กษัตริย์ทรงบังเกิดในวันคริสต์มาส

คำเทศนาเรื่อง กษัตริย์ทรงบังเกิดในวันคริสต์มาส

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้า จากมธ. 2:1-7, ลก.2:1-12 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

            ถ้าพี่ - น้องได้มีโอกาสได้ดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลคริสตมาส พี่ - น้องก็จะพบว่า ช่วงเวลาดังกล่าวนี้ หลายๆครอบครัว เขามักที่จะไปรวมตัวกันที่บ้านหลังใดหลังหนึ่ง

แต่โดยส่วนมากลูกๆ ก็มักจะไปรวมตัวกันอยู่ที่บ้านของพ่อแม่ตัวเอง ซึ่งถ้าพี่ - น้องมองดูแบบผิวเผิน พี่ - น้องก็จะพบว่าเทศกาลนี้ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากเทศกาลสงกรานต์ หรือตรุษจีน ในบ้านเราสักเท่าไหร่

เพราะพอเวลาถึงเทศกาลอะไรสักอย่างหนึ่งในบ้านเรา เราก็มักที่จะนัดพี่ นัดน้องไปรวมตัวกันที่บ้านของพ่อแม่เหมือนกัน นัดกันไปเพื่ออะไร ? ตั้งวงกินเหล้า เล่นกบดำกบแดง หรือไม่ก็สมสิบ หรือไม่ก็รัมมี่จริงหรือไม่จริงอันนี้พี่ - น้องลองพิจารณาดูกันเองก็แล้วกัน

            แต่ถ้าพี่ - น้องมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศเทศกาลคริสตมาสในเชิงลึกของคนที่เขาเป็นคริสเตียนจริงๆ พี่ - น้องก็จะพบว่าในช่วงเวลาก่อนเข้าสู่วันที่ 25 สักประมาณ 24 ชั่วโมงหรือ 1 วัน คนที่เป็นคริสเตียนจริงๆนั้นเขาจะอ่านพระคัมภีร์ โดยเฉพาะเรื่องราวตอนที่พระเยซูทรงบังเกิดอีกทั้งเขาจะไม่พูดถึงอะไรทั้งสิ้น นอกจากเรื่องราวขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าเท่านั้น

นั่นหมายความว่า ตลอดทั้งวันของวันที่ 24 ก่อนถึงวันที่ 25 คนที่เป็นคริสเตียนจริงๆนั้น

1.เขาจะพูดถึงราชาแห่งสันติสุขที่ได้ถือกำเนิดและเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลกผ่านการเสด็จมาของพระเจ้า

2.เขาจะพูดถึงกุมารเยซู ซึ่งถือได้ว่าเป็นแก่นหรือเป็นศูนย์กลางของวันคริสตมาสอีกทั้งเป็นความสว่างของโลกนี้

3.เขาจะให้และรับของขวัญต่อกันและกัน อีกทั้งมีการจัดเตรียมงานรื่นเริงเพื่อระลึกถึงความหมายที่แท้จริงของวันคริสตมาส

ซึ่งผมอยากให้พี่ - น้องสมาชิกในคริสตจักรฯ ของเรา อีกทั้งพี่ - น้องในพระกายเดียวกัน ต่างเข้าสู่เทศกาลคริสตมาสในแต่ละปี ด้วยท่าทีที่ผมได้เล่าให้กับพี่ - น้องได้ฟังไปเมื่อสักครู่นี้

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 1 เราพบว่าคืนนี้ไม่เหมือนคืนไหน

            โดยพระคุณของพระเจ้า ทำให้ผมได้มีโอกาสไปที่อิสราเอลมาและที่เบธเลเฮมก็เป็นเมืองหนึ่ง ที่ผมได้มีโอกาสไปมาด้วย ผมจึงอยากที่จะเล่าถึงบรรยากาศที่นั่นให้กับพี่ - น้องฟัง

