คลังทรัพย์อันรุ่งเรือง

คำเทศนาเรื่อง คลังทรัพย์อันรุ่งเรือง

        ฟป.4:19 และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์

       ผมอยากจะบอกกับพี่น้องอย่างสัตย์ซื่อและตรงไปตรงมาว่าท่ามกลางบรรดาพี่น้องผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเยอะแยะมากมายที่มีความเข้าใจในพระวจนะคำของพระเจ้าที่ไม่ถูกต้อง

       เช่น ใน อฟซ.2:8-10 รอดโดยความเชื่อ ตามที่ท่าน อ.เปาโล ได้กล่าวไว้ ทำให้ผู้เชื่อหลายคนจึงขาดการประพฤติ ขาดการปฏิบัติ

       คำถามคือว่า : อย่างนี้ถือว่าได้รับความรอดไหมครับ ? 

       ยก.2:22 , 24 ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อมีกำลังร่วมกับการประพฤติตามของท่าน และความเชื่อนั้นจะบริบูรณ์ด้วยการประพฤติ 24 ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ผู้ใดจะเป็นคนชอบธรรมได้ ก็เนื่องด้วยการประพฤติ และมิใช่ด้วยความเชื่อเพียงอย่างเดียว

       พระคำของพระเจ้าในหนังสือยากอบได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่ามิใช่ด้วยความเชื่ออย่างเดียวเท่านั้นแต่ต้องมีความประพฤติด้วยถึงจะรอด เฉกเช่นเดียวกับพระคำของพระเจ้าใน ฟป.4:19 ที่มีผู้เชื่อในพระคริสต์เจ้าจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

       พระคำของพระเจ้าในข้อนี้พูดถึง คลังทรัพย์ของพระเจ้า

       คำถามคือ พระเจ้าเป็นใครครับ ? ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ผู้เชื่อหลายคนจึงคิดว่า คลังทรัพย์ของพระเจ้าจึงเป็นมากยิ่งกว่าเงินคงคลังของทุกๆประเทศในโลกที่เอามารวมกัน หรือคลังทรัพย์ของพระเจ้าจึงเป็นมากยิ่งกว่าเงินและทองของมหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกที่เอามารวมกัน ซึ่งเป็นความคิดที่ถูกต้อง

       แต่เมื่อเรามีแนวคิดอย่างที่กล่าวมาผู้เชื่อหลายคนจึงคิดถึง คลังทรัพย์ของพระเจ้า ในเรื่องของ 1) วัตถุสิ่งของ 2 ) ทรัพย์สินเงินทอง 3 ) ความร่ำรวย ความมั่งคั่ง จริงไหมครับ ?

       และด้วยความเข้าใจในลักษณะดังที่ได้กล่าวไปเมื่อครู่ จึงไม่แปลกที่คำอธิษฐานของผู้เชื่อจำนวนมากก็มักที่จะมุ่งในการอธิษฐานขอกับพระเจ้าในเรื่องของวัตถุสิ่งของ ทรัพย์สิน เงินทอง ความร่ำรวยหรือความมั่งคั่งกับพระเจ้า

       เพราะผู้เชื่อส่วนมากเข้าใจว่า  ถ้าเราได้มีวัตถุสิ่งของหรือมีทรัพย์สินเงินทองเป็นจำนวนมากเอาไว้ครอบครองแล้วมันจะทำให้เรามีความสงบสุขในชีวิต

       โดยเฉพาะคนในยุคนี้ คนใน ค.ศ. นี้ ที่มวลมนุษย์ชาติกำลังเริ่มต้นเข้าสู่ยุคสุดท้ายยิ่งทำให้เราอยากมีสิ่งนั้นสิ่งนี้กันมากขึ้น  โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า

       เพราะฉะนั้นผู้เชื่อคนใดก็ตามที่มีความเข้าใจคำว่า คลังทรัพย์ของพระเจ้า หมายถึง ทรัพย์สินเงินทอง เพียงอย่างเดียว หรือเข้าใจว่ามีเงินแล้วจะสามารถซื้อสิ่งสารพัดได้ ผมอยากจะบอกกับพี่น้องอย่างสัตย์ซื่อและอย่างตรงไปตรงมาว่าพี่น้องกำลังเข้าใจผิด

       คำถามคือว่า เงินซื้อการเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าได้ไหมครับ ?

