จุดดีของเปโตร

คำเทศนาเรื่อง จุดดีของเปโตร

ในเช้าวันจะแบ่งปันชีวิตสาวกขององค์พระเยซูคริสต์อีกท่านหนึ่งให้กับพี่ - น้องได้รู้จัก เป็นคนที่เท่าไหร่แล้วครับ ? คนที่ 6 แล้วนะครับ คนแรก คือ ยูดาสคนเสียชาติเกิด คนที่ 2 คือ มัทธิวผู้ยอมหักปากกา คนที่สาม คือ ยากอบ สาวกคนแรกที่เสียชีวิต และเป็นสาวกที่ล้มเหลวแต่สำเร็จ คนที่ 4 คือ ฟิลิปอัครทูตชอบถามและชอบแสวงหา คนที่ห้า คือ ยอห์น สาวกที่พระเยซูทรงรัก

และในเช้าวันนี้เราจะมีโอกาสที่จะมาศึกษาชีวิตของท่านซีโมน / เปโตร ด้วยกันโดยจะอัญเชิญพระวจนะคำของพระเจ้าจากพระธรรม มธ.4:18 – 20 , มก.1:16 - 18 ให้ที่ประชุมเปิดไปที่พระคำของพระเจ้าทั้ง 2 ข้อที่ได้กล่าวมาแล้วและอ่านอย่างช้าๆ พร้อมๆ กันด้วยเสียงที่ดัง เชิญครับ และผมจะให้ชื่อคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “เปโตร:อัครทูตที่คริสตจักรต้องการ” ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

                มีเรื่องเล่าว่า อเล็กซานเดอร์ ออฟ มาซาเดน ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญของโลกคนหนึ่ง ชอบที่จะให้จิตรกรหรือช่างวาดรูป วาดรูปของเขาในลักษณะนั่งเอามือแนบคางเอาไว้เสมอ หลายคนที่ดูรูปภาพของท่าน อเล็กซานเดอร์ คนนี้ก็มักจะคิดว่าท่านผู้นำคนนี้ชอบที่จะคิดใคร่ครวญอะไรอยู่เสมอ แม้กระทั่งภาพวาดยังไม่เว้นเลย

                แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยพี่ - น้องที่รัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่านผู้นำคนนี้เขาจำเป็นที่จะต้องเต๊ะท่านี้เอาไว้ เพื่อปิดแผลฉกรรจ์หรือปิดแผลเป็นที่แก้มของเขาเอาไว้เท่านั้นเอง

                ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง กับผู้นำคนสำคัญของโลกอีกท่านหนึ่ง นั่นก็คือท่านนายพลรอมแมล ซึ่งท่านมีฉายาว่า “จิ้งจอกทะเลทราย” ใบหน้าของนายพลท่านนี้เต็มไปด้วยแผลเป็นหลายแห่ง นายพลท่านนี้จึงมักที่จะพูดกับจิตรกรหรือช่างวาดรูปของท่านเสมอว่า “ ช่วยวาดรูปของผมให้เหมือนจริงด้วย เอามันหน้าเละๆ แบบนี้แหละ ” ซึ่งท่านต้องการจะสื่อให้กับคนคนรุ่นหลังได้ทราบว่านายพลคนนี้ได้ผ่านสงครามมามากต่อมากหรือได้กำศึกมาอย่างโชกโชน

                สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อสารกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้นั่นก็คือว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์นั้นเป็นหนังสือ ที่ได้มีการบันทึกเรื่องราวของผู้คนเอาไว้ อย่างตรงไปตรงมามากที่สุด กล่าวคือ ใครมีจุดดี ,ใครจุดเด่น ,ใครมีจุดด้อย ,ใครมีจุดบกพร่องหรือใครมีความสำเร็จ , ใครมีความล้มเหลวอะไรตรงไหน , อย่างไร พระคัมภีร์ก็ได้มีการบันทึกเอาไว้ทั้งหมด