            กล่าวคือ ถ้าพี่ - น้องมองไปทางทิศตะวันตกของทะเลเมดิเตอร์ริเนียนในตอนเย็นซึ่งสวยมากๆนะครับ พี่ - น้องก็จะเห็นลูกไฟดวงกลมๆสีแดงเหมือนผลตำลึงสุกขนาดมหึมา ซึ่งผมหมายถึง ดวงอาทิตย์นะครับ กำลังค่อยๆเล่นกับผิวน้ำทะเลโดยสะท้อนประกายเพชรออกมา

แต่ในเวลาไม่นานนัก ดวงอาทิตย์มันก็จะลับขอบฟ้า และจางหายไป ท้องฟ้าก็จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเทา และในเวลาไม่นานนัก ความมืดก็จะเข้ามาปกคลุมโดยทั้งหมด

            ในทางตรงกันข้ามถ้า ถ้าเรามองไปทางทิศตะวันออก เราก็จะเห็นดวงจันทร์ที่มันจะค่อยๆโผล่ขึ้นมาหลังภูเขาโมอับ นกโกกิลาโบยบินหวนคืนกลับรัง หินทุกก้อนที่ร้อนก็จะเริ่มที่จะคลายความร้อนออกมาและเริ่มที่จะเปลี่ยนสภาพเป็นเย็นขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่า ความเงียบได้เข้าปกคลุมเรียบร้อยแล้ว อันนี้เป็นบรรยากาศทางธรรมชาติที่ผมยังพอจำได้

            ส่วนบรรยากาศในยามค่ำคืน ของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเบธเลเฮมนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ? ชีวิตของผู้คนในเมืองเบธเลเฮมในยามค่ำคืนนั้น

กล่าวคือ คนที่มีฐานะก็ใช้ไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์ ส่วนคนไม่ค่อยมีฐานะเขาก็จะเติมน้ำมันมะกอกลงในตะเกียง และความสว่างก็จะถูกจุดขึ้นตามบ้านเรือนต่างๆ คนที่เป็นแม่ก็จะพาลูกเข้านอน คนที่เป็นพ่อบ้านก็จะเอาอูฐทุกตัวคุกเข่าลง อีกทั้งเอาวัว, ลา ในโรงนาเข้าคอกของตน ส่วนในทุ่งนาคนเลี้ยงแกะก็คงจะเฝ้าแกะของตน ซึ่งเมื่อเข้าสู่ความเงียบสงัดหรือดึกสงัดไฟในตะเกียงและขี้ไต้ก็คงจะมอดดับลง และบรรยากาศทั้งหลายทั้งปวงที่ผมได้กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้ ก็คงจะเหมือนกับทุกวันคืนที่ผ่านมา

เว้นแต่…….คืนที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้เสด็จลงมาบังเกิดคืนนี้เพียงคืนเดียวเท่านั้นจริงๆพี่ - น้องที่รัก ที่ไม่เหมือนกับทุกวันคืนวันที่ผ่านมาเพราะพระเจ้าที่เที่ยงแท้ 100 % ได้แบ่งพระภาคของพระองค์ลงมากลายเป็นมนุษย์ 100 % อาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็ได้ว่า พระองค์เป็นพระเจ้าในในรูปของกายมนุษย์นั่นเอง

พระคัมภีร์ฉบับภาษาอังกฤษใช้คำว่า “ Incanation ” ตรงกับภาษาไทยคำว่า “ เปลี่ยนสภาพลงมาเป็นมนุษย์ ” แต่รากศัพท์จริงๆในภาษาลาติน คือ คำว่า “ Incarnatus ” แปลว่า “ ทำให้เป็นเนื้อหนัง ” หรือทำให้มีสภาพที่เห็นได้จริง หรือ “ ลงมาเป็นเหมือนกับมนุษย์ ” ส่วนล้นเกล้า ร. ที่ 5 แปลคำว่า Incanation ”คำนี้ว่า “จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน” ซึ่งมีคำที่ใกล้เคียงกับคำว่า “ อวตาร ”

