งาน 3 ศาสนิกเทอดไท้องค์ราชันย์

คำเทศนา งาน 3 ศาสนิกเทอดไท้องค์ราชันย์

          

ขอพระคุณ ความรักและสันติสุขขององค์พระเยซูคริสต์ ดำรงอยู่อยู่กับท่านผู้ว่าราชการ จ. สมุทรสงคราม ท่านหัวหน้าส่วนราชการในเขตพื้นที่ต่างๆ และพี่ - น้องประชาชนชาว จ. สมุทรสงคราม ที่เคารพรักทุกท่าน บ่ายวันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้มีโอกาสมายืนอยู่ท่ามกลางท่านทั้งหลายและมีความยินดี ที่จะได้มีโอกาสมาแบ่งปันพระวจนะคำขององค์พระเยซูคริสต์ ให้แก่ท่านทั้งหลายได้สดับและรับฟังกัน

            แขกผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่านครับ เมื่อข้าพเจ้าได้มีโอกาสที่จะอ่านพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับเรื่องของคุณธรรม 4 ประการ ข้าพเจ้าพบว่าพระราชดำรัสที่พระองค์ได้ทรงให้ไว้กับเราทั้งหลายนั้นเป็นถ้อยคำที่ประเสริฐ และถ้อยคำที่ประเสริฐนี้เล็งตรงอย่างมีเป้าหมายมาถึงพสกนิกรของพระองค์ทั้ง 60 กว่าล้านคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะมีความเชื่อหรือมีความนับถืออยู่ในศาสนาใดก็ตาม

สิ่งที่ข้าพเจ้าพบอีกประการหนึ่งนั่นก็คือ การสนองตอบต่อพระราชดำรัสนี้ผ่านทางหน่วยงานราชการต่างๆทั้งของภาครัฐและเอกชน ที่มักจะนำเอาพระราชดำรัสของพระองค์ท่านนั้นมาขยายตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้นและติดไว้ตามสถานที่สำคัญๆต่างๆ รวมทั้งการนำมวลชนออกมากล่าวสัจวาจาต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ท่าน เพื่อให้คำมั่นสัญญาว่าเราทั้งหลายนั้นจะน้อมนำพระดำรัสต่างๆเหล่านั้นไปประพฤติ ไปปฏิบัติ

คำถามที่น่าสนใจ ที่ข้าพเจ้าอยากที่จะหนุนนำให้ท่านทั้งหลายได้ช่วยกันพิจารณากลั่นกรองและใคร่ครวญในบ่ายวันนี้ร่วมกันก็คือว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เราทุกๆ คนนะครับ ( มิใช่บางคน ) ต่างได้นำสิ่งที่เราได้กระทำพันธสัญญาไว้กับพระองค์ท่านนั้น ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก

และเมื่อข้าพเจ้าได้กล่าวมาถึงตรงนี้ ก็ทำให้ข้าพเจ้านั้นคิดถึงในพระวจนะคำขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าที่ได้ทรงตรัสสอน และได้มีการบันทึกเอาไว้ในพระธรรม ยากอบ 1:23 พระคำของพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า   เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระดำรัสและไม่ได้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตนเองในกระจกเงา

ข้าพเจ้าขออนุญาตที่จะยกตัวอย่างเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เช่น ถ้าข้าพเจ้าบอกกับคนอื่นหรือบอกกับใครต่อใครว่า ข้าพเจ้าเป็นคริสตชนหรือเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่มีจิตใจที่จะเมตตาสงสารผู้อื่น ข้าพเจ้ารักความอยุติธรรมมากกว่าความยุติธรรม ข้าพเจ้าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตอยู่ในชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารักที่จะเห็นความแตกแยก แตกร้าวในสังคมมากกว่าที่จะเห็นการอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข อาจจะกล่าวได้ว่าคนๆนั้นไม่ใช่คริสเตียน อาจจะกล่าวได้ว่าคนๆนั้นไม่ได้เป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอย่างแท้จริง อาจจะกล่าวได้ว่าคนๆ นั้นไม่ได้เป็นคนที่มีคุณธรรม