อาจจะกล่าวได้ว่า พระคัมภีร์จึงเป็นหนังสือที่มีความสัตย์ซื่อ ในการบันทึกข้อมูลในด้านต่างๆอย่างแท้จริง ซึ่งถ้าจะเราเปรียบเทียบกับชีวประวัติหรือแม้แต่อัตชีวประวัติของผู้นำบางคน ซึ่งเขียนขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ในงานศพของตน เขาก็มักที่จะบรรยายแต่สิ่งที่ดีงามของผู้วายชนม์เอาไว้ทั้งนั้นเลย พี่น้องว่าจริงหรือไม่จริง ? แต่ในส่วนที่ไม่ดีของเขานั้นเขาบรรยายเอาไว้ไหมครับ ? เขาไม่บรรยายเอาไว้อย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้นในเช้าวันนี้ เราจะมาศึกษาชีวิตสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าคนนี้ด้วยกัน ทั้งในส่วน (ที่ดี) ซึ่งเป็นจุดแข็งของเขา และในส่วน (ที่ไม่ดี) ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเขาร่วมกัน แต่ในอาทิตย์นี้เราจะมาศึกษาเฉพาะในด้าน (ที่ดี) ซึ่งเป็นจุดแข็งของเขาเพียงอย่างเดียวก่อน และในสัปดาห์ต่อไปเราถึงจะมาศึกษาในด้าน (ที่ไม่ดี) ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเขา ซึ่งผมเชื่ออย่างมั่นใจว่าบทเรียนชีวิตสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าคนนี้ น่าจะเป็นกระจกสะท้อนที่จะเป็นพระพรมาถึงพวกเราด้วยเช่นกัน

                จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

จุดแข็งประการที่ 1 เราพบการเชื่อฟังการทรงเรียกนั้น

พี่ - น้องที่รักครับ ก่อนที่ซีโมน ซึ่งต่อมาภายหลังองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้เปลี่ยนชื่อให้กับเขาใหม่เป็นเปโตร ก่อนที่ซีโมนจะมาเป็นสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้น เขามีอาชีพเป็นชาวประมงมาก่อน ลักษณะอาชีพของซีโมนหรือว่าเปโตรคนนี้ก็คงจะมีลักษณะที่ไม่แตกต่างอะไรไปจาก ชาวประมงแถวมหาชัยหรือแถวบ้านเราสักเท่าไหร่นัก

กล่าวคือ วันหนึ่งๆ เปโตรเขาก็คงจะสาละวนอยู่กับการนั่งชุนอวน พอน้ำทะเลขึ้นก็พากันนั่งเรือออกไปจับปลาโดยการทอดอวนหาปลา ได้ปลามาแล้วก็เอาปลาไปขาย ส่วนที่เหลือก็เอาปลามาขอดเกล็ดแล้วก็เอามาปิ้งกิน

ผมเชื่อว่าชาวประมงในสมัยของสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นคงจะยังทำ “แกงไตปลา” ไม่เป็นเพราะถ้าทำเป็นพระคัมภีร์ก็คงจะมีการบันทึกเอาไว้แล้ว และโดยลักษณะอาชีพที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นผมเชื่อว่ามือของเปโตร ก็น่าจะหยาบกร้านอยู่พอสมควร และถ้าหากซีโมนเปโตร คนนี้ยังเป็นชาวประมงธรรมดาๆ คนหนึ่งต่อเนื่องไป

ผมเชื่อว่าในบั้นปลายชีวิตของเขานั้น ก็คงจะมีฉากจบของชีวิตที่ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากเพื่อนร่วมอาชีพของเขา กล่าวคือ สุสานที่จะใช้ฝังร่างของเขาก็น่าจะอยู่แถวๆ ชายทะเลสาบกาลิลีนั่นเอง และที่สำคัญอีกประการหนึ่งนั่นก็คือ ชื่อของเขาไม่ว่าจะเป็นชื่อบุคคล , ชื่อโรงพยาบาล , ชื่อตามโรงเรียน , ชื่อตามโบสถ์วิหารหรือตามคริสตจักรต่างๆ ก็คงจะไม่มีคนใช้ชื่อว่าปีเตอร์หรือว่าเปโตรกันอย่างมากมายถึงขนาดนี้พี่ - น้องว่าจริงไหม ?

