ใจอย่างพระคริสต์ อึดอย่างพระคริสต์

คำเทศนาเรื่อง ใจอย่างพระคริสต์ อึดอย่างพระคริสต์

 

ฟป.2 :5-11 “ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือแต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขนเหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์เพื่อเพราะพระนามนั้น ทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบ พระเยซูและเพื่อ ทุกลิ้นจะยอมรับ ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบิดาเจ้า”

พี่น้องมีความเชื่ออย่างผมไหมครับว่า ? พระเจ้านั้นทรงเป็นแหล่งแห่งปัญญาทั้งปวง ถ้าพี่น้องไม่มีความเชื่ออย่างผม ในเช้าวันนี้ผมขอหนุนใจให้พี่น้องนั้นได้มีความเชื่อเช่นเดียวกับผมเถิด

เพราะนี่เป็นพระวจนะของพระเจ้า ที่พระองค์ได้ทรงตรัสเอาไว้ใน สภษ. 3:19 “พระเจ้าทรงวางรากแผ่นดินโลกโดยปัญญา พระองค์ทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์โดยความเข้าใจ”

ดังนั้นถ้าพี่น้องที่อ่านพระวจนะของพระเจ้าพี่น้องก็จะมีความคุ้นเคยกับพระวจนะของพระเจ้าในข้อนี้เป็นอย่างดี มากกว่านั้นพี่น้องก็จะมีความเชื่อเช่นเดียวกับผมด้วยว่า พระเจ้านั้นทรงเป็นแหล่งแห่งปัญญาทั้งปวง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า พระองค์ทรงเป็นแหล่งแห่งปรัชญาและพระองค์ทรงเป็นแหล่งแห่งคำสอนที่ดีทั้งหมดของโลกนี้

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

เราพบคำว่า “จง” ซึ่ง “จง” คำนี้เป็นคำสั่ง “ต้องปฎิบัติ ไม่ปฎิบัติไม่ได้” พระคัมภีร์บอกกับเราว่าอย่างไรครับ ? ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์

“น้ำใจ” ในที่นี้เน้นเรื่อง 1.คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม 2.ความเมตตา ใจผ่อนหนักผ่อนเบาต่อกันและกัน 3.ความถ่อมใจ ความรักความเข้าใจ แต่เราจะมีน้ำใจดังที่ได้กล่าวมาเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้เลย ถ้าเราไม่มีใจ

          ดังนั้นการมีใจ ต้องมาก่อนการมีน้ำใจ ถ้าเราไม่มีใจเรื่องอื่นๆไม่ต้องพูดถึง (Ex.เรื่องค่าไฟของคริสตจักร) องค์พระเยซูทรงคริสต์ทรงมีใจ และใจที่พระองค์มีก็คือใจเมตตาสงสาร

พระองค์ทรงเมตตาสงสารใคร ? พระองค์ทรงเมตตาสงสาร พระองค์ทรงเป็นห่วงมวลมนุษย์ชาติ ที่พวกเขาหากไม่ได้มารู้จักกับพระเจ้าแล้ว พวกเขาจะต้องตกลงในบึงไฟนรก ซึ่งพระองค์ทรงทราบเป็นอย่างดีว่ามันมีสภาพเป็นเช่นไร

คำถามคือว่า พระองค์ทรงเป็นห่วงมนุษย์ด้วยคำพูดไหมครับ ? พระองค์ทรงเป็นห่วงด้วยการกระทำ พระคำของพระเจ้าใน ฟป.2:6-9 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า

          พระองค์ยอมสละสภาพของการเป็นพระเจ้าบนฟ้าสวรรค์มารับสภาพเป็นกายของมนุษย์บนแผ่นดินโลก ชีวิตของพระองค์เริ่มต้นที่ไหนครับพี่น้อง ?

