จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

                                                คำเทศนาเรื่อง จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

    

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม ยน.17:20 - 23 “ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้พวกเดียว แต่คนทั้งปวงที่วางใจในข้าพระองค์ เพราะถ้อยคำของเขา เพื่อเขาทั้งหลาย จะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์ คือ พระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์และข้าพระองค์ในพระองค์ เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์และกับข้าพระองค์ด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา เกียรติซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้มอบให้แก่เขาเพื่อเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดังที่พระองค์กับข้าพระองค์เป็นอันหนึ่งเดียวกันนั้นข้าพระองค์อยู่ในเขา และพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อโลกจะได้รู้ว่า พระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มาและพระองค์ทรงรักเขาเหมือนดังที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์”ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่ - น้องที่รักครับ กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงให้แก่ประเทศพม่า เหตุเพราะราชวงศ์เกิดความขัดแย้งกันระหว่างอยุธยากับพิษณุโลก ทำให้คนไทยในสมัยนั้นเกิดความแตกแยกกัน แบ่งกันออกเป็นเมืองใครเมืองมัน ไม่มีการส่งกำลังทหารรวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และเสบียงอาหารไปช่วยเหลือกันและกัน เป็นเหตุทำให้สยามประเทศในเวลานั้นตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศพม่าเป็นเวลาหลายปีทำให้ผมคิดถึง บทพระราชนิพนธ์ของ ร.6 ที่ว่า “ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำสิ่งใดก็ไร้ผล แม้ชาติย่อยยับอับจน ประชาชนจะอยู่สุขอย่างไร”

เช่นเดียวกันพี่ - น้องที่รักครับ เวลานี้ประเทศไทยของเราได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เพราะอะไรครับ ? เพราะคนไทยทะเลาะกัน เกิดความแตกแยกกัน แบ่งกันออก เป็นก๊ก เป็นก๊วน เป็นแก็งค์ เป็นเหล่า แบ่งกันออกเป็นมุ้งเล็ก มุ้งใหญ่ ตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยของเราเป็นอย่างไรบ้างครับพี่ - น้อง ? ได้รับความเสียหายและได้รับความบอบช้ำเป็นอย่างมาก

จากปัญหาระดับประเทศ ผมจะพาพี่ – น้องมาดูที่สถาบันครอบครัวกันบ้าง

สถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นสถาบันแรกที่พระเจ้าได้ทรงสถาปนาหรือได้ทรงตั้งเอาไว้ หลายครอบครัวบทบาทการเป็นสามี - ภรรยา เกิดความสับสน ปัจจุบันพบว่าภรรยามีความพยายามที่จะเป็นผู้นำครอบครัวแทนสามี ส่วนสามีก็มีความหยุมหยิม จู้จี้ ขี้บ่นแทนภรรยา และเมื่อสามีภรรยามีความไม่เข้าใจกันเกิดอะไรขึ้นครับจึงไม่มีฉันและไม่มีเธอ อัตราการหย่าร้างของคู่สมรสในแต่ละปีจึงสูงขึ้นสูงขึ้นทุกๆ ปี

จากระดับครอบครัว ผมจะพาพี่ - น้องมาดูที่คริสตจักรกันบ้าง

ในอดีตที่ผ่านมาคริสตจักรของพระเจ้าในประเทศไทยขาดความเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน เหตุเพราะบางคณะหรือบางคริสตจักร มีการบัพติสมาโดยการจุ่ม มีการพูดภาษาแปลกๆ บางคณะ บางคริสตจักร มีการบัพติศมาโดยการพรม ไม่มีการพูดภาษาแปลกๆ ทำให้ในอดีตคณะต่างๆหรือคริสตจักรต่างๆ ในประเทศไทยไม่สามารถที่จะสามัคคีธรรมร่วมกันได้ แต่ในปัจจุบันนี้เราขอบคุณพระเจ้าที่ปัญหานี้ได้ค่อยๆหมดไปและจะหมดไปในที่สุด

กลับมาที่พระวจนะของพระเจ้า จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร

เราพบว่า นี่เป็นคำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ในค่ำคืนสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงบนไม้กางเขน สิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือ ภายในเวลาไม่กี่นาทีพระเยซูคริสต์อธิษฐานขอสิ่งหนึ่งถึง 5 ครั้งด้วยกัน พระองค์อธิษฐานขออะไรครับพี่ - น้อง ? ขอให้เขาทั้งหลายมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

