คุณค่าความเป็นมนุษย์

คำเทศนาเรื่อง คุณค่าความเป็นมนุษย์

             ปฐก.1:26 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"

             ปฐก.2:7 พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต

             เมื่อ 6-7 วันที่ผ่านมาเกิดเรื่อง Drama ขึ้นบนเวทีประกวดMiss Grand Thailand เมื่อผู้เข้าร่วมประกวดคนหนึ่งขอที่จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมในการดูดวงสาเหตุเพราะเธอเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าพระเยซูคริสต์

โดยส่วนตัวผมมองเรื่องนี้เป็น 2 ด้าน ด้านแรกคือ เป็นการสร้าง Content เพื่อให้การประกวด MUT ในครั้งนี้เป็นที่น่าสนใจโดยมีการหยิบประเด็นเรื่องของความเชื่อขึ้นมาแล้วก็มีผู้คนมากมายกระโจนเข้าใส่ในเรื่องนี้

             สมมติว่าถ้าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เป็นการสร้าง Content เพื่อให้การประกวด MGT เป็นที่น่าสนใจก็นับว่า Content นี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

             แต่ถ้าเป็นเรื่องของผู้เข้าประกวดมีความยำเกรงพระเจ้าจริงๆเรื่องที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เรื่องราวของพระเจ้าถูกพูดถึงในระดับประเทศอีกครั้งหนึ่ง

             ผู้จัดการประกวด MGT จึงได้ทำการอบรมสั่งสอนผู้เข้าประกวด MGT คนนี้ในขณะที่มีการ Life สดอยู่ด้วย มันจึงเป็นเรื่องที่พูดกันไปทั่วประเทศโดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและการเมืองมันเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมาก

             ซึ่งผมได้ฟังเนื้อหาสาระที่ผู้จัดการประกวด MGT คนนี้ใช้ในการอบรมสั่งสอนผู้เข้าประกวดคนนี้แล้วสามารถสรุปได้ 2 ประเด็น

                          ประเด็นแรก คือ ศาสนาเป็นเพียงเรื่องรสนิยม พระเจ้าและพระอื่นๆไม่ได้ให้ชีวิต พ่อแม่ต่างหากที่ให้ชีวิต

                          ประเด็นที่ 2 คือ คนฉลาดต้องอยู่ให้เป็น ความหมายก็คือ อย่าเคร่ง มันให้มาก ทางกองประกวด MGT ใช้ให้ทำอะไรก็ทำไป

             สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับพี่น้องนั่นก็คือว่า ใครจะพูดอะไรไม่สำคัญ สำคัญว่าพระคำของพระเจ้านั้นพูดว่าอย่างไร ? ใครจะคิดอย่างไรกับเราไม่สำคัญ สำคัญว่าพระเจ้านั้นทรงคิดอย่างไรกับเรา

             พระคำของพระเจ้าใน ปฐก.1:26 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่ามนุษย์เป็นพระฉายของพระเจ้า คำถามคือว่า พระฉายคืออะไร พระฉาย คือ รูปเหมือน มนุษย์เป็นรูปเหมือนของพระเจ้า

             มีนักศิลปวิทยาชั้นสูงที่มีชื่อเสียงระดับโลก 2 ท่าน คนหนึ่งมีชื่อว่า ลีโอนาโด ดาวินซี อีกคนหนึ่งมีชื่อ ไมเคิล แองเจลโล ทั้ง 2 ท่านนี้ ได้ฝากผลงานระดับโลกเอาไว้ให้กับโลกใบนี้เยอะแยะมากมาย

                          Ex.ภาพวาดโมนาลิซ่าที่ถูกวาดขึ้นโดย ลีโอนาโด ดาวินซี

                          Ex. รูปปั้นของ King ดาวิด ที่ถูกปั้นขึ้นโดย ไมเคิล แองเจลโล

             ซึ่งแต่ละภาพนั้น มันมีมูลค่า มีราคาที่แพงมาก ยิ่งผ่านวัน  ผ่านเดือน  ผ่านปี  ผ่านทศวรรษ  ผ่านศตวรรษ  พี่น้องคิดว่าคุณค่ามันยิ่งเพิ่มไหมครับ ? แต่มันมีชีวิตไหมครับ

             พระคำของพระเจ้าใน ปฐก.2:7 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าและพระองค์ทรงระบายลมปราณของพระองค์ลงมามนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต ซึ่งนั่นหมายความว่า ลมปราณเป็นของของพระเจ้า ลมหายใจเป็นของพระเจ้า ลมปราณหรือลมหายใจที่พระเจ้าระบายลงไปเป็นเหตุให้มนุษย์นั้นมีชีวิต