เริ่มต้นที่ไหน ? ในรางหญ้า และพระองค์ทรงใช้เวลาในการเติบโตที่บ้านนอก คือ อยู่ที่นาซาเร็ธอีก 30 ปี ภายหลังจากนั้นพระองค์ทรงใช้เวลารับใช้พระบิดาของพระองค์อยู่ในสถานที่ต่างๆอีก 3 ปี เช่นที่กาลิลีเป็นต้น

โดยในระหว่างที่พระเยซูคริสต์ทรงรับใช้พระบิดาของพระองค์ทรงอยู่นั้น พระองค์ต้องยอมที่จะอดทนต่อการดูถูก ดูหมิ่น การถูกเย้ยหยัน ยอมอดทนต่อการถูกเข้าใจผิดต่างๆอีกเยอะแยะมากมาย

เส้นทางการไถ่เพื่อให้มวลมนุษย์ชาตินั้นได้รับการคืนดีกับพระเจ้านั้น พระบิดาทรงวางแผนเอาไว้ว่าจะต้องกระทำการผ่านพระเจ้าในร่างกายมนุษย์ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงต้อง 1.รับรอยแผลเฆี่ยนเพื่อพวกเราจะหายดี 2.เจ็บปวดแทนเราเพื่อที่เราจะหายเจ็บ 3.ยอมบาปเพื่อที่เราจะหายบาป

ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงยอมรับสถานภาพในการตายอย่างโจร โดยสถานที่ๆจะใช้ฝังพระศพของพระองค์เองก็ยังต้องใช้อุโมงค์ฝังศพของคนอื่นเขา

พี่น้องเห็นไหมครับว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นทรงมีใจเมตตาสงสารมวลมนุษย์ชาติมากน้อยแค่ไหน เมื่อพระองค์ทรงมีใจเมตตาสงสารมนุษย์มากมายถึงเพียงนี้ ดังนั้นน้ำใจขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าที่แสดงออกต่อมวลมนุษย์ชาติจึงเป็นแบบนี้

ยน.3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก(มนุษย์) จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์

พี่น้องลองคิดตามผมสักนิดหนึ่งนะครับว่า ถ้าพระคำของพระเจ้าที่พวกเราได้อ่านร่วมกันหยุดตรงที่คำว่า “เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์” แล้วหยุดตรงคำนี้เลย ไม่มีการกระทำใดๆออกมาเพื่อเป็นการยืนยันในความรักที่พระองค์ทรงมีต่อมวลมนุษย์ชาติเลย

พี่น้องคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นครับ ? 1.ความรอดจะมาถึงเราไหมครับ ? 2.การไถ่จะมาถึงเราไหมครับ ? 3.การเป็นพลเมืองของพระเจ้าในแผ่นดินสวรรค์จะมาถึงเราไหมครับ ?

พระเจ้าทรงรักมนุษย์ มิใช่ด้วยเพียงคำพูดที่สวยหรู แต่ด้วยการกระทำ พระองค์ทรงพิสูจน์คำว่ารัก ด้วยการกระทำ ด้วยหัวใจที่เชื่อฟังพระบิดาของพระองค์และด้วยใจที่อดทนจนถึงที่สุด

ด้วยเหตุนี้พระคำของพระเจ้าใน รม.5:8 “แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา”

คำถามคือว่า สิ่งที่พระเจ้า พระบิดาทรงใช้พระบุตรของพระองค์เสด็จเข้ามาในโลกนี้สำเร็จไหมครับพี่น้อง ? สำเร็จ ผู้เชื่อทุกๆคนที่รับด้วยปากและเชื่อด้วยใจว่า องค์พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าทุกคนเขาจะได้รับการคืนดีกับพระเจ้า

ผลจากการที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงมี “ใจ” และมีน้ำใจในการที่จะนำมนุษย์คืนดีกับพระเจ้าเป็นอย่างไรให้เรามาดูพระคำของพระเจ้าใน ฟป.2:9-11 “เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์เพื่อเพราะพระนามนั้น ทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบ พระเยซูและเพื่อ ทุกลิ้นจะยอมรับ ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบิดาเจ้า”

พระคำของพระเจ้าใน ฟป.2:9-11 พูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่าพระบิดาทรงยกพระบุตรขึ้นอย่างสูงที่สุด ถึงขนาดที่ทุกข่าว ทุกลิ้นในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้แผ่นดินโลก ต้องกราบนมัสการพระเจ้า

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า กุญแจที่ทำให้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าสามารถผ่านพ้นสิ่งต่างๆมาได้และมาถึงจุดที่ประสบความสำเร็จในน้ำพระทัยของบิดาได้นั้นมาจากอะไร ?

