ดวงดาวของพระเจ้า

คำเทศนาเรื่อง ดวงดาวของพระเจ้า

          มธ.2:1-2 พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า 2 "กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน"

          มธ.2:9-11 โหราจารย์เหล่านั้น จึงไปตามรับสั่ง และดาวซึ่งเขาได้เห็นเมื่อปรากฏขึ้นนั้นก็ได้นำหน้าเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารอยู่นั้น 10 เมื่อพวกโหราจารย์ได้เห็นดาวนั้นแล้ว ก็มีความยินดียิ่งนัก 11 ครั้นเข้าไปในเรือนก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขา ออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ

          พี่น้องทราบไหมครับว่า พระเจ้าทรงใช้อะไรบ้าง ในวัน คริสตมาสแรกของโลก ?

          พระคำของพระเจ้าได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์การเบรียล , นางมารียหญิงพรหมจารีย์หรือหญิงบริสุทธิ์และหรือคนที่พระเจ้าทรงโปรดปราน , โยเซฟคนที่มีธัมมะ , เด็กเลี้ยงแกะ , โหราจารย์ , ทองคำ มดยอบ กำยาน , บ้านของเศคารียาห์ , นางเอลีซาเบธ

          แต่มีสิ่งเล็กๆสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้อย่างมากและสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่น้อยคนนักที่จะพูดถึง พี่น้องลองทายดูสิครับว่าสิ่งนั้นคืออะไรครับ ?

          พี่น้องทราบไหมครับว่า ในวันคริสตมาสแรกของโลกนั้น พระเจ้าได้ทรงใช้ดาวดวงหนึ่งให้เปล่งประกายและฉายแสงออกมาอย่างเจิดจรัส

          ทั้งนี้เพื่อให้เหล่าบรรดาโหราจารย์ได้ใช้ประโยชน์จากความสว่างของดวงดาวนั้น เป็นตัวนำพาเหล่าบรรดาโหราจารย์ให้ไปพบกับพระกุมารเยซูที่เมืองเบธเลเฮ็ม

          ฟป.2:15 (ก) เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่ถูกติเตียนและไม่มีความผิด เป็นบุตรที่ปราศจากตำหนิของพระเจ้า ในท่ามกลางพงศ์พันธุ์ที่คดโกงและวิปลาส (ข) ท่านปรากฏในหมู่พวกเขาดุจดวงสว่างต่างๆในโลก พระคำของพระเจ้าใน ฟป.2:15 ตอนท้ายมีข้อความที่น่าสนใจนั่นก็คือ คำว่า ท่านปรากฏในหมู่พวกเขาดุจดวงสว่างต่างๆในโลก

          คำถามคือว่า ท่านปรากฏ ในที่นี้คือใครครับ ? คือ คริสเตียน

          คำถามคือว่า คำว่า “ในหมู่พวกเขา” คือ ใครครับ ?

          คือ คนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า พระเยซูคริสต์

          คำถามคือ คำว่า “ดุจดวงสว่าง” คือ อะไรครับ ? ดาว

          คำถามคือ คำว่า “คดโกงและวิปลาส” คืออะไรครับ ?

          คือ ความบาปชั่วนานัปการ

          สมมติว่าในวันนี้ท่านเป็น “ดาว” ที่จะต้องนำผู้คนในยุคนี้สมัยนี้หรือคนในรุ่นของเรา ซึ่งพระคำของพระเจ้าก็ได้บอกกับเราพงศ์พันธุ์ที่คดโกงและวิปลาส

          คำถามก็คือว่า พี่น้องจะเป็นดวงดาวที่จะนำผู้คนในยุคนี้สมัยนี้แบบไหนอย่างไร ?