แต่เพราะซีโมนเปโตรเขาเชื่อฟังการทรงเรียกนั้น เขาจึงสนองตอบโดยการติดตามพระเยซูไปเกือบจะทุกหนและทุกแห่ง

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเลยพี่น้องที่รัก ที่ชื่อของเขาจึงได้เคียงคู่หรือได้ถูกสถาปนาไปพร้อมๆ กับการประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้ามามากกว่า “สองพันกับอีกสิบเอ็ดปี” และชื่อนี้ก็จะคงอยู่ต่อไปจนกว่าวันคืนที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นจะเสด็จกลับมา

คำถามก็คือว่า ชื่อของ “ซีโมนหรือเปโตร” เป็นเพียงคนเดียวใช่หรือไม่ ที่ได้ถูกสถาปนาให้เคียงข้างไปพร้อมๆกับ การประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้ามาตลอดระยะเวลา สองพันกับสิบเอ็ดปี ? คำตอบก็คือ ไม่ใช่ คำตอบก็คือ ยังมีชื่อของบุคคลอื่นๆ อีกมากมายที่พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้ เช่น ยังมีชื่อสาวกของพระเยซูอีก 11 คนที่ชื่อของเขาได้เคียงคู่ไปกับการประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้า

รวมทั้งยังมีชื่อบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าอีกมากมายหลายคน ที่เชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้า ที่พระเจ้าจะทรงอนุญาตให้ชื่อของเขานั้น ได้เคียงคู่ไปกับการประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้าด้วยเช่นกัน เช่น ดี แอล มูดี้ เช่น วิลเลี่ยม แครี่ , เช่น อ. สมบูรณ์ ขุนฤทธิ์แก้วหรือ อ. ชาโต้ เป็นต้น

ซึ่งถ้าดี แอล มูดี้ ไม่เชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้า เขาก็อาจจะเป็นเพียงแค่ช่างซ่อมรองเท้าธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเขาเชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้า ชื่อของเขานั้นก็ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของคริสตจักรของพระเจ้า

ซึ่งถ้า วิลเลี่ยม แครี่ ไม่เชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้า เขาก็อาจจะเป็นเพียงแค่ช่างทำรองเท้าธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเขาเชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้า ชื่อของเขานั้นก็ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของคริสตจักรของพระเจ้า เขาได้ชื่อว่า มหาบุรุษบุกเบิกประเทศอินเดีย

ซึ่งถ้า อ. ชาโต้ ไม่เชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้า เขาก็อาจจะเป็นเพียงแค่เด็กใต้ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเขาเชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้า ชื่อของเขานั้นได้ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของคริสตจักรของพระเจ้า

โดยเฉพาะกับพี่น้องใจสมานว่าเป็น “ ผู้รับใช้ที่มีหัวใจที่น่ากราบ ” เพราะอะไรที่เขาถึงได้สมญานามนี้ ? เพราะเขาเป็นโรคหัวใจ แต่พระเจ้าทรงเรียกคนที่เป็นโรคหัวใจคนนี้ ให้มาบุกเบิกของพระเจ้าที่สมุทรสงครามซึ่งงานบุกเบิกนั้นเป็นงานที่หนัก แต่คนที่เป็นโรคหัวใจคนนี้กับเชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้า

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกที่พี่ - น้องใจสมานกรุงเทพฯ จะให้สมญานามกับเขาอย่างนั้น แน่นอน...พระเจ้าอาจจะไม่ได้เรียกพี่น้องเป็นการส่วนตัวเหมือนกับที่พระเจ้าทรงเรียกสาวกของพระองค์หรือเหมือนกับผู้รับใช้คนอื่นๆ และหรือเหมือนผมกับ อ.ดาร์

แต่โดยพื้นฐานแล้ว พระเจ้าทรงเรียกพวกเราทุกๆคนอย่างแน่นอน ผ่านทางพระวจนะคำของพระองค์ เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่พระเจ้าทรงเรียกให้พี่น้องทำ ก็ขอให้พี่น้องได้ทำในสิ่งนั้นเทอญ เช่น พระเจ้าทรงเรียกร้องให้ท่านถ่อมใจ ก็ให้ท่านได้ถ่อมใจเพื่อที่ท่านจะได้เป็นผู้ที่รับพระพรของพระเจ้า อาเมน

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร

จุดแข็งประการที่ 2 เราพบว่าเปโตรนั้นเขามีความเป็นผู้นำ

                ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ มธ.10:2 พระคำของพระเจ้าใน มธ. 10:2 ตรัสว่า “อัครทูตสิบสองคนนั้นมีชื่อดังนี้ คนแรกชื่อซีโมนที่เรียกว่าเปโตรกับแอนดรูว์น้องของเขา ยากอบบุตรเศบดีกับยอห์นน้องของเขา” และพระคัมภีร์ฉบับภาษาอังกฤษก็เขียนคำว่า “คนแรก ” นั้นว่า “ First ” ซึ่งหมายถึง เปโตร นั้นเป็นคนแรกสุดในบรรดาของอัครทูตทั้งมวล

