ของขวัญชิ้นแรก

คำเทศนาเรื่อง ของขวัญชิ้นแรก

       มธ.2:9-12 โหราจารย์เหล่านั้น จึงไปตามรับสั่ง และดาวซึ่งเขาได้เห็นเมื่อปรากฏขึ้นนั้นก็ได้นำหน้าเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารอยู่นั้น 10 เมื่อพวกโหราจารย์ได้เห็นดาวนั้นแล้ว ก็มีความยินดียิ่งนัก 11 ครั้นเข้าไปในเรือนก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขา ออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ 12 แล้วพวกโหราจารย์ได้ยินคำเตือนในความฝัน มิให้กลับไปเฝ้าเฮโรด เขาจึงกลับไปยังเมืองของตนทางอื่น

       พี่น้องทราบไหมครับว่า ประเพณีการให้ของขวัญผ่านช่วงเทศกาลวันคริสตมาสของมนุษย์นั้นได้เริ่มต้นเมื่อ 1600 กว่าปีที่ผ่านมา ที่กรุงโรมซึ่งเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอิตาลี และประเพณีค่อยๆแพร่หลายออกไปมากขึ้นและมากขึ้นจนถึงปัจจุบันที่เป็นอยู่นี้

       แต่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บอกกับเราเอาไว้อย่างชัดเจนว่า การให้ของขวัญในวันคริสตมาสชิ้นแรกนั้นเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ? เริ่มต้นตั้งแต่วันแรกที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้เสด็จเข้ามาบังเกิดในโลกใบนี้

       ของขวัญชิ้นแรกนี้ใครให้กับใครก่อนครับ ? พระเจ้าให้กับมนุษย์ก่อน  ภายหลังจากนั้นมนุษย์ในที่นี้ก็คือ บรรดาเหล่าโหราจารย์ จึงได้นำของขวัญวันคริสตมาสมาถวายหรือมอบให้กับพระกุมารเยซูในโรงนาหรือในคอกสัตว์

       คำถามคือว่า ของขวัญที่เหล่าโหราจารย์ได้นำมามอบให้กับพระกุมารเยซู คือ อะไรบ้างครับ ? มีผู้เชื่อหลายคนมักจะเข้าใจว่าเหล่าโหราจารย์ได้นำเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ มาถวายให้กับพระกุมารเยซู  ซึ่งพี่น้องตอบไม่ผิดแต่ก็ตอบไม่ถูกทั้งหมด โดยแท้จริงแล้วการถวายของขวัญวันคริสตมาสให้กับพระกุมารเยซูของเหล่าโหราจารย์นั้นมีการถวายทั้งสิ้น 5 การถวายด้วยกัน

       การถวาย “เครื่องบรรณาการ” ต่างๆเหล่านั้นเป็นการถวายลำดับที่ 3 ยังไม่ใช่การถวายในลำดับที่ 1 และ 2 และยังไม่ใช่การถวายในลำดับที่ 4 และที่ 5   

       การถวายของขวัญวันคริสตมาสให้กับพระกุมารเยซูของพวกโหราจารย์อย่างแรกอยู่ใน มธ.2:1-8  1 พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า 2 "กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน" 3 ครั้นกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นแล้วก็วุ่นวายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปด้วย 4 แล้วท่านให้ประชุมบรรดามหาปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ของประชาชน ตรัสถามเขาว่า "ผู้เป็นพระคริสต์นั้นจะบังเกิดแห่งใด" 5 เขาทูลว่า "ที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย เพราะว่าผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ดังนี้ว่า

