คำเทศนาเรื่อง การปกครอง
อัญเชิญพระวจนะของพระเจ้าจากหนังสือ รม. 13: - 7 พี่ - น้องที่รักครับ วันที่ 19 ก.ย. ในปี 2549 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญเหตุการณ์หนึ่ง ได้เกิดขึ้นกับประเทศชาติบ้านเมืองของเราเหตุการณ์ นั่นคือเหตุการณ์อะไรพี่ - น้องยังจำกันได้ไหมครับ : เหตุการณ์รัฐประหาร
ผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดในเวลานั้น ได้สัญญาว่าจะจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ และจะให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศได้ออกไปลงประชามติว่า จะรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ในวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา
ภายหลังจากที่ประชาชนลงมติ รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดก็ได้ให้สัญญาว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อที่ประเทศจะได้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตามครรลองของระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งเวลานี้ก็ได้มีการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือวันที่23 ธ.ค. ที่จะมาถึงซึ่งก็เหลือเวลาอีก 14 วันโดยประมาณ
อย่างไรก็ตามพี่ - น้องที่รักครับให้เราขอบคุณพระเจ้าเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได้เปิดโอกาสให้ศาสนิกของทุกศาสนานั้น มีสิทธิเท่าเทียมกันในทางการเมือง
ซึ่งหมายความว่า คริสเตียนทุกคนมีสิทธิที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับประเทศและสามารถที่จะบริหารประเทศนี้ เมืองนี้ได้ถ้ามีผู้ให้กาสนับสนุน
คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า คริสเตียนควรไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ ?
อะไรจะเกิดขึ้นต่อชาวอียิปต์และชาวคานาอัน รวมทั้งอะไรจะเกิดขึ้นครอบครัวของยาโคบ ถ้าโยเซฟไม่ได้รับอำนาจจากฟาโรห์ให้เขามีอำนาจทางการเมืองในการเตรียมที่จะรับมือกับภัยพิบัติของความกันดารอาหารในช่วง 7 ปี แห่งความแห้งแล้ง
อะไรจะเกิดขึ้นหากผู้รับใช้โมเสส ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองของฟาโรห์ ซึ่งในเวลานั้นกำลังใช้แรงงานชาวยิวอย่างกดขี่และไม่เป็นธรรม
อะไรจะเกิดขึ้นหากเนหะมีย์ไม่ได้รับการมอบอำนาจทางการเมือง ในการให้เข้าไปบูรณะกำแพงพระวิหารที่เยรูซาเล็ม
อะไรจะเกิดขึ้นต่อชนชาติอิสราเอล หากพระราชินีเอสเธอร์กับโมรเดคัย ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับกิจการของบ้านเมือง
นอกเหนือจากการที่กล่าวมาแล้ว
ในพระคัมภีร์เดิมเรายังเห็นบทบาทของผู้รับใช้พระเจ้า รวมทั้งผู้เผยพระวจนะอีกมากมายหลายคน ที่พระเจ้าได้ใช้ให้ผู้รับใช้ของพระองค์นั้น ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่กษัตริย์ได้นำประชาชนของพระเจ้าให้มีใจออกห่างจากพระองค์ นั่นเป็นช่วงที่พระเจ้าจะส่งผู้รับใช้หรือผู้เผยพระวจนะของพระองค์เข้าไปมีบทบาทในทางการเมืองโดยทันที
ในพระคัมภีร์ใหม่เรายังได้เห็นบทบาทขององค์พระเยซูคริสต์ กับพวกอัครทูตอีกหลายคนที่เข้าไปมีบทบาททางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงเวลาไหนพี่ - น้องทราบไหมครับ ? โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้นำทางการเมืองหรือผู้นำทางศาสนา ใช้อำนาจในทางที่ผิดไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ การทำลายฝ่ายตรงข้าม นั่นเป็นช่วงที่เราจะเห็นบทบาทของพระเยซูคริสต์กับพวกอัครทูตในทางการเมือง
ดังนั้นคำถามที่ถามว่า คริสเตียนควรไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ ?
