ความเชื่อของนางมารีย์

คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อของนางมารีย์

          ลก.1:25-55 26 เมื่อถึงเดือนที่หก พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์กาเบรียลนั้น ให้มายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ชื่อนาซาเร็ธ 27 มาถึงหญิงพรหมจารีคนหนึ่ง ที่ได้หมั้นกันไว้กับชายคนหนึ่งที่ชื่อโยเซฟ เป็นคนในเชื้อวงศ์ดาวิด หญิงพรหมจารีนั้นชื่อมารีย์ 28 ทูตสวรรค์เข้าบ้านมาถึงหญิงพรหมจารีนั้น แล้วว่า "เธอผู้ซึ่งพระเจ้าทรงโปรดปรานมาก จงจำเริญเถิด พระเป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับเธอ" 29 ฝ่ายมารีย์ก็ตกใจเพราะคำของทูตนั้น และรำพึงว่า คำทักทายนั้นจะหมายว่าอะไร 30 แล้วทูตสวรรค์จึงกล่าวแก่เธอว่า "มารีย์เอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะเธอเป็นที่พระเจ้าทรงโปรดปรานแล้ว 31 ดูเถิด เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู 32 "บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะทรงเรียกว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระเจ้าจะทรงประทานพระที่นั่งของดาวิดบรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่าน 33 และท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่รู้จักสิ้นสุดเลย"

          34 ฝ่ายมารีย์ทูลทูตสวรรค์นั้นว่า "เหตุการณ์นั้นจะเป็นไปอย่างไรได้ เพราะข้าพเจ้ายังหาได้ร่วมกับชายไม่" 35 ทูตสวรรค์จึงตอบนางว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาบนเธอ และฤทธิ์เดชของผู้สูงสุดจะปกเธอ เหตุฉะนั้นบุตรที่จะเกิดมานั้นจะได้เรียกว่าวิสุทธิ์และเรียกว่าพระบุตรของพระเจ้า 36 ดูซิ ถึงนางเอลีซาเบธญาติของเธอชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์มีบุตรเป็นชายด้วย บัดนี้นางนั้นที่คนเขาถือว่าเป็นหญิงหมัน ก็มีครรภ์ได้หกเดือนแล้ว 37 เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้" 38 ส่วนมารีย์จึงทูลว่า "ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นทาสีของพระเป็นเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน" แล้วทูตสวรรค์นั้นจึงจากเธอไป 39 คราวนั้นมารีย์จึงรีบออกไปถึงเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแห่งยูเดีย 40 แล้วเข้าไปในเรือนของเศคาริยาห์ทักทายปราศรัยนางเอลีซาเบธ 41 เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำปราศรัยของมารีย์ ทารกในครรภ์ของเขาก็ดิ้น และนางเอลีซาเบธก็เต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 42 จึงร้องเสียงดังว่า "ในบรรดาสตรีท่านได้รับพระพรมาก และทารกในครรภ์ของท่านก็ได้รับพระพรด้วย

          43 เป็นไฉนข้าพเจ้าจึงได้ความโปรดปรานเช่นนี้ คือ มารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าได้มาหาข้าพเจ้า 44 เพราะ ดูเถิด พอเสียงปราศรัยของท่านเข้าหูข้าพเจ้า ทารกในครรภ์ของข้าพเจ้าก็ดิ้นด้วยความยินดี 45 สตรีที่ได้เชื่อก็เป็นสุข เพราะว่าจะสำเร็จตามพระดำรัสจากพระเป็นเจ้าที่มาถึงเขา" 46 นางมารีย์จึงว่า "จิตใจของข้าพเจ้าก็ยกย่องพระเจ้า 47 และวิญญาณของข้าพเจ้าก็เกิดความยินดีในพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า 48 เพราะพระองค์ทรงห่วงใยฐานะอันยากต่ำแห่งทาสีของพระองค์ เพราะนั่นแหละ ตั้งแต่นี้ไปคนทุกชั่วอายุจะเรียกข้าพเจ้าว่าผาสุก 49 เพราะว่าผู้ทรงฤทธิ์ได้ทรงกระทำการใหญ่กับข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ก็บริสุทธิ์ 50 พระกรุณาของพระองค์มีแก่บรรดาผู้ยำเกรงพระองค์ทุกชั่วอายุสืบไป 51 พระองค์ทรงสำแดงฤทธิ์ด้วยพระกรของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำให้คนที่มีใจเย่อหยิ่งแตกฉานซ่านเซ็นไป 52 พระองค์ทรงถอดเจ้านายจากพระที่นั่ง และพระองค์ทรงยกผู้น้อยขึ้น 53 พระองค์ทรงโปรดให้คนอดอยากอิ่มด้วยสิ่งดี และทรงกระทำให้คนมั่งมีไปมือเปล่า

