จงถวายตัวของท่าน

คำเทศนาเรื่อง จงถวายตัวของท่าน

    

            ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม รม. 6:5-14 ให้ที่ประชุมเปิดไปที่พระธรรม รม.6:5-14 และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับและผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า จงถวายตัวของท่าน ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

            พี่ - น้องที่รักครับ ในแต่ละปีนั้นเขาจะแบ่งออกเป็น 4 ไตรมาสด้วยกัน ไตรแปลว่า สาม เพราะฉะนั้นในของช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. เขาจะถือว่าเป็นไตรมาสที่ 1 ของแต่ละปี ส่วนไตรมาสที่ 4 ของแต่ละปีนั้นจะอยู่ในช่วงของเดือน ต.ค. - ธ.ค.

โดยเฉพาะในช่วงของเดือน ต.ค.-ธ.ค. หรือในช่วงของไตรมาสไตรมาสที่ 4 นั้น เรามักจะพบว่าจะมีบริษัท มีห้างร้านเอกชนต่างๆมากมาย ต่างพากันออกมาทบทวนถึงเป้าหมาย แผนงานต่างๆ หรือต่างออกมาคาดการณ์หรือประมาณการณ์ ถึงผลกำไรหรือขาดทุนที่บริษัทของตนควรที่จะได้รับว่า

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของปีนี้นั้น มันได้มีข้อที่ผิดพลาดหรือมันได้มีข้อที่ขาดตกบกพร่องประการใดหรือไม่อย่างไร ที่ทำให้สิ่งที่เขาได้วางแผนเอาไว้นั้น มันไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งใจเอาไว้ ทั้งนี้เพื่ออะไรครับพี่ - น้อง ? ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้กำหนดให้เป็นนโยบายในการที่จะใช้แก้ไขปัญหาในปีหน้า หรือเพื่อที่จะกำหนดเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารหรือจัดการกับองค์กรของตนในปีหน้า ซึ่งผมเชื่อว่าพี่ - น้องของเราบางท่านที่เคยทำงานในระดับบริหารกันมาบ้าง ทั้งในอดีตที่ผ่านมาหรือคนที่ทำงานอยู่ในปัจจุบันนี้ก็ตาม จะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดนี้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามพี่ - น้องที่รักครับ การที่บริษัท การที่ห้างร้านต่างๆ ได้ออกมาทบทวนถึงสิ่งต่างๆตามที่ผมได้กล่าวไปแล้วนั้น ก็มิได้หมายความว่า มันเป็นเฉพาะเรื่องของธุรกิจหรือมันมิได้หมายความว่า มันเป็นเรื่องของอาชีพแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ในมิติของฝ่ายจิตวิญญาณเองก็เช่นเดียวกันพี่ - น้องที่รัก ที่พี่ - น้องและผมเองก็ควรที่จะมีการทบทวนถึงเป้าหมายในการที่เราดำเนินชีวิตติดตามองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

ของเราในแต่ละปีว่าในปี ค.ศ. 2010 ที่ผ่านมานั้น เราได้มีข้อที่ผิดพลาดหรือเราได้มีข้อที่ขาดตกบกพร่องอะไรบ้างไหม ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ - น้องและผมนั้นยังไม่ได้มีชีวิตในฝ่ายจิตวิญญาณที่จำเริญหรือว่าเติบโตขึ้นกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าอย่างที่เราควรจะเป็น

ซึ่งเมื่อพี่ - น้องและผมต่างที่จะพบถึงในความผิดพลาดต่างๆนั้นๆ แล้ว พี่ - น้องและผมก็ควรที่จะกำหนดข้อผิดพลาดต่างๆ เหล่านั้น ให้เป็นแนวทางที่พี่ - น้องและผมจะใช้แก้ไขปัญหา หรือใช้เป็นแนวทางในการบริหารเพื่อที่จัดการกับตัวเองในปีหน้าและในปีต่อๆ ไป

