คำเทศนาเรื่อง แผ่นดินของพระเจ้า
ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจาก ลก.17:20-21 และจากพระธรรม ยน.5:39 - 41
พระคำของพระเจ้าจากลก.17:20-21 ตรัสดังนี้ว่า “เมื่อพวกฟาริสีทูลถามพระองค์ว่า แผ่นดินของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อไหร่ พระองค์ตรัสตอบเขาว่า แผ่นดินของพระเจ้าไม่มาด้วยนิมิตที่จะสังเกตุได้ และเขาจะไม่พูดว่า มาดูนี่ มาดูโน่น เพราะดูเถิดแผ่นดินของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางท่านทั้งหลาย”
และใน ยน.5:39 - 41 ตรัสดังนี้ว่า “ท่านทั้งหลายค้นดูในพระคัมภีร์ เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์และพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานให้แก่เรา แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต เราไม่คอยรับเกียรติจากมนุษย์” และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า แผ่นดินของพระเจ้า ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน
พี่น้องที่รักครับ รัฐบาลทุกคณะที่ผ่านมา ต่างใช้กลยุทธมากมายหลายอย่างในการที่จะดึงเงินตราจากต่างประเทศให้เข้ามาสู่ประเทศไทยของเรา และกลยุทธอย่างหนึ่งที่รัฐบาลไทยทุกคณะและรวมทั้งคณะปัจจุบันที่กำลังใช้อยู่ในขณะนี้นั่นก็คือ การจัดรายการส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อโครงการว่า Unseen Thailand
คำว่า Unseen แปลว่า มองไม่เห็น คำว่า Thailand แปลว่า ประเทศไทย
เมื่อเอาคำว่า Unseen กับคำว่า ThaiLand มารวมกัน แปลว่าอะไรครับ ?
เมื่อเอาคำว่า Unseen กับคำว่า ThaiLand มารวมกัน มิได้แปลความว่า มองไม่เห็นประเทศไทยนะครับ
คำว่า Unseen Thailand คำนี้ ถูกนำมาแปลในความหมายที่ต้องการจะบอกกับคนต่างประเทศ โดยเฉพาะบอกกับนักท่องเที่ยวว่า
มันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกมากมายหลายแห่ง ไม่ใช่มีแค่เพียงสถานที่เดิมๆอย่างเช่น พัทยา พัฒนพงษ์หรือแค่เพียงภูเก็ต เชียงใหม่ เท่านั้นแต่มันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกมากมายหลายแห่งที่คุณยังไม่รู้จัก
คำว่า Unseen Thailand คำนี้ ถูกนำมาแปลในความหมายที่ต้องการจะบอกกับคนต่างประเทศโดยเฉพาะบอกกับนักท่องเที่ยวว่า มันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกมากมายหลายแห่งที่คุณยังไม่เคยไปและมันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกมากมายหลายแห่งที่คุณยังไม่เคยได้เห็นด้วยเช่นกัน
พี่น้องที่รักครับ แท้จริงแล้วคำว่า Unseen แปลว่ามองไม่เห็น
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่า มีคน 3,000 กว่าล้านคน ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งของประชากรในโลกใบนี้ที่เชื่อในพระเจ้าที่เขามองไม่เห็น
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่า มีคน 3,000 กว่าล้านคน ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งของประชากรในโลกใบนี้ที่เชื่อในเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่า มีคน 3,000 กว่าล้านคน ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งของประชากรในโลกใบนี้ที่เชื่อในเรื่องการมีชีวิตนิรันดรหรือชีวิตอมตะ
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่า มีคน 3,000 กว่าล้านคน ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งของประชากรในโลกใบนี้ที่เชื่อและยอมดำเนินชีวิตติดตามองค์พระเยซูคริสต์
เราขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงเรียกและเลือกเราทั้งหลายให้เราเป็น 1 ในจำนวน 3,000 กว่าล้านคนที่เชื่อในเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าที่เชื่อในเรื่องการมีชีวิตนิรันดร
เราขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงเรียกและเลือกเราทั้งหลายให้เป็น 1 ในจำนวน 3,000 กว่าล้านคนที่เชื่อและยอมดำเนินชีวิตติดตามพระเยซูคริสต์
