คำเทศนาเรื่อง ความเห็นพ้องต้องกันในคำอธิษฐาน
ปฐก.1:1-31 1 “ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง {หรือ เมื่อพระเจ้าทรงเริ่มเนรมิตสร้าง} ฟ้าและแผ่นดิน 2 แผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น” 3 พระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง" ความสว่างก็เกิดขึ้น 4 พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด 5 พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันแรก 6 พระเจ้าตรัสว่า "จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน" 7 พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้นนั้นขึ้น แล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้นออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้น ก็เป็นดังนั้น 8 พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า มีเวลาเย็น และเวลาเช้า เป็นวันที่สอง 9 พระเจ้าตรัสว่า "น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่แห่งเดียวกันที่แห้งจงปรากฏขึ้น" ก็เป็นดังนั้น 10 พระเจ้าจึงทรงเรียกที่แห้งนั้นว่าแผ่นดิน และที่ซึ่งน้ำรวมกันนั้นว่า ทะเล พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 11 พระเจ้าตรัสว่า "แผ่นดินจงเกิดพืช คือ ผักหญ้าที่มีเมล็ดและต้นไม้ที่ออกผล มีเมล็ดในผลตามชนิดของมันบนแผ่นดิน" ก็เป็นดังนั้น 12 แผ่นดินก็เกิดพืช คือผักหญ้าที่มีเมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
13 มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สาม 14 พระเจ้าตรัสว่า "จงมีดวงสว่างบนฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้ดวงสว่างเป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี 15 และให้เป็นดวงสว่างบนฟ้า เพื่อส่องสว่างบนแผ่นดิน" ก็เป็นดังนั้น 16 พระเจ้าได้ทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงใหญ่ครองวัน ดวงเล็กครองคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆด้วย 17 พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนฟ้า ให้ส่องสว่างบนแผ่นดิน 18 ให้ครองวันและคืน และแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 19 มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สี่ 20 พระเจ้าตรัสว่า "น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และนกจงบินไปมาข้ามฟ้าเหนือแผ่นดิน" 21 พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ และสัตว์ที่มีชีวิตนานาชนิด ซึ่งแหวกว่ายอยู่ในน้ำ เป็นฝูงๆตามชนิดของมัน และนกต่างๆตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 22 พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่สัตว์เหล่านั้นว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้น จนเต็มน้ำในทะเล และให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน" 23 มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่ห้า
24 พระเจ้าตรัสว่า "แผ่นดินจงเกิดสัตว์ที่มีชีวิตตามชนิดของมัน คือสัตว์ใช้งาน สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ป่าตามชนิดของมัน" ก็เป็นดังนั้น 25 พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่าตามชนิดของมัน สัตว์ใช้งานตามชนิดของมัน และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมัน แล้วพระเจ้าทรงเห็นว่าดี 26 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน" 27 พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง 28 พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน" 29 พระเจ้าตรัสว่า "ดูเถิด เราให้พืชที่มีเมล็ดทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน และต้นไม้ทุกชนิดที่มีเมล็ดในผลของมันแก่เจ้า เป็นอาหารของเจ้า
30 ฝ่ายสัตว์ทั้งหลายบนแผ่นดิน นกทั้งปวงในอากาศ และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินทุกสิ่งทุกอย่างที่มีลมปราณนั้น เราให้พืชเขียวสดทั้งปวงเป็นอาหาร" ก็เป็นดังนั้น 31 พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ทรงเห็นว่าดีนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
เราพบว่าพระเจ้ากับพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นอยู่ด้วยกัน คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า แล้วองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอยู่ด้วยไหมในตอนนี้
ปฐก.1:26-27 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"
เพราะฉะนั้นการอ่านพระคำของพระเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญ การตีความหมายพระคัมภีร์ก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราอ่านพระคำของพระเจ้าแบผ่านๆ ตีความหมายพระคัมภีร์แบบผ่านๆ เราอาจจะเข้าใจความหมายที่ไม่ถูกต้องได้
นอกเหนือจากนี้แล้ว สิ่งที่พี่น้องจะต้องรู้และพี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า พระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นแต่ละพระภาคนั้นจะมีบทบาท มีขอบเขต มีความรับผิดชอบและมีหน้าที่ๆแตกต่างกันออกไป
พระเจ้า พระบิดา มีหน้าที่เนรมิตสร้างและทรงสร้าง
พระเจ้า พระบุตร มีหน้าที่เสด็จเข้ามาในโลก นำมนุษย์ซึ่งเป็นคนบาปกลับคืนดีกับพระเจ้า พระบิดาบนสวรรค์ผ่านการไถ่บนไม้กางเขน
พระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ มีหน้าที่ๆจะช่วยเหลือผู้เชื่อทั้งหลายในเวลานี้
กลับไปที่ข้อพระคัมภีร์หลักในหนังสือปฐมกาลเมื่อพระเจ้าแต่ละพระภาคได้พูดคุยกัน , ปรึกษาหารือกัน , อธิษฐานด้วยกันว่าพระเจ้า พระบิดา ผู้มีขอบเขต มีความรับผิดชอบและมีหน้าที่ในการทรงเนรมิตสร้างโลกแบบนี้และจะทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาแบบนี้ ส่วนอีก 2 พระภาคคือพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์
ซึ่งมีความสนิทสนมกับพระเจ้าพระบิดาเป็นอย่างดี ต่างเห็นพ้องต้องกัน เคลื่อนไปด้วยกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้าพระบิดาพี่น้องคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น ?
