัวใจแบบนี้หรือไม่ ?
คริสเตียนหลายคนมีธุรกิจส่วนตัวนะครับ และเป็นคนพูดหวานขานเพราะ ประพฤติดี และทุกคนก็รู้ว่าวันอาทิตย์ลูกค้าเยอะ หลายคนจึงไม่อยากปิดร้านวันอาทิตย์
ฟป.3:19 ปลายทางของคนเหล่านั้นคือความพินาศ พระของเขาคือกระเพาะ เขายกความที่น่าอับอายของเขาขึ้นมาโอ้อวด เขาสนใจในวัตถุทางโลก
การย่ำยีวันของพระเจ้า คือการมีรูปเคารพในใจ คือการปันใจไปให้กับซาตาน สิ่งหนึ่งที่พี่น้องจะต้องรู้นั่นก็คือว่า ซาตานมันรู้พระคำของพระเจ้า ซาตานมันจึงทำให้เราเชื่อพระเจ้าบ้างไม่เชื่อพระเจ้าบ้าง ทำตามวิธีการของพระเจ้าบ้างไม่ทำตามบ้าง
ชีวิตของเราจึงต้องระมัดระวังที่จะอยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้าให้มากกว่าที่จะอยู่ในอ้อมกอดของซาตาน ท่าน อ.เปาโล จึงได้บอกกับเราว่า ศัตรูของไม้กางเขนนอกจากซาตานแล้ว คือ ตัวของเราเองด้วยที่มีรูปเคารพในใจ
เหมือนกับเราได้แต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยากับคนปัจจุบันแต่เรายังแอบเก็บรูปแฟนเก่าเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ พี่น้องคิดว่าสามีภรรยาคนนั้นเขาจะรู้สึกอย่างไร พระเจ้าก็ทรงรู้สึกอย่างนั้น เพราะฉะนั้นอย่าให้เราเป็นคนที่มีรูปเคารพในใจ สะบาโตเป็นของพระเจ้าต้องมอบให้กับพระเจ้า
เหมือนกับคนอิสราเอล ที่เวลาบ่ายสามโมงของทุกวันศุกร์เขาปิดร้านยังไม่พอ เขายังปิดถนนด้วย การทำสิ่งนี้ คือ 1 ) การให้พระเจ้าหมดหัวใจ 2 ) การยกพระเจ้าขึ้นสูงสุด เมื่อคุณยกพระเจ้า พระเจ้าจะยกคุณด้วยเช่นกัน 3 ) การที่เราเอาชีวิตของเรากอดกับพระเจ้า 4 ) เป็นเจ้าสาวที่สัตย์ซื่อกับเจ้าบ่าว
คราวนี้มาถึงเส้นที่ 2 คือเส้นตรงขีดแนวขวางหรือแนวนอน ให้เราอ่านจาก คลส.3:513
คลส.3:5-13 เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ 6 เพราะสิ่งเหล่านี้ พระอาชญาของพระเจ้าก็จะลงมา 7 ครั้งหนึ่งท่านเคยประพฤติสิ่งเหล่านี้ด้วย ครั้งเมื่อท่านยังดำรงชีวิตอยู่กับสิ่งเหล่านี้ 8 แต่บัดนี้ สารพัดสิ่งเหล่านี้ท่านจงเปลื้องทิ้งเสีย คือความโกรธ ความขัดเคือง การคิดปองร้าย การพูดเสียดสี คำพูดหยาบโลน 9 อย่าพูดมุสาต่อกัน เพราะว่าท่านได้ปลดวิสัยมนุษย์เก่า กับการปฏิบัติของมนุษย์นั้นเสียแล้ว
10 และได้สวมวิสัยมนุษย์ใหม่ ที่กำลังทรงสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายของพระองค์ผู้ทรงสร้าง ให้รู้จักพระเจ้า 11 อย่างนี้ไม่เป็นพวกกรีกหรือพวกยิว ไม่เป็นผู้ที่เข้าสุหนัตหรือไม่ได้เข้าสุหนัต พวกคนต่างชาติหรือชาวสิเธีย ทาสหรือไทก็ไม่เป็น แต่ว่าพระคริสต์ทรงเป็นสารพัด และทรงดำรงอยู่ในสารพัด 12 เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน 13 จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน และถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน
เราจะต้องใช้พระคำของพระเจ้าใน คลส.3:5:13 ประหารพยัญชนะตัว I เพื่อเอาตัวกู ของกู ออกไปจากชีวิตของเรา เราถึงจะเข้าอยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้าได้ ซึ่งนั่นหมายความว่า เส้นตรงขีดแนวขวางหรือแนวนอน เป็นภาพที่พระเจ้ากำลังกางแขนของพระองค์ออกมาเพื่อที่จะนำเราเข้าสู่อ้อมกอดของพระองค์
