ขอแล้วทำไมไม่ได้รับ

คำเทศนาเรื่อง ขอแล้วทำไมไม่ได้รับ

 

ช่วงเวลานี้เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่ง ที่เราจะได้ตื่นเต้นกับพระเจ้าผ่านทางพระคำของพระองค์ร่วมกัน และข้อพระคัมภีร์ที่จะใช้เป็นกุญแจในการแบ่งปันกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้จะอยู่ใน มธ. 7:7-11 จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้กับท่าน เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ ทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขาในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้บุตร เมื่อเขาขอขนมปังหรือให้งูเมื่อบุตรขอปลา เหตุฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาป ยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะประทานของดีแก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์ ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

มีพี่ - น้องกี่ท่านครับ ที่ขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทรงเรียกและทรงเลือกเราให้มาเป็นบุตรีบุตราของพระองค์ ผมขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทรงเรียกและทรงเลือกผมให้มาเป็นบุตรของพระองค์

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเราให้มาเป็นบุตรีบุตราหรือบุตรชายบุตรหญิงของพระองค์แล้ว พระองค์ไม่ได้เรียกเรามาเฉยๆและผมก็ไม่เคยเห็นพ่อ - แม่คนใด ที่คลอดบุตรของตนออกมาแล้วๆปรารถนาที่จะให้บุตรของตนเองนั้นเฉยๆกับพ่อ - แม่ ในทางตรงกันข้ามพ่อ - แม่ปรารถนาที่จะพูดคุยกับลูกๆของตนเอง และปรารถนาที่จะให้ลูกๆนั้น ได้พูดคุยกับพ่อ - แม่ด้วยเช่นเดียวกัน

ดังนั้นการอธิษฐานจึงเป็นเพียงช่องทางเดียว

1. ที่เราจะสามารถพูดคุยกับพระองค์ได้

2. ที่เราจะสามารถพูดถึงภาระปัญหาต่างๆของเรากับพระองค์ได้

3. ที่เราจะสามารถทูลขอทุกสิ่งจากพระองค์ได้

คำถามที่น่าคิดนั่นก็คือว่า อะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้เราไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า หรือทำไมเราขอแล้วถึงไม่ได้รับ ทั้งๆที่พระองค์ปรารถนาที่จะประทานของดีให้กับผู้ที่เป็นบุตรของพระองค์ ดังนั้นในเช้าวันนี้เราจะมาศึกษาในเรื่องนี้ด้วยกัน

สิ่งที่กีดขวางคำอธิษฐานของเราและทำให้เราไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า

ประการที่ 1 อยู่ใน ยก.4:3 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ท่านขอและไม่ได้รับ เพราะว่าท่านขอผิด หวังได้ไปเพื่อสนองต่อกิเลสตัณหาของท่าน

ประการที่ 1 เพราะว่าท่านขอผิด

พ่อ - แม่หลายๆคนเลี้ยงลูกด้วยการตามใจ บางอย่างที่ลูกร้องขอซึ่งก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อลูกเลยแต่พ่อ - แม่ก็ตามใจ เช่น

ลูกขอที่จะมีรถมอไซค์ สุดท้ายบุตรของตนก็ต้องจากไปก่อนวัยอันสมควร

ลูกบางคน ขอเครื่องคอมพิวเตอร์ สุดท้ายบุตรสาวเอาไปเล่นในทางที่ผิด ก็ถูกพวกมิจฉาชีพลวงไปข่มขืนแล้วฆ่า เป็นต้น

สิ่งที่พ่อ - แม่หลายคนตามใจลูกในเวลานั้น ได้นำมาซึ่งความทุกข์ใจหรือความโศกเศร้าเสียใจของพ่อ - แม่ในเวลานี้ และนี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

พี่ - น้องที่รักครับ พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าที่มีหลักการ พระองค์ทรงมีเหตุมีผล และพระองค์ทรงชอบธรรม ดังนั้นพระเจ้าจะไม่ให้อะไรตามความอำเภอใจของเรา เพราะถ้าเราได้รับไปแล้วและถ้ามันไม่เป็นผลดีสำหรับเรา มันทำร้ายเรา เป็นอันตรายถึงชีวิตเรา

