ชื่นชมยินดีในทุกเวลา 3

คำเทศนาเรื่อง ชื่นชมยินดีในทุกเวลา 3

            ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม ฟป.1:19 - 20 ข้าพเจ้าจะมีความชื่นชมยินดีต่อไปด้วย เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า โดยคำอธิษฐานของท่าน และโดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณแห่งพระเยซูคริสต์ นี้จะเป็นเหตุให้ข้าพเจ้ารับการช่วยกู้ เพราะว่าเป็นความมุ่งมาดปรารถนาและความหวัง ว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความละอายใดๆเลย แต่เมื่อก่อนทุกครั้งมีใจกล้าเสมอฉันใด บัดนี้ก็ขอให้เป็นเช่นเดียวกันฉันนั้น พระคริสต์จะทรงได้รับเกียรติในร่างกายของข้าพเจ้าเสมอ แม้จะโดยชีวิตหรือโดยความตาย และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “ชื่นชมยินดีในทุกเวลา 3”

พี่น้องยังจำได้ไหมครับว่า ในครั้งแรกเลยที่เราได้อ่านพระคำ

ของพระเจ้าร่วมกัน เราพบกี่ประการที่สำคัญด้วยกันนะครับ ? 3 ประการ

เราพบ 1) เอกลักษณ์ที่พิเศษหรือเอกลักษณ์ที่เด่นของการเป็นคริสเตียน นั่นก็คือ คริสเตียนต้องมีความชื่นชมยินดี และผมก็ได้อธิบายให้กับพี่น้องได้ฟังถึงสาเหตุว่าเพราะอะไรเราถึงชื่นชมยินดี

และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราก็ได้มาต่อกันในประการที่ 2 ซึ่งพระคำของพระเจ้าได้บอกกับเราว่า เราสามารถที่จะชื่นชมยินดีได้เพราะเราสามารถที่จะอธิษฐานกับพระเจ้าได้ และในเช้าวันนี้เราจะมาต่อกันในประการที่ 3 เพียงประการเดียวนะครับ นั่นก็คือ การช่วยเหลือของพระวิญญาณ

พี่น้องที่รักครับ ในขณะที่ อ.เปาโล ถูกจับกุมขังอยู่ในคุกนั้น อ.เปาโล บอกว่า เขาชื่นชมยินดีได้เพราะ”โดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณ” ซึ่งนั่นหมายความว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นอะไรครับ ? เป็นความชื่นชมยินดี

ยน.4:14 “แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้แก่เขานั้น จะไม่กระหายอีกเลย น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้น จะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์"

พี่น้องที่รักครับ “น้ำของโลก” ที่เราดื่มระหว่างรับประทานอาหารนั้น ถึงพี่น้องจะดื่มอย่างไร จะดื่มด้วยวิธีไหน สุดท้ายเราก็ยังกระหายอยู่อีกจริงไหมครับ ?

และสมมติว่าถ้าเราเปรียบเทียบ น้ำของโลกนี้ ที่เราใช้ดื่มระหว่างเวลารับประทานอาหารนั้นเป็น คำสรรเสริญ ลาภยศ เกียรติ หรือเป็นวัตถุสิ่งของ พี่น้องคิดว่ามันพอไหมสำหรับมนุษย์ซึ่งเป็นคนบาปหรือมันพอไหมสำหรับเราที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชื่อ ?

เกียรติ ลาภยศและคำสรรเสริญหรือวัตถุสิ่งของต่างๆนั้น โดยส่วนมากแล้ว มันไม่เคยพอสำหรับมนุษย์เรา ผมอ่านในหนังสือพิมพ์ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหลายฉบับ พบว่าเดี๋ยวกลุ่มนั้นแถลงข่าว เดี๋ยวกลุ่มนี้แถลงข่าว ว่าได้ Dew ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่นั่นที่นี่แล้ว

เพราะฉะนั้นเกียรติ ลาภยศและคำสรรเสริญหรือวัตถุสิ่งของต่างๆนั้นมันไม่เคยพอ แม้กระทั่งคนที่ได้ชื่อว่าผู้รับใช้พระเจ้าหลายๆคนในเวลานี้ด้วยเช่นเดียวกัน

แต่พระคำของพระเจ้าใน ยน.4:14 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า แต่ผู้ที่ดื่มน้ำนี้จะไม่กระหายอีกเลย

Q :คำถามคือว่า น้ำนี้ คือน้ำอะไรครับ ?