        6 บ้านเบธเลเฮมในแผ่นดินยูเดีย จะเป็นบ้านเล็กน้อยที่สุดในสายตาของบรรดาผู้ครองแผ่นดินยูเดียก็หามิได้ เพราะว่าเจ้านายคนหนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองอิสราเอล ชนชาติของเรา 7 แล้วเฮโรดจึงเชิญพวกโหราจารย์เข้ามาเป็นการลับ ถามเขาได้ความถ้วนถี่ถึงเวลาที่ดาวนั้นได้ปรากฏขึ้น 8 แล้วท่านได้ให้พวกโหราจารย์ไปยังบ้านเบธเลเฮมสั่งว่า "จงไปค้นหากุมารนั้นเถิด เมื่อพบแล้วจงกลับมาแจ้งแก่เรา เพื่อเราจะได้ไปนมัสการท่านด้วย"

       จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

       เราพบการถวายครั้งแรก ซึ่งนั่นหมายถึงเวลาและกำลังกายของพวกเหล่าโหราจารย์ซึ่งมาจากทิศตะวันออก พวกเขาออกเดินทางตามดาวประหลาดมายังกรุงเยรูซาเล็ม ต่อมาภายหลังจึงออกเดินทางอีกครั้งหนึ่งจากกรุงเยรูซาเล็มไปบ้านเบธเลเฮ็มแคว้นยูเดีย

       ซึ่งภูมิประเทศของประเทศอิสราเอลนั้นเต็มไปด้วยทะเลทราย อากาศจึงร้อนอบอ้าวมาก ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขาต้องอดทนต่อความยากลำบากไหมครับ ?

พี่น้องคิดว่าเหล่าโหราจารย์มีความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไหมที่ต้องออกเดินทางตั้งแต่จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็มและเดินทางต่อไปยังบ้านเบธเลเฮ็มแคว้นยูเดีย ซึ่งปัจจุบันนี้ คือ รัฐปาเลสไตน์ ซึ่งรวมระยะทางในการเดินในครั้งทั้งสิ้นกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร

       พี่น้องคิดว่าพวกเหล่าโหราจารย์จะมีความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า มีความหิวกระหายบ้างไหมไหมครับ ? และนี่คือการถวายของขวัญวันคริสตมาสอย่างแรกที่พวกเหล่าโหราจารย์มอบได้ให้กับพระกุมารเยซู

       คำถามคือว่า ปัจจุบันการที่พี่น้องต้องออกเดินทางจากบ้านเพื่อมาหาองค์พระเยซูคริสต์เจ้าต้องใช้เวลาเดินทางไกลนานขนาดนี้ไหมครับ ? หรือต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเหมือนกับพวกโหราจารย์แบบนี้ไหมครับ ? เพราะฉะนั้นให้เราขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าทรงจัดวางชีวิตของเราเอาไว้ในยุคนี้ , พ.ศ.นี้ อีกทั้งให้เรารักพระองค์ให้มากๆ

       พระคำของพระเจ้าใน มธ.2:11 ตรัสว่า เขาจึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น นี่คือ การถวายของขวัญวันคริสตมาสอย่างที่สอง ที่บรรดาพวกเหล่าโหราจารย์ได้มอบให้กับพระกุมารเยซู

       ซึ่งในพระคริสตธรรมคัมภีร์มีข้อพระคัมภีร์เยอะแยะมากมายที่ทำให้เราทราบว่าพระเจ้านั้นทรงพอพระทัยการนมัสการสรรเสริญหรือทรงพอพระทัยการนมัสการอธิษฐานและหรือทรงพอพระทัยการโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า ตย.เช่น

       สดด. 92:1 เป็นการดีที่จะโมทนาพระคุณพระเจ้า ข้าแต่องค์ผู้สูงสุด ที่จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

       สภษ.15:8 เครื่องสักการบูชาของคนชั่วร้ายเป็นที่น่าเกลียดน่าชังแก่พระเจ้า แต่คำอธิษฐานของคนเที่ยงธรรมเป็นที่ปีติยินดีแก่พระองค์

       เพราะฉะนั้นคริสตศาสนิกที่ดีต้องเข้ามาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยท่าทีแบบนี้ คือ ด้วยการนมัสการอธิษฐาน ด้วยการนมัสการสรรเสริญ ด้วยการโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า อาเมนไหมครับ ?