       เพราะฉะนั้น คลังทรัพย์ของพระเจ้า จึงไม่ได้หมายถึงทรัพย์สินเงินทองแต่เพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีความหมายที่ลึกซึ้งอื่นๆอยู่อีกมาก เช่น 1 ) ในความขาดแคลนแต่จากคลังทรัพย์ของพระเจ้าคุณจะมีครบ 2 ) ในความบกพร่องแต่จากคลังทรัพย์ของพระเจ้าคุณจะมีครบบริบูรณ์ 3 ) ในความอ่อนแอแต่จากคลังทรัพย์ของพระเจ้าคุณจะมีความเข้มแข็ง 4 ) ในความเป็นไปไม่ได้แต่จากคลังทรัพย์ของพระเจ้าจะมีความเป็นไปได้ และยังมีความหมายที่ลึกซึ้งอื่นๆอีกมากมาย

       พี่น้องทราบใช่ไหมครับว่า วัฒนธรรมของคนไทยอย่างหนึ่งคือ เป็นคนที่ติดคำพูดบางคำ เช่น คนระยองจะติดคำว่า หิ , คนใต้ก็จะติดคำพูดคำหนึ่งก่อนจะพูดอะไรเขาก็จะต้องพูดคำนี้ออกมาก่อนเป็นคำแรก , ส่วนคนภาคกลางก็จะติดคำหนึ่งคำนั้นคือคำว่า แต่

       เช่น ตอนนี้ผมมีทั้งตำแหน่ง มีทั้งหน้าที่การงาน ผมมีทั้งบ้าน มีทั้งรถ แต่ ทำไมชีวิตผมถึงยังไม่มีความสุข นี่คือสิ่งที่เขาขาด

       พระคำของพระเจ้าใน ฟป.4:19  สิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากคลังทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์มีอยู่ในพระเยซูคริสต์

       ในความขาดคุณจะมีครบ ถ้าคุณมีพระคริสต์อยู่ในชีวิต อย่างแท้จริง คำถามคือว่า ทำไมต้องอย่างแท้จริง เพราะหลายคนมารับเชื่อในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ แต่เพียงเปลือกนอกแต่แก่นแท้ไม่เอา มารับเชื่อพระเจ้าเพราะอยากเปลี่ยนศาสนาโดยแท้จริงแล้วคริสต์ไม่ใช่ศาสนา

       แต่เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างคนๆนั้นกับพระเจ้าและเป็นความสัมพันธ์ระหว่างพระกายกับพระกายด้วยกัน เพราะฉะนั้นในความขาด คุณจะมีครบอย่างแน่นอน ถ้าผู้เชื่อคนนั้นมีความสนิทสนมกับองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์

        จากคลังทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ ในความบกพร่อง คุณจะมีครบบริบูรณ์  พี่น้องที่รักครับพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากผงคลีดินและได้ระบายลมปราณจากคลังทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ลงไปมนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต

       ยน.6:63 จิตวิญญาณเป็นที่ให้มีชีวิต ส่วนเนื้อหนังไม่มีประโยชน์อันใด ถ้อยคำซึ่งเราได้กล่าวกับท่านทั้งหลายนั้น เป็นจิตวิญญาณและเป็นชีวิต

       ทุกวันนี้มนุษย์ซึ่งเป็นคนบาปตื่นเช้าขึ้นมา เขามักจะวิ่งหาวัตถุสิ่งของจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ ทรัพย์สิน เงินทองและอื่นๆอีกมากมาย แต่คลังทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระเจ้ามุ่งที่จะเติมเต็มภายในคือจิตวิญญาณของเราก่อน

       ถ้าภายนอกของเราดูดี แต่ภายในจิตวิญญาณของเรามันแห้งแล้ง คำถามคือ ภายนอกมันออกมาดีไหมครับ ? 