          54 พระองค์ทรงช่วยอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ คือพระองค์ทรงจดจำพระกรุณาของพระองค์ 55 ที่มีต่ออับราฮัม และต่อพงศ์พันธุ์ของท่านเป็นนิตย์ ตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้กับบรรพบุรุษของเรา

          จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไรพระคำของพระเจ้าได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า นางมารีย์เป็นหญิงพรหมจารีย์ เป็นหญิงที่บริสุทธิ์ เธอเป็นคนที่พระเจ้าทรงโปรดปรานมาก

          แต่อยู่มาวันหนึ่งฑูตสวรรค์ของพระเจ้าก็ได้มาปรากฏแก่นางมารีย์และได้บอกกับนางมารีย์ในข้อที่ 31-32 ว่า  เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู "บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะทรงเรียกว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด”

        คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า อยู่ๆถ้าวันหนึ่งมีคนมาพูดกับพี่น้องแบบนี้ คำถามคือว่า พี่น้องจะตกใจไหมครับ ? เป็นใครๆก็ต้องตกใจ

          เมื่อทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้มาปรากฎต่อนางมารีย์และได้พูดกับนางมารีย์ในเรื่องที่สำคัญอย่างนี้ นางมารีย์ก็ตกใจมากด้วยเช่นเดียวกัน สาเหตุที่นางมารีย์ตกใจมากเพราะอะไรครับ ?

          เพราะนางมารีย์เธอเพียงแค่ได้หมั้นหมายกับโยเซฟเท่านั้น เธอยังไม่ได้แต่งการแต่งงานกับโยเซฟ  นางมารีย์จึงยังไม่ได้หลับนอนกับโยเซฟในฐานะฉันสามีภรรยาแต่อย่างใด ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากๆๆๆที่อยู่ๆนางมารีย์จะมีบุตร

          แต่ทูตสวรรค์ของพระเจ้าก็ได้ให้คำตอบกับนางมารีย์เอาไว้ในข้อที่ 35 - 37 ทูตสวรรค์จึงตอบนางว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาบนเธอ และฤทธิ์เดชของผู้สูงสุดจะปกเธอ เหตุฉะนั้นบุตรที่จะเกิดมานั้นจะได้เรียกว่าวิสุทธิ์และเรียกว่าพระบุตรของพระเจ้า เธอจะถือกำเนิดโดย“ฤทธิ์เดชแห่งองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์”

          ก่อนที่เราจะไปกันต่อ ผมขออนุญาตขีดเส้นใต้เอาไว้ตรงนี้สักครู่ ผมอยากจะบอกกับพี่น้องว่า มีคริสตจักรหลายที่หลายแห่ง มักจะสอนพี่น้องสมาชิกให้เข้าใจถึงขอบเขต , ความรับผิดชอบและหน้าที่ของพระเจ้าสามพระภาคดังนี้ว่า

                    1 ) พระเจ้า พระบิดา ทำหน้าที่ สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก

                    2 ) พระเจ้า พระบุตร ทำหน้าที่ในการทรงไถ่ และ

                    3 ) พระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำหน้าที่ ช่วยเราทั้งหลายในเวลานี้

          ที่สำคัญองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงสัญญาเอาไว้ก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นไปอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์ว่า จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาเพื่ออยู่กับเรา

          พี่น้องสมาชิกโดยส่วนมากจึงมักที่จะเข้าใจแบบที่ได้กล่าวมาซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะครับ โดยเหตุนี้ผู้เชื่อโดยส่วนมากจึงมักที่จะพูดว่านี่คือ ยุคของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ยุคของพระคุณ

          แต่พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 35 นี้ ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มารีย์จะถือกำเนิดโดย ฤทธิ์เดชแห่งองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งนั่นหมายความว่า งานของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นมีมาโดยตลอด ถ้าพี่น้องอ่านพระคัมภีร์และถ้าพี่น้องยังจำกันได้งานของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีมาตั้งแต่สร้างโลกแล้ว