                     สดด. 104:29 เมื่อพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์เสีย มันทั้งหลายก็ลำบากใจ เมื่อพระองค์ทรงเอาลมหายใจมันไปเสียมันก็ตายและกลับเป็นผงคลี

             อสค. 37:5 พระเจ้าตรัสดังนี้แก่กระดูกเหล่านี้ว่า ดูเถิดเราจะกระทำให้ลมหายใจเข้าไปในเจ้าและเจ้าจะมีชีวิต

             พระคำของพระเจ้าทั้ง 2 ข้อนี้ย้ำกับเราอีกครั้งหนึ่งว่าลมปราณเป็นของของพระเจ้า ลมหายใจเป็นของพระเจ้า ลมปราณหรือลมหายใจที่พระเจ้าให้ เป็นเหตุให้มนุษย์นั้นมีชีวิต

             การที่ผู้จัดการประกวด MGT พูดว่าพ่อแม่เป็นผู้ให้ชีวิตนั่นเป็นเรื่องของเขา แต่ในฐานะที่เราเป็นคริสตศาสนิกเราต้องรู้และต้องเข้าใจว่าพระเจ้าต่างหากที่เป็นผู้ให้ชีวิต

             อีกสิ่งหนึ่งที่พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกกับพี่น้องในเช้าวันนี้นั่นก็คือว่า รูปภาพโมนาลิซ่า ถูกวาดขึ้นโดยลีโอนาโด ดาวินซี แต่มนุษย์ถูกวาดขึ้นโดยพระเจ้า

             รูปปั้นของกษัตริย์ดาวิด ถูกปั้นแต่งขึ้นโดยไมเคิล  แองเจลโล แต่มนุษย์ถูกปั้นและถูกตบแต่งขึ้นโดยพระเจ้า

             ทั้งภาพวาดโมนาลิซ่า ทั้งรูปปั้นของกษัตริย์ดาวิดถูกสร้างขึ้นมาอย่างไม่มีชีวิต แต่มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาให้มีชีวิตเพราะฉะนั้นในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้วมนุษย์จึงมีคุณค่าและมีราคาที่แพงมากกว่ารูปภาพโมนาลิซ่าและมีคุณค่าและมีราคาที่แพงมากกว่ารูปปั้นของกษัตริย์ดาวิด

             ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงต้องส่งพระบุตรเพียงองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลกนี้ เพราะมนุษย์เป็นพระฉายของพระเจ้า

             คำถามคือ มนุษย์เหมือนกับพระเจ้าตรงไหน ? ทางปัญญา ทางคุณธรรม ทางความสามารถ เมื่อมนุษย์คิดจะทำอะไรหรือสร้างอะไร มนุษย์ทำได้ไหมครับ ?  

             ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงต้องส่งพระบุตรเพียงองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลกนี้เพราะมนุษย์มีลมปราณของพระเจ้า ลมปราณอยู่ที่ไหนมีชีวิตอยู่ที่นั่น เพราะฉะนั้น 1 ) มนุษย์ไม่ได้มาจากสัตว์หรือไม่ได้มาจากลิง 2 ) คริสเตียนไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด

             แต่ที่น่าเศร้าใจ คือ อะไรพี่น้องทราบไหมครับ ? มนุษย์ตาดีแต่ 1 ) ความคิดบอด 2 ) จิตใจบอด ทำไมผมถึงพูดอย่างนั้นเพราะมนุษย์ซึ่งเป็นคนบาปเห็นคุณค่าของความเป็นคนกันที่วัตถุหรือสิ่งของและหรือความสำเร็จ แต่พระคริสต์ทรงเสด็จเข้ามาในโลกนี้เพราะเห็นคุณค่าของมนุษย์ทุกๆคน

             แต่ที่น่าเศร้าใจ คือ อะไรพี่น้องทราบไหมครับ ? เพราะมนุษย์ซึ่งเป็นคนบาป มักจะพูดกันว่าคนจนจะมีคุณค่าได้อย่างไร หรือคนไม่มีความรู้จะมีคุณค่าได้อย่างไร

