วันที่แสนประเสริฐสู่รุ่งอรุณแห่งชัยชนะ

easterGood Friday

คือวันที่คริสตศาสนิกชนต่างระลึกถึงด้วยความถ่อมใจว่าเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่มนุษย์ออกจากความผิดบาป และพระศพของพระองค์ได้ถูกนำไปฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพ 

เหตุเพราะมนุษย์ทำบาป จึงถูกตัดขาดจากพระเจ้าและอยู่ภายใต้การพิพากษาของพระองค์ จึงไม่มีสิ่งใดที่มนุษย์https://joequatronejr.files.wordpress.com/2012/06/jesus-death.jpgทำแล้วจะลบล้างความบาปได้ แต่ด้วยพระเมตตาคุณและความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ และพระองค์มีพระประสงค์ที่จะประทานสิ่งที่ดีกับพวกเขา พระองค์จึงไม่พอพระทัยที่จะทิ้งเขาไว้ให้ทำบาปตามอำเภอใจ พระองค์จึงต้องจัดการกับความบาป อันที่จริง คนบาปสมควรถูกพระพิโรธขอพระเจ้า แต่พระองค์ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ช้านาน โดยมุ่งจะให้คนบาปกลับใจใหม่และพ้นโทษ ยิ่งกว่านั้นพระองค์ทรงจัดทางรอดไว้ให้คนบาป เพื่อเขาจะได้พ้นพระพิโรธและได้รับการอภัยโทษบาปด้วยความรักอันล้นเหลือของพระองค์ และทางนั้นก็คือ องค์พระเยซูคริสต์เจ้า

การที่พระเจ้าทรงรับสภาพเป็นมนุษย์ เป็นการกระทำเหลือที่มนุษย์จะเข้าใจได้ แต่แล้วการกระทำอันยิ่งใหญ่นั้นยังไม่สามารถช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความผิดบาปได้ ต้องมีการกระทำที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีกคือ พระเยซูต้องสิ้นพระชนม์ด้วย ความรอดที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์ มิได้เกิดจากการประสูติของพระเยซูหรือจากชีวิตประจำวันของพระองค์ แต่เกิดจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์

            พระเยซูทรงทราบตั้งแต่แรกแล้วว่า เหตุที่พระบิดาประทานชีวิตมนุษย์ให้พระองค์ก็เพื่อพระองค์จะสละชีวิตนั้นให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปให้มนุษย์ เป็นเครื่องบูชาถวายพระเจ้าที่พระเจ้าพอพระทัย แต่เราควรจะไว้เสมอว่า การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูมีคุณค่าก็เพียงเพราะว่า พระเยซูทรงใช้พระชนม์ชีพอย่างบริสุทธิ์ตามน้ำพระทัยของพระบิดาเสมอ ถ้าพระเยซูได้ทำผิดบาปแม้แต่ครั้งเดียว พระชนม์ชีพนั้นจะเป็นมลทิน จะถวายพระเจ้าเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปมนุษย์ไม่ได้ แต่พระเยซูทรงเชื่อฟังพระบิดาตลอดชีวิต แม้กระทั่งถึงความตาย

            ในเมื่อพระเยซูตั้งพระทัยปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระบิดาเสมอ พระองค์จึงฝ่าอุปสรรคและการขัดขวางต่างๆ โดยไม่ย่อท้อทั้งๆที่พระองค์ทรงทราบดีว่า จุดหมายปลายทางคือการถูกตรึงที่ไม้กางเขน พระเยซูทรงทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระองค์ ก็เกิดขึ้นตามที่พระคัมภีร์เดิมได้กล่าวไว้ก่อนแล้ว

            การที่พระเยซูทรงรู้ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์นั้น มิได้หมายความว่า พระองค์ไม่มีความทุกข์ ความกระวนกระวายใจเมื่อต้องพบกับความตาย ตรงกันข้ามคงทำให้พระองค์ยิ่งมีความทุกข์ทรมานมากขึ้น แต่พระองค์ไม่หันกลับ ไม่หลีกเลี่ยงพระองค์ถวายพระชนม์ชีพบนไม้กางเขนด้วยความสมัครใจ

            นอกจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ไม่มีทางที่มนุษย์จะรอดพ้นจากการพิพากษาลงโทษบาปของเขา พระเยซูถวายพระชนม์ชีพเป็นค่าไถ่ ทรงไถ่มนุษย์ที่อยู่ภายใต้อำนาจของความบาปและความตายให้พ้นไปได้และได้รับชีวิตใหม่โดยพระองค์

            แม้ว่าพระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนโดยการกระทำของคนอำมหิตโหดร้าย แต่ก็ยังเป็นไปตามแผนการของพระเจ้า พระเยซูไม่มีความบาปที่พระเจ้าจะต้องลงโทษพระองค์ แต่พระเยซูทรงยอมรับโทษแทนคนบาป พระเจ้าทรงมีพระพิโรธต่อความบาป แต่พระเยซูทรงยอมรับพระพิโรธนั้น เพื่อช่วยคนบาปและนำเขากลับคืนดีกับพระเจ้า

            การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเพียงครั้งเดียว พอที่จะช่วยคนบาปให้รอดอย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติม ไม่ต้องทำซ้ำๆอีก ความรอดซึ่งมีมาโดยการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เป็นความรอดที่พระเจ้าเองเป็นผู้กระทำจึงสมบูรณ์ครบถ้วน ไม่บกพร่อง แต่เสร็จสมบูรณ์ มนุษย์เพียงแต่ถ่อมตนลงรับของประทานนี้โดยความเชื่อเท่านั้น

 http://www.picgifs.com/graphics/f/flower-line/graphics-flower-line-501825.gif

รุ่งอรุณแห่งชัยชนะ

            พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นขึ้นจากความตายในวันที่สาม คือเช้ามืดวันอาทิตย์ เมื่อนางมารีย์ ชาวมักดาลาได้ไปถึงอุโมงค์ฝังพระศพของพระเยซู กลับพบว่าหินที่ปากอุโมงค์ถูกเลื่อนเปิดออกไปแล้ว และไม่มีพระศพของพระเยซูอยู่ในอุโมงค์ (มัทธิว 28 : 1-10, มาระโก 16 : 1-8, ลูกา 24 :1-12, ยอห์น 20 : 1-18) ซึ่งการฟื้นคืนพระชนม์นี้แสดงถึงชัยชนะของพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง

http://www.dst-corp.com/james/PaintingsOfJesus/Jesus14.jpg            การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูไม่ได้สืบเนื่องมาจากความบาปของพระองค์ เพราะพระองค์ไม่มีความบาป เหตุฉะนั้นความบาปและความตายจึงไม่มีอำนาจเหนือพระองค์ พระองค์จึงเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ชีวิตของพระเยซูตลอดจนกระทั่งถึงความตายเป็นที่พอพระทัยของพระบิดา พระบิดาจึงทรงชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ในฐานะเป็นผู้ชนะความตาย เป็นพระผู้เป็นเจ้าที่ได้รับสง่าราศีของพระบิดาในสวรรค์

            ถ้าพระเยซูไม่ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย มนุษย์ก็จะยังจมอยู่ในความบาปของตน แต่ในเมื่อพระเยซูทรงชนะความบาป ชนะความตายและมีชีวิตใหม่ คริสเตียนก็มีชีวิตใหม่โดยพระองค์ เป็นชีวิตที่มีชัยชนะเหนือความบาป และสักวันหนึ่งจะมีชัยชนะเหนือความตายด้วย

            ขณะนี้พระเยซูประทับอยู่ในที่สูงสุดในสวรรค์ และพระองค์ยังทรงปฏิบัติพระราชกิจเพื่อช่วยบรรดาคนที่เชื่อในพระองค์ ทรงประทานพระพรของพระเจ้าให้เขา ทรงปกป้องเขาไม่ให้มารซาตานกล่าวร้ายเขาต่อพระเจ้า และทรงทูลขอพระบิดาแทนเขาให้พระบิดาทรงโปรดชำระเขาให้ปราศจากมลทินของความบาป ทั้งหมดนี้พระเยซูกระทำในฐานะเป็นพระมหาปุโรหิตที่ช่วยประชาชนของพระเจ้า พระองค์มีสิทธิ์ปฏิบัติภารกิจนี้ได้เนื่องมาจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์

            พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายฉันใด ผู้ที่ได้รับชีวิตนิรันดร์โดยพระองค์ก็จะเป็นขึ้นมาจากคhttp://www.evangelicaloutreach.org/images/jesus-earth.jpgวามตายฉันนั้น เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา มิใช่บรรดาคริสเตียนที่จะได้รับชีวิตใหม่เท่านั้น แต่ธรรมชาติก็จะเข้าสู่ชีวิตใหม่ด้วย ตอนที่มนุษย์ทำบาปครั้งแรก ธรรมชาติถูกแช่งสาปพร้อมกับมนุษย์ แต่ในวันที่มนุษย์จะได้รับความรอดอย่างสมบูรณ์โดยเป็นขึ้นมาจากความตาย ธรรมชาติก็จะได้รับพระพรตามพระประสงค์เดิมของพระเจ้าเช่นกัน

            จากนั้นพระเจ้าจะทรงล้างความบาปชั่วให้สิ้นไปจากโลก และพระเยซูคริสต์จะเป็นพระผู้เป็นเจ้า โดยไม่มีใครจะต่อต้านขัดขวางพระองค์อีกต่อไป เมื่อพระเยซูทรงปราบสากลจักรวาล และปกครองอย่างเด็ดขาดแล้ว ก็จะทรงมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้พระบิดา เพื่อพระเจ้าจะเป็นเอกเป็นใหญ่ในสิ่งสารพัดทั้งปวง (1 โครินธ์ 15:24-28)

           

ที่มา : สารานุกรมพระคริสตธรรมคัมภีร์ เขียนโดย ดอน เฟรมมิ่ง

ภาพประกอบ : ภาพจากอินเตอร์เน็ต

 

หมายเหตุ  ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ถ้าทำการก็อปปี้ไปแล้ว กรุณาอย่าเอาเครดิตออก เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้เป็นเจ้าของบทความ

 

Green City