1 คร.2:7-8 แต่เรากล่าวถึงเรื่องพระปัญญาของพระเจ้าซึ่งเป็นข้อลับลึก คือพระปัญญาซึ่งทรงซ่อนไว้นั้น และซึ่งพระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ก่อนปฐมกาล เพื่อให้เราถือศักดิ์ศรีของเรา 8 ไม่มีอำนาจครอบครองใดๆในยุคนี้ได้รู้จักพระปัญญานั้น เพราะว่าถ้ารู้แล้ว จะมิได้เอาองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งพระสิริ ตรึงไว้ที่กางเขน
พระคำของพระเจ้าพูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า พระปัญญาของพระเจ้านั้นล้ำลึก ถูกกำหนดไว้ก่อนปฐมกาล ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดในโลกที่จะรู้จักพระปัญญาของพระเจ้าได้ ปัญญาที่ว่า คือ ไม่มีใครรู้ว่าที่กางเขนนั้นแหละคือ อ้อมกอดของพระคริสต์
เพราะฉะนั้นถ้าเราประหารซึ่งโลกียวิสัยโดยเอาตัวกู ของกู เอากิจการของเนื้อหนังออกไปจากชีวิตของเรา เราจะอยู่ในอ้อมกอดของใครครับ ?
แขนที่กางออกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าบนไม้กางเขน คือ 1 การปกป้องจากสวรรค์ 2 การปกคลุมจากสวรรค์ เราจะปลอดภัยจากการร้ายทั้งปวง
สดด.91:1-4 ผู้ที่อาศัยอยู่ ณ ที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด ผู้อยู่ในร่มเงาของผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ 2 จะทูลพระเจ้าว่า "ที่ลี้ภัยของข้าพระองค์และป้อมปราการของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ผู้ที่ข้าพระองค์ไว้วางใจ" 3 เพราะพระองค์จะทรงช่วยกู้ตัวท่านจากกับของพรานนก และจากโรคภัยอย่างร้ายแรงนั้น 4 พระองค์จะทรงปกท่านไว้ด้วยปีกของพระองค์ และท่านจะลี้ภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์ ความสัตย์สุจริตของพระองค์เป็นโล่และเป็นดั้ง
พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า เมื่อเราได้อยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ เราจะได้รับการปกป้อง เราจะได้รับการปกคลุมจากสวรรค์ เมื่อเราได้รับความอบอุ่นและได้รับความปลอดภัยจากการร้ายทั้งปวงจากสวรรค์อย่างนี้แล้ว
ผี มาร ซาตาน วิญญาณชั่ว ทำอะไรเราได้ไหมครับ ? ไม่ได้
คำถามคือว่า แล้วทำไม่ยังมีคริสเตียนเยอะแยะมากมายไปให้แชมป์อธิษฐานขับไล่ผี มาร ซาตาน วิญญาณชั่วกันอยู่ล่ะ ? เพราะเขายังไม่ได้ประหารโลกียวิสัยออกไปจากชีวิตของเขา เพราะเขายังมีอัตตา คือ ตัวกู ของกู อยู่ในชีวิต
คุณจะไปหาแชมป์กี่สิบครั้งก็ช่วยอะไรไม่ได้ 1 ถ้าคุณยังไม่ประหารตัวเก่าซึ่งเป็นโลกียวิสัยออกไปจากชีวิต 2 ถ้าคุณยังไม่ได้บังเกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์ 3 ถ้าคุณเอาแต่เชื่อพระเจ้า แต่ไม่อ่านพระคัมภีร์ อ่านแต่ ไม่ประพฤติตามพระคำของพระเจ้าได้ไหม
พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า เมื่อเราได้อยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ เราจะได้รับการปกป้อง เราจะได้รับการปกคลุมจากสวรรค์ เมื่อเราได้รับความอบอุ่นและได้รับความปลอดภัยจากการร้ายทั้งปวงจากสวรรค์อย่างนี้แล้ว