คำถามคือว่าเพื่ออะไร ? คำตอบที่ดีที่สุดอยู่ใน อฟซ.4:13 พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า เพื่อที่เราทั้งหลายจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์ ดังนั้นพี่ - น้องและผมก็ควรที่จะมีการสำรวจตรวจสอบเป้าหมายหรือแผนงานในฝ่ายจิตวิญญาณที่ว่านี้ในทุกๆ ปีด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามพี่ - น้องที่รักครับ ปัญหาในโลกของธุรกิจ ปัญหาในเรื่องของการค้าการขาย ปัญหาในเรื่องการงาน การอาชีพซึ่งเป็นปัญหาของโลกนั้น เขาอาจจะมีวิธีการในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายหลายวิธีหรือหลายแนวทางด้วยกัน

ในขณะเดียวกันพี่ - น้องที่รักครับ หนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ ก็มีวางจำหน่ายหรือมีวางขายอยู่จำนวนไม่น้อยตามร้านหนังสือต่างๆ ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวถึง แต่วิธีการแก้ไขปัญหาในฝ่ายจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาในทางของพระเจ้านั้นมีเพียงวิธีการเดียวนั่นก็คือ ให้เราถวายตัวของท่านนั้นแด่พระเจ้า

ท่าทีของผู้ที่ถวายตัวของเขาแด่พระเจ้านั้น เขาจะเป็นคริสเตียนตลอด 24 ชม. เขาจะรักการเฝ้าเดี่ยว เขาจะรักที่จะภาวนาพระคำของพระเจ้า เขาจะรักในการนมัสการอธิษฐาน เขาจะมีการเชื่อฟังและมีความยำเกรงในการที่จะประพฤติและปฏิบัติตามพระวจนะคำของพระเจ้าและรวมทั้งเขาจะมีท่าทีอื่นๆอีกมากมาย เหมือนกับคุณครูแหยมหญิงวัย 82 ปี ที่ได้มาอวยพรพี่ดุก , พี่บ้วย , พี่งามนิดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นี่เป็นลักษณะนี่เป็นท่าทีของผู้ที่ถวายตัวของเขาแด่พระเจ้า

ปัญหาก็คือว่า เวลานี้มีคริสเตียนไทยอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวพี่ - น้องที่รักครับที่เขาไม่ได้ถวายตัวของเขาเองนั้นแด่พระเจ้าแต่เขาได้ถวายตัวของเขาเองนั้นให้กับใครพี่ - น้องทราบไหมครับ ? ให้กับตัว I ซึ่งแปลว่า ฉัน

พี่ - น้องทราบใช่ไหมครับว่า วิตามินนั้นมีหลายชนิดซึ่งผมคิดว่าพี่ - น้องคงทราบกันดี มีวิตามิน A , B , B1 , B2 , B12 , C , D , E แต่เราไม่พบว่ามีผู้ผลิตรายใดในโลกที่คิดจะผลิตวิตามิน I นี้ขึ้นมา พี่ - น้องอยากทราบไหมครับว่าเพราะเหตุใดที่ผู้ผลิตเขาถึงไม่ผลิตวิตามิน I ขึ้นมา

คำตอบก็คือ เพราะมนุษย์ไม่ได้ขาดวิตามินชนิดนี้ นอกจากไม่ขาดแล้วผมยังพบว่ามนุษย์เราบางคนยังมีวิตามิน I นี้มากเป็นพิเศษด้วย กล่าวคือ เวลาเรามีการพูดคุยกัน คนที่มีวิตามิน I มากๆถ้าพี่ - น้องสังเกตให้ดีๆ เขามักที่จะชอบแย่งพูดแย่งคุยอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นคนประเภทวิตามิน I นี้อยู่จริงๆในสังคมไทย รวมทั้งในสังคมคริสเตียนและรวมทั้งมีอยู่ในคริสตจักรของเราด้วย             

ปัญหาก็คือว่า เวลานี้มีคริสเตียนไทยอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวพี่น้องที่รักครับ ที่เขาไม่ได้ถวายตัวของเขาเองนั้นแด่พระเจ้า แต่เขาได้ถวายตัวของเขาเองนั้นให้กับใครพี่ - น้องทราบไหมครับ ? ตัวเขาเอง

โดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเราจะต้องไม่ลืมนะครับว่าพื้นฐานของมนุษย์นั้นเป็นคนบาปอยู่แล้ว และเราจะยิ่งทำบาปได้ง่ายมากขึ้น เลยตอนไหนพี่ - น้องทราบไหมครับ ? ตอนที่เรามีตัวเองเป็นศูนย์กลาง

