ชื่นชมยินดีในทุกเวลา

คำเทศนาเรื่อง ชื่นชมยินดีในทุกเวลา 1

            ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม ฟป.1:19 - 20 ข้าพเจ้าจะมีความชื่นชมยินดีต่อไปด้วย เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า โดยคำอธิษฐานของท่าน และโดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณแห่งพระเยซูคริสต์ นี้จะเป็นเหตุให้ข้าพเจ้ารับการช่วยกู้ เพราะว่าเป็นความมุ่งมาดปรารถนาและความหวัง ว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความละอายใดๆเลย แต่เมื่อก่อนทุกครั้งมีใจกล้าเสมอฉันใด บัดนี้ก็ขอให้เป็นเช่นเดียวกันฉันนั้น พระคริสต์จะทรงได้รับเกียรติในร่างกายของข้าพเจ้าเสมอ แม้จะโดยชีวิตหรือโดยความตาย และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “ชื่นชมยินดีในทุกเวลา”

            พี่น้องที่รักครับ ช่วงระยะเวลา 4-5 วันนี้ เป็นช่วงเวลาแห่งความชื่นชมยินดีของพี่น้องประชาชนคนไทย เหตุเพราะว่า 4-5 วันนี้เป็นวันปีใหม่ของคนไทย ซึ่งเราก็จะเห็นว่าคนไทยมากมายต่างไปรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ เราก็จะเห็นถึงลูกหลานพากันกลับไปเยี่ยมวงศ์วานญาติเครือของตน รวมถึงเราได้เห็นถึงกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายหลายอย่างซึ่งผมไม่สามารถที่จะบรรยายตรงนี้ได้หมด

           

แต่พี่น้องสังเกตอะไรอย่างหนึ่งไหมครับว่า ความชื่นชมยินดีของคนไทยเรานั้น มักจะต้องไปผนวกรวมกับช่วงเทศกาลใดเทศกาลหนึ่งเสมอแล้วเราถึงจะมีความชื่นชมยินดีนั้นได้ ซึ่งเมื่อก่อนเราก็เป็นคนหนึ่งใช่ไหมครับพี่น้องที่รักที่เป็นอย่างนี้ แต่พอเมื่อเราได้มาเป็นผู้ที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้ว พระคำของพระเจ้าได้สอนเราว่า ให้เรานั้นมีความชื่นชมยินดีในทุกๆเวลา ดังนั้นความชื่นชมยินดีของคริสตศาสนิกนั้นไม่ต้องรอเทศกาล

ขอบคุณพระเจ้าที่ผู้เขียนพระธรรมในตอนนี้ นั่นก็คือท่าน อ.เปาโล ท่านก็ได้เขียนจดหมายฉบับนี้ออกมาจากในคุก ซึ่งโดยแท้จริงแล้ว สภาพการเป็นอยู่ภายในคุกนั้นก็สกปรก เหม็นและก็อับชื้นอยู่ตลอดเวลา เพราะคุกในสมัยของท่าน อ.เปาโล นั้นก็เป็นคุกดิน แต่ท่าน อ.เปาโล ก็เขียนจดหมายออกมาจากในคุก เพื่อที่จะหนุนใจคนที่อยู่ข้างนอกคุกนั้นว่า “ให้มีความชื่นชมยินดีในทุกเวลา” ซึ่งเราอาจจะเรียกจดหมายที่ อ.เปาโล ได้เขียนออกมาจากในคุกเพื่อที่จะหนุนใจคนที่อยู่ข้างนอกคุกว่า Fresh Letter ก็ได้นะครับพี่น้อง แปลว่า อ่านทีไรก็ 1)สดชื่นทุกที 2)ทำให้มีกำลังขึ้นใหม่ทุกที

            จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

เราพบหลักประการที่สำคัญด้วยกัน 3 ประการ ที่เป็นเหตุทำให้ท่าน อ.เปาโล นั้นสามารถที่จะมีความชื่นชมยินดีได้ในทุกๆเวลาเสมอ ซึ่งในเช้าวันนี้ผมคงจะแบ่งปันกับพี่น้องได้เพียงแค่ประการเดียวเท่านั้นนะครับ