แต่ไม่ว่าคำว่า Incanation หรือ คำว่าIncarnatus นี้จะแปลและมีความอย่างไรก็ตาม ผมอยากที่จะบอกกับพี่ - น้องอย่างสัตย์ซื่อและตรงไปตรงมาว่า การที่พระเจ้าได้เสด็จและลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์นั้นมันเป็นความลึกลับอย่างหนึ่ง

ด้วยเหตุนี้ อ.เปาโล จึงเขียนเอาไว้ใน 1 ทมธ.3 :16 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “ เราต้องยอมรับว่า ข้อล้ำลึกแห่งศาสนาของเรานั้นยิ่งใหญ่มากคือว่า พระองค์ทรงปรากฏเป็นมนุษย์ พระวิญญาณได้ทรงพิสูจน์แล้ว หมู่ทูตสวรรค์ก็เห็น และมีผู้ประกาศพระองค์แก่ประชาชาติ มีชาวโลกเชื่อถือพระองค์และพระองค์เสด็จขึ้นรับพระสิริ ”

ซึ่งนักวิทยาศาสตร์โดยส่วนมาก บอกว่ารับไม่ได้หรือบอกว่าเป็นไปไม่ได้ พวกนักมนุษย์เทววิทยาหรือ Humannist ก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้หรือรับไม่ได้ด้วยเช่นเดียวกันซึ่งแปลว่าอะไร ? ซึ่งแปลว่าพวกเขาไม่ใช่เชื่อว่ามีพระเจ้า

คำสอนในศาสนาต่างๆก็เช่นเดียวกัน ที่ไม่เชื่อในเรื่องพระเจ้าในหลายพระภาคจะมีก็เพียงศาสนาฮินดูเพียงเดียวเท่านั้นที่เชื่อว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นทรงเป็นอวตาร ซึ่งเป็นพระภาคหนึ่งของพระเจ้าที่ได้เสด็จลงมาบังเกิดในโลกนี้

อีกทั้งยังได้มีการบันทึกเอาไว้ ในพระคัมภีร์พระเวทของศาสนฮินดูอีกด้วยว่า จะมีพระเจ้ากลายมาเป็นมนุษย์ ด้วยเหตุนี้คนฮินดูจึงเข้าใจเรื่องนี้ได้ง่ายกว่าคนที่อยู่ในศาสนาอื่น

พระคำของพระเจ้าในมธ.1:21 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่ามีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาบอกกับโยเซฟว่า “ ท่านจงเรียกนามของบุตรที่จะเกิดมานั้นว่าเยซู ”เพราะเขาจะช่วยคนให้รอด

รอดจากอะไรครับพี่ - น้อง ? จาก(หายนะ)บาป บาปจากการที่มนุษย์นั้นไม่เชื่อฟังพระเจ้า

พี่ - น้องทราบไหมครับว่า เวลานี้ที่อเมริกานั้นบางรัฐเขาห้ามไม่ให้มีการอธิษฐานในโรงเรียนแล้วนะครับ แต่ที่หนักที่สุดในเวลานี้นั่นก็คือว่าบางโรงเรียนได้มีการสอนแล้วว่า มนุษย์นั้นไม่มีบาป เพียงแต่มนุษย์เรานั้นอาจจะมีความเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย เราอาจจะต้องให้เวลากับคนเหล่านี้สักนิดหรือให้การศึกษากับเขามากสักหน่อยเขาก็จะดีขึ้นเอง

พี่ - น้องเห็นด้วยกับคำสอนนี้ไหมครับ ? และก่อนที่พี่ - น้องจะตอบว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้น ผมอยากให้พี่ - น้องฟังในสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ก่อน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ ผมเห็นว่าคนที่มีการศึกษาสูง กับคิดอ่านในการทำความบาปชั่วได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น อีกทั้งมีความลึกซึ้ง , มีความสลับซับซ้อน และแนบเนียนในการทำความบาปชั่วมากกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก

ถ้าเราจะพูดเฉพาะด้าน เช่น เรื่องยาเสพติด แต่ก่อนเราจะเห็นมีการปลูกฝิ่นกันบนดอย แต่เดี๋ยวเราเห็นมีโรงงานผลิตยาเสพติด

แต่ก่อนเราจะเห็นแค่คนเสพกันในบ้านหรือสูบกันในโรงยา แต่เดี๋ยวนี้เราเห็นว่ามีการสร้างเครือข่าย มีเส้นทางการลำเลียง มีการนำเข้า มีการส่งออก

ถ้าเราจะพูดเฉพาะด้าน เช่น ปัญหาโสเภณี แต่ก่อนผมเห็นผู้หญิงที่มีอายุนะครับ ที่คอยให้บริการในชุมชน แต่เดี๋ยวนี้ผมเห็นโสเภณีเด็ก ผมเห็นมีเครือข่ายระหว่างประเทศในการนำเข้าและส่งออก

ถ้าเราจะพูดเฉพาะด้าน เช่น มลพิษ แต่ก่อนผมเห็นคนทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลอง แต่เดี๋ยวนี้ผมเห็นมีการทิ้งของเสียทั้งบนบกและในอากาศจากโรงงานทั้งของภาครัฐและเอกชน

            ถ้าเราจะพูดเฉพาะด้าน เช่น เทคโนโลยี แต่ก่อนผมเห็นแค่โทรทัศน์ วิทยุ และโทรศัพท์บ้าน แต่พอมีคอมพิวเตอร์ มีเทคโนโลยีที่ไร้พรมแดนมากขึ้นผมกับเห็นคนถูกฆ่าและฆ่าตัวตายมากขึ้น

ถ้าเราจะพูดเฉพาะด้าน เช่น การอบรมสัมมนาทางวิชาการ เราก็จะพบว่า เดี๋ยวนี้มีการอบรมสัมมนาทางวิชาการที่เยอะมาก ทำให้มนุษย์นั้นอวดตัวมากขึ้น คุยโวมากขึ้น มนุษย์เลยปฏิเสธสิทธิอำนาจของพระเจ้าหรือไม่ยอมรับชีวิตใหม่จากพระเจ้า

ดังนั้นการที่บางโรงเรียนหรือบางสถาบันได้มีการสอนว่า มนุษย์นั้นไม่มีบาปเพียงแต่มนุษย์เรานั้นอาจจะมีความเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย เราอาจจะต้องให้เวลากับคนเหล่านี้สักนิด หรือให้การศึกษากับเขามากสักหน่อยเขาก็จะดีขึ้นเอง ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน เราจะต้องไม่เห็นด้วยกับคำสอนเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง ประวัติศาสตร์ทำให้เราทราบว่ามนุษย์เรานั้นชอบสร้างศาสนาใหม่หรือลัทธิใหม่ ดังนั้นเราควรที่จะระมัดระวังคำสอนที่อันตรายเหล่านี้

และด้วยการที่มนุษย์เรา กำลังเดินอยู่ในซอยที่ตันแถมไร้ความสว่าง อีกทั้งมวลมนุษยชาติในโลก กำลังยืนอยู่บนรอยต่อแห่งความวิบัติ พระองค์จึงต้องเสด็จเข้ามาในโลกนี้ เพื่อช่วยให้มนุษย์พ้นจากวัฏฏะสงสาร พระองค์จึงไม่ใช้วิธีอื่น นอกจากแบ่งพระภาคของพระองค์ลงมาเกิดมาเป็นมนุษย์ชื่อเยซู ซึ่งไม่เพียงแต่ที่จะให้ผู้ที่เชื่อและไว้วางใจในพระองค์ รอดพ้นจากหายนะแห่งความบาปเท่านั้น

พระคำของพระเจ้าใน มธ. 1 : 23 ยังบอกกับเราอย่างชัดเจนด้วยว่า พระองค์ทรงเป็นองค์ อิมมานูเอล ในชีวิตของเราด้วย คำว่า อิมมานูเอล คำนี้แปลว่า “สถิตอยู่ด้วยกับเรา”