คำตอบคือ ควร
ลก.2:7 “นางจึงประสูติบุตรชายหัวปีเอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้าเพราะไม่มีที่ว่างให้เขาในโรงแรม”
จากพระวจนะของพระเจ้าใน ลก.2:7 ทำให้เราทราบว่า เมื่อพระเยซูคริสต์เจ้าเสด็จเข้ามาในโลกนี้
1. พระองค์ไม่ได้เสด็จเข้ามาแบบเงียบๆคนเดียว
2. พระองค์ไม่ได้เสด็จเข้ามาเพื่อจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสังคม
3. พระองค์ไม่ได้เสด็จเข้ามาเพื่อจะปักกลดทำการปลีกวิเวก
แต่ฉากแรกที่พระองค์พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลก คือ ในที่ๆเขาเรียกกันว่า เมือง ซึ่งเป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มากขนาดไหน มากขนาดจนกระทั่ง ไม่มีที่จะให้บิดามารดาและพระองค์ได้หลับนอน เมื่อพระองค์ทรงจำเริญวัยและก้าวเข้าสู่การรับใช้พระบิดา งานรับใช้ของพระองค์เกี่ยวข้องกับ เมือง และ การเมือง ไหมครับพี่ - น้อง ? งานรับใช้ของพระเยซูเกี่ยวข้องกับ เมืองและการเมือง อยู่ตลอดเวลา เช่น
หนีไปยังเมือง ข้ามฟากไปยังเมือง ลุกขึ้นเข้าไปยังเมือง ไปประกาศข่าวประเสริฐในเมือง เที่ยวไปตามเมือง ( ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ ลก. 10:1 )
แม้ว่าในบางครั้งพระเยซูคริสตไม่ได้เสด็จไปด้วยพระองค์เองแต่พระองค์ก็ทรงใช้สาวกของพระองค์ไปแทน ไปที่ไหนครับพี่ - น้อง ? ไปในเมือง
ดังนั้นพี่ - น้องที่รักครับ เมื่อใดก็ตามที่เราอาศัยอยู่ในเมืองไม่ว่าเมืองนั้นจะเป็นเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ และไม่ว่าเมืองนั้นจะอยู่ในอำเภอ ในตำบลหรืออยู่หมู่บ้านก็ตาม เราทุกคนต่างหลีกหนี การเมือง ไม่พ้น
ปัจจุบันนี้ในระดับหมู่บ้านเขามีการเลือกอะไรกันครับ? กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ในระดับตำบลปัจจุบันนี้เขามีการเลือกอะไรกันครับ ? อบต. หรือ สข. สก.
ในระดับจังหวัดเขามีการเลือกอะไรกันครับพี่ - น้อง ? สจ. อบจ. หรือ ผู้ว่า
การเมืองในระดับประเทศ การเมืองระดับชาติเขามีการเลือกอะไรกันครับ ? สส. สว. เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเมืองที่เราพักอาศัยอยู่ทั้งสิ้น และไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ตาม ล้วนแต่มีผลกระทบต่อชีวิตคริสเตียนของเรามั้ยครับ ? มีผลต่อเราทั้งสิ้น
อ. เปาโล จึงเขียนจดหมายถึงผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ ที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ เช่น โรม โครินทร์ กาลาเทีย เอเฟซัส โคโลสี เป็นต้น เนื้อหาใจความในจดหมายเหล่านั้นก็คือ คำแนะนำให้ผู้เชื่อที่อาศัยอยู่ในเมืองรู้จักดำรงและดำเนินชีวิตในสังคมเมืองตามวิถีทางของพระเจ้า เพื่อให้คนทั้งปวงได้เห็นพระเยซูคริสต์ในชีวิตของเราอันเป็นเหตุทำให้คนเหล่านั้นหันกลับจากความมืดมาสู่ความสว่าง