ให้ที่ประชุมเปิดไปที่หนังสือ ลก.15:12 และให้ที่ประชุมอ่านอย่างช้าๆพร้อมๆกันด้วยเสียงที่ดัง เชิญครับ

ลก.15:12 ทำให้เราทราบว่าเมื่อบุตรคนเล็กเขามีตัวเองเป็นศูนย์กลาง เขาพูดกับบิดาของเขาว่าอย่างไรครับบิดาเจ้าข้าขอทรัพย์ที่ตกเป็นส่วนของข้าพเจ้าเถิด

เมื่อบุตรชายคนเล็ก เขาได้ทรัพย์สมบัติไปแล้วเขานำไปทำอะไรครับ ? ให้เราอ่านในข้อที่ 13 พร้อมกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังอีกครั้งหนึ่งเชิญครับ

ให้ที่ประชุมเปิดไปที่หนังสือ มธ.20:20-24 แล้วอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

พระคำของพระเจ้าใน มธ.20:20-24 ทำให้เราทราบว่ายอห์นกับยากอบในเวลานั้น เขาไม่ได้มีองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นศูนย์กลาง แต่เขามีใครเป็นศูนย์กลางครับ เขามีตัวเองเป็นศูนย์กลาง

การที่เขามีตัวเองเป็นศูนย์กลางเป็นเหตุทำให้เขา เกิดความความอยากได้ใคร่มี

การที่เขามีตัวเองเป็นศูนย์กลางเป็นเหตุทำให้เขา แสวงหาตำแหน่ง แสวงหาเกียรติให้กับตัวของเขาเอง ซึ่งนำความไม่พอใจมายังอัครทูตอีกสิบคนด้วย

สิ่งที่พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะสื่อกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้นั่นก็คือว่า

ถ้าเราไม่ยอมเอาตัวของเรามาถวายแด่พระเจ้าอย่างแท้จริง พี่น้องและผมก็อาจจะเป็นคริสเตียนคนหนึ่ง ที่ดำเนินชีวิตไปตามมาตรฐานของโลก

ถ้าเราไม่ยอมเอาตัวของเรามาถวายแด่พระเจ้าอย่างแท้จริง พี่น้องและผมก็อาจจะเป็นคริสเตียนคนหนึ่ง ที่ตกเป็นทาสของสิ่งของต่างๆของโลกได้เหมือนกับบุตรน้อยหลงหาย

ถ้าเราไม่ยอมเอาตัวของเรามาถวายแด่พระเจ้าอย่างแท้จริงพี่น้องและผมอาจจะเป็นคริสเตียนคนหนึ่งที่ ขาดจริยธรรมในการเป็นคริสเตียนที่ดีก็เป็นได้ เหมือนกับสาวกของพระเยซูในตอนนี้

อาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็ได้ว่า คริสเตียนที่ไม่ได้นำเอาชีวิตของเขามามอบให้กับพระเจ้า จะเป็นต้นตอของปัญหานั่นก็คือ ความบาปในอีกหลายๆอย่างที่จะเกิดขึ้นหรือตามมาในภายหลัง เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องและผม ต่างมีความต้องการที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณ และก้าวไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ได้มากกว่าปีที่ผ่านมานั้น

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มีเพียงช่องทางเดียวเท่านั้นจริงๆ พี่น้องที่รักครับนั่นก็คือ ให้เราได้ถวายตัวของเรานั้นแด่พระเจ้า ซึ่งการถวายตัวที่ว่านี้จะเป็นกุญแจที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้มากโดยเฉพาะปัญหาในเรื่องของความบาป

พี่น้องที่รักครับ คำสอนบางศาสนา สอนว่าทุกข์เกิดจากกิเลส เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการที่จะขจัดความทุกข์นั่นก็คือเราต้องค่อยๆขจัดกิเลสให้หมดไป

คำถามก็คือว่า ในความเชื่อเดิมก่อนที่พี่ - น้องจะมารู้จักกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้น พี่น้องก็คงจะเคยเห็นคนที่เขาเคยเข้าไปนั่งทำศีลภาวนา เพื่อขจัดความทุกข์โดยการตัดกิเลสกิเลส

