การตัดสินใจของโยเซฟ

คำเทศนาเรื่อง  การตัดสินใจของโยเซฟ

           มธ.1:18-25 เรื่องพระกำเนิดของพระเยซูคริสต์เป็นดังนี้ คือมารีย์ผู้เป็นมารดาของพระเยซูนั้น เดิมโยเซฟได้สู่ขอหมั้นกันไว้แล้ว ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกันก็ปรากฏว่า มารีย์มีครรภ์แล้วด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ 19 แต่โยเซฟคู่หมั้นของเขาเป็นคนมีธัมมะ ไม่พอใจที่จะแพร่งพรายความเป็นไปของเธอ หมายจะถอนหมั้นเสียลับๆ 20 แต่เมื่อโยเซฟยังคิดในเรื่องนี้อยู่ ก็มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้า มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า "โยเซฟบุตรดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของเจ้าเลย เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิ์ในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ 21 เธอจะประสูติบุตรชาย แล้วเจ้าจงเรียกนามท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่จะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขา" 22 ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเป็นเจ้า ซึ่งตรัสไว้โดยผู้เผยพระวจนะว่า 23 ดูเถิด หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่าอิมมานูเอล (แปลว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา)

           24 ครั้นโยเซฟตื่นขึ้นก็กระทำตามคำซึ่งทูตของพระเจ้าสั่งนั้น คือได้รับมารีย์มาเป็นภรรยา 25 แต่มิได้สมสู่กับเธอจนประสูติบุตรชายแล้ว และโยเซฟเรียกนามของบุตรนั้นว่าเยซู

             ผมมีคำถาม ที่อยากจะถามพี่น้องว่า ทุกๆวันเมื่อพี่น้องตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พี่น้องได้ยินเสียงอะไรบ้างครับ ? มีเสียงเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด จริงหรือไม่จริง ?

           แต่เสียงที่สำคัญที่สุด ในฐานะที่เราเป็นลูกของพระเจ้า นั่นก็คือ เสียงของพระเจ้าหรือเสียงขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์นั่นเอง เพราะมันจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวัน การส่งผลนี้ หมายถึง ส่งผลใน 3 ระดับ ได้แก่ฝ่ายจิตวิญญาณ จิตใจและร่างกายด้วย ภาษาอังกฤษใช้คำว่า From inside Out

           ยิ่งถ้าเราได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำงานของพระเจ้า เป็นศิษยาภิบาล เป็นอาจารย์ เป็นครูศาสนา เป็นศาสนจารย์หรือเป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าด้วย พี่น้องคิดว่าการได้ยินเสียงของพระเจ้า เสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากไหมครับ ?

           คุณพ่อฝ่ายวิญญาณของผม มักจะถามผมทุกครั้งที่เจอหน้ากันว่า วันนี้พระเจ้าตรัสอะไรกับคุณ ? ถ้าผมตอบว่า พระเจ้ายังไม่ได้ตรัสอะไรกับผมเลย คุณพ่อฝ่ายวิญญาณก็จะบอกกับผมว่า คุณมีปัญหาแล้ว

           ผมถามว่าทำไมท่านถึงพูดเช่นนั้น คุณพ่อฝ่ายวิญญาณจึงตอบผมว่า การที่คุณได้มาเป็นบุตรของพระเจ้า ทำให้คุณได้สารพัดสิ่งที่เป็นพิเศษ แต่การที่คุณยังไม่ได้รับสารพัดสิ่งที่เป็นพิเศษนั่นเป็นเพราะว่าคุณยังเข้าไม่ถึงพระเจ้า

           การที่เรายังเข้าไม่ถึงพระเจ้า ทำให้คริสเตียนส่วนมากยังเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักอยู่ ยังอยู่ในโซ่ตรวนพันธนาการสารพัดสิ่งอยู่ไม่ต่างอะไรจากชาวโลก

           เพราะฉะนั้นการเลือกที่จะฟังเสียงของพระเจ้าหรือเลือกที่จะฟังเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในแต่ละวันนั้น จึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตคริสเตียนของเราเป็นอย่างมาก

           จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

           พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 18 ได้บอกกับเราว่า เดิมโยเซฟนั้นได้สู่ขอหมั้นกันไว้แล้ว ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกันก็ปรากฏว่า นางมารีย์มีครรภ์แล้ว  

           คำถามคือว่า ถ้าพี่น้องเป็นโยเซฟ พี่น้องจะมีความสงสัยในตัวของนางมารีย์ในเรื่องนี้บ้างไหม ? เช่น โยเซฟอาจจะมีความสงสัยว่า

                      1) นางมารีย์ อาจจะนอกใจเขาไปแล้วเป็นไปได้ไหมครับ ?

                      2) นางมารีย์ได้ทำบาป ด้วยการล่วงประเวณีกับชายอื่นไปแล้วเป็นไปได้ไหมครับ ?

           ถ้าโยเซฟมีความสงสัย พี่น้องคิดว่าคนในชุมชนหรือคนในหมู่บ้านเดียวกับนางมารีย์  จะมีความสงสัยในตัวของนางมารีย์ด้วยไหมครับ เช่น เพื่อนบ้านอาจจะสงสัยว่า

                      1 ) นางมารีย์ไปท้องกับใครมา  

                      2 ) ใครเป็นสามีของนางมารีย์

                      3 ) พ่อของเด็กในท้องนั้นเป็นใคร

                      4 ) นางมารีย์ไปตั้งครรภ์มาได้อย่างไร

           ดังนั้น ถ้าโยเซฟมีความสงสัยในนางมารีย์ ผมก็มีความเชื่ออย่างมั่นใจว่า คนในชุมชนหรือคนในหมู่บ้านเดียวกับนางมารีย์ก็น่าจะต้องมีความสงสัยในตัวของนางมารีย์ด้วยเช่นเดียวกัน

และถ้าสมมติว่าโยเซฟ 1 ) เป็นคนที่ไม่มีธัมมะ 2 ) เป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า พี่น้องคิดว่าโยเซฟจะซุบซิบนินทาในเรื่องนี้ของนางมารีย์ให้กับคนอื่นฟังไหมครับ 

           พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 19-20 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าโยเซฟเขา เป็นคนที่มีธัมมะ โยเซฟเขาเพียงแค่คิดที่จะอยากถอนหมั้นกับนางมารียแบบลับๆหรือแบบเงียบๆ ไม่ต้องการแพร่งพรายให้ใครรู้ แต่เขายังไม่ได้ลงมือทำอย่างที่คิด

           พี่น้องเห็นอะไรไหมครับ ? พี่น้องเห็นวิธีการที่แตกต่างระหว่าง 1 ชาวโลกกับชาวสวรรค์ไหมครับ ? ชาวโลกต้องการประจาน แต่ชาวสวรรค์ไม่ต้องการแพร่งพราย 2 คนมีธัมมะกับคนที่ไม่มีธัมมะไหมครับ ?

           คนมีธัมมะไม่ต้องการให้อับอาย แต่คนไม่มีธัมมะต้องการให้อับอาย สิ่งที่พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกกับเรานั่นก็คือว่า วิธีการของพระเจ้านั้นมักจะย้อนแย้งจากวิถีของโลกเสมอ

           มธ.5:37-42 จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไป มาจากความชั่ว {หรือ มารร้าย} 38 "ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า ตาแทนตา และฟันแทนฟัน 39 ฝ่ายเราบอกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย 40 ถ้าผู้ใดอยากจะฟ้องศาล เพื่อจะปรับเอาเสื้อของท่านไป ก็จงให้เสื้อคลุมแก่เขาเสียด้วย 41 ถ้าผู้ใดจะเกณฑ์ท่านให้เดินทางไปหนึ่งกิโลเมตร ก็ให้เลยไปกับเขาถึงสองกิโลเมตร 42 ถ้าเขาจะขอสิ่งใดจากท่าน ก็จงให้อย่าเมินหน้าจากผู้ที่อยากขอยืมจากท่าน

           วิธีการของพระเจ้านั้นมักจะย้อนแย้งจากวิถีของโลกเสมอ ตัวอย่างเช่น องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเอาคนไม่มีความรู้สอนคนมีความรู้ , เอาคนยากจนสอนคนมั่งมี , เอาคนอธรรมสอนคนที่คิดว่าตัวเองนั้นชอบธรรม

           พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 20 ได้บอกกับเราว่า ในระหว่างที่โยเซฟมีความคิดที่จะอยากถอนหมั้นแบบลับๆหรือแบบเงียบๆ ไม่ต้องการแพร่งพรายให้ใครรู้

           พระเจ้าทรงใช้ฑูตสวรรค์เข้ามาแทรกแซงสิ่งที่โยเซฟกำลังคิดอยู่ผ่านทางความฝัน ชีวิตของเราบางครั้งมันยุ่งมากเกินไปจนกระทั่งพระเจ้าเข้ามาแทรกแซงในชีวิตของเราไม่ได้เลย เหมือนกับเหตุการณ์ที่พระคัมภีร์ได้มีการบรรทุกเอาไว้ใน ลก.24: 13-32 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องระมัดระวัง

           พระเจ้าให้ทูตสวรรค์เข้ามาในความฝันเพื่อพูดกับโยเซฟ 2 อย่าง อย่างแรกคือ อย่ากลัว อย่างที่ 2 คือ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นมาจากฤทธิ์เดชแห่งองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์

           คำถามคือว่า ถ้อยคำต่างๆเหล่านี้ พระเจ้าได้ทรงตรัสกับนางมารีย์ด้วยไหมครับ ? ในเรื่องที่สำคัญ พระเจ้าจะทรงตรัสกับทั้ง 2 ฝ่าย

           สิ่งที่พระเจ้าพูดกับโยเซฟผ่านฑูตสวรรค์ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะเป็นฤทธิ์เดชแห่งองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ วิธีการอย่างนี้ ขัดกับหลักการทางธรรมชาติ  , ขัดกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ , ขัดกับวิธีการคิดทั่วๆ โลกจึงรับไว้ไม่ได้

           เฉกเช่นเรื่องราวขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าที่ทรงไถ่มวลมนุษย์ชาติบนไม้กางเขนจึงเป็นเรื่องราวที่โลกรับไว้ไม่ได้เพราะมันขัดกับหลักการทางธรรมชาติ  , ขัดกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ , ขัดกับวิธีการคิดทั่วๆ

           พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 24 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เมื่อโยเซฟตื่นขึ้นมา โยเซฟก็ได้ทำตามที่ทูตสวรรค์สั่งแม้ว่ามันจะขัดกับหลักการทางธรรมชาติ  , ขัดกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ , ขัดกับวิธีการคิดทั่วๆไปก็ตาม

           ผมได้บอกไปแล้วนะครับว่า โยเซฟกำลังคิดทบทวนที่จะถอนหมั้นกับนางมารีย์แบบลับๆ แต่สุดท้ายโยเซฟก็ทำในสิ่งที่มันย้อนแย้ง เมื่อโยเซฟตื่นขึ้นมา

           พระคัมภีร์บันทึกอย่างชัดเจนว่า โยเซฟได้ทำตามในสิ่งที่ทูตสวรรค์สั่ง นั่นคือ รับนางมารีย์ไว้เป็นภรรยาของตน ซึ่งนั่นหมายความว่า โยเซฟเลือกที่จะฟังเสียงของพระเจ้านั่นเอง

           มลค.3:10 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้าและเทพร อย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่พระเจ้าบอกให้เราทำ

           นี่คือสิ่งที่พระเจ้าบอกให้ใครกระทำครับ ? ผู้เชื่อทุกคนได้กระทำ แต่ก็มีผู้เชื่อหลายคนที่ขอทบทวนและทำในสิ่งที่ย้อนแย้งกับพระวจนะ นั่นก็คือ ไม่ทำตามพระวจนะที่สั่งและเมื่อการเชื่อฟังของหลายคนเป็นอย่างนี้มันจะได้รับพระพรไหมครับ ?

           มธ.6:33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้

           นี่คือสิ่งที่พระเจ้าบอกให้ใครกระทำครับ ? ผู้เชื่อทุกคนได้กระทำ คือ ให้องค์พระเยซูคริสต์ทรงเป็นเอกและเป็นหนึ่งในชีวิต แต่ก็มีผู้เชื่อหลายคน ที่ขอทบทวนและทำในสิ่งที่มันย้อนแย้งกับพระวจนะ นั่นก็คือ ไม่ทำตามพระวจนะที่สั่งและเมื่อการเชื่อฟังของหลายคนเป็นอย่างนี้มันจะได้รับพระพรไหมครับ ?

           รม.8:28 เรารู้ว่าพระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่งคือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์

           ผู้เชื่อทุกคน คือ คนที่พระเจ้าทรงเรียกให้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ ใน มธ.28-18-20 คือ เรียกให้ผู้เชื่อทุกคนได้ออกไปประกาศ เป็นพยาน แต่ก็มีผู้เชื่อหลายคน ที่ขอทบทวนและทำในสิ่งที่มันย้อนแย้งกับพระวจนะ นั่นก็คือ ไม่ประกาศ ไม่เป็นพยาน

           ซึ่งการประกาศ การเป็นพยาน คือ หัวใจที่องค์พระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในโลกนี้  เมื่อเราทำในสิ่งที่เป็นหัวใจของพระบิดา พระบิดาก็จะทำในสิ่งที่เป็นหัวใจของเราด้วยเช่นเดียวกัน

           2 พศด.7:14 ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย

           การไม่สัตย์ซื่อในการถวายทศางค์ การที่เราไม่ได้แสวงหาแผ่นดินและความชอบธรรมของพระเจ้าก่อน การที่เราไม่ได้ประกาศ เป็นพยาน ถือว่าเป็นความบาปไหมครับ ?

           คำถามคือว่า 2 พศด.7:14 พระเจ้าเรียกร้องให้ใครทำสิ่งนี้ ?

           แต่ผู้เชื่อหลายคนขอทบทวนและทำในสิ่งที่มันย้อนแย้งกับพระวจนะ นั่นก็คือ ไม่ทำตามพระวจนะที่สั่งและเมื่อการเชื่อฟังของหลายคนเป็นอย่างนี้ พี่น้องคิดว่าเขาจะได้รับพระพรไหมครับ

           โยเซฟกำลังคิดทบทวนที่จะถอนหมั้นกับนางมารีย์แบบลับๆ แต่สุดท้ายโยเซฟก็ทำในสิ่งที่มันย้อนแย้ง ครั้นเมื่อโยเซฟตื่นขึ้นมา พระคัมภีร์บันทึกอย่างชัดเจนว่า โยเซฟได้ทำตามในสิ่งที่ทูตสวรรค์สั่ง นั่นคือ รับนางมารีย์ไว้เป็นภรรยาของตน ซึ่งนั่นหมายความว่า โยเซฟเลือกที่จะฟังเสียงของพระเจ้านั่นเอง

           ขอให้เราฉลาดเหมือนโยเซฟ ขอให้เรากล้าเหมือนโยเซฟ

           คำถามคือว่า  โยเซฟฉลาดและกล้าตรงไหน ? โยเซฟฉลาดและกล้าที่จะตัดสินใจตามพระวจนะคำของพระเจ้าเสมอ

           สภษ.30:5 พระวจนะทุกคำของพระเจ้านั้นพิสูจน์เห็นจริงแล้ว พระองค์ทรงเป็นโล่แก่บรรดาผู้ลี้ภัยอยู่ในพระองค์ พระวจนะของพระเจ้าเป็นหลักความจริงล้วนๆ

           ยรม.1:12 แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า "เจ้าเห็นถูกต้องดีแล้ว เพราะเราเฝ้าดู {สองคำนี้ คำในภาษาฮีบรูมีเสียงคล้ายกัน} ถ้อยคำของเรา เพื่อให้กระทำสำเร็จ"

           พระวจนะของพระเจ้า มีพระเจ้าเป็นผู้รับรอง

           ยรม.8:9 คนมีปัญญาจะได้รับความอาย เขาจะคร้ามกลัวและถูกจับตัวไป นี่แน่ะเขาได้ปฏิเสธพระวจนะของพระเจ้า และปัญญาอย่างใดมีในตัวเขาเล่า

           ผู้ที่ปฎิเสธพระวจนะของพระเจ้า คือ คนที่ไม่มีปัญญา เขาจะต้องได้รับความอับอาย เขาจะเป็นคนที่มีความคร้ามกลัวในชีวิต

           ในการดำเนินชีวิตในยุคสุดท้ายนี้ ให้พระสุรเสียงของพระเจ้าเป็นหลักในการดำเนินชีวิตที่แน่นอนของเรา แน่นอนและแน่ทีเดียว ที่เสียงของพระเจ้าหรือเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นมันจะขัด 1 ) กับหลักการทางธรรมชาติ   2 ) กับหลักการทางวิทยาศาสตร์  3 ) กับวิธีการคิดของคนทั่วๆไปก็ตาม แต่ให้พี่น้องมั่นใจได้ว่าเสียงนี้จะนำพี่น้องไปสู่ชีวิตนิรันดรแน่นอน

Green City