       ภายหลังจากนั้นบรรดาเหล่าโหราจารย์จึงถวายเครื่องบรรณาการแด่พระกุมารเยซู ซึ่งประกอบไปด้วย ทองคำ กำยานและมดยอบ  ซึ่งในสมัยเมื่อ 2000 กว่าปีที่ผ่านมาเครื่องบรรณาการต่างๆเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นของที่มีค่ามันจึงมีราคาที่แพงมาก

       แต่การมอบถวายของบรรดาเหล่าโหราจารย์ เขาไม่ได้มอบถวายให้กับพระกุมารเยซูด้วยท่าทีที่ว่าของเหล่านั้นมันมีราคาที่แพงมาก แต่เขาได้มอบถวายให้กับพระกุมารเยซูในท่าทีที่เขารู้ว่าพระกุมารเยซูคือใคร ?

       เมื่อเขารู้ว่าพระกุมารเยซูคือใคร ของขวัญในการที่พวกโหราจารย์ได้นำมามอบถวายให้กับพระกุมารเยซูนั้นจึงเป็นสาระสำคัญที่ตามมาว่ามันจะต้องเหมาะสมกับเกียรติหรือฐานะในความเป็นพระเจ้าของพระองค์ไหมครับ ?

       พี่น้องเคยดูข่าวพระราชสำนักไหมครับ ? พสกนิกรที่มาเข้าเฝ้า ร.9 หรือ ร.10 เขจะต้องนำเครื่องบรรณาการมามอบถวายให้กับพระองค์ท่านด้วย บางคนก็เอาโฉนดที่ดินมาให้ บางคนก็ถวายพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้เป็นเงินสดไหม ? เขียนเป็นเช็คธนาคารมาให้

       ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า เราเองก็จะต้องทราบด้วยนะครับว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นทรงเป็นใครหรือทรงเป็นผู้ใด

ให้เราอ่านพระคำของพระเจ้าใน 2 คร.8:12 ด้วยกันเพราะว่าถ้ามีน้ำใจพร้อมอยู่แล้ว พระเจ้าก็พอพระทัยที่จะทรงรับตามที่ทุกคนมีอยู่ มิใช่ตามที่เขาไม่มี

       พี่น้องคิดว่าการที่ทูตสวรรค์ได้ไปปรากฏแก่คนเลี้ยงแกะและบอกกับคนเลี้ยงแกะว่า ท่านจะได้พบพระกุมารนั้นพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า พี่น้องคิดว่าในเวลานั้นคนเลี้ยงแกะจะมีอะไรมามอบถวายให้กับพระกุมารเยซูบ้างไหมครับ ?

       พระคำของพระเจ้าใน 2 คร. 8:12 จึงได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจน “ไม่มีไม่ต้องให้ แต่ถ้ามีแบบพวกโหราจารย์ก็ต้องให้ด้วยท่าทีที่ถูกต้องและพระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะรับการถวายนั้น”

       พระคำของพระเจ้าใน มธ.2:12 ให้เราอ่านด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วพวกโหราจารย์ได้ยินคำเตือนในความฝัน มิให้กลับไปเฝ้าเฮโรด เขาจึงกลับไปยังเมืองของตนทางอื่น

       บรรดาเหล่าโหราจารย์ได้รับคำเตือนจากพระเจ้าผ่านทางความฝันว่าอย่ากลับไปเข้าเฝ้ากษตริย์เฮโรดเพราะถ้ากลับไปนั่นหมายถึงชีวิตของพวกเขา คำถามคือว่า พวกโหราจารย์เขาได้มอบถวายอะไรให้กับพระกุมารเยซูครับ ?