คำถามต่อมาก็คือว่า แล้วเขาได้ขจัดกิเลสให้หมดไปได้จริงหรือไม่

            หลายเดือนที่ผ่านมา พี่บ้วยเคยพาเพื่อนคนหนึ่งมาหาผมที่คริสตจักร ซึ่งวันนี้เธอก็ได้ต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิต เพื่อนพี่บ้วยคนนี้เธอได้แบ่งปันให้ผมฟังว่า เธอเคยไปบวชชีพราหมณ์มาเพื่อต้องการที่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ แต่ในระหว่างที่เธอบวชอยู่เธอก็รู้สึกรับไม่ได้กับการแบ่งกันเป็นฝักเป็นฝ่ายของคณะแม่ชีในวัด

คำถามก็คือว่า แล้วเขาได้ขจัดกิเลสให้หมดไปได้จริงหรือไม่

            วันหนึ่งผมมีโอกาสได้โดยสารรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยกลับแม่กลอง ผมนั่งอยู่เบาะหลังคนขับ ผมรถตู้ออกเดินทางมาได้สักครู่หนึ่ง คนขับกับผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาคุยกันด้วยเสียงที่ดังพอสมควร สิ่งที่เขาคุยกันนั้นเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของวัดเพชรสมุทรทั้งนั้นเลย   เพราะฉะนั้นการที่เราคิดว่าเราค่อยๆ ที่จะขจัดกิเลสของเราให้หมดไปนั้นเราทำได้จริงหรือไม่

แต่ท่าน อ. เปาโล ได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนนะครับว่า บาปของมนุษย์นั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป ถ้าเราถวายตัวของเรานั้นแด่พระเจ้า ซึ่งนั่นหมายความว่า มนุษย์อย่างพี่ - น้องและผมที่สวยรูปหล่อและหน้าตาดีอย่างพวกเรานั้น ไม่สามารถที่จะขจัดกิเลสหรือทำลายตัณหาหรือความบาปและหรือสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้เลย นอกเสียจากผ่านทางพระผู้ที่เป็นผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมา ดังนั้นเราจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมท่าน อ. เปาโล ท่านถึงได้พูดอย่างหนักแน่นมั่นคงว่า ให้เรานั้นได้ถวายตัวของเราแด่พระเจ้า

ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ มก.12:29-31 และอ่านพร้อมๆ กันอย่างช้าๆ ด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ และให้ที่ประชุมเปิดไปที่ มธ.9:10-11

พี่ - น้องที่รักครับ พระคำของพระเจ้าใน มก.12:29-31 ชี้ให้เราเห็นว่า นี่คือการถวายตัวของเราแด่พระเจ้าแบบหนึ่ง ซึ่งถ้าพี่ - น้องและผมไม่ได้ถวายตัวของเรากับพระเจ้าแบบนี้ เราก็จะรักได้แต่ตัวของเราเองเท่านั้น

และพระคำของพระเจ้าใน มธ. 9:10-11 บอกกับเราต่อไปอีกด้วยว่าไม่เพียงแต่เราจะรักตัวเองของเราเองเท่านั้น แต่เรายังจะคิดว่าตัวของเราเองนั้นดีกว่าคนอื่นหรือสูงกว่าคนอื่นอยู่ร่ำไป เหมือนกับพวกฟาริสีกับคนเก็บภาษีในตอนนี้ ที่พวกฟาริสีนั้นทำไมครับ เขาคิดว่าเขานั้นดีกว่าคนเก็บภาษี เขาจึงยืนวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอยู่ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นในปี 2011 นี้ถ้าพี่ - น้องไม่อยากมีชีวิตในฝ่ายจิตวิญญาณเหมือนกับปีที่ผ่านมา แต่ต้องการที่จะก้าวไปสู่ความไพบูลย์ขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าให้มากยิ่งขึ้น ผมขอหนุนใจให้เราทุกคนนั้นได้ทำตามที่อัครทูต เปาโล ได้เชิญชวนเราไว้ นั่นก็คือให้เราถวายตัวของเรานั้นแด่พระเจ้า