1.มาจากความอึด 2. มาจากความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำแผนการณ์ของพระบิดาของพระองค์ให้สำเร็จ 3.จากการทำงานหนัก + กับมาจากการที่องค์พระเยซคริสต์เจ้านั้นทรงร่วมมือกับพระบิดาของพระองค์

พี่น้องทราบใช่ไหมครับว่า ชาวต่างประเทศนั้นเขายกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ของเราว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีอัจฉริยะภาพ ไม่ใช่เพราะพระองค์เพียงแค่คิดโครงการนั้นโครงการนี้อย่างเดียวเท่านั้น แต่พระองค์ทรงลงมือที่จะทำในโครงการต่างๆที่พระองค์คิดด้วยความทุ่มเทและด้วยความเอาใจใส่

คำถามคือว่า พระองค์ทรงทำในโครงราชดำริต่างๆนานไหมครับ ? จนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตของพระองค์และสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้นเป็นพรกับพสกนิกรของพระองค์ไหมครับ ?

การเดินกับพระเจ้าก็เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับ ที่พี่น้องจะต้องเดินกับพระเจ้าด้วย “ใจ” แล้วน้ำใจแบบพระเยซูคริสต์จะเกิดขึ้นในชีวิตของพี่น้อง

มีคริสเตียนจำนวนไม่น้อยเลยครับพี่น้องที่รัก ที่ปากของเขานั้นบอกว่าเขา 1.รักพระเจ้า รักเยซู 2.อยากเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ แต่โดยแท้จริงแล้ว “ใจ” ของเขานั้นกับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเขาจะมีน้ำใจอย่างพระเยซูคริสต์ได้ไหมครับ ?

ด้วยเหตุนี้พระคำของพระเจ้าใน สภษ.23:26 “บุตรชายของเราเอ๋ย ขอใจของเจ้าให้เราเถอะและให้ตาของเจ้าสังเกตดู {หรือ ชื่นชมใน} ทางของเรา”

พระคำของพระเจ้าใน สภษ.23:26 พูดถึง “ใจ” กับ “ทาง” พระเจ้าสร้างเท้าเราขึ้นมาเพื่ออะไรครับ ? ให้เราเดิน ถ้าเราไม่เดินก็ไม่มีใครช่วยเราได้จริงหรือไม่จริงครับพี่น้อง ?

พระคำของพระเจ้าใน สภษ.23:26 พูดถึงใจ “ลูกเอ๋ยขอใจของเจ้าให้เราเถอะ” คำถามคือว่า เพราะอะไรพระองค์ถึงต้องขอใจของเรา คำตอบคือ เพราะเราไม่สามารถที่จะติดตามพระเจ้าด้วยกำลังของเรา

คำถามต่อมาก็คือว่า ถ้าเราไม่ได้ให้ “ใจ” ของเรานี้กับพระองค์ล่ะ พระองค์จะว่าอะไรเราไหมครับ ? ถ้าคุณไม่ได้ให้ “ใจ” กับพระเจ้า พระองค์ก็คงไม่ได้ว่าอะไรกับเรา แต่ชีวิตของพี่น้องจะไปสะท้อนถึงน้ำใจของพระเยซูหรือชีวิตของพี่น้องสำแดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าได้อย่างไร ดังนั้นเราจะต้องทำในส่วนของเรา ถ้าเราไม่ทำพระเจ้าก็ไม่ทำ ถ้าเราไม่เริ่มพระเจ้าก็ไม่ร่วม

แต่ถ้าเราตัดสินใจที่จะให้ “ใจ” ของเรานี้กับพระเจ้าแล้ว เราก็ควรที่จะให้แล้วให้เลย เพราะอะไรครับ ? เพราะเมื่อพระบิดาทรงประทานพระเยซูคริสต์ให้กับมวลมนุษย์ชาติแล้ว พระองค์ทรงให้แล้วให้เลยไหมครับ ? พระบิดาทรงให้พระเยซูคริสต์แก่มวลมนุษย์ชาติ โดยให้พระเยซูคริสต์นั้นเดินไปถึงไม้กางเขนจนถึงความรณา

ด้วยเหตุนี้ผู้เชื่อทุกคนก็ควรที่จะให้ “ใจ” ของเรากับพระองค์แบบไม่ต้องเอากลับคืนมาอีกเลย แต่ในความจริงแล้วมันเป็นอย่างนั้นไหมครับ ?