ซึ่งถ้าพี่น้องอ่านในหนังสือพระกิตติคุณของพระเจ้าทั้งสี่เล่มรวมทั้งพระทั้งในพระธรรมกิจการด้วยพี่น้องก็จะพบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

ผมเชื่อว่านี่ไม่ใช่เป็นการบังเอิญแต่ผู้เขียนพระกิตติคุณพระกิตติคุณของพระเจ้าทั้งสี่เล่มรวมทั้งผู้เขียนพระธรรมกิจการนั้นมีความตั้งใจอะไรบางอย่างๆแน่นอน จึงได้นำชื่อของ เปโตร คนนี้ขึ้นต้นก่อนเสมอ แน่นอนพี่น้องที่รักชื่อสาวกของพระเยซูคนอื่นๆนั้นอาจจะสลับกันได้แต่ชื่อของเปโตรจะต้องถูกขึ้นต้นก่อนเสมอ

ซึ่งถ้าเราดูตามเนื้อหาสาระในเบื้องต้นที่ได้กล่าวมาเมื่อสักครู่ และถ้าเราดูจากพระคำของพระเจ้าใน ยน.6:68 , มธ.16:16 , ยน. 21: 3 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านอย่างช้าๆพร้อมๆกันด้วยเสียงที่ดัง เชิญครับ

ซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์ ”

ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “ พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ”

ซีโมนเปโตรบอกกับเขาว่า “ ข้าจะไปจับปลา ” เขาทั้งหลายจึงพูดกับท่านว่า “ เราจะไปด้วย ” แล้วพวกเขาก็ออกลงเรือไปแต่คืนนั้นเขาจับปลาไม่ได้เลย

จากพระคำของพระเจ้าทั้ง 3 ข้อนี้ ทำให้เราทราบว่า เปโตร นั้นเขาเป็นผู้ที่ริเริ่ม เขาเป็นผู้ที่พูดแทนกลุ่มอัครทูตทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้นำในหมู่ของบรรดาอัครทูตทั้ง 12 คนก็ว่าได้ จะว่าไปแล้วก็ขึ้นมาเป็นผู้นำของอัครทูตในระดับแถวหน้าอย่างเปโตรในตอนนี้นั้น ก็ไม่ได้เป็นมาจากการที่เขานั้นจะต้องตะเกียกตะกายแต่อย่างใด

จะว่าไปแล้ว เปโตร เขาไม่ได้เป็นเหมือนกับบุตรของเศบดีคือยอห์นกับยากอบที่วิ่งเต้นหรือใช้สายสัมพันธ์หรือใช้เส้นผ่านแม่ของเขา ที่จะขอนั่งที่ข้างซ้ายคนหนี่งและทางข้างขวาคนหนึ่งของพระเยซู

คำถามคือว่า บทเรียนนี้สอนอะไรกับเรา บทเรียนนี้สอนเราว่า 1 ) ถ้าพระเจ้าจะให้ก็คือให้ 2 ) การเป็นผู้นำของเราในเวลานี้ทั้งในฝ่ายโลกและในฝ่ายจิตวิญญาณด้วยนะครับ บทเรียนนี้กำลังสอนเราหรือถามเราว่า คุณใช้เส้นสายหรือเปล่า คุณจ่ายใต้โต๊ะเปล่า หรือคุณวิ่งเข้าหน้าบ้านหรือหลังบ้านของใครบางคนหรือเปล่า

สิ่งที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งก็คือว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้พี่น้องที่รัก กำลังเข้ามาสู่องค์การ , องค์กร , หน่วยงาน , คริสตจักรและเข้ามาสู่คนของพระเจ้ามากขึ้น

พี่น้องที่รักครับ เมื่อเปโตรก้าวขึ้นมาสู่การเป็นผู้นำสูงสุดของบรรดาอัครทูต ทั้งมวล สิ่งที่สำคัญก็คือ เปโตรเขาเป็นผู้นำในแบบฉบับที่เขาเป็น เปโตรนั้นเขาไม่ได้เป็นผู้นำที่คิดจะลอกเลียนแบบจากผู้อื่น ซึ่งการนำในแบบที่เขาเป็นนั้น เป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย

ต่างกับผู้นำอีกประเภทหนึ่งหรือต่างกับผู้นำบางคน ที่ชอบดูว่าฝูงชนนั้นชอบผู้นำประเภทไหน แล้วเขาจะทำตัวของเขาให้เหมาะสมกับความต้องการของมวลชน แล้วเขาจึงก้าวนำประชาชนไปตามกระแสแห่งการเรียกร้องของประชาชน

แต่เปโตรไม่ใช่คนเช่นนั้น การนำของเปโตรภายหลังจากที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ขึ้นไปอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์แล้ว เปโตรเป็นผู้นำประเภทที่ก้าวนำคนออกไปในทิศทางที่พระเจ้าต้องการเสมอ

ด้วยเหตุนี้นี่เองพี่ - น้องที่รัก การนำของเปโตรในเวลานั้น จึงมีบุคลิกภาพที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก และการเป็นผู้นำของเปโตรในตอนนั้น ก็เป็นที่ชนะใจผู้เชื่อในยุคแรกอย่างไม่ยากลำบาก อาจจะกล่าวได้ว่า การเป็นผู้นำของเปโตรในเวลานั้น

1 ) เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

2 ) ถูกสเป๊คของผู้เชื่อในยุคนั้นมากที่สุด

3 ) เป็นช่วงเวลาที่คริสตจักรของพระเจ้าในเวลานั้นต้องการมากที่สุด

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเลยพี่น้องที่รัก ที่ในหนังสือพระกิตติคุณของพระเจ้าทั้งสี่เล่ม รวมทั้งพระธรรมกิจการอีกเล่มหนึ่งด้วย จะมีชื่อของเปโตรนั้นรองลงมาจากพระเยซู

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร

จุดแข็งประการที่ 3 เราพบว่าเปโตรนั้นเขายอมให้พระเยซูสร้าง

พี่น้องที่รักครับ อาจารย์ในฝ่ายโลกหลายต่อหลายคน อยากได้สานุศิษย์ที่มีความรู้และมีการศึกษาที่ดี หรือต้องการคนที่ฐานดีบารมีสูง พี่น้องว่าจริงไหม ?

แต่เปโตรคนนี้เขาไม่ใช่คนที่มีการศึกษาสูง เปโตรคนนี้เขาไม่ได้เป็นอาจารย์ทางศาสนาที่คงแก่เรียน เท่าที่ผมทราบนั่นก็คือ มือของเขานั้นหยาบกร้านเพราะทำงานหนัก แต่เมื่อพระเยซูทรงทอดพระเนตรเห็นซีโมนและพระองค์ทรงเรียกเขาว่า “จงตามเรามา”

ผมเชื่อว่าคงจะมีบางคนที่อยู่ใกล้ๆกับพระเยซูในเวลานั้น อาจจะนึกขึ้นมาภายในจิตใจของตนในทำนองที่ว่า “ เรียกมันมาทำไม ” หรือ “ เรียกคนนี้ก็ผิดแล้ว ”

บางคนหนักกว่านั้นอีกพี่น้องที่รัก พูดตำหนิคนอื่นในทำนองที่ว่า “ คนชนิดนี้จะเอาไปทำอะไรได้นอกจากปุ๋ย ” พี่น้องคิดว่ามีคนประเภทนี้อยู่ไหมในสังคมไทยหรือมีคนประเภทนี้อยู่ในสังคมของคริสเตียนไหมครับ ?

พี่น้องที่รักครับ  การที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเรียก ซีโมน ซึ่งชื่อนี้แปลว่า “ เชือกกล้วย ไม้อ้อ ไม้ปักขี้ควาย ” แต่การที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเรียกเขาให้มาเป็นสาวกของพระองค์ นั่นหมายความว่า พระองค์ทรงมองเห็นศักยภาพอะไรบางอย่างในตัวของเขาอย่างแน่นอน

ประการที่สำคัญนั่นก็คือว่าเมื่อซีโมนเขายอมที่จะเชื่อฟังการทรงเรียกนั้นพี่ - น้องที่รัก ชีวิตของเขานั้นไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