สดด.133:1-3 1 ดูเถิด ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็เป็นการดี และน่าชื่นใจมากสักเท่าใด 2 เหมือนน้ำมันประเสริฐอยู่บนศีรษะไหลอาบลงมาบนหนวดเครา บนหนวดเคราของอาโรน ไหลอาบลงมาบนคอเสื้อของท่าน 3 เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน ซึ่งตกลงบนเทือกเขาศิโยน เพราะว่าพระเจ้าทรงบังคับบัญชาพระพรที่นั่น คือชีวิตจำเริญเป็นนิตย์
พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าจะทรงโปรดบังคับบัญชาและเทพระพรของพระองค์ลงมาเหนือที่นั่น
เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้า พระบิดา ผู้มีขอบเขต มีความรับผิดชอบและมีหน้าที่ ในการทรงเนรมิตสร้างและการทรงสร้างได้ทรงตรัสหรือป่าวประกาศว่าให้สิ่งนั้นได้บังเกิดขึ้น สิ่งนั้นจึงบังเกิดขึ้นมา ทุกๆสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นในหกวันนั้นเกิดขึ้นจากความสนิทสนมซึ่งกันและกัน , เห็นพ้องต้องกัน , เคลื่อนไปด้วยกัน
ด้วยเหตุนี้พี่น้องจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผู้นำนมัสการหรือผู้นำอธิษฐาน จึงมักพูดเชื้อเชิญให้พี่น้องในที่ประชุมได้เคลื่อนไปด้วยกันไม่ว่าจะเป็นการนมัสการก็ดีหรือการอธิษฐานก็ดี เหตุผลก็คือว่า เพื่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ เพื่อพระเจ้าตรีเอกานุภาพจะทรงโปรดบังคับบัญชาและเทพระพรของพระองค์ลงมาเหนือสถานที่นั่น
รม. 8:34 “ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีก พระเยซูคริสต์นะหรือ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย”
วว.4:9-11 9 เมื่อสัตว์เหล่านั้นถวายคำสรรเสริญ ถวายพระเกียรติ และคำโมทนาแด่พระองค์ ผู้ประทับบนพระที่นั่ง ผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์คราวใด 10 ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่นั้นก็ทรุดตัวลงถวายบังคมพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น และนมัสการพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และถอดมงกุฎออกวางตรงหน้าพระที่นั่งร้องว่า 11 "องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงสมควรที่จะได้รับคำสรรเสริญ พระเกียรติและฤทธิ์เดช เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงนั้นก็ทรงสร้างขึ้นแล้ว และดำรงอยู่ตามชอบพระทัยของพระองค์"
รม.8:34 , วว.4:9-11 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า การที่พวกเราเคลื่อนไปด้วยกันในการนมัสการหรือในการอธิษฐานไม่เพียงแต่พระเจ้าจะทรงโปรดบังคับบัญชาและเทพระพรของพระองค์ลงมาเหนือสถานที่นั่นเท่านั้น แต่เรากำลังเคลื่อนไปกับการนมัสการอธิษฐานที่บนฟ้าสวรรค์ด้วย
ฟ้าสวรรค์คือที่ประทับของพระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์ 1.การนมัสการของผู้เชื่อต้องบริสุทธิ์และพระเจ้าทรงพอพระทัยการนมัสการที่บริสุทธิ์ 2.การอธิษฐานของผู้เชื่อต้องบริสุทธิ์ ปราศจากบาปและคำอธิษฐานที่ปราศจากบาปพระเจ้าทรงพอพระทัย พระองค์ทรงถือว่าเป็นคำอธิษฐานของผู้ชอบธรรม
เพราะฉะนั้นการนมัสการอธิษฐานของเราไม่ใช่เป็นเรื่องที่ธรรมดานะครับ ยิ่งเมื่อเราเข้าใจในเรื่องพวกนี้มากขึ้น เราจะให้คุณค่า เราจะให้คุณภาพต่อสิ่งที่เราทำมากขึ้น
ปฐก.2:7 พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต
พระเจ้าทรงโน้มพระกายของพระองค์ลงบนพื้นดินและทรงหยิบผงคลีดินขึ้นมาปั้นเป็นมนุษย์ขึ้นมา พระเจ้าทรงรักและให้เกียรติกับมนุษย์มากหรือน้อย ?