มีผู้เชื่อใหม่หลายคนนะครับ ที่ตอนเขามาเชื่อในพระเจ้าใหม่ๆนั้นเขาตกหลุมรักพระเจ้า เขาสามารถที่จะให้ “ใจ” ของเขานั้นกับพระเจ้าอย่างสุดๆ เขาจึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการที่จะเดินกับพระเจ้าอย่างดีมากๆ พอเวลาผ่านไปสัก 2-3 ปี ความมุ่งมั่นตั้งใจในการเดินกับพระเจ้าของเขากับหายไปเฉยเลย ทำให้หลายคนรู้สึกเป็นงง

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เช่นเดียวกัน อ.พิษณุ & อ.หนุ่ม ถามกับผม เขาถามถึงพี่น้องคนนั้น คนนี้กับผม คำตอบของผมทำให้ อ.พิษณุ กับ อ.หนุ่ม ถึงกับรู้สึกเป็นงงอย่างมาก

ซึ่งโดยแท้จริงแล้วพี่น้องต้องรู้นะครับว่า โลกนี้ มาร ซาตาน วิญญาณชั่วมันเป็นผู้ครอบครองอยู่ ยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธีของมาร คือ มันใช้ เกียรติ ลาภ ยศ คำสรรเสริญ มารมันใช้เรื่องเพศ มารมันใช้ความอยากได้ใคร่มีของมนุษย์ มารมันใช้ Technology มารมันใช้การงาน การอาชีพและอื่นๆทำให้มนุษย์นั้น หันเหจิตใจของเรานั้นไปหาสิ่งของที่เป็นของโลกทั้งสิ้น

แต่ผมขอยืนยันกับพี่น้องตรงนี้เลยนะครับว่า คริสเตียนเรานั้นสามารถที่จะมีชัยชนะเหนือมาร ซาตาน วิญญาณชั่วได้อย่างแน่นอน

สดด.8:5-6 “เพราะพระองค์ทรงสร้างเขาให้ต่ำกว่าพระเจ้า {หรือ ทูตสวรรค์} แต่หน่อยเดียว และสวมศักดิ์ศรีกับเกียรติให้แก่เขาพระองค์ทรงมอบอำนาจให้ครอบครองบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์ พระองค์ทรงให้สิ่งทั้งปวงอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา”

พระคำของพระเจ้าใน สดด.8:5-6 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พระองค์ทรงสร้างเราขึ้นมาให้ต่ำกว่าพระองค์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดังนั้นถ้าผู้ที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทุกๆคนคิดจะทำอะไรก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราคิดที่จะทำในสิ่งที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าด้วยแล้ว เรายิ่งทำได้และสำเร็จอย่างแน่นอน  

โดยเฉพาะถ้าเราทำด้วย 1.ความมุ่งมั่นตั้งใจ 2.ด้วยใจที่อึด 3.ความขยันที่จะใส่ความอึดลงในการดำเนินชีวิตของเรานั้นกับพระเจ้า เราย่อมมีชัยชนะเหนือมาร ซาตาน อย่างแน่นอนและเป็นชัยชนะในทุกๆวันด้วย เมื่อเราดูแลใจของตัวเราเองได้เราก็สามารถที่จะมีน้ำใจกับคนอื่นได้

คำถามก็คือว่า ถ้าเราเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าและพระคำของพระเจ้าใน สดด.8:5-6 ก็พูดชัดเจนถึงขนาดนี้ แต่เรากับบอกว่าเราทำนู่นก็ไม่ได้ ทำนี่ก็ไม่ได้ เรายังกลัวนั่นกลัวนี่อยู่

คำถามคือว่ามันเป็นเพราะอะไรครับ ? คำตอบคือ คุณยังไม่ได้ให้ใจของคุณจริงๆกับพระเจ้าจริงๆ

พี่น้องที่รักครับ แท้ที่จริงแล้วอุปสรรค ปัญหามันเกิดขึ้นทุกวันและเกิดขึ้นกับทุกคน แต่คนที่จะเอาชนะมันได้ คือ คนที่มุ่งมั่นตั้งใจ ไม่ยอมแพ้