ด้วยเหตุนี้เองเป็นเหตุทำให้คริสต์ศาสนาทั้งหลาย จะต้องไปที่โบสถ์หรือไปที่คริสตจักรในทุกๆวันอาทิตย์ ไปเพื่อที่จะรับฟังพระดำรัสของพระเจ้า เพื่อที่จะนำคำสอนนั้นมาสำรวจตรวจสอบชีวิตของตนเองว่าเรานั้นได้ไปถึงพระดำรัสสั่งที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงตรัสสอนเราเอาไว้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเรายังไปไม่ถึงมาตรฐานที่พระเจ้าได้ทรงวางเอาไว้ให้กับเรา ก็ให้เราได้อธิษฐานหรือทูลขอ เพื่อที่คุณธรรมในชีวิตของเรานั้นจะได้มีการพัฒนาและไปถึงมาตราฐานที่พระองค์ได้ทรงวางเอาไว้ให้กับเรา

เช่นเดียวกับสัจวาทะ ที่เราทั้งหลายต่างได้เป็นผู้กระทำพันธสัญญานี้ไว้กับต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ท่าน เราเองก็จะต้องหมั่นคอยสำรวจตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอว่า เรานั้นได้นำคุณธรรมทั้ง 4 ประการนี้ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน ถ้าเราทุกคนต่างได้ให้สัจวาทะกับพระองค์ท่าน แต่เรากับไม่ได้นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตของเรานั่นก็เท่ากับว่าเรากำลังลวงตนเองและลวงผู้อื่นด้วย เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอเรียกร้องจากท่านทั้งหลายในที่นี้ ที่เราจะนำคุณธรรมดังกล่าวนี้ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินการชีวิตของเราอย่างแท้จริง

ในขณะเดียวกันถ้าเราทุกคน ต่างได้นำคุณธรรมที่ว่านี้ ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของเราแล้ว เราก็จะต้องพิจารณาต่อไปด้วยว่า เราจะพัฒนาคุณธรรมต่างๆเหล่านี้ ให้มันมีความจำเริญขึ้นในชีวิตของเรานั้นได้อย่างไร อันนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญด้วยเช่นกัน

ซึ่งข้าพเจ้าขอที่จะอธิบายความถึง การพัฒนาคุณธรรมที่เราจะให้มันจำเริญขึ้นในชีวิตของเราเพื่อที่จะต่อยอดและเป็นพรให้กับผู้คนรอบข้างหรือเป็นพรให้กับในสังคมว่า เราควรที่จะทำอย่างไร เช่น

ถ้าท่านอยู่ในฐานะผู้เป็นบิดา เป็นมารดาหรือเป็นผู้นำครอบครัว ท่านก็จะต้องมีภารกิจ มีหน้าที่ๆ จะต้องคอยดูแลบุตรหลานของตนเองด้วยว่า เขานั้นมีความระวังระไว ในการที่จะใช้คุณธรรมในการดำเนินชีวิตของตัวเองมากน้อยแค่ไหน

ถ้าท่านนั่งอยู่ในตำแหน่งสูง เป็นผู้บังคับบัญชาคน ท่านเองไม่เพียงแต่จะมอบขอบเขต ความรับผิดชอบหรือหน้าที่ในการทำงานให้กับเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ท่านจะต้องคอยหมั่นตรวจตราคนที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่านด้วยความเอาใจใส่ ว่าเขามีคุณธรรมในตำแหน่งหน้าที่การงานของเขานั้นมากน้อยแค่ไหน

ถ้าท่านเป็นผู้นำมวลชนหรือท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ที่มีผู้คนในชุมชนต่างให้ความเคารพและนับถือ ท่านก็จะต้องดำเนินชีวิตด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านคุณธรรมให้กับคนในชุมชน ให้กับคนในสังคม หรือให้กับคนที่เขาให้ความเคารพนับถือท่านนั้นได้แลเห็น

ปัญหาหนึ่งของประเทศนี้ เมืองนี้ นั่นก็คือ เรามีผู้ใหญ่เยอะแต่เราขาดแคลนผู้ที่จะเป็นหลักให้กับสังคมไทยนี้อยู่มาก ขอที่เราทั้งหลายซึ่งนั่งอยู่ใน ณ. ที่แห่งนี้จะเป็นทั้งผู้หลักและจะเป็นทั้งผู้ใหญ่ในคราวเดียวกันด้วย