          กลับมาที่พระคำของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง (ย้ำในหน้าที่ 5 อีกครั้ง) และทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ยกตัวอย่างโดยการพูดถึงญาติสนิทของนางมารีย์คนหนึ่ง ว่าเขาได้ให้กำเนิดลูกโดยฤทธิ์เดชแห่งองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยเช่นเดียวกัน อ่านในข้อ 36 ดูซิ ถึงนางเอลีซาเบธญาติของเธอชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์มีบุตรเป็นชายด้วย บัดนี้นางนั้นที่คนเขาถือว่าเป็นหญิงหมัน ก็มีครรภ์ได้หกเดือนแล้ว

          คำพูดของทูตสวรรค์ในข้อที่ 36 ไม่เพียงแต่หยุดความตกใจกลัวของนางมารีย์เท่านั้น  แต่ทำให้นางมารีย์นั้นได้มีโอกาสที่จะคิด ได้พิจารณา

          พี่น้องที่รักครับ บางครั้งชีวิตของเราก็ต้องมีใครสักคนที่ต้องพูดเข้าไปในชีวิต พูดเข้าไปในจิตวิญญาณของพี่น้องแบบนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนพี่น้องจะฟังที่เขาพูดหรือไม่ฟังในสิ่งที่เขาพูดก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นางมารีย์เลือกที่จะฟัง

          ฑูตสวรรค์ของพระเจ้าได้พูดถึงพระสัญญาของพระเจ้าให้กับนางมารีย์ ฟังในข้อที่37 เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้"

          สิ่งที่พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกกับเรานั่นก็คือว่าการเดินกับพระเจ้า

                    1 ) พี่น้องจะต้องมีพระคำของพระเจ้าอยู่ในชีวิต

                    2 ) พี่น้องจะต้องได้ยินเสียงของพระเจ้า พี่น้องได้ยินเสียงที่พระเจ้าตรัสกับพี่น้องล่าสุดเมื่อไหร่

                    3 ) พี่น้องจะต้องมีประสบการณ์กับพระเจ้าหรือกับองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ 

          เมื่อนางมารีย์ได้รับการอธิบายจากทูตสวรรค์จนเข้าใจแล้ว ข้อที่ 38 จึงทำให้เราทราบว่า นางมารีย์จึงได้ตัดสินใจที่จะเชื่อฟังพระสัญญาของพระเจ้าหรือเชื่อฟังพระเจ้านั่นเอง นางมารีย์จึงพูดว่า “ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน"

          คำถามคือว่า นางมารีย์วางตัวในการที่จะเชื่อฟังพระเจ้าในเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ส่วนมารีย์จึงทูลว่า "ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นทาสีของพระเป็นเจ้า”

          นางมารีย์วางตัวในการที่จะเชื่อฟังพระเจ้าโดยถือว่าตัวเองนั้นเป็นทาสของพระคริสต์ “เป็นทาส” นายใช้ให้ทำอะไรเลือกได้ไหมครับ ? “เป็นทาส” นายจะใช้ให้ทำอะไรก็ต้องทำ

          สิ่งหนึ่งที่พี่น้องจะต้องรู้และพี่น้องเข้าใจนั่นก็คือว่า นางมารีย์ยอมให้พระเจ้าใช้เธอในเรื่องที่สำคัญนี้ในขณะที่นางมารีย์นั้นมีอายุประมาณเพียง 15-16 ปี เท่านั้น

          พี่น้องคิดว่านางมารีย์ต้องทนต่อ 1 ) ความอับอายมากน้อยเพียงใด 2 ) ความทุกข์ยากมากเพียงใดทั้งการไม่มีโรงแรมให้พัก ต้องไปนอนที่โรงนา อีกทั้งต้องคอยหลบๆซ่อนๆจากการถูกติดตามของกษัตริย์เฮโรดที่ชั่วร้ายและอื่นๆอีกมากมาย แต่ถึงกระนั้นนางมารีย์ก็มียินดีและเต็มใจในการที่จะรับฉันทะภาระนี้เอาไว้

          ปัจจุบันหลายคนอยากรับใช้พระเจ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่หลายคนไม่อยากลำบาก อยากสบาย อยากมีเงินเงินเดือนที่แน่นอน มีสวัสดิการ มีโบนัส เบิกค่าเล่าเรียนบุตร เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ มีการไปทัศนศึกษาที่อิสราเอล ซึ่งอันนี้เป็นท่าทีที่ไม่ถูกต้อง