             แต่ชีวิตขององค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นทรงสอนเราและสอนคนทั้งโลกว่า พระองค์เกิดที่รางหญ้า เติบโตท่ามกลางความยากจน มีพ่อเป็นช่างไม้ ตายอย่างโจรบนไม้กางเขน แต่ชีวิตของพระองค์ทรงคุณค่าอย่างที่สุด คือ เสด็จมาตายเพื่อมวลมนุษย์ชาติ

             พี่น้องคิดว่า คนที่มีทรัพย์สินเงินทองเป็นจำนวนมาก แต่ขี้เหนียว ขนาดขี้ยังไม่ให้สุนัขรับประทานเลยพี่น้องคิดว่ามีไหมครับ แต่ชีวิตของพระคริสต์ทรงสอนเราว่า ตราบใดเกิดมาเป็นคน แม้จะไม่ได้มั่งมี แต่คุณมีคุณค่าได้เสมอ

             พี่น้องทราบแล้วนะครับว่า ในสายพระเนตรของพระเจ้าเรานั้นมีคุณค่าเพราะเราเป็นพระฉายของพระเจ้าเพราะเรามีลมปราณของพระองค์อยู่ในชีวิต

             ลมปราณเป็นเหตุทำให้มนุษย์นั้นมีชีวิต พระองค์จึงให้คุณค่าในการลงชีวิตโดยเฉพาะชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณกับผู้คนโดยเฉพาะกับ 12 สาวกของพระองค์มากเป็นพิเศษ

             สังคมไทยมักจะพูดคำว่า มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด แต่โดยแท้จริงแล้วเรากลับทำตรงกันข้าม นั่นคือเราให้ความสำคัญกับ วัตถุ มากกว่า คน

             แตกต่างจากประเทศ Singpore ที่เขาเห็นคน Singaporeanเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่ามากเขาจึงลงทุนกับคน คนเขาน้อยแต่คุณภาพ คนสิงค์โปร์ทำงาน 1 คน เทียบเท่ากับคนไทยทำงาน 7 คน ประเทศของเขาจึงยืนอยู่แถวหน้าของโลก

             สังคมไทยเวลานี้พ่อแม่หลายคนให้ความสำคัญกับอาชีพการงาน มากกว่าคนที่อยู่ในบ้าน พ่อแม่หลายคนให้ความสำคัญกับวัตถุสิ่งของมากกว่าคนที่อยู่ในบ้าน โดยละเลยหรือเย็นชาและหรือมองผ่านคนในบ้านไป

             อะไรเกิดขึ้นครับ ? คนทำงานก็ย่อมได้เงิน วัตถุสิ่งของในบ้านมากขึ้น แต่ความสุขในชีวิตของคนในบ้านกับลดลง ด้วยเหตุนี้เด็กวัยรุ่นหลายคนจึงไปหาความสุขนอกบ้าน

             พี่น้องจำไว้นะครับว่า คุณค่าความเป็นคนของคริสเตียนนั้น เน้นที่จิตวิญญาณไม่ใช่ที่วัตถุสิ่งของ ถ้าเราเรียงลำดับความสำคัญผิดความสุขในชีวิตจะลดลงและบางอย่างอาจจะสายเกินแก้

             เพราะเราเป็นพระฉายของพระเจ้า เพราะลมปราณเป็นเหตุทำให้มนุษย์นั้นมีชีวิต พระองค์ทรงเห็นคุณค่าในตัวเราจึงได้ส่งพระบุตรเพียงองค์เดียวเข้ามาในโลกเพื่อเปลี่ยนสถานภาพเราใหม่

                          1 ) จากลูกของมารเป็นลูกของพระเจ้า 2 ) จากเคยอยู่ในเงาของมารมาเป็นอยู่ในพระฉายของพระเจ้า 3 ) จากร่างกายที่เคยเป็นวิหารที่มาร ซาตาน วิญญาณชั่วเคยมาอาศัยอยู่เปลี่ยนมาเป็นวิหารขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์มาอาศัยอยู่

             มากไปกว่านั้นองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงให้คุณค่ากับมนุษย์ด้วยการลงชีวิต ลงคำสอน ลงความเชื่อกับสาวกของพระองค์เป็นระยะเวลา 3 ปีครึ่ง

             หลายปีที่ผ่านมาเรื่อง Life Coach นี่ดังมาก Ex………….แต่ตอนนี้เริ่มเงียบไปแล้ว สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับพี่น้องนั่นก็คือว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเสด็จเข้ามาในโลกนี้โดยรับสภาพกายมนุษย์เนื้อหนัง 100% และพระองค์ทรงเป็น Life Coach คนแรกของโลกที่สอนให้มนุษย์มีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ

             องค์พระเยซูคริสต์ทรงหยิบเศษมนุษย์อย่างเปโตร ยอห์น ยากอบและอีกหลายคนขึ้นมาปั้นและพวกเขายอมให้ช่างผู้ชำนาญการอย่างองค์พระเยซูคริสต์เจ้าปั้น อะไรเกิดขึ้นครับ ?