คำถามก็คือว่า เพราะอะไรที่ชีวิตของซีโมนถึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ? คำตอบอย่างง่ายๆนั่นก็คือว่า ชีวิตที่ยอมต่อการทรงเรียกของพระเยซูนั้นจะได้รับการ 1)เจียระไนใหม่ 2)การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขและพัฒนาชีวิตขึ้นใหม่ 3)ซ่อมแซมและถูกเสริมสร้างขึ้นใหม่

เหมือนดังพระคำของพระเจ้าที่ได้ตรัสไว้ใน 2 คร. 5 : 17 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รัก องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเลือกและเรียกเราให้มาเป็นบุตรของพระองค์ ซึ่งไม่ใช่เพียงเท่านั้น แต่นั่นหมายความว่า พระองค์ทรงมองเห็นศักยภาพอะไรบางอย่างในตัวของเราในเวลานี้ด้วยอย่างแน่นอน

คำถามที่สำคัญก็คือว่า พี่น้องยอมที่จะเชื่อฟังการทรงเรียกนั้นหรือไม่

วันนี้ถ้าพี่น้องมาโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีนะครับและเป็นสิ่งที่เราควรจะทำกันต่อไป แต่ถ้าชีวิตของพี่น้องยังเหมือนเดิม พี่น้องยังไม่ยอมที่จะเชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้า พี่น้องก็คงจะเป็นคริสเตียน 1.ฝ่ายเนื้อหนัง 2.เชือกกล้วย 3. ไม้อ้อ 4.ไม้ปักขี้ควาย อย่างนี้อยู่เรื่อยไปจนกว่าที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าจะเสด็จกลับมา

พระคำของพระเจ้าใน ยน.1:42 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เมื่อซีโมนเขายอมที่จะให้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงเจียระไนเขาขึ้นใหม่ และเมื่อพระองค์ทรงพบกับเขาพระเยซูตรัสกับซีโมนว่าอย่างไรครับ ? ให้ที่ประชุมอ่าน ยน.1:12 ด้วยกัน

พระเยซูตรัสกับซีโมนว่า “ท่านคือซีโมนคนเก่าแต่บัดนี้ท่านได้กลายเป็นเคฟาสคนใหม่ซึ่งแปลว่า ศิลา แล้ว ”

พี่น้องที่รักครับ มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเขาได้เล่าต่อๆกันมาว่า อนุสาวรีย์ของประธานาธิบดีลินคอร์นที่อยู่ใกล้แม่น้ำโปโตแมคในกรุงวอชิงตันดีซีนั้นถูกแกะสลักโดยปฏิมากรที่มีชื่อว่า บรุคลินน์ เมื่อปฏิมากรคนนี้ได้เลือกหินที่มีคุณภาพได้ที่แล้วเขาก็จะลงมือแกะสลักอนุสาวรีย์ของท่านประธานาธิบดีตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. ของทุกวันโดยเริ่มแกะจากศีรษะของประธานาธิบดีไล่ลงมา และในการแกะสลักนี้ก็มักที่จะมีเศษหินกระเด็นตกลงมาบนพื้นเป็นจำนวนมากและในทุกเช้าวันใหม่ ก็จะมีผู้หญิงผิวดำคนหนึ่งก็จะมากวาดเศษหินนี้ออกไปทุกเช้าโดยไม่ได้สังเกตถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

                จนวันหนึ่ง…ซึ่งเป็นวันที่เขาก็ได้เข้ามากวาดพื้นตามปกตินั่นแหละ แต่เขาก็ต้องตกตะลึง เพราะอะไร ? เพราะเขาเห็นศีรษะของท่านประธานาธิบดีลินคอร์นนั้นโผล่ออกมาจากก้อนหินนั้น หญิงผิวดำคนนี้ตะโกนถามบุคลินน์ว่า เฮ้……..พ่อหนุ่มเธอรู้ได้อย่างไรว่าหัวของท่านประธานาธิบดีอยู่ในก้อนหินนี้

                สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นรู้ได้อย่างไรว่ามี 1 ) เคฟาสอยู่ในซีโมน 2 ) ศิลาอยู่ในเปลือกกล้วย ไม้อ้อ ไม้ปักขี้ควาย 3. Saint อยู่ใน Sin หรือว่ามีนักบุญอยู่ในคนบาป