          อ.ดา รับใช้พระเจ้ามาเกือบ 30 ปี ผมรับใช้พระเจ้ามา 23 ปี เราทั้ง 2 คนเข้ามาสู่การรับใช้ด้วยหัวใจรักที่มีต่อพระเจ้า สำนึกพระคุณของพระเจ้าที่มามาเหนือชีวิตของเราเสมอ ดังนั้นจะมีเงินเดือนหรือไม่มีเงินเดือนเราทั้ง 2 คน ต่างก็ยังคงปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าต่อไปจนกระทั่งความตายได้แยกเราจากกัน

          เรื่องที่นางมารีย์ได้รับมอบจากองค์พระผู้เป็นเจ้าในเรื่องการกำเนิดพระกุมารเยซูถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ไหมครับ ? จะพูดกับคนทั่วไปได้ไหมครับ ? คนไทยเชื้อสายพุทธ เขามีคำพูดหนึ่งคือคำว่า ศีลเสมอกัน

          ดังนั้นการพูดในเรื่อง 1) ความเชื่อ 2) นิมิต 3) ฝ่ายวิญญาณ เราจะต้องพูดกับคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ ต่อให้เป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเหมือนกัน แต่ใช่ว่าเราจะพูดกับใครก็ได้

          อ.ทิม ได้เล่าให้ผมฟังว่าที่อเมริกา ถ้าคุณถามเขาว่าคุณเป็นคริสเตียนไหม ? เขาก็จะตอบคุณว่าเขาเป็นคริสเตียน แต่เขาไม่ได้บังเกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขามีคริสต์เป็นเพียงศาสนาหนึ่งเท่านั้น

          ดังนั้นการที่เราจะพูดในเรื่อง 1) ความเชื่อ 2) นิมิต 3) ฝ่ายวิญญาณ เราจะต้องพูดกับคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณเท่านั้น  ด้วยเหตุนี้พี่น้องจึงไม่ต้องแปลกใจว่า  ทำไมนางมารีย์จึงเลือกที่จะพูดคุยหรือสนทนาในเรื่องที่สำคัญนี้กับนางเอลีซาเบธเท่านั้น ซึ่งพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ในข้อที่ 39-41

          39 คราวนั้นมารีย์จึงรีบออกไปถึงเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแห่งยูเดีย 40 แล้วเข้าไปในเรือนของเศคาริยาห์ ทักทายปราศรัยนางเอลีซาเบธ

          41 เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำปราศรัยของมารีย์ ทารกในครรภ์ของเขาก็ดิ้นและนางเอลีซาเบธก็เต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์

          นางมารีย์เต็มไปด้วยพระวิญญาณไหมครับ ? นางเอลีซาเบธเต็มไปด้วยพระวิญญาณไหมครับ ? คนฝ่ายวิญญาณกับคนฝ่ายวิญญาณด้วยกันเท่านั้นที่จะพูดคุยกันแล้วเข้าใจ

          ย้ำกับพี่น้องอีกครั้งหนึ่งนะครับว่า เรื่องที่นางมารีย์ได้รับมอบจากองค์พระผู้เป็นเจ้าในเรื่องของการกำเนิดพระกุมารเยซูในขณะนั้นนางมารีย์มีอายุประมาณเพียง 15-16 ปี เท่านั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ซึ่งนางมารีย์ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับนางบ้าง

          นางมารีย์อาจจะคุยกับนางเอลีซาเบธในทำนองที่ว่า 1 ) ฉันต้องถูกการเข้าใจผิด ถูกการดูหมิ่นและรับความอับอายมากขนาดไหน ? 2 ) ฉันจะถูกหินเขวี้ยงตายในเรื่องนี้ไหม ? 3 ) ฉันจะถูกติดตามฆ่าจากกษัตริย์เฮโรดไหม ?

          แต่เมื่อนางมารีย์ได้พูดได้คุยกับนางเอลีซาเบธ ซึ่งมีจิตวิญญาณระดับเดียวกัน พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 46-55 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า นางมารีย์เธอได้ 1) ขอบคุณพระเจ้า 2) นมัสการสรรเสริญ 3) ร้องบทเพลงบทใหม่ถวายแด่พระเจ้า

          คำถามคือว่า เมื่อพี่น้องต้องเจอกับเรื่องที่หนักๆไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม พี่น้องมีท่าทีแบบเดียวกับนางมารีย์ในตอนนี้ไหม ? หาคนที่มีจิตวิญญาณระดับเดียวกันหรือสูงกว่าที่พูดคุยเพื่อก่อร่างสร้างกันขึ้นทางความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า