ให้ที่ประชุมเปิดไปที่หนังสือ มธ. 5 : 13 - 16 เมื่อพบแล้วเราจะอ่านพร้อมกัน
พี่ - น้องเคยได้ยินบางคนพูดว่า เบื่อการเมือง ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง การ เมืองมันสกปรก การเมืองมีแต่ทำลายล้างกัน พี่น้องเคยได้ยินคนพูดแบบนี้ไหมครับ ? ซึ่งแท้ที่จริงแล้วพี่ - น้องคิดว่า การเมืองเป็นสิ่งที่ดีและเป็นคุณประโยชน์ต่อบ้านเมืองไหมครับ ? หากเราทำการเมืองอย่างถูกต้องและเหมาะสม การเมืองเป็นสิ่งที่ดีและเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองของเรา
แต่ที่ มันไม่ดี ก็คือคนที่อยู่ในระบบการเมืองนั่นต่างหาก ที่นำการเมืองไปใช้ในทางที่ผิด จึงทำให้หลายคนมีอคติต่อการเมือง หลายคนเบื่อการเมืองและหลายคนปฏิเสธการเมืองโดยการไม่ไปเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
การที่คนเบื่อการเมืองและปฏิเสธการเมืองโดยการไม่ไปเลือกตั้ง นั่นก็เท่ากับว่าคนๆนั้นหนีจากความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในการเป็นพลเมืองที่ดีและหนีความรับผิดชอบต่อเมืองหรือต่อประเทศที่เราอาศัยอยู่ เป็นเหตุทำให้เราได้นักการเมืองที่ไม่ดี เข้ามาปกครองและบริหารประเทศชาติบ้านเมือง รวมทั้งวางกฏเกณฑ์และกฎหมายต่างๆที่ส่งผลกระทบถึงเรา
ในหนังสือ มธ.5:13-16 เราพบว่าพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ได้ทรงบัญชาไว้อย่างชัดเจนว่า คริสเตียนต้องมีบทบาทที่สำคัญในฐานะ เป็นเกลือและแสงสว่าง ของสังคม พระองค์ทรงย้ำแล้วย้ำอีกว่า แสงสว่าง นั้นถ้าเอาถังไปครอบไว้ก็ไร้ประโยชน์ เกลือ นั้นก็เช่นกันพี่ - น้องที่รัก ถ้าไม่เอาไปคลุกกับเนื้อหรือหมักกับผักเอาไว้ก็ไร้ความหมาย
ดังนั้นเมื่อพระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงบัญชาเอาไว้อย่างชัดเจนว่า คริสเตียนต้องมีบทบาทที่สำคัญในฐานะ เป็นเกลือและแสงสว่าง ของสังคม ดังนั้นคริสเตียนจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อ การเมืองในเมือง หรือ การเมืองในประเทศ ที่เราอาศัยอยู่ไม่ได้
ถ้าคริสเตียนเบื่อการเมืองและปฏิเสธการเมือง โดยการไม่ไปเลือกตั้งหรือปฎิเสธ
การเข้าไปมีส่วนร่วมแบบสร้างสรรค์ เราก็ไม่แตกต่างอะไรไปจาก โยนาห์ ที่ขัดขืนคำสั่งของพระเจ้า โดยการวิ่งหนีงานที่พระเจ้าได้ทรงมอบให้เขาไปทำที่เมืองนีนะเวห์
เพราะฉะนั้นคริสเตียนเบื่อการเมืองได้ไหมครับ ? เบื่อได้ แต่ควรที่จออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งควรที่จะออกไปเพื่อการจะได้มีความสะอาด เมื่อคริสเตียนควรที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว
คำถามต่อไปก็คือว่า แล้วคริสเตียนเราควรที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองนี้อย่างไร ?
