เรื่องเล่า
ความเชื่อมีสองแบบ
ความเชื่อนั้นมี 2 แบบคือ
1.เชื่อแบบรับรู้เฉยๆ (PassiveFaith)
2.เชื่อและแสดงให้ปรากฏ (Active Faith)
มีคำบอกเล่าว่า วันนี้ฝนจะตกที่พม่า เราเชื่อผู้พูดแต่เราก็ไม่ได้ถือร่มหรือเอาเสี้อกันฝนติดมือออกจากบ้านไปเลยเป็นความเชื่อแบบการรับรู้เฉยๆและไม่มีผลในการปฏิบัติ
หรือถ้ามีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่าราคาถั่วเขียวในประเทศจีนขึ้นสูงมาก แต่เราไม่ได้มีธุรกิจส่งสินค้าออกประเภทถั่ว เราเชื่อถือหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ว่าลงข่าวจริงแน่แต่เราไม่ได้แสดงความเชื่ออะไรให้ปรากฏเราก็เชื่อแบบรู้เฉยๆแต่ถ้าขณะที่เรานั่งคุยกันอยู่ เพื่อนเราลุกขึ้นบอกว่า มีแมลงป่องอยู่ใต้โต๊ะ ถ้าเราเชื่อเขา เราก็จะลุกขึ้นหนีทันที หรือถ้ามีคนมาบอกว่า มีระเบิดอยู่ในบ้านคุณ ถ้าเราเชื่อเขาก็จะออกจากบ้านทันที หรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญทางระเบิดมาค้นหา ถ้าเชื่อจริงๆจะทำอะไรสักอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่รับรู้เฉยๆ หรือถ้ามีใครสักคนมาบอกว่า มีคนมาแจกเงินอยู่หน้าบ้านเราก็รีบไปรับเงินที่แจกทันที เพราะเดี๋ยวเขาจะไปซะก่อน ถ้าเชื่อเราจะรีบไป ถ้าไม่เชื่อก็จะไม่สนใจนี่เป็นลักษณะของความเชื่อประเภทที่สองเชื่อและแสดงให้ปรากฏมีผลเป็นการปฏิบัติเป็นการเชื่อและทำตาม
ข้อคิด : ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน เรามีความเชื่อแบบไหนที่อยู่บนฐานพระคัมภีร์
ข้อพระคัมภีร์ : ยากอบ 2 : 17-22,26
ที่มา : ดร.เฮ็นรี่ ไบรเดนธอล