การที่พระเยซูคริสต์ อธิษฐานขอต่อพระบิดาให้สาวกของพระองค์มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนั้น อาจจะเป็นผลมาจากการที่ องค์พระเยซูคริสต์กำลังเสด็จพระราชดำเนินไปที่ เมืองคาเปอร์นาอุม และในระหว่างการเดินทางไปที่เมืองคาเปอร์นาอุม นั้นสาวกของพระเยซูคริสต์ได้มีการโต้เถียงกันว่าในบรรดาพวกเรานั้นใครจะเป็นใหญ่กว่ากัน หรือไม่ก็อาจจะเป็นผลมาจากการที่มารดาของยากอบและยอห์น ได้ไปเข้าเฝ้าพระเยซูและทูลต่อพระองค์ว่า ให้ตั้งบุตรชายทั้งสองของนางไว้ในอาณาจักรของพระองค์ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นเหตุทำให้เกิดความแตกแยกในอนาคตขึ้นได้

ดังนั้นองค์พระเยซูคริสต์จึงได้ทรงโปรดอธิษฐานเผื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้กับสาวกของพระองค์ทุกคนและรวมทั้งพวกเราทุกคนด้วย

นอกเหนือจากนี้ในพระวจนะคำของพระเจ้าใน ยน17:20 - 23 เราพบว่านี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้พวกเราทั้งหลายซึ่งเป็นลูกของพระองค์นั้นได้มีการดำเนินชีวิตอย่างมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

พระคำของพระเจ้าใน 1คร.12:12 พระคำของพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า“ ถึงกายนั้นเป็นกายเดียว ก็ยังมีอวัยวะหลายส่วน และอวัยวะเหล่านั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นกายเดียวกันฉันใด พระคริสต์ก็ทรงเป็นฉันนั้น ”

พระคำของพระเจ้าใน 1คร.12:12 เราพบว่าองค์พระเยซูคริสต์ พระองค์ได้ทรงออกแบบความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเอาไว้ โดยการเอาภาพอวัยวะในร่างกายของมนุษย์เราเป็นแบบแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งนั่นหมายความว่า เราต้องมีความรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เช่น นิ้วต้องพึ่งมือ มือต้องพึ่งแขน แขนต้องพึ่งร่างกาย

ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นบุตรของพระเจ้า และพระประสงค์ของพระองค์ต้องการให้เรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ดังนั้นเราจะต้องมีความรู้สึกว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เราต้องมีความรัก มีความห่วงใยกัน เราต้องมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันและกันอย่างแท้จริง

พระคำของพระเจ้าใน 1คร.12 :26 ตรัสดังนี้ว่า “ ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย ”ซึ่งนั่นหมายความว่า ให้เราร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน อธิษฐานเผื่อกันเสมอ โดยเฉพาะในเวลาที่ทุกข์ใจหรือในเวลาที่ยากลำบาก รวมทั้งการพูดให้กำลังใจกันหรือหนุนใจกัน

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า ทำไมคริสเตียน จำเป็นจะต้องดำเนินชีวิตด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ?

ประการที่ 1 เราเป็นชุมชนที่ได้รับพระพร

สดด. 133 : 1 - 3 “ ดูเถิด ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็เป็นการดีและน่าชื่นใจมากสักเท่าใด เหมือนน้ำมันประเสริฐอยู่บนศีรษะไหลอาบลงมาบนหนวดเครา บนหนวดเคราของอาโรน ไหลอาบลงมาบนคอเสื้อของท่าน เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน ซึ่งตกลงมาบนเทือกเขาศิโยน เพราะว่าพระเจ้าทรงบังคับบัญชาพระพรที่นั่น คือ ชีวิตจำเริญเป็นนิตย์ ”

พี่น้องที่รักครับ เมื่อเรานั้นสัตย์ซื่อกับพระเจ้า พระเจ้าปรารถนาที่จะเทพระพรของพระองค์ลงมาให้กับเรานั่นเป็นพระพรส่วนตัว

พระคำของพระเจ้าใน มธ.18 :20 ตรัสดังนี้ว่า “ ด้วยว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนๆ ในนามของเราเราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น” ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่คนในครอบครัวรวมพลังกัน พี่น้องสมาชิกในคริสตจักรร้อยกาย ร้อยชีวิตอย่างกับคนเดียวกันใจเดียวกัน พระเจ้าจะทรงบังคับบัญชาพระพรของพระองค์ลงมาเหนือที่นั่น พระคำของพระเจ้าในหนังสือ อสค. 34:26 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “เป็นห่าฝนแห่งพระพร”ซึ่งนั่นหมายความว่า นั้นเป็นพระพรโดยส่วนรวม