เพราะถ้าพี่ - น้องไม่ได้ถวายตัวของเราแด่พระเจ้า พี่ - น้องก็จะพึ่งพาความรู้ ความสามารถและพึ่งพากำลังของตนเองโดยการทำงานหนักในแต่ละวัน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับพี่ - น้องไม่ใช่ไม่ดี  

แต่เรากำลังบอกกับคนอื่นๆว่า เราเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสเจ้า แต่เรากำลังดำเนินชีวิตในลักษณะแบบตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ซึ่งมันสวนทางกันหรือมันสลับกันระหว่างความเชื่อกับการปฏิบัติของท่าน

และถ้าคริสเตียนแบบนี้เขาอธิษฐานกับพระเจ้า พี่ - น้องทราบไหมครับว่า เขาจะอธิษฐานว่าอย่างไร ?เขาก็จะไม่อธิษฐานอย่างที่พระเยซูทรงสอนให้เราอธิษฐาน

พี่ - น้องยังจำได้ใช่ไหมครับว่า ? พระเยซูอธิษฐานกับพระบิดาว่าอย่างไร ? พระเยซูอธิษฐานกับพระบิดาใน มธ.6:10 ว่า

ขออย่าให้เป็นไปตามใจของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์

แต่คริสเตียนที่มีลักษณะการดำเนินชีวิต ในลักษณะตนเป็นที่พึงแห่งตนเขาจะอธิษฐานกับพระเจ้าว่าขออย่าให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์เลย แต่ให้เป็นไปตามใจของข้าพระองค์ดีกว่า ให้พี่ - น้องบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาว่าคุณอย่าอธิษฐานแบบนี้นะ

เพราะอะไรที่ไม่อยากให้พี่ - น้องได้อธิษฐานแบบนี้ ? ให้ที่ประชุมเปิดไปที่สดด. 127:1 - 2 และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เพราะคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตแบบตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั้น

1 ) เขาจะเป็นคริสเตียนที่น่าสงสาร

2 ) เขาจะเป็นคริสเตียนที่เหนื่อยเปล่า

แต่คริสเตียนที่ได้ถวายตัวของเขาเองนั้นแด่พระเจ้าเขาจะนอนหลับสบาย

สิ่งที่พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะสื่อกับพี่ - น้องอีกประการหนึ่งนั่นก็คือว่า การที่เราไม่ได้ถวายตัวของเรานั้นแด่พระเจ้า และพึ่งพาความรู้ความสามารถหรือพึ่งพากำลังของตนเอง นอกเหนือจากที่จะทำให้พี่ - น้องนั้นเหนื่อยแล้วที่สำคัญงานบางอย่างนั้นเราไม่สามารถที่จะทำได้

ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ มธ.26:35 และ ลก.22:56 และให้ที่ประชุมอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

พี่ - น้องที่รักครับ พระคำของพระเจ้าในข้อนี้ชี้ให้เราเห็นได้เห็นอย่างชัดเจนว่า ท่าน อ. เปโตร นั้นเขาได้พูดออกมาโดยได้พึ่งความคิด และความตั้งใจดีของตนเองเป็นที่ตั้งในการที่จะตายกับพระเยซู

แต่ต่อมาองค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็ได้ทำให้ อ. เปโตร ได้เห็นแล้วว่าในสิ่งที่เขาคิด และในสิ่งที่เขาพูดในเวลานั้น อ. เปโตร ทำไม่ได้หรอก ถ้า อ. เปโตร ทำได้อย่างที่เขาคิดหรือทำได้อย่างที่เขาพูด พระคัมภีร์ก็คงไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างนี้พี่ - น้องว่าจริงไหมครับ

แต่เมื่อ อ. เปโตร ถูกทหารโรมันจับตรึงไว้ที่กางเขนท่านได้ขอร้องท่านโรมันว่าอย่างไรพี่ - น้องทราบไหมครับ ? อ. เปโตร ได้กล่าวว่าท่านไม่สมควรที่จะตายในลักษณะเดียวกันกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่า อ. เปโตร ได้ขอร้องให้เอาศีรษะของท่านนั้นทิ่มลงดิน ซึ่งก็เป็นไปตามพระวจนะคำของพระเจ้าที่ได้มีการบันทึกไว้ในหนังสือ ยน.21:18 - 19 ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ ยน. 21:18 -19 และอ่านพร้อมๆ กันด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