และสุดท้ายถ้าท่านเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ ซึ่งข้าพเจ้าหมายถึงตัวของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าหมายถึงท่านโต๊ะอีหม่าม ข้าพเจ้าหมายถึงท่านเจ้าอาวาส พวกเราซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณเราเองก็จะต้องคอยเอาใจใส่การเทศน์ การสอน ให้กับคนในศาสนิกของตนอย่างเข้มข้นและเข้มแข็ง พร้อมๆกับเรียกร้องให้คนในศาสนิกนั้นๆ ได้เห็นคุณค่าโดยการนำคุณธรรมต่างๆ เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันอย่างแท้จริง

เหตุที่ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่า นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา เราต่างมีความเชื่อที่ว่าถ้ามนุษย์เราได้รับการศึกษามากขึ้น ความชั่วร้ายต่างๆในสังคมจะต้องลดน้อยลง แต่ในปัจจุบันนี้เราพบแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะปัจจุบันนี้ปัญหาทางสังคมก็ยังคงอยู่

แม้ว่ามนุษย์จะมีการศึกษาที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้การศึกษาภาคบังคับจะถูกเปลี่ยนให้สูงขึ้นจาก ป.4 เป็น ป.6 หรือจะเป็น ม.3 ก็ตาม แม้เราจะมีการปฏิรูปการศึกษาใหม่ แม้เราจะเอาคุณธรรมนำวิชาการ แม้เราจะบรรจุวิชาศาสนาลงในหลักสูตรให้มากขึ้น แม้เราจะปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอนโดยให้เด็กนักเรียนเป็นศูนย์กลางหรือแม้แต่เราจะพัฒนาคุณภาพครูให้ดีขึ้นก็ตาม แต่สังคมก็ยังไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่เราปรารถนา ซึ่งแท้ที่จริงแล้วประเทศของเรานั้นได้พัฒนาการศึกษาไปมากตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา แต่คุณธรรมของคนไทยจำนวนมากก็ยังเหมือนเดิม และในบางด้านดูจะเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิมด้วย เช่น ปัญหาสังคมบางด้านเลวลง ปัญหาใหม่ๆ ในสังคมเกิดขึ้นมากในแต่ละวัน เป็นต้น อาจจะกล่าวได้ว่า เวลานี้สังคมไทยป่วยเป็นเพราะมนุษย์เป็นภาชนะที่ร้าวก็ว่าได้

ดังนั้นพระศาสนาจำเป็นอย่างเหลือเกินที่จะต้องเรียกร้องให้คนในศาสนิกของตน ได้เห็นคุณค่าและนำคุณธรรมนั้นไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของตนอย่างแท้จริง

ถ้าหากพระศาสนาไม่เรียกร้องคนในศาสนิกของตน ในที่สุดกระแสของโลกซึ่งเน้นกันที่

1 ) วัตถุนิยมมันก็จะเรียกร้องเขา

2 ) เกียรติ ลาภยศ คำสรรเสริญ ทรัพย์สินเงินทอง มันก็จะชะล้างคุณธรรมออกไปจากชีวิตของเขา

ถ้าหากพระศาสนาไม่เรียกร้องคนในศาสนิกของตน ให้ตั้งมั่นคงอยู่ในคุณธรรมในที่สุดเขาจะแยกพระศาสนาออกจากการดำเนินชีวิต ซึ่งในเวลานี้ก็มีคนไทยกว่าครึ่งประเทศ ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในลักษณะที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมา กล่าวคือ บาปส่วนบาป บุญส่วนบุญ เป็นต้น เพราะฉะนั้นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณทั้งหลายจะต้องเรียกร้องคนในศาสนิกของตนให้ตระหนักถึงการมีชีวิตที่มีคุณธรรมอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นในบ่ายวันนี้ ข้าพเจ้าจึงขอหนุนนำให้ท่านทั้งหลาย ได้ทบทวนถึงสัจวาทะที่เราทั้งหลายได้เคยให้ไว้กับพระองค์ท่านก่อนหน้านี้ และรวมทั้งในบ่ายวันนี้ด้วย ที่เราทั้งหลายจะตระหนักถึงคุณค่า โดยการนำคุณธรรมที่ได้กล่าวมาไปประพฤติ นำไปปฏิบัติอย่างแท้จริง และสุดท้ายข้าพเจ้าอยากจะบอกกับท่านทั้งหลายว่า สัจวาทะที่ดีนั้นจะต้องเป็นสัจวาทะที่เชื่อถือได้ ขอพระเจ้าอำนวยพระพรทุกท่าน สวัสดี

Green City