       1 ยน.4:4 ลูกทั้งหลายเอ๋ย ท่านเป็นฝ่ายพระเจ้า และได้ชนะเขาเหล่านั้น เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก

       บรรดาเหล่าโหราจารย์ได้มอบถวายหัวใจแห่งการเชื่อฟังในพระเจ้ามากกว่าที่จะเชื่อฟังมนุษย์ให้กับพระกุมารเยซู และนี่เป็นการถวายของขวัญให้กับพระกุมารเยซูเป็นครั้งที่ 4 และนี่เป็นสิ่งที่ผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าต้องเรียนรู้

       พี่น้องคริสเตียนในประเทศไทยของเราทำไม่ถึงไม่ค่อยที่จะได้รับพระพรตามพระสัญญาของพระเจ้าอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยสาเหตุเพราะอะไรทราบไหมครับ ? เราไม่ค่อยได้อ่านพระคัมภีร์ ส่วนที่อ่านก็มีแต่ที่ไม่ทำตามพระคำก็เยอะ อีกทั้งบางคนก็ไปเชื่อฟังคำสอนของโลกหรือเจ้านายฝ่ายโลกกันก็มากเราจึงขาดพระพร

       ของขวัญชิ้นที่ 5 ซึ่งเป็นชิ้นสุดท้าย ที่บรรดาเหล่าโหราจารย์ได้มอบให้กับพระกุมารเยซูอยู่ใน มธ.2:2 กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน"

       ถ้าบรรดาเหล่าโหราจารย์ไม่ออกเดินทางมากรุงเยรูซาเล็มและถามกับกษัติรย์เฮโรดด้วยคำถามนี้ พี่น้องคิดว่ากษัตริย์เฮโรดจะรู้เรื่องนี้ไหมครับ ?

       คำถามของบรรดาพวกโหราจารย์นี้คืออะไร ? มธ.2819-20

       เพราะฉะนั้นของขวัญชิ้นที่ 5 ที่บรรดาโหราจารย์ได้มอบถวายให้กับพระกุมารเยซูคือ การประกาศเรื่องการเสด็จมาของพระเยซู

       พี่น้องยังจำได้ไหมครับว่า ก่อนที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าจะเสด็จขึ้นไปอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์ พระองค์ได้ทรงตรัสสั่งเราเอาไว้ว่าให้เราส่งต่อของขวัญชิ้นนี้ไปยังคนอื่นๆด้วย

       นี่จึงเป็นข่าวที่สำคัญ นี่จึงเป็นของขวัญที่สำคัญ เพราะผู้ช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากบาป รอดพ้นจากบึงไฟนรกและผู้ประทานชีวิตที่นิรันดรได้เสด็จมาอยู่กับเรา

       ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าผมขอหนุนใจให้เราได้มอบถวายของขวัญชิ้นนี้ให้กับพระกุมารเยซูผ่านคริสตสมภพในแต่ละปีด้วย

       บรรดาโหราจารย์ประกาศกับกษัตริย์เฮโรดเรื่องพระคริสต์เสด็จมาบังเกิด  คำถามคือว่า กษัตริย์เฮโรดเชื่อในเรื่องนี้ไหมครับ เราแบ่งปันเรื่องราวของพระเจ้าออกไปใช่ว่าทุกคนจะเชื่อ แต่เราต้องมีท่าทีนี้ครับ คือ เราต้องทำในส่วนของเรา ส่วนเรื่องการตอบสนองเป็นเรื่องของคนๆนั้นกับพระเจ้า

       สรุป : คำเทศนาในเช้าวันนี้คือ เหล่าโหราจารย์ได้นำของขวัญคริสตมาสแรกมาถวายให้กับพระกุมารเยซูได้แก่

       1.เขามอบถวายเวลาและกำลังกายในการออกติดตามหาพระเยซู 2 เขามอบถวายการกราบนมัสการพระกุมารเยซู 3.เขามอบถวายเครื่องบรรณาการ 4.เขามอบถวายการเชื่อพระเจ้ามากกว่าที่จะเชื่อฟังมนุษย์ 5.เขามอบถวายด้วยการส่งต่อของขวัญนี้ไปยังคนอื่นๆ

Green City