ผมจะจบคำเทศนาในเช้าวันนี้ในการที่จะบอกกับพี่ - น้องว่า การถวายตัวของเราแด่พระเจ้านั้น

1.เป็นการหมายเอาพระเยซูคริสต์เป็นที่ตั้งไม่ใช่เอาตัวเราเองเป็นที่ตั้ง

2.เป็นการที่เราบอกกับพระองค์ว่า เราขอพึ่งในพระคุณของพระเจ้า หรือเราขออยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระองค์

3.เป็นการทำลายบาปที่เราคิดจะทำ เพราะเมื่อเรามองไปที่พระคำของพระเจ้า หรือเรามองไปในสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำเพื่อเราบนไม้กางเขนแล้ว เราอยากทำบาปอีกไหมครับ

โดยส่วนตัว ผมคิดว่าคริสเตียนที่เขาได้ถวายตัวของเขาแด่พระเจ้าอย่างแท้จริงแล้วเขาคงไม่คิดที่จะทำบาปต่อไปอีกแน่นอน

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผมดีใจมากที่ได้ยินลุงหนึ่งใช้เวลาช่วงหนึ่งในการขอบพระคุณพระเจ้าตลอดในปีที่ผ่านมา และลุงหนึ่งได้พูดถึงคำว่าพระคุณของพระเจ้าหลายต่อหลายครั้ง  

และถึงแม้ว่าลุงหนึ่งจะอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ก็ตาม แต่ผมมีความเชื่ออย่างมั่นใจว่า ลุงหนึ่งนั้นมีความเข้าใจถึงคำว่าพระคุณของพระเจ้า มากกว่าคริสเตียนที่อ่านออกและเขียนได้อีกหลายๆคนด้วยซ้ำไป

สุดท้ายที่ผมอยากจะบอกกับพี่ - น้องก็คือ จากประสบการณ์ในการที่ผมรับใช้พระเจ้ามาเกือบ 9 ปี ไม่นับอายุการเป็นผู้เชื่อของผมอีก 4 ปีนะครับ ซึ่งวันที่ 26 มี.ค. 2011 นี้ผมจะรับใช้พระเจ้าครบ 9 ปีเต็ม

จากประสบการณ์ที่ผมรับใช้พระเจ้ามา 9 ปี ผมพบว่าคริสตชนไทยมักจะถวายทรัพย์พิเศษให้กับพระราชกิจของพระเจ้า คริสเตียนบางคนก็ถวายบ้านให้คริสตจักรเช่าในราคาถูกเพื่อทำเป็นโบสถ์ คริสเตียนบางคนก็ถวายรถให้กับคริสตจักรได้ใช้เพื่อทำพันธกิจของพระเจ้า ซึ่งทั้งหมดที่ผมได้กล่าวมานั้นเป็นเรื่องที่ดีๆ ทั้งนั้นเลยและเราควรที่จะทำต่อไป

แต่สิ่งที่พระเจ้าต้องการจากพี่ - น้องและผมมากที่สุดจากเราหรือมากกว่าอะไรทั้งหมด นั่นก็คือ ตัวเราก่อน ถ้าเราไม่ยอมถวายตัวของเราแด่พระเจ้าโดยให้ตัวเราถูกตรึงไว้กับพระคริสต์ เราก็ต้องไปตรึงตัวเราเองกับกางเขนที่เราสร้างขึ้น

และถ้าพี่ - น้องตรึงตัวของพี่ - น้องเองไว้กับกางเขนที่พี่ - น้องสร้างขึ้นมาพี่ -น้องก็จะเหมือนเดิมและเหมือนเดิมสืบๆไปเป็นนิตย์ ซึ่งโดยแท้จริงแล้วพระเจ้าได้ทรงประทานตัวตนใหม่ให้กับพวกเราแล้วทุกๆ คน ถ้าพี่ - น้องไม่เชื่อให้เปิดไปที่ 2 คร. 5 : 17และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

หลวงพ่อขอให้พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้เป็นพรปีใหม่แด่พี่ - น้องทุกท่านให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

Green City