สภษ.12:2 “คนดีเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า”ซึ่งนั่นหมายความว่า เราควรที่จะยุ่งเกี่ยวโดยการเลือกคนดี 1. เพราะคนดีไม่เห็นแก่ตัว 2. เพราะคนดีกลัวความผิด ความบาป 3. เพราะคนดีไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน 4. เพราะคนดีกลัวทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน
มีบางคนบอกว่าปัจจุบันที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็ คือ ประชาชนคนไทยตาไม่มีแววแต่ผมว่าไม่ใช่ ผมว่าปัจจุบันที่บ้านเมืองมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ คือ ประชาชนคนไทยตาดีแต่ก็เหมือบอด
เพราะเราพากันเลือกคนที่เห็นแก่ตัวทำเพื่อตัวเองให้ปกครองบ้าน ปกครองเมือง
เพราะเราพากันเลือกคนที่ไม่ได้กลัวความผิด ความบาปให้เข้ามานั่งในที่ๆมีเกียรติ
เพราะเราพากันเลือกคนที่ทำให้ตัวเองร่ำรวยขึ้น โดยไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนอะไร ประชาชนคนไทยได้เปิดโอกาสให้คนเหล่านี้ เข้ามามีอำนาจในการบริหารและจัดการประเทศ เรื่องยุ่งๆของบ้านนี้ เมืองนี้ ประเทศนี้ จึงเป็นอย่างที่แลเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งเป็นเรื่องที่ซีเรียสมากนะครับพี่น้อง ? ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ล้อเล่นและถ้าไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเป็นใยอย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านคงไม่ออกมาตรัสหรือคงไม่ออกมาพูด ด้วยความเป็นห่วง เป็นใยต่อสถานการณ์ของประเทศบ้านเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ พี่น้องว่าจริงหรือไม่
เมื่อคริสเตียนควรที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง คำถามต่อไปก็คือว่าแล้วคริสเตียนเราควรที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองนี้อย่างไร ? สภษ 11 : 10 “ เมื่อคนชอบธรรมอยู่เย็นเป็นสุขบ้านเมืองก็เปรมปรีด์ ” ซึ่งนั่นหมายความว่า เราควรที่จะยุ่งเกี่ยวโดยเลือกคนที่ชอบธรรม 1. เพราะคนชอบธรรมมีธรรมะอยู่ในใจ 2. เพราะคนชอบธรรมจะมีจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ 3. เพราะคนชอบธรรมจะเดินอยู่ในหลักของความไม่ประมาท 4. เพราะคนชอบธรรมจะตัดสินใจอย่างรอบคอบและด้วยความระมัดระวัง
ปัจจุบันที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็ คือ ประชาชนคนไทยมีจิตวินิจฉัยที่ผิด
ฉลธ.12:16 “ อย่าให้ใครเป็นคนลามกหรือเป็นคนที่ผิดธัมมะเหมือนอย่างเอซาว ผู้ได้สิทธิหัวปีนั้นขายเสีย เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว”เพราะคนเป็นจำนวนมากพากันไปเลือกคนที่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพราะคนเป็นจำนวนมากพากันหลงใหล ได้ปลื้ม กับนโยบาย 108 - 1009 เพราะคนเป็นจำนวนมากพากันชื่นชมกับรัฐสวัสดิการประเภทลด แลก แจก แถมหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่านโยบายประชานิยม ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจึงอยู่ในสภาวะที่ครื้มฟ้า ครื้มฝนอย่างนี้มากว่า 7 ปีแล้วครับพี่น้องที่รักและเราก็ไม่รู้จริงๆว่า สภาพครื้มฟ้า ครื้มฝน อมเปรี้ยว อมหวานแบบนี้ มันจะอยู่คู่กับประเทศชาติบ้านเมืองของเราและจะอยู่กับเราต่อไปอีกนานเท่าไหร่
สรุป พระวจนะของพระเจ้าในเช้าวันนี้
1. คริสเตียนควรยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเพื่อที่จะเป็นเกลือและแสงสว่าง
2. คริสเตียนควรยุ่งเกี่ยวกับการเมืองโดยยึดเอาพระวจนะของพระเจ้า