            ประการที่ 1 เราพบคุณลักษณะที่พิเศษของการเป็นคริสเตียน

            พี่น้องที่รักครับ สถานการณ์ที่ อ.เปาโล ถูกจับกุมขังอยู่ในคุกนั้น โดยแท้จริงแล้วมันไม่น่าที่จะชื่นชมยินดีสักเท่าไหร่นัก พี่น้องคิดอย่างเดียวกับผมไหมครับ แต่ท่าน อ.เปาโล กับพูดว่า “ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดี” ซึ่งนั่นหมายความว่า ความชื่นชมยินดีนั้น ควรที่จะเป็นลักษณะพิเศษหรือควรที่จะเป็นลักษณะเด่นของเรา

1.1)สาเหตุที่คริสเตียนเรานั้นจะต้องมีความชื่นชมยินดีเป็นเอกลักษณ์อยู่เสมอเพราะอะไรครับ? สสด.24:4 “แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์”

สาเหตุที่คริสเตียนเรานั้นจะต้องมีความชื่นชมยินดีเป็นเอกลักษณ์อยู่เสมอ นั่นก็เพราะเรารู้ว่าท่ามกลางปัญหานั้น พระเจ้าจะทรงโปรดที่จะดูแลเราเหมือนพ่อดูแลลูก

ซึ่งผมคิดว่า คนที่มีลูกจะเข้าใจความรักของพระเจ้าได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีลูก เพราะความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้นเป็นสภาพสะท้อนความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ อาจจะกล่าวได้ว่า พ่อแม่นั้นทำทุกอย่างได้เพื่อลูก แต่ผมอยากให้พี่น้องได้จำไว้อย่างหนึ่งนั่นก็คือว่า “พระเจ้านั้นทรงรักเรายิ่งกว่าพ่อแม่รักลูก”

คำว่า“หุบเขาเงามัจจุราช”คำนี้หมายถึง ท่ามกลางอุปสรรคปัญหา ท่ามกลางความทุกข์ยากลำบาก พี่น้องก็จะได้เห็นถึงอีกสิ่งหนึ่งนั่นก็คือ“คฑาและธารพระกร” คำนี้หมายถึง พระคุณและอำนาจของพระเจ้าที่จะทรงโปรดช่วยเราทั้งหลายให้หลุดพ้นจากอุปสรรคปัญหานั้นได้ ดังนั้นในพระเจ้าเราจึงมีความหวังอยู่เสมอ

            2)สาเหตุที่คริสเตียนเรานั้นจะต้องมีความชื่นชมยินดีเป็นเอกลักษณ์อยู่เสมอเพราะอะไรครับ? อสย.43:1-2 “บัดนี้ พระเยโฮวาห์ผู้ได้สร้างท่าน โอ ยาโคบ พระองค์ผู้ได้ทรงปั้นท่าน โอ อิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า "อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว เราได้เรียกเจ้าตามชื่อ เจ้าเป็นของเราเมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ เจ้าจะไม่ไหม้และเปลวเพลิงจะไม่เผาผลาญเจ้า”

            พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ได้ใช้ภาพ“น้ำกับไฟ”เป็นตัวแทนของ 1)อุปสรรคปัญหา 2)วิกฤตสถานการณ์ในชีวิตของเรา

            พี่น้องที่รักครับ เมื่อเราลุยน้ำ เราจะต้องเปียก เราต้องหนาวและบางครั้งเราอาจจะต้องหนาวสั่นและหรือในบางครั้งที่น้ำนั้นอาจจะท่วมถึงคอของเรา แต่ขอให้พี่น้องจำไว้อย่างหนึ่งนั่นก็คือว่า หัวของพี่น้องนั้นจะไม่มิดน้ำและพี่น้องจะไม่จมน้ำอย่างแน่นอน

            เมื่อเราลุยไฟ เราย่อมร้อน คือ ร้อนกาย ร้อนใจ และหลายครั้งที่ไฟนั้นที่ดูเหมือนมันจะคลอกเรา แต่เราจะไม่ตายอยู่ในกองไฟนั้นอย่างแน่นอน อาเมน นั่นก็เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงสัญญากับเราเอาไว้แล้วว่า น้ำจะไม่ท่วมเจ้าและเปลวไฟก็จะไม่ไหม้เจ้า ด้วยเหตุนี้นี่เองพี่น้องที่รักครับ ที่คริสเตียนเรานั้นจะต้องมีความชื่นชมยินดีเป็นเอกลักษณ์อยู่เสมอ