คำถามคือว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้นสถิตอยู่ด้วยกับเราสถิตแบบไหนและสถิตอย่างไร ? แบบวันเว้นวันหรือเฉพาะบางวัน หรือแบบอยากจะมาก็มาอยากจะไปก็ไปอย่างนั้นใช่หรือไม่ ? พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าสถิตอยู่ด้วยกับเราตลอดเวลา

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผมรับใช้พระเจ้ามา ผมอยากจะบอกความจริงกับพี่ - น้องว่า วันแรกผมเห็นสีหน้าและแววตาของคนที่ยังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้าแล้วมาคริสตจักรฯเป็นครั้งแรก โดยส่วนมากต่างมีใบหน้าและแววตาที่เศร้าหมอง

แน่นอนเขาต้องมีความทุกข์ ความโศกเศร้าและความเสียใจ บางคนอาจจะมีปัญหาของชีวิตที่แก้ไม่ตกทำสิ้นหวังและหมดกำลังใจ บางคนมีความรู้สึกผิดบางสิ่งบางอย่างที่อาจจะตกค้างอยู่ในใจ แต่เมื่อเขาน้อมใจของเขามาหาพระเยซู

ผมเองก็ต้องยอมรับกับพี่ - น้องอย่างสัตย์ซื่อด้วยว่า ผมก็ได้เห็นสีหน้าและแววตาของผู้เชื่อใหม่ที่ได้บังเกิดใหม่ในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอย่างแท้จริงหลายคนเปลี่ยนไปโดยฤทธานุภาพของพระเจ้า

เหมือนดังพระคำของพระเจ้าที่ได้ตรัสเอาไว้ในหนังสือ 2 คร. 5 : 17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้วสิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไปนี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”

ผมอยากที่จะบอกกับพี่ - น้องว่า ในงานรับใช้ของผมนั้นบ่อยครั้งที่ผมได้ยินและได้ฟังคำพยานชีวิตของคนที่มาเชื่อพระเจ้า โดยมีอาชีพที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สว. , สส ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศิลปินนักร้อง ดารา นักแสดง พ่อค้า นักธุรกิจ นักเขียน นักดนตรี แม่บ้าน กรรมการ นักศึกษาแพทย์ วิศวกร เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ ต่างพูดในทำนองที่คล้ายๆกันว่า เขาคิดว่า.........

เขาสามารถที่จะ 1.ดูแลชีวิตของเขาได้ 2. จัดการกับชีวิตของเขาได้ 3. ดูแลธุรกิจของเขาได้ 4. ดูแลครัวเรือนของเขาได้ 5.เขาอยู่ในสังคมนี้ได้

6.เขามีความฉลาดมากพอ ดังนั้นเขาไม่ต้องการใครที่จะมาช่วยแนะนำอะไร

แต่เมื่อมาถึงจุดที่ตกต่ำของชีวิตหรือมาถึงจุดที่ว่างเปล่าของชีวิตก็คนเหล่านี้อีกแหละครับพี่ - น้องที่รัก ที่เรียกร้องหาว่า“ ใครก็ได้ช่วยผมที ”

ดังนั้นในปีหน้า ซึ่งแน่นอนมันก็คงจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คงจะไม่เหมือนกับปีนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นในปีหน้าไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ หรือในปีหน้าไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับประเทศของเรา หรือแม้กระทั่งไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในครอบครัวของพี่ - น้องและหรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตของพี่ - น้องโดยส่วนตัวเองก็ตาม

ขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่า ถ้าพี่ - น้องยังเชื่อฟังและยังยำเกรงพระเจ้าองค์นี้อยู่ พระองค์จะไม่หันพระพักตร์ของพระองค์หรือเมินหน้าของพระองค์หนีไปจากพี่ - น้องอย่างแน่นอน