          ผมพูดเสมอว่า มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากเลยที่เราจะเปล่งเสียงหรือกล่าวคำว่า “อาเมน” หรือ “ฮาเลลูยา” ด้วยเสียงที่ดัง เมื่อเราอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมากแบบนี้

          แต่ครั้นเมื่อเราต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียว (แบบดาเนียล) ที่ยืนโดยไม่ยอมก้มกราบนมัสการพระที่กษัตริย์เนบูคาเนสซาสร้างขึ้นมา อันนี้เป็นเรื่องที่จะพิสูจน์ความเชื่อของเราได้เป็นอย่างดีว่าเรานั้นเป็นคริสเตียน 1 ) จริงแท้แน่นอนแค่ไหน 2 ) เปลือกนอกหรือแก่นแท้

          ผลจากการที่นางมารีย์ตัดสินใจที่จะเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าหรือเชื่อฟังพระเจ้า คำถามคือว่าเธอได้รับอะไร ? ซึ่งในที่นี้เราจะไม่พูดถึงแผ่นดินสวรรค์และการมีชีวิตนิรันดรนะครับ

          ผลจากการที่นางมารีย์ตัดสินใจที่จะเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าหรือเชื่อฟังพระเจ้า คือ เธอได้รับเกียรติ

                    1 ) ในการอยู่ในโลกนี้กับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแบบหน้าต่อหน้า นานถึง 30 ปี

                    2 ) โดยชื่อของเธอได้ถูกจดบันทึกไว้เคียงคู่ข่าวประเสริฐขององค์พระเยซูคริสต์เจ้ามานานกว่า 2023 ปี และจะเคียงคู่กับประเสริฐขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าพระองค์เจ้าจะเสด็จกลับมา

                    สรุป ให้เรามีความเชื่อเช่นเดียวกับนางมารีย์ คือ เชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าที่ทรงตรัสว่า “เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้"

Key words : LK.1:25-55

Sermon : on the Faith of Mary

reacher: Pastor Kongphop

From the Word of God that we have read together, what do we find? What does the Word of God clearly tell us? Mary is a virgin. a pure woman She is very favored by God. But one day an angel of God appeared to Mary and told her in verses 31-32 that she would be pregnant and give birth to a son. You shall name him Jesus. “That son will be great. and will be called the sons of the Most High God.” The interesting question is that If one day someone suddenly talks to my siblings like this, the question is, will the siblings be shocked? Anyone would be shocked.

When the angel of God appeared to Mary and spoke to her about this important matter, Mary was also very shocked. What was the reason that Mary was so shocked?

Because Mary was only betrothed to Joseph. She had not yet completed her marriage to Joseph. So Mary had not slept with Joseph as husband and wife in any way. Therefore, it is very unlikely that Mary would suddenly have a child.

But the angel of God gave Mary an answer in verses 35-37. The angel said to her, “The Holy Spirit will come upon you. and the power of the Most High will protect you. Therefore the child that will be born will be called holy and will be called the Son of God. She will be born by “the power of the Holy Spirit.”

Before we go on Please allow me to underline this for a moment. I want to tell my brothers and sisters that There are many churches in many places. He often teaches fellow members to understand the scope, responsibilities, and duties of the Three Gods as follows:

1) God the Father created the heavens and the earth. god world

2) God the Son does the work of redemption and

3) God, the Holy Spirit, is working to help us all at this time.

Importantly, the Lord Jesus Christ promised before He ascended to be with His Heavenly Father: The Holy Spirit will be given to be with us. Most members tend to understand the above, which is not wrong. For this reason, most believers tend to say that this is The Age of the Holy Spirit The Age of Grace

But God's Word in verse 35 clearly tells us: Mary will be born by The power of the Holy Spirit which means The work of the Holy Spirit has always existed. If you read the Bible and remember, the work of the Holy Spirit has existed since the foundation of the world.

Let's come back to God's Word once more. And the angel of the Lord mentions a relative of Mary in verse 36. See, Elizabeth, her relative is old. She also became pregnant and had a son. Now that woman was considered barren. I'm already six months pregnant. By the power of the Holy Spirit as well.

The angel's words in verse 36 put a brake on Mary's panic. Make Mary think Sometimes we need someone to speak into our lives. Speak the same into the souls of your brothers and sisters. Whether or not the brothers will listen is another matter.

But Mary listened.