                    ประการที่ 1 พี่น้องจะต้องเป็นสัญญาณเรียกความสนใจของชาวโลก

          ดวงดาวส่องสกาวในความมืดเพื่อเรียกร้องให้บรรดาเหล่าโหราจารย์ต้องจับตามองโดยตลอด เพราะฉะนั้นพี่น้องจะต้องเป็นสัญญาณเรียกความสนใจของชาวโลก เช่นเดียวกับชีวิตคริสเตียนของเราแต่ละคน ที่เราจะต้องส่องสว่างอยู่เสมอท่ามกลางความมืดนานัปการในโลกใบนี้

          สดด.119 :105 พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์และเป็นความสว่างแก่มรคาของข้าพระองค์

          ยน.8:12 อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต"

          พี่น้องที่รักครับ เมื่ออาดำ-เอวา ได้ไปเชื่อฟังคำสอนของมาร สิทธิอำนาจในการปกครองโลก ที่พระเจ้าได้มอบให้แก่มนุษย์เป็นผู้ครอบครองจึงได้ไปตกอยู่กับซาตาน ซึ่งซาตานมันปกครองโลกนี้ด้วยคำโกหกหลอกลวง ด้วยความสงสัย

          เพราะฉะนั้นชีวิตของเรา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียน เป็นลูกของพระเจ้าทุกคน จึงต้องเป็นดาวที่สุกสกาวพราวแสงโดยให้ความสว่าง ให้ความรู้ ให้ความจริง ให้ความถูกต้องแก่ผู้คนที่อยู่ในความมืดบอดฝ่ายวิญญาณผ่านการเรียกร้องความสนใจกับชาวโลก

          คำถามก็คือว่า เราจะเป็นดาวที่สุกสกาวพราวแสงโดยให้ความสว่างแก่ผู้คนที่อยู่ในความมืดบอดฝ่ายวิญญาณผ่านการเรียกร้องความสนใจกับชาวโลกได้อย่างไร

          ต.ย. เช่น คนไทยส่วนมากมักจะชอบพูดคำหนึ่ง คำนั้นก็คือคำว่า ศาสนาไหนก็สอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกัน ซึ่งถูกต้องและไม่ผิด แต่สิ่งที่เราจะให้ความสว่างในฝ่ายวิญญาณแก่เขาคือ

                    1 ) ศาสนาในโลกนี้ที่มีมากมาย เหมือนพระในโลกนี้มีมากมาย แต่พระองค์ไหนหรือศาสนาไหนเล่าที่รับผิดชอบชีวิตหลังความตายของเรา

                    2 ) รากฐานของคนไทยคือ นับถือผี ไหว้ผี ต่อมาจึงเอาศาสนาพราหมณ์ เข้ามาและตามมาด้วยศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นพิธีกรรมต่างๆของคนไทยจึงประกอบไปด้วย ผี พราหมณ์ พุทธ

          รูปทรงศาสนาของคนไทยเป็นเหมือนรูปเจดีย์ คือ มีศาสนาผีเป็นฐานราก ศาสนาพราหมณ์อยู่กลาง และศาสนาพุทธครอบอยู่ที่จั่ว

          เพราะฉะนั้นชีวิตของเรา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียน เป็นลูกของพระเจ้าทุกคน จึงต้องเป็นดาวที่สุกสกาวพราวแสงโดยให้ความสว่างแก่ผู้คนที่อยู่ในความมืดบอดฝ่ายวิญญาณในเรื่องต่างๆเหล่านี้ พูดเพื่อให้เขา 1 ได้ฟัง 1 ได้คิด 2 ได้พิจารณา

          ส่วนเขา คือ คนที่ยังไม่เชื่อในพระเจ้า จะมาถึงพระเยซูหรือไม่นั้น ให้เป็นหน้าที่ของพระเจ้า หรือ ให้เป็นหน้าที่ขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์

          ส่วนของเราพูดเพื่อ (ก) เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่ถูกติเตียนและไม่มีความผิด เป็นบุตรที่ปราศจากตำหนิของพระเจ้า

          เพราะฉะนั้นให้เราเป็นดาวที่สัตย์ซื่อในการทำหน้าที่ในการให้ความสว่าง ให้ความรู้ ให้ความจริง ให้ความถูกต้องแก่ผู้คนเสมอ

          และถ้าเขา คือ คนที่ยังไม่เชื่อ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ได้รับความสว่าง ได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว เป็นคนที่พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรไว้แล้ว ให้เราเป็นดาวที่นำคนๆนั้นมาเชื่อในพระเจ้าด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่นำเขาหลงเข้ามาเชื่อ