ดังนั้นขอให้พี่ - น้องรู้เถิดว่าคำอธิษฐานนั้น พระเจ้าผู้ทรงสถิตในสวรรค์พระองค์ทรงรับฟัง เพราะฉะนั้นพี่ - น้องอย่าได้คิดน้อยอกน้อยใจหรือตัดพ้อต่อว่าพระเจ้า ว่าพระองค์ไม่ฟังท่านหรือพระเจ้านั้นไม่รักพี่ - น้องแล้ว

พี่ - น้องที่รักครับ พระเจ้าไม่มุสา พระองค์ทรงรักเราตลอดเวลาเสมอและพระองค์ทรงหยุดที่จะรักเราพี่ - น้องไม่ได้ แต่เพราะคำทูลขอที่สนองต่อกิเลส ตัณหาหรือความต้องการฝ่ายเนื้อหนังของเรา หรือความอยากได้ใคร่มีของเรานั้น พระองค์รับฟังแต่ให้ไม่ได้

ดังนั้นเราทั้งหลาย ควรที่จะมีท่าทีในการอธิษฐานอย่างเดียวกันกับพระเยซูเหมือนใน มธ.26:39 พระคำของพระตรัสว่า อย่าให้เป็นไปตามปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยพระองค์ และนี่เป็นคำอธิษฐานที่ควรจะมีอยู่ในชีวิตของเรา อาเมน และพระเจ้าจะทรงโปรดฟังคำอธิษฐานของท่าน

สิ่งที่กีดขวางคำอธิษฐานของเราและทำให้เราไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า

ประการที่ 2 อยู่ใน อสย.59:1-2 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ดูเถิดพระหัตถ์ของพระเจ้ามิได้สั้นลงที่จะช่วยให้รอดไม่ได้ หรือพระกรรณตึงซึ่งจะทรงไม่ได้ยิน แต่ว่าความบาปชั่วของเจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เกิดการแยกระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้าและบาปของเจ้าทั้งหลายได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้าพระองค์จึงไม่ได้ยิน

ประการที่ 2 เพราะความบาปชั่ว

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อเราอธิษฐาน พูดคุยกับพระเจ้าเวลาใดก็ตามขอให้พี่ - น้องรู้เถิดว่า คำอธิษฐานของเรานั้นสำคัญเสมอสำหรับพระเจ้า

และไม่เพียงเท่านั้นพี่ - น้องที่รัก   เราจะต้องตระหนักอยู่เสมอว่า พระพรของพระเจ้าก็พร้อมตลอดเวลาเสมอ สำหรับผู้เป็นบุตรของพระองค์ด้วยเช่นกัน

แต่อะไรล่ะครับพี่ - น้อง ที่เป็นเหมือนกำแพงขวางกั้นคำอธิษฐาน ระหว่างพี่ - น้องกับพระเจ้า และเป็นเหตุที่ทำให้เราไม่ได้รับคำตอบจากพระองค์

พระคัมภีร์ได้พูดถึงความบาปชั่วทั้งหลาย ซึ่งนั่นหมายความว่า ความบาปชั่วทุกชนิด ไม่ว่าบาปนั้นจะเป็นบาปเล็กหรือบาปใหญ่ ไม่ว่าบาปนั้นจะเป็นบาปในที่ลับหรือในที่แจ้งก็ตามล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ พระเจ้านั้นไม่ได้ยินคำอธิษฐานร้องทูลของเรา

ดังนั้น ความบาปชั่วทั้งหลายจึงเปรียบเหมือนกับเมฆหมอก ลมพายุ ที่บดบังหรือกีดขวางคำตอบที่เราควรจะได้รับจากพระเจ้า

พระคำของพระเจ้าใน 1ยน.1:9 ตรัสดังนี้ว่า ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์สัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้นถ้าเราอธิษฐานสารภาพบาปของเรากับพระเจ้า พระเจ้าจะทรงโปรดชำระเราทั้งหลาย ให้เป็นผู้ชอบธรรมไหมครับพี่ - น้อง ? ชอบธรรม

ยก.5:16 พระคำของพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมย่อมมีพลังและเกิดผล เพราะฉะนั้นถ้าพี่ - น้องต้องการที่จะให้พระเจ้าฟังคำอธิษฐานของพี่ - น้องตลอดเวลาเสมอ ง่ายนิดเดียวคืออะไรรู้ไหมครับ ? อย่าสานบาปเก่าและอย่าก่อบาปใหม่