ดังนั้นเมื่อพี่น้องจะต้องพบกับอุปสรรคปัญหา พบกับวิกฤติของสถานการณ์ในชีวิต พี่น้องสามารถที่จะอธิษฐานและร้องทูลอีกทั้งพี่น้องสามารถที่จะทวงสัญญาจากพระเจ้าได้ในทุกครั้งเสมอ

แต่ในขณะเดียวกัน พี่น้องก็จะต้องทำในส่วนของพี่น้องด้วยและพระเจ้าก็จะเป็นผู้ที่จะทำในส่วนที่พี่น้องนั้นทำไม่ได้ดั่งคำพูดที่ว่าสุดปลายมือของเราที่เหลือก็ให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า

            3)สาเหตุที่คริสเตียนเรานั้นจะต้องมีความชื่นชมยินดีเป็นเอกลักษณ์อยู่เสมอเพราะอะไรครับ ?ยน.16:33 “เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว"

            พระคำของพระเจ้าได้บอกกับเราอย่างชัดเจนนะครับว่า ในโลกนี้เราจะพบกับความทุกข์ยากลำบาก เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้พี่น้องคิดว่ามีใครสบายบ้างไหมครับ ? ไม่มี แม้กระทั่งคนที่มีสตางค์ก็ไม่ได้สบายนะครับ เพราะเขาต้องคอยแก้หมาก คอยแก้เกมส์ในระดับของพวกเขาอยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน

พี่น้องคิดว่าเศรษฐกิจแบบนี้คริสตจักรได้รับผลกระทบด้วยไหมครับ ? ศบ.ก็ต้องคอยก็หมากแก้เกมส์ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเศรษฐกิจแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ

พี่น้องทราบไหมครับว่า ตอนหนี้สินต่อครัวเรือนขณะนี้สูงถึง 86% เงินหายากไหมครับ ? ลูกสมัยนี้เลี้ยงง่ายหรือเลี้ยงยากครับ ? และปัญหาอื่นๆอีกมากมาย แต่ท่ามกลางวิกฤตทางเศรษฐกิจหรือท่ามกลางความทุกข์ยากนั้น

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า “จงชื่นใจเถิด เพราะเราชนะโลกแล้ว” ซึ่งนั่นหมายความว่า พระเจ้าทรงมีคำตอบและมีทางออกให้กับเราในทุกๆปัญหา

และพระคำของพระเจ้าในรม.8:37 ได้บอกกับเราว่า ”ชัยชนะ”ที่ว่านี้เป็นอย่างไรครับ ? ให้ที่ประชุมเปิด รม.8:37 แล้วอ่านพร้อมๆกัน ”แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย”

คำว่า “ในเหตุการณ์ทั้งปวง” คำนี้หมายความว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าปัญหาจะมากแค่ไหน ไม่ว่าจะทุกข์ลำบากอย่างไร เรามีชัยชนะเหลือล้น

ดังนั้น “ปัญหาและอุปสรรค” มันจะฆ่าเราไม่ได้ ในทางตรงกันข้ามแต่ ”ปัญหาและอุปสรรคนั้น” จะยิ่งทำให้เราได้เห็นถึงความรักและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามากขึ้น

แต่นั่นหมายความว่า เราจะต้องดำเนินชีวิตของเราตามหลักการของพระเจ้าด้วย เมื่อใดก็ตามที่เรายังดำเนินชีวิตของเราตามหลักการของพระเจ้า ซึ่งนั่นก็คือพระวจนะคำพระองค์ พี่น้องทำหน้าที่ของพี่น้องอย่างเดียวนั่นก็คือ “ชื่นใจเถิด” เพราะพระเจ้าทรงสัญญาเอาไว้แล้วว่าพระเจ้าจะทรงช่วยเราอย่างแน่นอน

            4)สาเหตุที่คริสเตียนเรานั้นจะต้องมีความชื่นชมยินดีเป็นเอกลักษณ์อยู่เสมอเพราะอะไรครับ ?รม.8:28 “เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือ คนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์”

            ตราบใดก็ตามที่เรายังดำเนินชีวิตตามหลัการของพระเจ้าอยู่นั้นพายุแห่งปัญหาและอุปสรรค พายุแห่งความทุกข์ยากลำบากที่มากระทบเราเพียงชั่วขณะนั้นล้วนแต่จะเป็นผลดีมาสู่ชีวิตของเรา

            คำถามคือว่า พายุแห่งปัญหาและอุปสรรค พายุแห่งความทุกข์ยากลำบากนั้นมันดีอย่างไร ?