งานรับฤทธานุภาพของพระเจ้า ที่คริสตจักรร่มเกล้าได้จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอย่างไรบ้างครับ ? ตื่นเต้นไหมครับ แน่นอนที่เดียว พระพรที่ได้รับส่วนหนึ่งมาจากผู้รับใช้พระเจ้า แต่พระพรส่วนใหญ่และเป็นส่วนที่สำคัญยิ่งนั้นมาจาก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพี่น้องนั่นเองเป็นเหตุทำให้พระเจ้าทรงบังคับบัญชาและเทพระพรของพระองค์ลงมา เหมือนห่าฝนเหนือสถานที่แห่งนั้นเราจึงเป็นชุมชนที่ได้รับพระพร

ซึ่งตรงกันข้ามกับฝ่ายของโลก ที่มีการประชุมหรือมีกิจกรรมทางการตลาดมากมาย เพื่อออกมากระตุ้นยอดขาย ด้วยการจัดแสดงดนตรีหรือ Concert และมีคนมากมายไปชมดนตรีหรือ Concert นั้น ปรากฏว่าเล่นไปได้ไม่กี่เพลงก็ต้องเลิก เพราะวัยรุ่นมีการตีกัน บางที่บางแห่งรุนแรงถึงขนาดยิงกันตายก็มี  

เหตุที่มีการตีกันหรือมีการยิงกันตาย เพราะที่นั่นผี - มารซาตาน วิญญาณชั่ว มันเทการทะเลาะวิวาท มันเทการแตกแยกลงมาซึ่งนั่นเป็นงานของมันลงมา และทุกๆ งานมาร – ซาตานมันทำสำเร็จด้วย เพราะอะไรพี่ - น้องทราบมั้ยครับ ? เพราะที่นั่นมาร - ซาตานมันเป็นผู้ควบคุม ฉากจบของแต่ละงานมันจึงไม่สวยสักเท่าไหร่

มีกิจกรรมขององค์กรต่างๆมากมายทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน ที่ออกมาเรียกร้องให้เกิดความสมานฉันท์ขึ้นในสังคม มีการเขียนป้ายข้อความต่างๆที่คล้ายๆกัน มีการจัดให้เดินไปในที่ต่างๆเหมือนๆกัน

พี่ - น้องคิดว่ามันได้ผลมั้ยครับ ? ไม่ได้ผล เพราะแต่ละคนที่ออกมาร่วมเรียกร้องนั้น ออกมาเพราะเป็นหน้าที่ ออกมาด้วยแรงกระตุ้น ออกมาเพียงแต่กายแต่ใจไม่ได้ออกมาร่วมกันอย่างแท้จริง ภาพที่ออกจึงปรากฏออกมาอย่างที่เห็น คือ มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยาม ประเดี๋ยว ประด๋าว แต่ไม่ได้มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างแท้จริง

ทำไมคริสเตียนจำเป็นจะต้องดำเนินชีวิตด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ประการที่ 2 เป็นการถวายเกียรติและสำแดงความยิ่งใหญ่พระเจ้า

ยน.17:22 - 23 “เกียรติซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้มอบให้แก่เขา เพื่อเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์กับข้าพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้น ข้าพระองค์อยู่ในเขาและพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์ เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา และพระองค์ทรงรักเขาเหมือนดังที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์”

อดีตผมมีสมาชิกคนหนึ่ง เขาชอบที่จะอยู่คนเดียว รักที่จะอยู่คนเดียว ไม่อยากที่จะมีการสามัคคีธรรมกับพี่น้องในคริสตจักรฯ พี่น้องในคริสตจักรฯรวมทั้งผมซึ่งเป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักรฯไม่สามารถที่จะแตะต้องชีวิตของสมาชิกท่านนั้นได้ ทั้งในชีวิตส่วนตัวและทั้งในชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ พี่น้องฟังให้ดีๆนะครับ สิ่งที่ผมจะพูดนั่นก็คือว่า

การที่เราเป็นคริสเตียนและชอบที่จะอยู่คนเดียวนั้นไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า

การที่เราเป็นคริสเตียนและเราชอบที่จะอยู่คนเดียวนั้น เราไม่สามารถที่จะสำแดงถึงพระลักษณะของพระเจ้าได้ เมื่อเราไม่สามารถที่จะสำแดงถึงพระลักษณะของพระเจ้าได้ เราก็ไม่สามารถที่จะถวายเกียรติแด่พระองค์ได้เช่นกัน

การที่เราเป็นคริสเตียนและเราชอบที่จะอยู่คนเดียวโลกจะรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้อย่างไร พระคำของพระเจ้าใน 1 ยน.4 :12 ตรัสดังนี้ว่า “ไม่มีใครเห็นพระเจ้าเลย”ดังนั้นโลกจะรู้จักพระเจ้าและโลกจะรู้จักกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าได้ถ้าเราถวายเกียรติแด่พระองค์