สิ่งที่กีดขวางคำอธิษฐานของเราและทำให้เราไม่ได้รีบคำตอบจากพระเจ้า

ประการที่ 3 อยู่ใน อสค.14:4พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า คนใดในพงศ์พันธ์อิสราเอลเอารูปเคารพของเขาไว้ในใจ และวางสิ่งที่สะดุดให้ทำบาปผิดไว้ข้างหน้าเขา และยังมาหาผู้เผยพระวจนะ เราคือพระเจ้าจะตอบเขาเองด้วยเรื่องรูปเคารพมากมายของเขานั้น

ประการที่ 3 เพราะเรามีรูปเคารพในใจ

พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อพี่ - น้องมาเชื่อในพระเจ้า พระเยซูหรือมาเป็นคริสเตียนแล้ว ไม่เพียงแต่พี่ - น้องจะไม่กราบไหว้บูชาหรือนมัสการ พระบาอัล หรือพระอื่นเท่านั้น

แต่พี่ - น้องจะต้องไม่มีเรื่องรูปเคารพในใจของพี่ - น้องด้วย พี่ - น้องเข้าใจคำว่าเรื่องรูปเคารพในใจไหมครับ

คำว่า รูปเคารพในใจ หมายความว่า อะไรก็ตามที่พี่ - น้องให้ความสำคัญกับมันมากเกินไป จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นนานเกินไป บ่อยเกินไป ขาดมันไม่ได้ อย่างนี้เราเรียกว่า รูปเคารพในใจ ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าพี่ - น้องคิดถึงเพื่อน คิดถึงแฟน คิดถึงงาน คิดถึงการเรียน คิดถึงเงิน - ทอง คิดถึงลูก ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะครับ แต่ถ้าพี่ - น้องให้สิ่งนั้นสำคัญมากกว่าพระเจ้า อะไรก็ตามที่มีลักษณะที่คล้ายๆอย่างที่ผมได้กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้เราเรียกว่า รูปเคารพในใจ

อนุชนหลายคน เล่น Line คุยกับเพื่อนได้ทุกวัน แล้วก็วันล่ะเป็นหลายๆชั่วโมง แต่คุยกับพระเจ้าได้ครั้งล่ะ 2 - 3 นาทีและก็เป็น 2 - 3 นาที ในช่วงเวลาขอบคุณพระเจ้าสำหรับอาหารอีกต่างหาก

อย่างนี้เรียกว่า รูปเคารพในใจ ไหมครับ ? พระเจ้าไม่ฟังคำอธิษฐานของผู้เชื่อที่มีรูปเคารพในใจ

เพราะฉะนั้น การดำเนินชีวิตติดตามองค์พระเยซูคริสต์ในชีวิตของเราเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่า พี่ - น้องนั้นมี รูปเคารพในใจ หรือไม่ ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าช่วยเราทั้งหลายที่เราจะมีพระเจ้าเป็นเอกและเป็นหนึ่งในชีวิตของเราเสมอ เหมือนกับพระคำของพระเจ้าใน หนังสือ ลก.10 : 27 ที่ได้ตรัสเอาไว้ว่า จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเจ้า ด้วยสิ้นสุดจิต สุดใจของเจ้า ด้วยสุดกำลังและสิ้นสุดความคิดของเจ้า

สิ่งที่กีดขวางคำอธิษฐานของเราและทำให้เราไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า

ประการที่ 4 อยู่ใน มก.11:25 - 26 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า เมื่อท่านยืนอธิษฐานอยู่ ถ้าท่านมีเหตุกับผู้หนึ่งผู้ใดจงยกโทษให้ผู้นั้นเสีย เพื่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะโปรดยกความผิดของท่าน แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ยกความผิด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะไม่ทรงยกความผิดของท่านเหมือนกัน

ประการที่ 4 เพราะมีวิญญาณแห่งการไม่ให้อภัย

ในความเป็น M ของคุณแม่ผมนั้น ทุกคนต่างยอมรับกันว่าท่านเป็นคนที่เข้มแข็งในพระเจ้าของท่านเป็นอย่างมาก