            -คนที่ไม่เคยเป็นหนี้ จะไม่เข้าใจคนที่เคยเป็นหนี้

-คนที่ไม่มีความทุกข์ จะไม่เข้าใจคนที่มีความทุกข์

            -คนที่ไม่เคยถูกทอดทิ้ง จะไม่เข้าใจคนที่เคยถูกทอดทิ้ง

            ดังนั้นอุปสรรคปัญหา ความทุกข์ยากลำบากที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวที่ฝึกเรา สอนเรา สร้างเรา วัดความเจริญเติบโตของเรา อีกทั้งยังทำให้เรานั้นเรียนรู้เพื่อที่จะปรึกษาหารือกับผู้อื่นด้วยความถ่อมใจ เพื่อที่เรานั้นจะมีความเข้าใจในชีวิตผู้อื่น สุดท้ายเพื่อที่เราจะนำอุปสรรคปัญหาที่เราได้พบนั้นเป็นพระพรหรือเป็น Case Study แก่ น้องเลี้ยง , ผู้ไม่เชื่อ , ผู้อื่นด้วย

            ดังนั้นเมื่อเกิดอุปสรรคปัญหา เกิดความทุกข์ยากลำบากพี่น้องอย่ามองมุมเดียว แต่ให้พี่น้องได้มองในมุมของ รม.8:28 นี้ด้วย เพราะท้ายที่สุดพระคำของพระเจ้าในข้อนี้บอกว่าอย่างไรครับ ? ตราบใดก็ตามที่เรานั้นยังรักพระเจ้าอยู่ ยังติดตามพระเจ้าอยู่ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันจะกลายเป็นผลดีแก่เราอย่างแน่นอน

            กลับมาที่ชีวิตของท่าน อ.เปาโล ซึ่งเป็นผู้เขียนพระคำของพระเจ้าในตอนนี้อีกครั้งหนึ่ง ท่าน อ.เปาโล รู้ว่าพระเจ้านั้นทรงเป็นองค์นิรันดร์กาล และ อ.เปาโล รู้ว่าพระเจ้านั้นทรงมองการณ์ไกลกว่าที่มนุษย์มองมากนัก และท่าน อ.เปาโล รู้ว่าพระเจ้าทรงช่วยคนของพระองค์ในอดีตอย่างไร พระองค์ก็จะทรงช่วยคนของพระองค์ในปัจจุบันฉันนั้น

ด้วยเหตุนี้ท่าน อ.เปาโล จึงมีความเชื่ออย่างมั่นใจในการทรงนำของพระเจ้า ซึ่งความเชื่ออย่างมั่นใจนี้จึงทำให้ท่าน อ.เปาโล นั้นสามารถที่พูดคำหนึ่งได้ว่า พระคริสต์จะทรงได้รับเกียรติในร่างกายของข้าพเจ้าเสมอ แม้จะโดยชีวิตหรือโดยความตาย ข้าพเจ้าก็จะชื่นชมยินดีในพระเจ้าได้ทุกเวลาเสมอ

ขอพระเจ้าทรงโปรดเมตตาเราทั้งหลาย ที่เราทั้งหลายนั้นจะมีชีวิตแห่งความเชื่ออย่างมั่นใจในการทรงนำของพระเป็นเจ้า เหมือนกับท่าน อ.เปาโล ที่ได้กล่าวพระคำของพระเจ้าเอาไว้ในตอนนี้

ที่จะทำให้เรานั้นสามารถที่จะชื่นชมยินดีในพระเจ้าได้ในทุกเวลาเสมอ ทั้งในขณะที่เรายังมีชีวิตที่เป็นปกติสุขอยู่ หรือเราจะต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก และหรือแม้กระทั่งความตายจะมาเยือนอยู่ต่อหน้า ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

Green City