พระคำของพระเจ้าใน 1ปต.2:9-10 ตรัสดังนี้ว่า แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตย์หลวงเป็นประชาชาติบริสุทธิ์เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืดเข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์ เมื่อก่อนท่านทั้งหลายไม่มีชาติแต่บัดนี้ท่านเป็นชนชาติของพระเจ้าแล้วเมื่อก่อนท่านทั้งหลายหาได้รับพระกรุณาไมแต่บัดนี้ท่านได้รับพระกรุณาแล้ว

พระคำของพระเจ้าใน 1 ปต.2:9-10บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า โดยแท้จริงแล้วพวกเรานั้นมาจากชาติตระกูลและภูมิหลังที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเราไม่สามารถที่จะรวมกันได้เลย แต่เมื่อพระเจ้า พระเยซูคริสต์ได้ทรงเลือกเราและให้เรามาอยู่ในอาณาจักรหรืออยู่ในดินแดนของพระองค์

พระประสงค์ของพระองค์ที่ทรงรวบรวมพวกเราไว้ก็ให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันโดยมีพระองค์ทรงเป็นศูนย์กลาง

พระประสงค์ของพระองค์ที่ทรงรวบรวมพวกเราไว้ก็เพื่อที่จะให้เราทั้งหลายได้สำแดงถึงพระลักษณะของพระเจ้า

พระประสงค์ของพระองค์ที่ทรงรวบรวมพวกเราไว้ก็เพื่อที่จะให้เราทั้งหลายได้เป็นสื่อชักนำให้คนต่างๆให้หันกลับมาหาพระเจ้า

พี่น้องเคยได้ยินคนที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้าพูดชมคริสเตียนไหมครับว่า คริสเตียนเค้ารักกัน คริสเตียนเค้าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นั่นแหละคือสิ่งที่เราได้สำแดงพระลักษณะของพระเจ้าไปยังคนที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้า และมีหลายๆคนที่กลับใจมาเชื่อพระเจ้ามาเป็นคริสเตียนด้วยเหตุผลที่ง่ายๆอย่างเนี่ย เพราะคริสเตียนเค้ารักกัน เค้าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

พระประสงค์ของพระองค์ที่ทรงรวบรวมพวกเราไว้ก็เพื่อที่จะให้เราทั้งหลายแสดงให้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจการเปลี่ยนแปลงของพระเจ้า และทั้ง 3 ประการที่กล่าวมา ก็เพื่อถวายพระเกียรติยศและสำแดงความยิ่งใหญ่ของใครครับพี่น้อง ? ของพระเจ้านั่นเอง

และผมจะจบคำเทศนาลงด้วยเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง ที่ฟังแล้วอาจจะดูธรรมดามากเลย

เรื่องมีอยู่ว่า มีพ่อคนหนึ่ง มีลูกชายอยู่ 5 คน ทุกวันลูกชายต้องมีเรื่องทะเลาะกันเสมอ ไม่คนนู้นทะเลาะกับคนนั้น คนนั้นก็ทะเลาะกับคนนี้

วันหนึ่งพ่อให้ลูกแต่ละคนไปหยิบไม้มาคนละ 2 ดุ้น ดุ้นแรกให้ลูกแต่ละคนหัก

พอดุ้นที่ 2 พ่อก็ให้ลูกๆเอาดุ้นไม้มารวมกัน แล้วสั่งให้ลูกทุกคนช่วยกันมัดให้แน่น ๆ

แล้วพ่อก็สั่งให้ลูกหักไม้ดุ้นที่ 2 ทีละคนทุกคน จากลูกคนโตไปถึงน้องคนสุดท้าย

แล้วพ่อก็พูดกับลูกว่า ถ้าพวกเอ็งแยกหรือถ้าพวกเอ็งทะเลาะกัน พวกเอ็งก็ไม่ต่างอะไรจากไม้ดุ้นแรก

แต่ถ้าพวกเอ็งรักกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พวกเอ็งก็จะเป็นเหมือนกับไม้ดุ้นที่ 2 แล้วพวกเอ็งจะเลือกเป็นไม้ดุ้นไหน

แล้วพี่น้องจะเลือกเป็นไม้ดุ้นไหนครับ ? ขอบคุณพระเจ้า

ให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะเราเป็นชุมชนที่ได้รับพระพร ให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะเป็นการถวายพระเกียรติยศและเป็นการสำแดงความยิ่งใหญ่แด่พระเจ้า      

Green City