คำถาม แล้วมนุษย์ล่ะรักและให้เกียรติกับพระองค์มากน้อยขนาดไหน ? ไม่ถือรักษาวันสะบาโต รักหรือให้เกียรติพระองค์ไหมครับ ?
พระคำของพระเจ้าบอกกับเราต่อไปว่าอย่างไรอีกครับ พระองค์ทรงระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต การระบายลมปราณ คือการให้ 1.พระวิญญาณบริสุทธิ์แก่อาดำ อาดำจึงมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ตั้งแต่ลมหายใจแรกของชีวิต
เมื่อพี่น้องได้เปิดใจออกต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิต พอสิ้นคำกล่าวว่า “อาเมน” พี่น้องมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ตั้งแต่ลมหายใจแรกของการเป็นผู้เชื่อใหม่ในทันที
การระบายลมปราณ คือการให้ 2.ด้วยใจที่กว้างขวาง , ให้ด้วยใจยินดี ไม่ได้นึกเสียดาย คำถามคือ เราให้กับพระเจ้าแบบนี้ไหม ? ให้ด้วยใจที่กว้างขวาง , ให้ด้วยใจยินดี ไม่ได้นึกเสียดาย
การระบายลมปราณ คือการ เชื้อเชิญเราให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนชีวิตกับพระองค์ มนุษย์ถูกออกแบบให้เข้ามาเป็น Partner Ship ร่วมกันกับพระองค์
คำถามก็คือว่า เราเคยเชื้อเชิญพระองค์เข้ามาเป็นหุ้นส่วนอะไรในชีวิตหรือในครอบครัวของเราบ้างไหม ?
พี่น้องจะต้องรู้และพี่น้องจะต้องเข้าใจนะครับว่า ลมหายใจของอาดำในสวนเอเดนในตอนนี้บริสุทธิ์ ปราศจากบาป ในตอนนี้ถึงแม้ว่าร่างกายของอาดำจะเปลือยเปล่าแต่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยสง่าราศีของพระเจ้า เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจนะครับว่า มนุษย์ไม่สามารถที่จะมีสง่าราศีได้เอง แต่ความงดงามนี้มาจากพระเจ้าเป็นผู้ให้
ปฐก.2:19 พระเจ้าจึงทรงปั้นบรรดาสัตว์ในท้องทุ่งและนกในท้องฟ้าให้เกิดขึ้นจากดิน แล้วทรงนำมายังชายนั้น เพื่อดูว่าเขาจะเรียกชื่อมันว่าอะไร ชายนั้นตั้งชื่อสัตว์ทั้งปวงที่มีชีวิตว่าอย่างไร สัตว์นั้นก็มีชื่ออย่างนั้น
เมื่อพระเจ้าทรงสร้างอาดำขึ้นมา พระเจ้าทรงให้อาดำนั้นเติบโตขึ้นเลย , พูดได้เลย , ใช้สิทธิอำนาจในการเป็นหุ้นส่วนที่พระเจ้าทรงแบ่งปันให้ได้เลย
เมื่อพระเจ้า พระบิดา ผู้สร้างสรรพสิ่งต่างๆได้นำสัตว์ออกมาให้อาดำดู แล้วบอกว่าอาดำเจ้าช่วยตั้งชื่อให้ชื่อสัตว์ชนิดนี้หน่อยอาดำอธิษฐานและป่าวประกาศออกไปบอกว่าสัตว์ชนิดนี้ข้าพระองค์อยากให้ชื่อแก่มันว่า เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย
คำถามคือว่า อาดำติดต่อกับพระเจ้าได้อย่างไร ?
พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในอาดำที่ทำให้อาดำคุยกับพระเจ้าได้ ความบริสุทธิ์และปราศจากบาปของอาดำในตอนนี้ทำให้อาดำคุยกับพระเจ้าได้
เมื่อพระเจ้า พระบิดา ผู้สร้างสรรพสิ่งต่างๆได้นำสัตว์ออกมาให้อาดำดู แล้วบอกว่าอาดำเจ้าช่วยตั้งชื่อให้ชื่อสัตว์ชนิดนี้หน่อยอาดำอธิษฐานและป่าวประกาศออกไปบอกว่าสัตว์ชนิดนี้ข้าพระองค์อยากให้ชื่อแก่มันว่า เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย
พี่น้องคิดว่าพระเจ้าได้แสดงออกอย่างไรครับ ? ไม่นะ
พระเจ้าได้แสดงออกถึงความเห็นพ้องต้องกันกับอาดำ เคลื่อนไปด้วยกันกับอาดำว่า สัตว์แบบนี้เจ้าจะให้ชื่อมันว่าช้างเหรอ ? ฉันว่ามันดีนะ , สุดยอด , เจ๋งมาก , Awesome , Perfect , Good jobs
คำถามคือว่า พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกอะไรแก่เรา ? เมื่ออาดำยังมีสัมพันธ์ภาพที่ดีกับองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งเป็นพระผู้สร้างเขาขึ้นมา พระเจ้าจะตอบทุกคำอธิษฐานของอาดำ
เมื่ออาดำยังมีสัมพันธ์ภาพที่ดีกับองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งเป็นพระผู้สร้างเขาขึ้นมาทุกถ้อยคำที่เขานั้นได้ป่าวประกาศออกมานั้นพระเจ้าจะตอบ
และพระเจ้าจะทรงตอบทุกถ้อยคำอธิษฐานของผู้เชื่อทุกคนอย่างแน่นอนถ้า 1.เรามีสัมพันธภาพที่ดีกับพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือมีสัมพันธ์ภาพที่ดีกับพระเจ้าตรีเอกานุภาพ 2.เราเป็นหุ้นส่วนที่ดีกับพระผู้สร้างหรือพระผู้ไถ่
ยน. 15:5 เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
พระเจ้าจะทรงตอบทุกถ้อยคำอธิษฐานของผู้เชื่อทุกคนอย่างแน่นอนถ้า 3.เรามีสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์
เมื่อพระเจ้า พระบิดา ได้นำสัตว์ออกมาให้อาดำดู แล้วบอกว่าอาดำเจ้าช่วยตั้งชื่อให้ชื่อสัตว์ชนิดนี้หน่อย อาดำได้อธิษฐานและป่าวประกาศออกไปบอกว่าสัตว์ชนิดนี้ข้าพระองค์อยากให้ชื่อแก่มันว่า เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย นี่คือการอธิษฐานปลดปล่อย
อาทิตย์ที่แล้วผมได้ถามพี่น้องว่า ในชีวิตแห่งความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของพี่น้องนั้น พี่น้องเคยยกระดับการอธิษฐานด้วยการอธิษฐานคร่ำครวญ วิงวอนกับพระเจ้าบ้างไหม
อาทิตย์นี้ผมอยากถามพี่น้อง ในชีวิตแห่งความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของพี่น้องนั้น พี่น้องเคยยกระดับการอธิษฐานด้วยการป่าวประกาศหรือปลดปล่อยบ้างไหม
เมื่อผมกับ อ.ดา แต่งงานกันใหม่ๆ ซึ่งตอนนั้นเราก็มีอายุมากแล้ว อายุประมาณ 38 ปี แล้ว แต่งงานผ่านไป 4 ปี ก็ยังไม่มีลูก เคยมีพี่น้องคริสเตียนชาวต่างประเทศคนหนึ่ง ถามผมว่า………
ถ้าคุณมีลูกชายหรือลูกสาว คุณจะให้ชื่ออะไร ?
พี่น้องคริสเตียนคนนี้แนะนำให้ผมอธิษฐานด้วยการปลดปล่อยและป่าวประกาศชื่อลูกชาย ลูกสาวนั้นออกมา ขอบคุณพระเจ้าครอบครัวผมได้น้องปลื้มมา
แต่ก่อนที่น้องปลื้มจะออกมาคุณหมอก็บอกว่า เนื่องจากคุณพ่อกับคุณแม่มีอายุมากแล้ว ตอนที่ภรรยาตั้งครรภ์ตอนนั้นผมกับ อ.ดา ก็ 42 แล้ว เกรงว่าเด็กออกมาจะเป็น Down Syndrome
คุณหมอจึงอยากแนะนำให้คุณแม่ได้เจาะน้ำคร่ำแต่ก็มีอัตราเสี่ยงสูงที่จะแท้ง เราจึงอธิษฐานด้วยการป่าวประกาศว่าน้องปลื้มจะแข็งแรงสมบูรณ์ ขอบคุณพระเจ้าที่ให้น้องปลื้มสมบูรณ์เกินกว่าที่เราทูลขอ
สภษ.18:21 ความตายความเป็นอยู่ที่อำนาจของลิ้นและบรรดาผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน
เช้าวันนี้ผมจึงอยากหนุนใจพี่น้องให้สนใจที่จะเรียนรู้ในการที่จะเติบโตขึ้นในการอธิษฐาน ให้คำอธิษฐานของพี่น้องทะยานสูงขึ้น อีกทั้งเป็นคำอธิษฐานที่เคลื่อนไปกับแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้า