       ในทางตรงกันข้าม ถ้าภายในของเราดี ภายนอกดูดีไหมครับ

       ภายในคือจิตวิญญาณของเราดีส่งผลให้พระเจ้าเทพระพร จิตวิญญาณภายในไม่ดีส่งผลให้พระเจ้าเทหยดพระพร

       มลค.3:10 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่

       พระคำของพระเจ้าในข้อนี้บอกอะไรกับเรา ? จิตวิญญาณของเราต้องรักพระเจ้ามากกว่าทรัพย์สินเงินทอง ถ้าพระเจ้าทรงอวยพรเรา เราต้องไม่ลืมตัว เราต้องไม่หลงลืมพระเจ้า

       พระคำของพระเจ้าในข้อนี้บอกอะไรกับเรา ? จิตวิญญาณของเราต้องรักพระเจ้ามากกว่าทรัพย์สินเงินทอง ถ้าพระเจ้าทรงอวยพรเรา เราต้องให้กับพระเจ้าอย่าง เต็มที่เต็มขนาด ไม่ใช่ให้กับพระเจ้าแบบขาดๆหรือให้ตามอำเภอใจ

       3 ) ในความอ่อนแอคุณจะมีความเข้มแข็งจากคลังทรัพย์อันรุ่งเรื่องที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์

       พระคำของพระเจ้าในหนังสือ พกศ. บทที่ 16 ได้บอกกับเราว่า กษัตริย์อาหับได้ขึ้นครองอิสราเอลต่อจากพระบิดา กษัตริย์อาหับ ได้ทำในสิ่งที่ชั่วร้ายมากในสายพระเนตรของพระเจ้า

       นั่นคือ กษัตริย์อาหับได้รับนางเยเซเบล มาเป็นภรรยา ของตน รวมถึงกษัตริย์อาหับยังรับเอาพระบาอัลของนางเยเซเบลเข้ามาไว้ในดินแดนของพระเจ้าด้วย กษัตริย์อาหับทำผิดแล้วผิดอีก ทำผิดซ้ำซาก

       พระเจ้าทรงใช้เอลียาห์ผู้รับใช้ของพระเจ้าให้ไปเผยพระวจนะของพระเจ้ากับกษัตริย์อาหับ เอลียาห์ได้ตรัสกับกษัตริย์อาหับเอาไว้ว่าจะไม่มีฝนตกเป็นระยะเวลานานถึง 3 ปีครึ่ง นอกเสียจากทำตามสิ่งที่เขาจะบอก

       พี่น้องที่รักครับ กษัตริย์อาหับไม่เชื่อว่าเอลียาห์นั้นเป็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า นอกจากที่จะไม่เชื่อ กษัตริย์อาหับยังคิดว่าเอลียาห์เป็นคนที่มาสาปแช่งแผ่นดินของเขาอีกเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้วพี่น้องคิดว่า เอลียาห์จะอยู่ได้ไหม ?

       1 พกษ.17: 1-7 ฝ่ายเอลียาห์ชาวทิชบีผู้ซึ่งตั้งอาศัยอยู่ในกิเลอาด ได้ทูลอาหับว่า "พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ซึ่งข้าพระบาทปฏิบัติ ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในปีเหล่านี้

       นอกจากตามคำของข้าพระบาท"แล้วพระวจนะของพระเจ้ามายังท่านว่า 3 "จงออกไปจากที่นี่และหันไปทางตะวันออก และซ่อนตัวอยู่ที่ข้างลำธารเครีท ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 4 เจ้าจะดื่มน้ำจากลำธาร และเราได้บัญชาให้กาเลี้ยงเจ้าที่นั่น" 5 ท่านจึงไปและกระทำตามพระวจนะของพระเจ้า ท่านไปอาศัยอยู่ที่ข้างลำธารเครีท ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 6 และกาก็นำขนมปังและเนื้อมาให้ท่านในเวลาเช้า และนำขนมปังและเนื้อมาในเวลาเย็นและท่านก็ดื่มน้ำจากลำธาร 7 และต่อมาภายหลังลำธารก็แห้ง เพราะไม่มีฝนในแผ่นดิน

        พระเจ้าจึงตรัสกับเอลียาห์ว่าให้เอลียาห์ไปที่ Save House ของพระเจ้าเพื่อซ่อนตัวเสีย เป็นพี่น้องๆงงไหมครับ ? เผยพระวจนะตามที่พระเจ้าสั่ง แต่เผยพระวจนะของพระเจ้าแล้วอยู่บ้านไม่ได้ ต้องไปอาศัยอยู่ใน Save House ของพระเจ้าเพียงลำพังนานถึง 3 ปีครึ่ง