A : น้ำนี้ คือ น้ำแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้เชื่อที่ดื่มน้ำแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้เชื่อที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในชีวิตผู้นั้นจะไม่หิวกระหายอีกเลย

Q : คือว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ? ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ในชีวิต

ของผู้ที่ได้ดื่มน้ำของพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไปในชีวิตนั้นเขา

1) จะมีบ่อน้ำที่พลุ่งขึ้นถึงนิรันดร์

2) จะได้รับการเติมเต็มจากพระเจ้าตลอดเวลา

ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ที่ดื่มน้ำนี้แล้ว 1)ถึงแม้ว่าเขาจะต้องพบกับอุปสรรคปัญหาเขาก็จะมีความสุขสดชื่นได้ 2)แม้ว่าเขาจะต้องถูกจับกุมขังให้ติดคุกเหมือนกับ อ.เปาโล ในตอนนี้ เขาก็สามารถที่จะมีความชื่นชมยินดีในชีวิตได้

ยน.14:16-20 “เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไปคือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่านเราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยว เราจะมาหาท่านอีกหน่อยหนึ่งโลกก็จะไม่เห็นเรา แต่ท่านทั้งหลายจะเห็นเรา เพราะเราดำรงอยู่ ท่านทั้งหลายก็จะดำรงอยู่ด้วยในวันนั้นท่านทั้งหลายจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดา และท่านอยู่ในเราและเราอยู่ในท่าน”

พี่น้องที่รักครับ สมมติว่าถ้าเราจะเปรียบเทียบพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเป็นเหมือนอากาศ (แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้เป็นอากาศนะครับ)

อันนี้เป็นเพียงการสมมติเท่านั้นนะครับ ว่าถ้าเราจะเปรียบเทียบพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้นเป็นเหมือนอากาศ

คำถามของผมก็คือว่า เรามองเห็นอากาศว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรไหมครับพี่น้อง ? แต่เรารู้ว่ามันมีอากาศ เรารู้ว่าอากาศนั้นมันอยู่รอบๆตัวเราอย่างแน่นอน เรารู้ว่าพอเราไปที่ไหนอากาศก็จะติดตามตัวเราไปด้วยในทุกหนแห่ง และเมื่อเราสูดอากาศเข้าไป อากาศไปอยู่ที่ไหนครับ ? เข้าไปอยู่ภายในเรา

พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นด้วย คือ เรามองไม่เห็นพระวิญญาณ แต่เรารู้ว่าพระวิญญาณของพระเจ้านั้นอยู่รอบๆตัวเรา เรารู้ว่าเราไปไหนพระวิญญาณติดตามเราไปด้วยตลอดเวลาเสมอ ที่สำคัญที่สุดคือ เรารู้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้นอยู่ภายในเรา

ซึ่งถ้าพี่น้องได้นำพระคำของพระเจ้าที่ John ได้เขียนเอาไว้ใน ยน.14:16-20 มาเปรียบเทียบกับ สดด.23:6 ที่กษัตริย์ David ได้เขียนไว้ดูเหมือนจะสอดคล้องกันมากจริงๆ

“แน่ทีเดียวที่ความดีและความรักมั่นคงของพระเจ้าจะติดตามข้าพเจ้าไป ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์”

การที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้น สถิตอยู่รอบๆตัวเรา อีกทั้งติดตามเราไปด้วยตลอดเวลาเสมอ ที่สำคัญที่สุดคือเรารู้ว่าพระวิญญาณของพระเจ้านั้นทรงอยู่ภายในเรานั้นเป็นเหตุทำให้คริสเตียนเรานั้นไม่ถือ 1) เรื่องเครื่องรางของคลัง 2) เรื่องโชคลาภ 3) ฤกษ์ถือยาม เพราะองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงสัญญากับเราเอาไว้แล้วว่า จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน

ซึ่งผู้ช่วยท่านนี้ พระคัมภีร์ได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า จะทำหน้าที่ในการที่จะช่วยเหลือเรา และนั่นก็คือองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่สามารถจะอยู่กับพวกเราทั้งหลายได้ในทั่วทุกมุมโลกเหตุเพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณ

และด้วยการที่ท่าน อ.เปาโล มีความเข้าใจ ในพระเจ้าอย่างลึกซึ้งนี้เอง ท่าน อ.เปาโล จึงมีความเชื่ออย่างมั่นใจในความเป็นพระเจ้าของพระองค์ว่า ในความทุกข์ยากลำบากนั้นเรามีพระเจ้าคอยสนับสนุน คอยช่วยเหลือ และพระองค์ทรงเป็นกำลังใจให้กับเราเสมอด้วยเหตุนี้ท่าน อ.เปาโล จึงมีความชื่นชมยินดี

            ซึ่งโดยแท้จริงแล้วสภาพจิตใจของคนที่ถูกจับกุมขังอยู่ในคุกนั้นน่าจะต้องเกิดความกลัวใช่ไหมครับพี่น้อง ? จิตใจภายในต้องรู้สึกว่า..เฮ้ยจากนี้ต่อไปเค้าจะเอาอย่างไรกับเราว้า จริงไหมครับ ?

แต่ท่าน อ.เปาโล กับพูดว่า “แต่เมื่อก่อนทุกครั้งมีใจกล้าเสมอฉันใด บัดนี้ก็ขอให้เป็นเช่นเดียวกันฉันนั้น” ซึ่งน่าแปลกใจไหมครับที่ท่าน อ.เปาโล สามารถที่จะพูดได้อย่างนี้

แต่พี่น้องไม่ต้องแปลกใจ เมื่อท่าน อ.เปาโล ถูกจับกุมขังอยู่ในคุกนั้น ท่าน อ.เปาโล ได้มีเวลาคิด ได้มีเวลาทบทวน และท่าน อ.เปาโล ยังได้เห็นถึงการนำของพระเจ้า ที่นำคนของพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งท่านได้ฟังคำประจักษ์พยานถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้ามาอย่างมากมาย

อาจจะกล่าวได้ว่า ยิ่งท่าน อ.เปาโล ยิ่งคิด ท่านก็ยิ่งได้เห็นถึงพระคุณของพระเจ้ามากขึ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นถึงการช่วยเหลือของพระเจ้ามากขึ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นถึงพระเจ้าชัดเจนมากขึ้นและตระหนักว่าพระเจ้านั้นมีอยู่จริงๆ

ด้วยเหตุนี้เอง ท่าน อ.เปาโล จึงมีความชื่นชมยินดีและความชื่นชมยินดีนี้เอง ทำให้ท่าน อ.เปาโล นั้นได้หลุดออกจากความกลัวมาเป็นความมีใจกล้า

อ.เปาโล พูดต่อไปอีกว่า “พระคริสต์จะทรงได้รับเกียรติในร่างกายของข้าพเจ้าเสมอ แม้จะโดยชีวิตหรือโดยความตาย” ซึ่งนั่นหมายความว่า ความชื่นชมยินดีนี้ ไม่ว่าเราจะทุกข์ จะสุข จะหัวเราะหรือร้องไห้ ไม่ว่าจะโดยการตายหรือการมีชีวิตอยู่ จะต้องส่งผลให้พระเจ้าได้รับเกียรติด้วย

และนี่คือชีวิตคนของพระเจ้า ที่ชีวิตของเขานั้นจะต้องเป็นประโยชน์ในทุกขณะแม้กระทั่งจะต้องถูกจับกุมขังอยู่ในคุก อาจจะกล่าวได้ว่า ชีวิตคนของพระเจ้า จะต้องสำแดงถึงการถวายเกียรติแด่พระเจ้าเสมอก็ว่าได้

ซึ่งถ้าเราจะสมมติหรือเปรียบเทียบตัวของเราเองเป็นเหมือนสัตว์ชนิดหนึ่ง ผมคิดว่าเราจะต้องเป็นเหมือนกับ “โค” ของพระเจ้า

เพราะ “โค” ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นมันให้ แรงงาน นม ปุ๋ย

ในขณะที่มันตาย มันก็ให้เนื้อไปเป็นอาหาร ให้หนังเอาไปทำเครื่องประดับ

ดังนั้น โค ตายก็ดี ไม่ตายก็ดีล้วนแต่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น

เช่นเดียวกับชีวิตคนของพระเจ้า ที่จะต้องสำแดงถึงการถวายเกียรติแด่พระเจ้าเสมอ ไม่ว่าจะมีทุกข์หรือสุข ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ความชื่นชมยินดีนั้นจะต้องส่งผลให้พระเจ้าได้รับเกียรติในชีวิตของเราเสมอ

Green City