ทำไมคนพิการถึงทำในสิ่งที่คนปกติทำไม่ได้อย่างเยอะแยะมากมาย เพราะเขามี”ใจ”ใจที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าคนพิการยังทำได้ถึงขนาดนี้เราผู้ซึ่งไม่พิการล่ะ เราควรที่จะทำได้มากกว่านั้นหรือไม่ ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีพระเจ้าอย่างเรา เรายิ่งไม่ควรที่จะแพ้ใหญ่เลยพี่น้องว่าจริงไหมครับ ? โดยเฉพาะในการต่อสู้กับมาร

เพราะพระคำของพระเจ้าใน ฟป.4:3 “ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” จากพระคำของพระเจ้าในข้อนี้ทำให้เราทราบว่า ผู้เชื่อทุกคนเป็นเหมือนนักรบฝ่ายจิตวิญญาณ เราสามารถที่จะสำแดงความมีน้ำใจกับทั้งคนที่เป็นผู้เชื่อและไม่เชื่อในพระเจ้าได้ด้วย

เหมือนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ทั้งคุณพิษณุและอ.หนุ่ม ต่างสำแดงความรักและความมีน้ำใจของพระเจ้าออกมาท่ามกลางพี่น้องของเรา แต่ “ใจ” ของเขาต้องให้กับพระเจ้าก่อนประการที่สำคัญคือ เขาขยันและอึดมากพอที่จะให้ “ใจ”ของเขาอย่างนี้กับพระเจ้าในทุกๆวัน ซึ่งนั่นหมายความว่า เขาได้สำแดงความมีน้ำใจขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าด้วยในทุกๆวัน

ซึ่งพี่น้องอาจจะเคยให้ “ใจ” ของพี่น้องกับพระเจ้า แต่มันอึดมากพอไหมที่ให้ใจของเรากับพระเจ้าในทุกๆวัน

ตัวหนอนและไส้เดือน ใจมันอึดมากพอที่จะฝังตัวลงอยู่ภายใต้ดินโดยที่มันไม่รู้ว่ามันจะไปโผล่ที่ไหน

ปลวก ใจมันอึดมากพอมันจึงสามารถที่จะสร้างรังที่ใหญ่กว่าขนาดที่ตัวของมัน

มด แม้ว่าอายุของมันจะสั้นนิดเดียว แต่ใจของมันอึดมากพอที่จะทำงานอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยเหตุนี้พระคำของพระเจ้าใน สภษ.6:6-8 จึงได้หยิบเอาความขยันของมดขึ้นมาสอนมนุษย์อย่างเรา

ผึ้ง ตัวเล็กๆแต่ใจของมันอึดมากพอที่จะสร้างรวงผึ้งขึ้นมาและปล่อยน้ำหวานไว้เต็มรังในเวลาไม่ถึงเดือน

และผู้เชื่อในพระเจ้าอย่างเราล่ะมี “ใจ” อึดมากพอไหมที่จะเดินกับพระเจ้าโดย 1.ไม่ชักเข้า ชักออก 2.เดี๋ยวให้ใจกับพระเยซูเดี๋ยวก็ขอใจกับพระเยซูกลับคืน 3.ไม่หันหลังกลับเลยตลอดชีวิต

ถ้ามนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมาให้รองจากพระองค์เพียงแค่หน่อยหนึ่งแต่กับอึดสู้หนอนไม่ได้ อึดสู้ไส้เดือนไม่ได้ อึดสู้ปลวก มด ผึ้งไม่ได้ พระคำของพระเจ้าก็บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เราก็เป็นมนุษย์ที่น่าอายต่อสรรพสัตว์เหล่านี้มาก

แต่ถ้าพี่น้องอึดที่จะดำเนินชีวิตในการติดตามพระเจ้าด้วย “ใจ” ผลของการที่พี่น้องมี

1.ใจที่อึดอย่างพระเยซู

2.มีน้ำใจอย่างพระเยซู องค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็จะทรงโปรดยกชูชีวิตของเราขึ้นอย่างสมควร อาเมน

เหมือนกับที่พระบิดาทรงยกชูพระบุตรขึ้นใน ฟป.2:9-11 ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

          

Green City