         ซ่อนตัวออกมาทำตัวรุ่มร่ามได้ไหมครับ ? เอลียาห์คงคิดว่าแล้วเขาจะเอาอะไรกิน  ในความอ่อนแอคุณจะมีความเข้มแข็งจากคลังทรัพย์อันรุ่งเรื่องที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์

       เหตุการณ์ในตอนนี้ คือ พระเจ้าทรงใช้ให้อีกาคาบขนมปังและเนื้อเอามาให้เอลียาห์ได้กิน พี่น้องลองคิดตามผมดูนะครับว่าเอลียาห์เอาขนมปังและเนื้อมาปะกบกันเกิดเป็นอาหารอะไรครับ

        คำถามคือ พระคำของพระเจ้าต้องการกำลังบอกอะไรกับเรา

ผู้รับใช้ของพระเจ้ามีหน้าที่เชื่อฟังและทำตามพระวจนะของพระเจ้า อาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็ได้ว่า ผู้เชื่อต้องทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด และพระเจ้าก็จะทรงทำหน้าที่ของพระองค์อย่างดีที่สุดด้วยเช่นเดียวกัน ผู้เชื่อคนใดกล้าที่จะเชื่อฟังและทำตามที่พระเจ้าสั่ง คลังทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระเจ้าจะเปิดออกให้กับคนๆนั้น

       4 ) ในความเป็นไปไม่ได้แต่จากคลังทรัพย์ของพระเจ้าจะมีความเป็นไปได้

       ฉลธ.2:7เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกเจ้า ได้อำนวยพระพรแก่บรรดาการที่มือของพวกเจ้าได้กระทำ พระองค์ทรงทราบทางที่เจ้าได้เดินในถิ่นทุรกันดารใหญ่นี้ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกเจ้าได้อยู่กับเจ้าสี่สิบปีนี้มาแล้ว พวกเจ้ามิได้ขัดสนสิ่งใดเลย"

       พี่น้องทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่าชนชาติอิสราเอลนั้นเดินอยู่ในถิ่นทุรกันดารนานถึง 40 ปี คำถามคือว่า เขาทำมาหากินได้ไหม

       พวกเขาเดินอยู่ในทะเลทราย ค่ำไหนนอนนั้น ตื่นเช้ามาก็เดินเพื่อที่จะไปยังดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้

       อย. 12:37 ชนชาติอิสราเอลยกเดินออกจากเมืองราเมเสสไปถึงเมืองสุคคท นับแต่ผู้ชายได้ประมาณหกแสนคน ผู้หญิงและเด็กต่างหาก

       พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า นับเฉพาะผู้ชายมีจำนวนถึง 600,000 คน พี่น้องลองพิจารณาดูทีว่า คนที่เดินอย่างเดียว แต่มีกินทุกวันไม่หยุดปากมันเป็นไปได้ไหมครับ ?

       ผม กับ อ.ดาร์ เรารับใช้พระเจ้าโดยไม่มีค่าตอบแทน แต่เรามีกินไม่หยุดปาก เรามีจับจ่ายใช้สอยอยู่ตลอดโดยไม่ขาดแคลนมันเป็นไปได้ไหมครับ ?

       แต่จากคลังทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์เป็นไปได้  ชีวิตของผู้เชื่อที่เชื่อฟังพระเจ้าจะได้รับพระพร จะไม่ขัดสน จะไม่ขาดแคลนสิ่งดีใดๆ

       สรุป คลังทรัพย์อันรุ่งเรือง ไม่ได้หมายถึง ทรัพย์สินเงินทองแต่เพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง 1 ) ในความขาดแคลนคุณจะมีครบ 2 ) ในความบกพร่องคุณจะมีครบบริบูรณ์ 3 ) ในความอ่อนแอคุณจะมีความเข้มแข็ง 4 ) ในความเป็นไปไม่ได้จะมีความเป็นไปได้ คลังทรัพย์อันรุ่งเรืองยังรวมถึง การคุ้มครองจากพระเจ้า การไปดีมาดีบนแผ่นดินโลก การมีชีวิตที่ยืนยาว การมีครอบครัวที่เป็นสุข การมีลูกหลานที่เป็นพระพรและอื่นๆ

Green City