             กจ. 17:6 ครั้นไม่พบ จึงฉุดลากยาโสนกับพวกพี่น้องบางคนไปหาเจ้าหน้าที่ผู้ครองเมือง ร้องว่า "คนเหล่านั้นที่เป็นพวกคว่ำโลกมนุษย์มาที่นี่ด้วย

             พระคำของพระเจ้าพูดเอาไว้อย่างชัดจนว่า พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นคนคว่ำโลก ภายหลังจากที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าขึ้นไปอยู่กับพระบิดาบนสรรค์แล้ว คนเหล่านี้ลุกขึ้นมารับไม้ต่อ พระราชกิจของพระเจ้าแพร่กระจายออกไปทั่วโลก

             เพชร ที่ยอมรับการเจียระไนจากช่างผู้ชำนาญการ ย่อมเป็นเพชรเม็ดงามฉันใด คนธรรมดาที่ยอมให้พระเจ้าเจียระไนชีวิตย่อมเป็นยอดคนฉันนั้น

             เพชร ที่ไม่ยอมรับการเจียระไนเป็นได้ก็เป็นเพียงเพชรในตม

             ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน จะเป็นชีวิตที่มีคุณค่าได้ต้องรับการเจียระไนจากพระเจ้า

             ถึงแม้ว่าในเวลานี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าจะไม่ได้อยู่กับเราเหมือนเมื่อ 2023 ปีที่ผ่านมาแล้วก็ตาม แต่พระเจ้าสามารถที่จะลงชีวิต ลงคำสอน ลงความเชื่อให้กับเราได้ไหมครับ ? ผ่านทางพระวจนะคำของพระองค์ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างเราให้เป็นคนที่มีคุณค่า

             พระเจ้าเห็นคุณค่าในตัวเราจึงเสด็จเข้ามาในโลกอีกทั้งต้องการลงชีวิตในฝ่ายวิญญาณกับเรา คำถามคือ เราเห็นคุณค่าในสิ่งนี้ไหม ? ถ้าเราเห็นคุณค่า เราต้องให้พระคำสร้างชีวิต คือ คิดอ่านใคร่ครวญจนสิ่งที่อ่านนั้นกลายเป็นจิตวิญญาณของเรา

             กจ.8:28-31 ขณะนั่งรถกลับไป ท่านอ่านหนังสืออิสยาห์ผู้เผยพระวจนะอยู่ ฝ่ายพระวิญญาณตรัสสั่งฟีลิปว่า "จงเข้าไปให้ชิดรถนั้นเถิด" ฟีลิปจึงวิ่งเข้าไปใกล้ และได้ยินท่านอ่านหนังสืออิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ จึงถามว่า "ซึ่งท่านอ่านนั้นท่านเข้าใจหรือ" 31 ขันทีจึงตอบว่า "ถ้าไม่มีใครอธิบายให้ ที่ไหนจะเข้าใจได้" ท่านจึงเชิญฟีลิปขึ้นนั่งรถกับท่าน

             พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า อ่านก็ใช่ว่าจะเข้าใจ คริสตจักรต้องทำหน้าที่ในการช่วยให้ความเข้าใจ การที่คริสตจักรทำหน้าที่ช่วยให้คนเข้าใจ นี่คือภาพของการเจียระไน ชีวิตแต่ใช่ว่าทุกคริสตจักรจะทำได้

             อฟซ.4:13 จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์

             คนที่จะเป็นผู้เจียระไนชีวิตคนต้องเป็นคนพระเจ้าเจิมตั้งเอาไว้หรือต้องเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์และหรือเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่ใครก็ได้

             คุณค่าของความเป็นมนุษย์ ที่เชื่อในพระเจ้าพระเยซูคริสต์อยู่ที่การสะท้อนพระลักษณะของพระเจ้าออกมาจากชีวิตของคนๆนั้นทั้ง ความลึกในปัญญา  ท่าที  ความคิด  คำพูดและการกระทำ เป้าหมายในชีวิต จนกระทั่งผู้คนรอบข้างสัมผัสได้

 

Green City