                เฉกเช่นเดียวกับเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาพี่ - น้องที่รัก ที่โตนนั้นดูไม่ขึ้นเหมือนในเวลานี้ ในเวลานั้นโตนใส่รองเท้าผ้าใบมาคริสตจักรฯ หัวแม่โป้งยังโผล่อกมาจากรองเท้าเลย แน่นอนผมเห็นปัจจุบันของเขาในเวลานั้น ที่สนใจแต่จะเตะฟุตบอลที่โรงเรียนกับเล่นกีตาร์ในสถานที่ฝึกงานมากกว่าจนนายจ้างต้องบ่นให้กับรินทร์ฟัง

ดังนั้น....หลายๆคนจึงไม่เชื่อว่าโตนนั้นจะเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าได้แต่ผมกับไม่ได้คิดและไม่ได้มองอย่างที่พี่น้องมองผมกับคิดและมองโตนด้วยสายตาเดียวกันกับที่พระเยซูทรงมองเปโตรในตอนี้ นั่นก็คือ ผมมองว่าเขาน่าที่จะเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าได้ และเขาน่าที่จะเป็นหลักให้กับคริสตจักรฯแห่งนี้ได้ ซึ่งในเวลานี้เขาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ กลับมาที่พระวจนะคำของพระเจ้า

พี่น้องที่รักครับ ชีวิตของเปโตรที่ถูกสร้างขึ้นใหม่นั้นเป็นเหตุทำให้เปโตรได้ยืนขึ้นเทศนาในวัน “เพ็นเทคอส” ทำให้คนที่มาฟังเขาเทศนา ซึ่งพระคำของพระเจ้าก็ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่ามีจำนวนถึง 3,000 คนและ 5,000 คนได้กลับใจมาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมครับพี่น้องที่รัก ? ที่ซีโมนจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งนั่นหมายความว่า พระคุณของพระเจ้ามิใช่มีเพียงเพื่อที่เราทั้งหลายจะได้รับความรอดในบึงไปนรกแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พระคุณของพระเจ้านั้นยังมีเอาไว้เพื่อที่จะช่วยเราและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราด้วยเช่นกัน

@ ผมขอเป็นพยานเกี่ยวกับเรื่องของห้องน้ำชายทั้ง 4 ห้องที่ถูกสร้างขึ้นใหม่

@และที่สำคัญนั่นก็คือพระคุณของพระเจ้าที่เปโตรได้รับนี้ก็สามารถที่จะช่วยเหลือพี่น้องและผมรวมทั้งเปลี่ยนแปลงชีวิตของพี่น้องและผมได้ด้วยเช่นเดียวกัน อาเมน

ถ้าเรายอมเอาชีวิตของเรามาให้พระเยซูเปลี่ยน ชีวิตของเราก็จะถูกเปลี่ยนใหม่ เป็นศิลาเป็นรากฐาน เป็นที่ยึดเหนี่ยว ให้กับผู้เชื่อรุ่นต่อไปที่จะใช้ยึดเป็นหลักในการดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าต่อไป

น่าเสียดายตรงที่ว่า มีคริสเตียนไทยอยู่จำนวนไม่น้อยเลยครับพี่น้องที่รัก ที่เชื่อพระเจ้ากันมาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี แต่ชีวิตของเขานั้นไม่ได้เป็นหลักอะไรเลยที่จะให้ผู้เชื่อรุ่นต่อไปได้ยึดเป็นหลักในการดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าต่อไป

สรุป จุดดีซึ่งเป็นจุดแข็งของเปโตร                 

ประการที่ 1.เขาเชื่อฟังการทรงเรียกนั้น        ประการที่ 2.เขามีความเป็นผู้นำ ประการที่ 3.เขายอมให้พระเยซูสร้าง

และถ้าพี่น้องท่านใดสนใจที่อยากที่จะศึกษาชีวิตของอัครทูตท่านนี้มายิ่งขึ้น ผมก็มี VCD& DVD มาจำหน่ายให้กับพี่น้องในเช้าวันนี้ด้วย ในราคาที่พิเศษติดต่อได้ที่น้องโตนนะครับ อยากจะบอกกับพี่น้องว่าไม่ซื้อไม่หาไม่ว่านะครับแต่ขอหนุนใจว่าทุกคนต้องมี ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

Green City