เท่าที่ผมจำได้ มีครั้งหนึ่งที่คุณแม่ของผมได้คัดค้านและแสดงความไม่เห็นด้วยในสิ่งที่พี่สาวของท่านจะตัดสินใจกระทำในบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งทำให้พี่สาวของท่านนั้นรู้สึกโกรธมาก โกรธขนาดถึงวันที่คุณแม่ของผมเสียชีวิต ท่านก็ยังไม่มาร่วมไว้อาลัย เบ็ดเสร็จรวมเป็นระยะเวลา 20 กว่าปี

พี่ - น้องที่รักครับ พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่สูงสุด พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก เป็นราชาเหนือราชา เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ เป็นพระเหนือพระทั้งปวง

พระองค์ยังทรงยอมให้อภัยความผิด ความบาปแก่พวกเราทั้งหลาย ผ่านทางพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คำถามก็คือว่า แล้วเราเป็นผู้ใดเล่าเราถึงไม่สามารถยอมให้อภัยกับผู้อื่นได้

พี่ - น้องที่รักครับ ถ้าเราไม่สามารถที่จะยอมให้อภัยผู้อื่นได้และไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตาม นั่นหมายความว่า ท่านมีวิญญาณแห่งการไม่ให้อภัยผู้อื่นอยู่ในชีวิตของท่าน

พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณและจิตวิญญาณที่ไม่ถูกต้อง คือ การที่เราไม่ยอมให้อภัยผู้อื่นนั้น เป็นสิ่งที่กีดขวางคำอธิษฐานระหว่างพี่ - น้องกับพระเจ้า ทำให้พี่ - น้องไม่ได้รับคำตอบจากพระองค์

เพราะฉะนั้นอย่าให้วิญญาณแห่งการไม่ให้อภัยนี้

1. เป็นตุ้มถ่วงชีวิตของพี่ - น้องอีกต่อไป

2.กักขังหน่วงเหนี่ยวพระพรที่พี่ - น้องควรจะได้รับจากพระเจ้าอีกต่อไป

สิ่งที่กีดขวางคำอธิษฐานของเราและทำให้เราไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า

ประการที่ 5 อยู่ใน สภษ.21:13 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า บุคคลผู้อุดหูไม่ฟังเสียงร้องของคนยากจนตัวเขาเองจะร้องและไม่มีใครได้ยิน

ประการที่ 5 เพราะมีวิญญาณเห็นแก่ตัว

มีเจ้าองค์หนึ่งทรงประสงค์จะคิดบัญชีกับทาส เมื่อตั้งต้นทำการนั้นแล้วเขาก็พาคนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้หนึ่งหมื่นตะลันต์มาเฝ้า ท่านจึงสั่งให้ขายตัว กับทั้งเมียและลูก และบรรดาสิ่งของที่เขามีอยู่นั้นเอามาใช้หนี้เพราะเขาไม่มีเงินจะใช้หนี้ทาส

ลูกหนี้ผู้นั้นจึงกราบลงวิงวอนว่า ข้าแต่ท่านขอโปรดผัดไว้ก่อนแล้วข้าพเจ้าจะใช้หนี้ทั้งสิ้น เจ้าองค์นั้นมีพระทัยเมตตา โปรดยกหนี้ปล่อยตัวเขาไป

แต่ทาสผู้นั้นออกไปพบคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนทาสด้วยกัน ซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่เพียงแค่หนึ่งร้อยเดนาริอัน เขาจึงจับคนนั้นบีบคอว่า จงใช้หนี้ให้ข้าเดี๋ยวนี้ เพื่อนทาสคนนั้นได้กราบลงอ้อนวอนว่า ขอโปรดผัดไว้ก่อนแล้วข้าพเจ้าจะใช้หนี้ให้ แต่เขาไม่ยอมจึงนำทาสลูกหนี้นั้นไปจำจองไว้จนกว่าจะใช้เงินนั้น