          ผ่านการนำเขากลับใจใหม่ ผ่านการนำเขาสารภาพบาป ผ่านการให้เขารับด้วยปากและเชื่อด้วยใจว่าองค์พระเยซูคริสต์นั้นทรงเป็นพระเจ้า

          ประการที่ 2 ให้ความสว่างโดยการเป็นแบบอย่างของการดำเนินชีวิต

          รม.13:12-14 กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา เราจงเลิกการกระทำของความมืด และจงสวมเครื่องอาวุธของความสว่าง 13 เราจงประพฤติตัวให้เหมาะสมกับเวลากลางวัน มิใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย มิใช่หยาบโลนลามก มิใช่วิวาทริษยากัน 14 แต่ท่านจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสตเจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้บำรุงบำเรอตัณหาของเนื้อหนัง

          ชีวิตของเราซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียนหรือได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้าทุกคน จะต้องเป็นดาวที่สุกสกาวพราวแสง โดยให้ความสว่างแก่ผู้คนที่อยู่ในความมืดบอดในฝ่ายวิญญาณอย่างเดียวนั้น ยังไม่พอ

          พระคำของพระเจ้าใน รม.13:12-14 บอกกับเราว่า เราจะต้องเป็นดวงดาวพราวแสงในการเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของเราอย่างเหมาะสมให้เขาได้เห็นด้วย

          มธ.5:14-16 "ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้ 15 เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น 16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์

          เราจะต้องเป็นดวงดาวพราวแสงในการเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของเราให้เขาได้เห็น 1.ผ่านการทำความดี โดยการให้การสงเคราะห์ ช่วยเหลือ 2.การให้ความรัก ความห่วงใย 3.ถึงการไม่เอารัดเอาเปรียบ การไม่เห็นแก่ตัว ผ่านการดำเนินชีวิตของเรา

          พระคำของพระเจ้าใน ฟป.2:15 (ข) บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พงศ์พันธุ์ที่คดโกงและวิปลาส เราจะต้องเป็นดวงดาวที่พราวแสง

                    1. ในการเป็นแบบอย่างในความสัตย์ซื่อ   2. ในความโปร่งใส ไม่ทุจริต คอรัปชั่น ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าจะบนโต๊ะหรือใต้โต๊ะ

          ฟป.1:2728 ขอแต่เพียงให้ท่านดำเนินชีวิตให้สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ เพื่อว่าแม้ข้าพเจ้าจะมาหาท่านหรือไม่ก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะได้รู้ข่าวของท่านว่า ท่านเชื่อมั่นคง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้เหมือนอย่างเป็นคนเดียวเพื่อความเชื่ออันเกิดจากข่าวประเสริฐนั้น 28 และท่านไม่เกรงกลัวผู้ที่ขัดขวางท่านแต่ประการใดเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเป็นที่ประจักษ์แก่เขาว่า พวกเขาจะถึงซึ่งความพินาศ แต่พวกท่านก็คงจะถึงซึ่งความรอด และการนั้นมาจากพระเจ้า

          ท่ามกลางการข่มเหง ท่ามกลางความมืด ท่ามกลางความหวาดกลัว ท่ามกลางความยากลำบาก เราจะต้องเป็นดวงดาวพราวแสงในการเป็นแบบอย่างในความกล้าหาญ ในการดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังให้เขาได้เห็น

                    สรุป : การเป็นดวงดาวที่จะนำคนไม่เชื่อมาถึงข่าวประเสริฐของพระเจ้าสำคัญไหมครับ ? แล้วชีวิตของผู้นำข่าวประเสริฐของพระเจ้าสำคัญด้วยไหมครับ ? ต้องคู่ขนานไปด้วยกัน

          คนที่ไม่เชื่อพระเจ้า เขามองเห็นพระเจ้าไหมครับ ? แต่เขามองเห็นชีวิตของเราไหมครับ ? เรา คือ พระฉายของพระเจ้า เขาจะมองเห็นพระคริสต์ผ่านชีวิตของเรา ให้เราเป็นดาวที่สุกสกาวพรั่งพราวนภาเพื่อนำคนมาถึงพระเจ้าในคริสตมาสนี้

 

Green City