พี่ - น้องฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆ สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า การที่เรามีปัญหาอะไรก็ตาม แต่เรายังเชื่อฟังพระเจ้าอยู่ การเชื่อฟังนั้นเป็นเหตุทำให้องค์อิมนานูเอลหรือพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้น เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาในชีวิตที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นได้

ผมเคยมีประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ยากจะลืมเลือนและอยากแบ่งปันให้พี่ - น้องฟังในเช้าวันนี้ กล่าวคือ ผมเคยได้รับของขวัญจากคนที่ผมเคยรัก พอผมแกะของขวัญมาชิ้นหนึ่ง ( ซึ่งมันก็มีของขวัญอยู่จริงๆด้วยนะครับ ) ผมก็ยังพบว่ามันยังมีกล่องของขวัญอยู่อีกชิ้นหนึ่ง

พอผมแกะของขวัญมาอีกชิ้นหนึ่งเป็นชิ้นที่ 2 ซึ่งมันก็มีของขวัญอยู่จริงๆด้วยนะครับ ผมก็พบว่ามันยังมีกล่องของขวัญอยู่อีกชิ้นหนึ่ง พอผมแกะของขวัญขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่งเป็นชิ้นที่ 3 คราวนี้ก็ไม่มีแล้ว แต่ผมได้ของขวัญทั้งหมดกี่ชิ้นครับ ? ( 3 ชิ้น )

การที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้า เสด็จเข้ามาในโลกเพื่อช่วยให้มนุษย์นั้นรอดพ้นจากบึงไฟนรก นั่นก็นับว่าเป็นของขวัญที่มีคุณค่ามากพอแล้วสำหรับคนบาปอย่างเราทั้งหลายแต่การที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าทรงสถิตและอยู่ด้วยกับเราอีกทั้งอวยพรเราในแต่ละวันนั้น

อันนี้เป็นของขวัญที่ถูกซ้อนด้วยของขวัญ และก็ถูกซ้อนด้วยของขวัญ เป็นพรที่ถูกซ้อนด้วยพระพรและพระพรนี้ยังถูกซ้อนด้วยมหาพร แปลว่า นับค่าไม่ได้ ซึ่งพระเจ้าได้มอบสิ่งนี้ให้กับผู้ที่ต้อนรับพระองค์ทุกคน รวมทั้งผู้ที่ต้อนรับพระองค์ในวันนี้ด้วย นั่นหมายความว่า พระเจ้าทรงรักและห่วงใยเราเป็นอย่างมาก

แต่ถ้าหัวใจของพี่ - น้องยังเป็นเหมือนกับโรงแรมที่เบธเลเฮ็มคือไม่มีที่ว่างให้กับพระองค์ พระองค์ก็ไม่สามารถที่จะเป็นองค์อิมมานูเอลในชีวิตของพี่ - น้องได้

แต่ถ้าพี่น้องเปิดประตู 1 ใน 4 ห้องของหัวใจของพี่ - น้องเพื่อมอบให้กับพระองค์อย่างแท้จริง พระองค์จะเข้ามาเติมเต็มในชีวิตที่ว่างเปล่าให้กับพี่ - น้อง

อย่าถามว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร แต่ให้พี่ - น้องบอกกับพระองค์ว่าข้าพระองค์ต้องการพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาพระองค์และพี่ - น้องก็จะพบถึงสันติสุขที่เกินความเข้าใจจะเกิดขึ้นกับท่านในคริสตมาสนี้ (ตอบสนองด้วยบทเพลง)

ส่วนพี่ - น้องที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้ว แต่ท่านยังไม่ได้เอาจริงเอาจังกับพระเจ้า พระองค์ยังไม่ได้เข้ามาเป็นองค์อิมมานูเอลในชีวิตของท่านและพี่ - น้องอยากที่จะเริ่มต้นใหม่กับพระเจ้าในเช้าวันนี้ขอให้ท่านได้ออกมาผมจะอธิษฐานเผื่อท่านเป็นพิเศษในเช้าวันนี้

Green City