The angel of God spoke to Mary about God's promises. Listen to number 37. For there is nothing that God cannot do.” What God's Word wants to tell us is that walking with God Brothers and sisters must have

1) the Word of God in their lives;

2) experience with God or the Holy Spirit.

When Mary was explained by the angel, verse 38 tells us that So Mary made the decision to obey God's promises or obey God herself. Then Mary said, “I am ready to do according to your word.”

The question is how obedient Mary was in this matter.

The Word of God says: And Mary said, “Behold, I am the handmaid of the Lord.”

Mary positioned herself in obedience to God as a slave of Christ, a “slave.” Can the slave choose to do what she chooses? "Slave" The master will do whatever you want.

One thing that brothers must know and brothers understand is that Mary allowed God to use her in this important matter when she was only 15 or 16 years old.

How much humiliation do you think Mary must have endured? 2) How much suffering, including the lack of an inn? I had to sleep in the barn. They also have to hide from being pursued by the evil King Herod and many others.

But Mary was glad and willing to accept this burden. Many people today want to serve God. Which is a good thing. But many people don't want to be in trouble, want to be comfortable, want to have a stable salary, have benefits, bonuses, and reimburse their children's tuition fees. Can withdraw medical expenses There was a field trip to Israel. This is an incorrect attitude.

Ajarn Da has been serving the Lord for nearly 30 years. I have been serving the Lord for 23 years. Both of us came into service with love for God in our hearts. Always be grateful for God's grace over our lives. So, with or without salary, we both continued to serve God until death separated us.

Is the story that Mary received a commission from the Lord regarding the birth of the baby Jesus considered a big deal? Can I speak to the general public? Thai people of Buddhist descent He has a saying which is the word morality is equal.

Therefore, when speaking about 1) faith, 2) visions, and 3) spirituality, we must speak to people who are spiritually mature. Even if you are a believer in the Lord Jesus Christ as well. But it's not like we can talk to anyone

Professor Tim told me that in America If you ask him if you are a Christian ?

He will tell you that he is a Christian. But he was not born again into Christ Jesus. This means that he only has Christianity as a religion.

Therefore, when we speak about 1) faith, 2) visions, and 3) spirituality, we must speak only to people who are spiritually mature. Therefore, the brothers should not be surprised that Why did Mary choose to discuss this important matter only with Elizabeth? which the Bible records in verses 39-41

39 Then Mary hurried out to a city in the hill country of Judea, 40 and went into Zechariah's house. Greetings to Elizabeth 41 When Elizabeth heard Mary's speech, The baby in his womb struggled and Elizabeth was filled with the Holy Spirit.

Was Mary filled with the Spirit ? Was Elizabeth filled with the Spirit ?

Only spiritual people and spiritual people can talk and understand. I repeat to my brothers and sisters one more time: The matter of Mary receiving the gift from the Lord about the birth of the baby Jesus, at that time Mary was only about 15-16 years old, is considered a very big matter. Mary did not know what would happen to her in the future.

Mary might have said to Elizabeth something like: 1) I must have been misunderstood. How much disrespect and shame will I receive? 2) Will I be stoned to death for this matter? 3) Will I be pursued and killed by King Herod?

But when Mary spoke with Elizabeth who have the same level of spirit God's Word in verses 46-55 tells us clearly: Mary, she 1) thanked God, 2) worshiped and praised, 3) sang a new song to God.

he question is, when siblings are faced with a difficult matter, no matter what it is, Do the brothers behave in the same way as Mary did at this time? Find people of the same or higher spiritual level to talk with to build up faith in the Lord.

I always say that it is very easy for us to say “Amen” or “Hallelujah” out loud. When we live together in large numbers like this.

But when we were alone (like Daniel) who stood and refused to bow down and worship the gods that King Nebucanessa had made. This is a matter that will very well prove our belief that we are Christians:

  • How true is it ? 2) The outer shell or the core?

The result of Mary's decision to believe in God's promises or to obey God.

The question is, what did she get? Here we are not talking about the kingdom of heaven and eternal life.

The result of Mary's decision to believe in God's promises or to obey God was that she was glorified.

1 ) To live in this world with the Lord Jesus Christ face to face for up to 30 years.

  • Her name has been recorded alongside the good news of the Lord Jesus Christ for over 2023 years, and will continue to be alongside the good news of the Lord Jesus Christ until the Lord returns.

In conclusion, let us have the same faith as Mary, that is, believe in God's promise that He said: “For there is nothing which God cannot do.”

Green City