ฝ่ายพวกเพื่อนทาสเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ก็พากันสลดใจยิ่งนัก จึงนำเหตุการณ์ทั้งปวงไปกราบทูลเจ้าองค์นั้น ท่านจึงเรียกทาสนั้นมาสั่งว่า อ้ายข้าชาติชั่วเราได้โปรดยกหนี้ให้เอ็งหมด เพราะเอ็งได้อ้อนวอนเรา เอ็งควรจะเมตตาเพื่อนทาสด้วยกันเหมือนเราได้เมตตาเอ็งมิใช่หรือ แล้วเจ้าองค์นั้นกริ้ว จึงมอบผู้นั้นไว้แก่เจ้าหน้าที่ให้ทรมานจนกว่าจะใช้หนี้หมด

พี่ - น้องที่รักครับ คนที่มีวิญญาณเห็นแก่ตัว คนที่ไม่มีจิตเมตตาสงสารผู้อื่น คนที่เรียนรู้ที่จะเป็นผู้รับมากกว่าที่จะเป็นผู้ให้ พระคัมภีร์ได้พูดอย่างชัดเจนว่า สภษ.12:13 แม้ตัวเขาจะร้องทูล แต่พระเจ้าก็จะไม่ได้ยิน

ขอพระเจ้าช่วยพี่ - น้องและผมที่เราจะไม่เพียงแต่ไม่มีวิญญาณที่เห็นแก่ตัวเท่านั้น แต่เราจะเป็น มือบนมากกว่ามือล่าง ความหมายก็คือ เราจะมีวิญญาณในการเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ เพื่อพระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงฟังคำอธิษฐานของเรา

สิ่งที่กีดขวางคำอธิษฐานของเราและทำให้เราไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า

ประการที่ 6 อยู่ใน 1ปต.3:7 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็เช่นเดียวกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจในเธอ จงให้เกียรติแก่ภรรยาเพราะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และเพราะท่านทั้งสองได้รับชีวิตอันเป็นพระคุณมรดก เพื่อว่าคำอธิษฐานของท่านจะไม่เป็นอุปสรรคขัดขวาง

ประการที่ 6 คือ เพราะขาดการปฏิบัติที่ถูกต้อง

มีสามี - ภรรยาคู่หนึ่งอยู่ทางภาคอีสาน ครอบครัวนี้มีฐานะยากจน ตื่นเช้าขึ้นมาภรรยาก็ออกไปทำไร่ไถนา ส่วนสามีก็อยู่บ้านเฉยๆไม่ทำอะไร วันหนึ่งฝนตกลงมาเพื่อนบ้านก็พากันเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ แต่สุดยอดสามีบ้านนี้กับเก็บแต่เสื้อผ้าของตนเองแต่เพียงฝ่ายเดียว

ส่วนของภรรยานั้น เขากับปล่อยให้เปียกฝน เหตุเพราะกลัวของเสื่อม ภรรยากับมาถึงบ้านก็ต้องมานั่งย่างผ้าถุงใส่วันพรุ่งนี้

มาวันที่ 2 ฝนก็ตกลงมาอีกเช่นเคย เพื่อนบ้านก็ตะโกนบอกผู้เป็นสามีว่า เฮ้ย...ฝนตกเก็บผ้าถุงเถอะ...สงสารเมียเอ็งหน่อยเถอะ สุดยอดสามีท่านนี้ไม่รู้คิดอย่างไร

ใช้ไม้ไผ่ค่อยๆยื่นออกไป แล้วก็สาวทั้งผ้าถุง ทั้งกางเกงลิง กางเกงคนเข้ามาในบ้าน

มาวันที่ 3 ฝนก็ตกลงมาอีกเช่นเคย เพื่อนบ้านก็ต้องตะโกนบอกเหมือนเดิม เฮ้ย...ฝนตกเก็บผ้าถุงเถอะ...สงสารเมียเอ็งหน่อย สุดยอดสามีท่านนี้ก็ใช้วิธีเดิม เพราะกลัวของจะเสื่อม คือ ใช้ไม้ไผ่ค่อยๆยื่นออกไปแล้วก็ค่อยๆสาวผ้าถุงเข้ามา ปรากฏว่าลมมันหมั่นไส้อย่างไรไม่ทราบ

ปรากฏว่าลมมันพาเอาผ้าถุงครอบเข้ามาที่หัว เพื่อนบ้านที่กำลังเก็บผ้าอยู่เห็นพอดี้ ดี ก็เลยถามว่า เอ้า...ไหนเองว่าถูกไม่ได้...แตะไม่ได้....ไหนเองกับเอาครอบหัวอย่างนั้นล่ะ

พี่ - น้องที่รักครับ พระคำของพระเจ้าข้อนี้พูดถึงผู้เป็นสามีโดยตรง พระคำของพระเจ้าพูดว่าอย่างไร พระคำของพระเจ้าพูดว่า สามีจงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจในเธอ จงให้เกียรติแก่เธอ เพราะเธอเป็นผู้ที่อ่อนแอกว่า

ดังนั้นถ้าสามีอยู่กินกับภรรยาของตน ด้วยความไม่เข้าอกเข้าใจในเธอ อยู่กินโดยไม่ได้ให้เกียรติต่อภรรยาของตนหรือปฏิบัติต่อเธออย่างไม่สมควร เช่น ทำให้เธอรู้สึกต้อยต่ำ ด้อยคุณค่าในตนเอง

พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนว่า คำอธิษฐานของสามีที่มีท่าทีเช่นนั้นจะไม่เกิดผล เพราะการประพฤติการปฏิบัติของสามีที่ผิดต่อภรรยานั้น เป็นอุปสรรค ขัดขวางต่อการได้ยินของพระเจ้า

เพราะฉะนั้นให้ผู้ที่เป็นสามีทุกคนตระหนักถึงพระวจนะของพระเจ้าในข้อนี้ให้มากๆ เพื่อที่คำอธิษฐานของพี่ - น้องจะได้รับคำตอบจากพระเจ้า

สิ่งที่กีดขวางคำอธิษฐานของเราและทำให้เราไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า

ประการที่ 7 อยู่ใน ยก.1:6-7 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเล ซึ่งถูกลมซัดไปมา ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย

ประการที่ 7 เพราะขาดความเชื่อ

ยอห์นเป็นนักไต่เขาตัวฉกาจ เขาชอบไปปีนเทือกเขาร็อกกี้ แต่ก็อย่างว่าแหล่ะครับ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญยังรู้พลั้ง แต่สำหรับยอห์นแล้วภาษิตนี้น่าจะเหมาะกว่า คือ พลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้

ยอห์นปีนขึ้นไปถึงความสูง 4,000 Ft. และเกิดเหยียบพลาดร่างจึงห้อยแขวนโตงเตงอยู่กลางอากาศ

ยอห์นพยายาม……ที่จะสาวเชือกกลับขึ้นไปข้างบน แต่เชือกเจ้ากรรมก็ดันขาดเสียอีก ร่างของยอห์น……...จึงลอยละลิ่วสู้โขดหินเบื้องล่าง

แต่โชคยังดีขณะผ่านกิ่งไม้ริมหน้าผา จอห์นรีบคว้าเอาไว้ได้ เขาร้องอธิษฐานว่า

ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์ด้วย ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากเบื้องบนว่า

ยอห์นเอ๋ย จงสำแดงความเชื่อของเจ้า ปล่อยมือจากกิ่งไม้นั้นเสียแล้วเราจะช่วยเจ้า

ยอห์นเงยหน้ามองดูข้างบนไม่เห็นจะมีใครจึงตะโกนขึ้นว่า

นั่นเป็นพระเจ้าจริงๆหรือเจ้าข้าเสียงเดิมตอบกลับมาว่าใช่แล้วเราคือพระเจ้าจงสำแดงความเชื่อโดยการปล่อยมือแล้วเราจะช่วยเจ้า

ยอห์นก้มมองดูข้างล่างแล้วใจหวิวๆจะเป็นลมเสียให้ได้ ยอห์นจึงแหงนหน้าแล้วตะโกนว่า นอกจากพระเจ้าแล้ว ข้างบนนั้นยังมีใครอีกไหมผมอยากพูดด้วย

เสียงเดิมตอบกลับมาว่าจงปล่อยมือของเจ้าเถิดเราพร้อมที่จะช่วยเจ้า

ยอห์นลังเลสักครู่แล้วพูดขึ้นว่า ช่วยก่อนซิแล้วผมจะปล่อยมือ

พี่ - น้องที่รักครับ ความเชื่อและการวางใจของมนุษย์นั้นส่วนมากขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตามองเห็นหรือสิ่งที่ตนเองมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้เท่านั้น

แต่ชีวิตของผู้ที่เชื่อในพระเจ้านั้น จะแตกต่างออกไปจากคนทั่วๆไป คือ ความเชื่อของเรานั้นตั้งอยู่ในพระเจ้าเท่านั้น แม้ตาเราจะมองไม่เห็นพระองค์ก็ตาม และนั่นคือชีวิตที่พระองค์ทรงพอพระทัย

ดังนั้นการอธิษฐานที่เต็มไปด้วยความสงสัยในพระเจ้า การอธิษฐานที่ไม่ได้ประกอบไปด้วยความเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง ย่อมจะไม่เกิดผล

พระคำพูดอย่างชัดเจนว่าอย่างไรครับ พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนว่า ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย ขอพระเจ้าช่วยเราที่เราจะอธิษฐานประกอบไปด้วยความเชื่อและไม่สงสัยในพระเจ้า

ถึงแม้สิ่งที่เราได้ทูลขอจากพระเจ้านั้น จะเป็นสิ่งที่ยากหรือเป็นสิ่งที่ตาของเรายังมองไม่เห็นก็ตาม แต่เมื่อเราอธิษฐานอย่างถูกต้องต่อพระเจ้า สุดท้ายพี่ - น้องก็จะได้รับพระพรอย่างที่พระองค์ทรงสัญญาไว้อย่างแน่นอน

สิ่งที่กีดขวางคำอธิษฐานของเราและทำให้เราไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า

ประการที่ 8 อยู่ใน ยน. 15:7 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น

ประการที่ 8 เพราะขาดการติดสนิท

พี่ - น้องที่รักครับ เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เมื่อเสียบเข้ากับปลั๊กหรือเสียบเข้ากับขั้วของมัน สักพักมันก็ติด แต่ถ้าพี่ - น้องเสียบเข้าไปที่ขั้วของมันแล้วมันใช้ไม่ได้ นั่นก็แสดงว่า ไม่ปลั๊กเสียบหรือไม่ก็ขั้วของมันนั่นแหละ ที่ใช้การไม่ได้

ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน ชีวิตของเราจะต้องเสียบเข้ากับผู้ใดครับพี่ - น้อง ?

ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียนชีวิตของเรา ควรจะเสียบปลั๊กหรือเสียบเข้ากับขั้วของพระเจ้า และควรที่จะเสียบตลอดเวลาเสมอ เพื่อคำอธิษฐานของพี่ - น้องและของผมนั้นจะเกิดผล

พระคัมภีร์ใช้คำว่าคำว่า เข้าสนิทอยู่ในเรา แปลความว่า พระองค์อยู่ในเรา ไม่ใช่พระองค์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา คำว่า ถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่าน แปลความว่า พระวจนะของพระองค์ ดำรงอยู่ ในชีวิตของเราไม่ใช่ให้พระวจนะของพระเจ้า เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ ดำรงอยู่ ในชีวิตของเรา

ดังนั้นคำอธิษฐานของผู้เชื่อหลายๆคน ที่ไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า

1 )เป็นเพราะเขาให้พระเจ้านั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา

2)เป็นเพราะเขาให้พระคำของพระเจ้านั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ ดำรงอยู่ ในชีวิตของเรา

ชีวิตแห่งการอธิษฐานของพี่ - น้องหลายๆคน จึงเป็นไปในลักษณะติดๆดับๆ ที่เป็นเช่นนี้เพราะขาดการติดสนิทจากพระเจ้าอย่างแท้จริง

ขอพระเจ้าช่วยเรา ที่เราจะใกล้ชิดและมีความติดสนิทกับพระองค์มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อที่เราจะขอสิ่งใดจากพระบิดาของเรา เราก็จะได้สิ่งนั้น

สรุป สิ่งที่กีดขวางคำอธิษฐานของเรา ทำให้พี่ - น้องไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้าประการที่

1. เพราะว่าท่านขอผิด                         2. เพราะความบาปชั่วของเรา

3. เพราะมีรูปเคารพในใจ        4. เพราะมีวิญญาณแห่งการไม่ให้อภัย

5. เพราะมีวิญญาณแห่งการเห็นแก่ตัว

6. เพราะขาดการปฎิบัติที่ถูกต้องต่อคู่สมรส

7. เพราะขาดความเชื่อ                       

8. เพราะขาดการติดสนิท

Green City