เราจำเป็นไหมครับ ? ที่เราจะต้องไปหา 1 อะไรมาคล้องที่คอ 2 อะไรมากราบไหว้บูชา 3 อะไรมาเซ่นไหว้ 4 อะไรมาแก้ดวงชะตาชีวิต 5 ถือฤกษ์ถือยาม 6 หมอดูลายมือ 7 ไปหาซินแสเพื่อแก้โหงวเฮ้ง
เพราะแขนขององค์พระเยซูคริสต์ที่กางออกบนไม้กางเขนเป็น 1 ฤทธิ์เดชที่สูงสุดแล้ว 2 ทำให้เราสัมผัสถึงความรักความอบอุ่น 3 ทำให้เรามั่นใจในความปลอดภัยจากการร้ายทั้งปวง
สภษ.10:3 พระเจ้ามิได้ทรงปล่อยให้คนชอบธรรมหิว แต่พระองค์ทรงขัดขวางความอยากของคนชั่วร้าย
เราชอบธรรมได้ไม่ใช่ด้วยการทำความดี แต่เราชอบธรรมผ่านทางความเชื่อและความไว้วางใจในพระเยซูคริสต์ สภษ.10:3 พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า
พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้คนชอบธรรมหิว ซึ่งนั่นหมายความว่าสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตของเรา พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมไว้ให้
สภษ.10:6 พระพรอยู่บนศีรษะของผู้ชอบธรรม แต่ความทารุณท่วมปากคนชั่วร้าย
พระพรของพระเจ้าอยู่เหนือศีรษะของผู้ชอบธรรม เมื่อเขาปรารถนาสิ่งที่ดี ให้มั่นใจได้เลยว่าเขาจะได้รับคำตอบจากพระเจ้า อย่างแน่นอน ใน อฟซ. 3:20 บอกกับเราว่า มากกว่าที่เราทูลขอ
เมื่อเราประหารซึ่งโลกียวิสัย เป็นเหตุทำให้เราสามารถที่จะกอดกับองค์พระเยซูคริสต์ที่กางแขนออกบนไม้กางเขน
สภษ.10:28 ความหวังของความชอบธรรมจบลงในความยินดี แต่ความมุ่งหวังของความชั่วร้ายก็สูญเปล่า พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่าชีวิตของเขาจะจบลงด้วยดี นั่นก็คือการได้รับชีวิตนิรันดร์ แต่ความมุ่งหวังของความชั่วร้ายก็สูญเปล่า นั่นก็คือ มีฉากจบของชีวิตที่ไม่สวย ในบึงไฟแห่งความมรณา
เมื่อเราประหารซึ่งโลกียวิสัย เป็นเหตุทำให้เราสามารถที่จะกอดกับองค์พระเยซูคริสต์ที่กางแขนออกบนไม้กางเขน
สภษ.10:30 ผู้ชอบธรรมจะไม่ถูกกำจัดเลย แต่คนชั่วร้ายจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดิน ใครจะมาทำร้ายหรือมาทำลายเราไม่ได้ เพราะพระเจ้าจะทรงปกป้องและคุ้มครองเรา เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน พี่น้องเห็นสุนัขกัดคนไหมครับ ? พี่น้องเคยเห็นสุนัขมันกัดเต่าไหมครับ ?
ผู้ชอบธรรมเหมือนชีวิตของเต่า กระดองเปรียบเหมือนกับการปกป้องจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกันถ้าเราประหารซึ่งโลกียวิสัยให้ออกไปจากชีวิต รับการสวมสภาพใหม่ในพระเยซูคริสต์
ใครจะมาทำร้ายหรือใครจะมาทำอะไรเราไม่ได้เลย ต่อให้เขาจะพยายามขนาดไหนก็ตาม นอกจากจะมาทำร้ายหรือจะมาทำอะไรเราไม่ได้แล้ว พระเจ้าทรงสัญญาว่าจัดการคนเหล่านั้นแทนเรา นี่คือพระพรของการอยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้า ถ้าเราตัดสินใจที่จะอยู่ในอ้อมกอดนี้ พี่น้องก็จะได้รับพระพรตามสัญญานี้ทั้งหมด ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน