การให้ที่เป็นพร

คำเทศนาเรื่อง การให้ที่เป็นพร

            มก.8-11-21 พวกฟาริสีออกมาและเริ่มโต้เถียงกับพระองค์ ขอพระองค์สำแดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์ หมายจะทดลองพระองค์ 12 พระองค์ทรงถอนพระทัยแล้วตรัสว่า "คนยุคนี้แสวงหาหมายสำคัญทำไม เราว่าแก่เจ้าทั้งหลายจริงๆว่า จะไม่โปรดให้หมายสำคัญแก่คนยุคนี้" 13 แล้วพระองค์เสด็จไปจากเขาและลงเรือข้ามฟากไปอีก 14 ฝ่ายเหล่าสาวก ลืมเอาขนมปังไปและในเรือเขามีขนมปังอยู่ก้อนเดียวเท่านั้น 15 พระองค์ทรงกำชับเหล่าสาวกว่า "จงสังเกตและระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสี และเชื้อแห่งเฮโรดให้ดี" 16 เหล่าสาวกจึงพูดกันว่า "เพราะเหตุที่เราไม่มีขนมปัง" 17 เมื่อพระเยซูทรงทราบจึงตรัสแก่เขาว่า "เหตุไฉนพวกท่าน จึงพูดกันและกัน ถึงเรื่องไม่มีขนมปัง ท่านยังไม่รู้และไม่เข้าใจหรือ ใจของท่านมืดมัวหรือ 18 มีตาแล้วยังไม่เห็นหรือ มีหูแล้วยังไม่ได้ยินหรือ ท่านทั้งหลายจำไม่ได้หรือ 19 เมื่อเราหักขนมปังห้าก้อน ให้แก่คนห้าพันคนนั้น ท่านทั้งหลายเก็บเศษที่เหลือนั้นได้กี่กระบุง" เขาทูลตอบว่า "ได้สิบสองกระบุง" 20 "เมื่อเราแจกขนมปังเจ็ดก้อนให้แก่คนสี่พันคนนั้น ท่านทั้งหลายเก็บเศษที่เหลือได้กี่ตะกร้า" เขาทูลตอบว่า "ได้เจ็ดตะกร้า" 21 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "พวกท่านยังไม่เข้าใจหรือ"

                                พระคำของพระเจ้าใน กจ.20:35 ตรัสว่า การให้เป็นเหตุให้มีความสุขใจยิ่งกว่าการรับ คำถามก็คือว่า ถ้าหากเราให้อย่างไม่ถูกต้อง Ex.เช่น การให้ของรัฐบาลในบางประเทศ เช่น อาเจนติน่า , เวเนซุเอลา ฯ ที่ให้ประชาชนใช้น้ำใช้ใช้ฟรี , เติมน้ำมันเชื้อเพลิงฟรี , เข้ารักษาในโรงพยาบาลฟรี , ให้การศึกษาเล่าเรียนฟรี

            ซึ่งโดยแท้จริงแล้วพี่น้องคิดว่าการที่รัฐบาลมีนโยบายให้บริการกับประชาชนฟรีๆอย่างนั้น จริงๆแล้วมันฟรีไหมครับ ? ทุกอย่างล้วนมีต้นทุนทั้งสิ้น

            วันดีคืนร้ายรัฐบาลไม่สามารถที่จะให้การบริการแบบฟรีๆอย่างนี้ได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมาสาเหตุเพราะเงินในคลังไม่มีเหลือแล้ว ครั้นจะไปกู้ประเทศไหนเขาก็ไม่ให้กู้ พี่น้องคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ ?

            เมื่อรัฐบาลไม่สามารถเป็นผู้ให้เหมือนในอดีตที่ผ่านมาได้ความโกลาหลจึงเกิดขึ้น , การเดินขบวนขับไล่รัฐบาลจึงเกิดขึ้นและฯ นี่คือตัวอย่าง ของการให้ที่ไม่ได้เป็นพระพรแต่เป็นภัย

            สาเหตุเพราะรัฐไม่ได้สร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนในการที่จะยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง รัฐบาลมีแต่แจกกับแจก ประชาชนจึงกลายเป็นผู้ขอตลอดชีวิต ประชาชนสามารถที่จะให้อะไรกับใครได้ไหมครับ ? คนที่ได้แต่ขอทั้งชีวิตคงจะให้อะไรใครไม่เป็นและในท้ายที่สุดคนเหล่านี้ก็จะเป็นภาระของสังคม

            พี่น้องที่รักครับ การให้ที่เป็นพระพร คือ การสอนให้เขารู้ถึงวิธีการจับปลา เมื่อเขาหาปลาเป็นแล้ว เขาจะไม่มีวันเดือดร้อน , เขาจะไม่มีวันขาดแคลน การให้อย่างนี้เรียกว่าการให้ที่เป็นพระพรไม่ใช่เป็นภัย

            หลักการในการให้ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียนเราต้องให้อย่างพอดี Ex. เช่น

                เกลือ ; ถ้าให้มากไปก็เค็ม , ถ้าให้น้อยไปก็จืด

                น้ำ ; ต้องให้อย่างพอดี ถ้าให้น้อยไปก็แห้งแล้ง , ถ้าให้มากไปน้ำก็ท่วม

                ไฟ ; ต้องให้อย่างพอดี ถ้าให้น้อยไป อาหารไม่สุก , ถ้าให้มากไปอาหารก็ไหม้

            ดังนั้นการให้ทุกอย่างจะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอนถ้าเราให้อย่างพอดี , ให้อย่างเหมาะสม การให้อย่างนี้จะเป็นพระพร การให้อย่างพอดีจะไม่เป็นภัยต่อผู้ให้และผู้รับ อาเมน

            จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

            การให้ที่เป็นพระพรไม่เป็นภัยประการที่ 1 ต้องกล้าปฏิเสธ

            ให้เราอ่าน มก.8:11-13 ร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ทำให้เราทราบว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงวางหลักการ การให้ที่เป็นพระพรที่ไม่เป็นภัยแก่เราด้วยการกล้าปฏิเสธเมื่อการขอนั้นไม่ถูกต้อง

            พี่น้องเคยได้ยินคำนี้ไหมครับ ? เอ็นดูเขา เอ็นเราจะขาด การมีใจเมตตาสงสารเป็นเรื่องที่ดีแต่ต้องทันคนด้วย คริสเตียนไทยพังเพราะมีใจเมตตาสงสารเยอะ แต่ก็มีประเภทที่ไม่ทันคนก็เยอะด้วย ดังนั้น...เมื่อถึงคราวที่เราจะต้องปฏิเสธเราก็ต้องปฏิเสธ

            กลับมาที่พระคำของพระเจ้า พวกฟาริสี (ซึ่งเป็นผู้นำทางฝ่ายจิตวิญญาณและเป็นผู้นำทางสังคมชาวยิวในเวลานั้น) ขอให้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทำหมายสำคัญหรือการอัศจรรย์ให้พวกเขาดูหน่อย เช่น ไหนพระเยซูลองหายตัวให้พวกเขาดูหน่อย , ไหนพระเยซูลองเดินบนน้ำให้พวกเขาดูหน่อย , ไหนพระเยซูลองทำให้คนตายแล้วฟื้นให้พวกเขาดูหน่อย พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ปฏิเสธคำขอเหล่านั้น

            คำถามคือว่า ทำไมองค์พระเยซูคริสต์เจ้าถึงได้ตอบปฏิเสธคำขอนั้น ? ไหนว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา แต่ทำไมตอนนี้พระองค์ถึงตอบปฏิเสธ

            ที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตอบปฏิเสธเหตุเพราะพวกฟาริสีขอให้พระเยซูทำนั้นไม่ใช่ด้วยความศรัทธา แต่พวกเขาต้องการทดลองความเป็นพระเจ้าของพระองค์

                ยน.5:39 ท่านทั้งหลายค้นดูในพระคัมภีร์ เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานให้แก่เรา

            ด้วยเหตุนี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าจึงถอนพระทัยหรือถอนหายใจเหตุเพราะเมื่อพระเยซูทรงมองดูการแต่งกายจากภายนอกของพวกฟาริสีดูเหมือนพวกเขาน่าจะเป็นเมธาปราชญ์ซึ่งน่าจะมีความเข้าใจในพระคัมภีร์เป็นอย่างดี แต่ภายในกับมือบอด แต่ภายในกลับกลวงกับไม่มีอะไรเลย ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกฟาริสีเข้าไม่ถึงแก่นแท้ของพระคำว่าเวลานี้พระเมสสิยาห์ที่คนยิวรอคอยได้มาอยู่กับเขาแล้ว ดังนั้นคำขอของพวกฟาริสีจึงเป็นขอที่ไร้สาระ ไร้ประโยชน์ ฟาริสีขอได้แต่พระองค์ก็มีสิทธิ์ที่จะให้หรือไม่ให้

            คำถามที่น่าสนใจนั่นคือว่า ทำไมองค์พระเยซูคริสต์เจ้าจึงมองว่าคำขอของพวกฟาริสี เป็นคำขอที่ไร้สาระหรือไร้ประโยชน์ เพราะ…

                -ความเป็นพระเจ้าของพระเยซูไม่จำเป็นต้องพิสูจน์เพราะพระองค์ทรงทำมาตั้งแต่ปฐมกาล-วิวรณ์

                -ฤทธิ์เดชมีไว้ช่วยชีวิตไม่ใช่มีไว้อวด

                -ทุกวันนี้พระเยซูไม่ได้ทำให้คนหายตัวได้ แต่สิ่งที่พระองค์ทำคือ ให้คนหายจากโรคบาป จากไม่มีปัญญาเป็นคนมีปัญญา และคนที่มีปัญญาในการดำเนินชีวิตจะหายจน

                -การอัศจรรย์ใดก็ตามที่ไม่ทำให้คนเกิดปัญญา แต่กับสงสารให้คนรวยทางลัด ไม่รู้จักทำมาหากิน เช่น ส่งเสริมให้คนไปขูดเลข ขูดเบอร์ ขอหวยและฯลฯ นี่คืออวิชชา

                -มีสมาชิกที่เพชรบุรีท่านหนึ่ง บอกอาจารย์อธิษฐานขอเบอร์กับพระเจ้าสิได้มาแล้วเดี๋ยวผมแทงเอง ถ้ามีใครมาขอให้ทำแบบนี้ต้องกล้าปฏิเสธ

                -คนที่ไม่เชื่อพระเจ้ามากมายหลายคนที่ไปหารสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลงอักขระที่กระหม่อม สักยันต์ 5 แถวที่แผ่นหลัง รับตระกุดมาผูกขาดไว้ที่เอว แต่ยังทำบาปชั่วเหมือนเดิมมันมีประโยชน์อะไรไหมครับพี่น้อง ? สิ่งที่พี่น้องจะต้องรู้และพี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า ในทางของพระเจ้าแล้วการอัศจรรย์หรือฤทธิ์เดชใดก็ตามที่ไม่ให้คนเกิดความคิด เกิดสติปัญญา ล้วนแต่เป็นการให้ที่เป็นภัยทั้งสิ้น

            การให้ที่เป็นพระพรไม่เป็นภัยประการที่ 2 ให้อย่างมีคุณค่า ให้เราอ่าน มก.8:14-21 ร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง

            พระคำของพระเจ้าในตอนนี้บอกกับเราว่า สาวกลืมเอาขนมปังขึ้นมาบนเรือและในเรือลำนั้นมีขนมปังอยู่เพียงก้อนเดียว องค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็เลยใช้เรื่องขนมปังบอกกับเหล่าสาวกว่าให้พวกเขา จงระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสีและเชื้อแห่งเฮโรดนี้ให้ดี

          16 เหล่าสาวกจึงพูดกันว่า "เพราะเหตุที่เราไม่มีขนมปัง" ซึ่งนั่นหมายความว่า เหล่าสาวกไม่เข้าใจในสิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าต้องการสื่อสารกับพวกเขา เหตุเพราะเหล่าสาวกตอนนี้มีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องอาหารอยู่ว่ามันจะพอกินกันไหม

            ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เหล่าสาวกไม่ควรคิด เพราะก่อนหน้านี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็ได้ทรงกระทำการอัศจรรย์ในเรื่องนี้ไปแล้ว อีกทั้งเวลานี้องค์พระเยซูคริสต์ก็ทรงอยู่ด้วยกับพวกเขาเพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลก ที่เราอ่านพระคำของพระเจ้าในตอนนี้แล้วดูเหมือนองค์พระเยซูคริสต์เจ้าดูพูดแรง

            องค์พระเยซูคริสต์เจ้ากำลังใช้เรื่องอาหาร 1.สอนพวกเขา 2.สอนให้เขาเข้าใจในฝ่ายวิญญาณ 3.สอนให้พวกเขาคิดเกินกว่าอาหาร

            พระคำที่อธิบายถึงเชื้อฟาริสีได้ดีอยู่ใน มธ.23:23-25

          23วิบัติแก่เจ้าพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าถวายทศางค์ {คือ สิบชักหนึ่ง} ของสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า ส่วนข้อสำคัญแห่งธรรมบัญญัติคือความยุติธรรมความเมตตา ความเชื่อนั้นได้ละเลยเสีย การถวายทศางค์พวกเจ้าก็ควรปฏิบัติ แต่ไม่ควรละเลยข้อสำคัญนั้นด้วย 24 โอ คนนำทางตาบอด เจ้ากรองลูกน้ำออกแต่กลืนตัวอูฐเข้าไป 25"วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยเจ้าขัดชำระถ้วยชามแต่ภายนอก ส่วนภายในถ้วยชามนั้นเต็มด้วยโจรกรรมและการมัวเมากิเลส

            ระวังเชื้อฟาริสีคือ พวกที่ดีแต่เปลือกนอก , อย่าดีแต่ uniform

            ระวังเชื้อของแห่งเฮโรด เพราะกษัตริย์เฮโรดพระองค์ก่อนก็เหี้ยมโหดสั่งฆ่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบลงมา เฮโรดในสมัยปัจจุบันก็สั่งให้เพชรฆาตตัดศรีษะยอห์นในคุก

            เพราะฉะนั้นการให้ของพระเยซูในประการที่ 2 นี้คือให้อะไรครับ ? .ให้การปกป้องเหล่าบรรดาสาวกทางความคิด รวมถึงในเวลานี้ที่พระองค์ก็ทรงให้การปกป้องบรรดาผู้เชื่อทุกคนผ่านทางพระคำของพระองค์หรือผ่านทางผู้รับใช้ของพระเจ้าด้วย

            ทำไมน้องแอ๋มกับตัวเล็กมีอะไรถึงปรึกษาผม เพราะผมให้คำปรึกษาที่เป็นพระพรแก่พวกเขา เพราะผมให้คำปรึกษาที่มีคุณค่าแก่พวกเขา พี่น้องที่รักครับ ถ้าเราไม่ได้รับการปกป้องทางความคิด ชีวิตเราจะเสียหายตามไปด้วย เพราะสงครามชีวิต คือ สงครามความคิด และมาร – ซาตานก็พร้อมที่จะโจมตีเราทุกคนผ่านความคิดลบ ผ่านความคิดที่ไม่ถูกต้องเสมอ

            การให้ที่เป็นพระพรไม่เป็นภัยประการที่ 3 ให้ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ให้เราอ่าน มก.8:21 ร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง 21 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "พวกท่านยังไม่เข้าใจหรือ"

            ถ้าเราเข้าใจหลักการของการให้ที่เป็นพร เราก็ต้องทำตามหลักการนั้นโดยให้ต่อๆไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คำถามคือว่า ทำไมเราต้องให้ต่อๆไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะพระเจ้าทรงให้เราตั้งแต่ปฐมกาลยันวิวรณ์ ถึงเวลานี้พระองค์ก็ยังทรงให้เราอยู่ไหมครับ ?

            เมื่อหลักการของพระเจ้า คือ การช่วยเหลือตลอดเวลา เราซึ่งเป็นลูกของพระเจ้า  ต้องยึดหลักการเดียวกันกับพระองค์ อะไรช่วยได้เราต้องช่วย ให้อย่างมีจังหวะ ให้อย่างมีคุณค่าแล้วตัวของผู้ให้จะมีความสุขกับการให้นั้น

            สิ่งหนึ่งที่ผู้เชื่อมักจะเข้าใจไม่ถูกต้องในเรื่องของการให้นั่นก็คือ เราคิดว่าการให้นั่นหมายถึง เราต้องให้เงิน เมื่อเราไม่มีเงินเราจึงให้การช่วยเหลือเขาไม่ได้นั่นเป็นความเข้าใจผิด

            ถ้าพี่น้องอ่านพระคำของพระเจ้าอย่างชัดเจน พี่น้องก็จะพบว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้าไม่ได้เรียกร้องให้เราให้ในสิ่งที่เราไม่มี แต่พระองค์ทรงเรียกร้องให้เราให้ในสิ่งที่เรามี เช่น

แป้งกับหญิงหญิงม่าย

            องค์พระเยซูคริสต์เจ้าไม่ได้เรียกร้องให้เราให้ในสิ่งที่เราไม่มี แต่พระองค์ทรงเรียกร้องให้เราให้ในสิ่งที่เรามี เมื่อเขาเดือดร้อนเรื่องเงิน แต่เราไม่มีเงินที่จะให้ สิ่งที่เรามีคือรอยยิ้ม เราให้เขาได้ไหมครับ ? คำหนุนใจ เราให้เขาได้ไหมครับ ? คำอธิษฐานเผื่อ เราให้เขาได้ไหมครับ ?  

          1ยน.3:18 ลูกทั้งหลายเอ๋ยอย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง พระคำของพระเจ้าในข้อนี้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าการให้เป็นการแสดงออกถึงความรักผ่านการกระทำ

 

            ลก.6:38 จงให้เขาและท่านจะได้รับด้วยและในตักของท่านจะได้รับตวงด้วยทะนานถ้วนยัดสั่นแน่นพูนล้นใส่ให้ เพราะว่าท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น

            การให้ที่เป็นพรจะทำให้ชีวิตของผู้ที่ให้ได้รับพระพรด้วย ถ้าผู้ให้ ให้อย่างถูกต้อง

Green City