พี่น้องที่รักครับ เมื่อเราอ่านพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่มเราพบว่า มีคนร่วมสมัยของพระเยซูเป็นจำนวนมาก ที่อยากจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปอยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า
พี่น้องที่รักครับ เมื่อเราอ่านพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่มเราพบว่า มีคนร่วมสมัยของพระเยซูเป็นจำนวนมาก ที่เขานั้นอยากจะได้รับการมีชีวิตที่เป็นอมตะหรือได้รับการมีชีวิตนิรันดร แต่หลายคนที่อยากได้เข้าไปอยู่ในแผ่นดินสวรรค์หรือได้รับการมีชีวิตนิรันดรนั้นเข้าใจผิด
พระคำของพระเจ้า ในยน. 5:39 ตรัสดังนี้ว่า “ท่านทั้งหลาย ( ในที่นี้หมายถึงพวกฟาริสี ) ท่านทั้งหลายค้นดูในพระคัมภีร์เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร”
พี่น้องที่รักครับ พวกฟาริสี ซึ่งเป็นชนชาติที่มีความรู้ในด้านพระคัมภีร์เป็นอย่างดี เป็นชนชาติที่มีความสว่างด้านสติปัญญามากกว่าคนอื่น ได้ใช้ความพยายามอย่างมาก ในการค้นหาเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าจากพระคัมภีร์ อีกทั้งพวกเขาได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาเรื่องการมีชีวิตนิรันดรจากพระคัมภีร์ สิ่งที่น่าเศร้าใจนั่นก็คือว่า พวกเขานั้นค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบด้วยเหตุนี้เองพี่น้องที่รักครับ พวกฟาริสีเขาจึงอยากให้พระเยซูพาพวกเขาไปดูแผ่นดินของพระเจ้า องค์พระเยซูคริสต์ทรงตรัสตอบพวกเขาว่า“แผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้มาด้วยนิมิตที่สังเกตได้ และเขาจะไม่พูดว่า มาดูนี่หรือไปดูโน่น ”
พระคำของพระเจ้าในลก.17:20 บอกกับเราว่า พวกฟาริสีได้ทูลถามพระเยซูว่า “แผ่นดินของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อไหร่”
ใน ลก.17 และปลายข้อ 21 “ เพราะดูเถิดแผ่นดินของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางท่านทั้งหลาย ”
หมายความว่า แผ่นดินของพระเจ้าและชีวิตนิรันดรได้มาตั้งอยู่ตั้งแต่พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลกนี้แล้วอีกทั้งแผ่นดินของพระเจ้าและชีวิตนิรันดรได้มาตั้งอยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขาในเวลานี้แล้วและพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานให้แก่เรา
และถึงแม้ว่าพระคัมภีร์หลายตอนจะกล่าวถึงพระองค์อย่างไรก็ตาม แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต หมายถึง การที่พวกฟาริสีนั้นมิได้เชื่อ มิได้ไว้วางใจในพระองค์ พวกฟาริสีก็ไม่สามารถที่จะยอมรับพระองค์ได้
พี่น้องที่รักครับ ความไม่เชื่อ ความไม่ไว้วางใจเปรียบเสมือนกับม่านบังตาทำให้เขามองไม่เห็นแผ่นดินของพระเจ้า การที่พวกฟาริสีไม่ยอมรับพระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า ที่สามารถประทานชีวิตนิรันดรให้กับพวกเขาได้ดังนั้นพวกฟาริสีเขาจึงไม่ได้รับชีวิตนิรันดร
พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 41 ตรัสว่า เราไม่คอยรับเกียรติจากมนุษย์
พี่น้องที่รักครับ แท้จริงแล้วมีคนอีกเป็นจำนวนมากในยุคนี้ที่อยากจะมาเชื่อพระเจ้าแต่มีข้อแม้เหมือนกับพวกฟาริสีในสมัยของพระเยซู ว่าถ้าจะต้องเชื่อพระที่มองไม่เห็นอย่างพระเยซูแล้ว ฉันต้องได้รับเกียรติ ลาภยศและคำสรรเสริญมากขึ้นหรือฉันต้องมีวัตถุสิ่งของหรือมีทรัพย์สมบัติมากขึ้น
พี่น้องที่รักครับ การมีแม้ มีแต่ การมีเงื่อนไขของคนในยุคปัจจุบันที่กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้ว่า ถ้ามาเชื่อพระเจ้าแล้วฉันจะต้องร่ำรวยขึ้น มีทรัพย์สมบัติมากขึ้น เป็นท่าทีที่ไม่ได้แตกต่างอะไรกับพวกฟาริสี ที่ต้องการให้พระเยซูพาพวกเขาไปดูที่โน่นก่อน ที่นี่ก่อนแล้วถึงจะเชื่อ
นี่เป็นความมืดบอดทางฝ่ายจิตวิญญาณของคนอีกเป็นจำนวนมากในยุคปัจจุบันนี้ที่ยังไม่ได้รับความรอด และเราก็รู้ว่าเบื้องหลังแห่งความมืดบอดทางฝ่ายจิตวิญญาณของคนเหล่านั้นคือ มาร ซาตาน วันนี้เราขอบคุณพระเจ้า ที่เรามาเชื่อพระเจ้า เราไม่ได้ต้องการที่จะร่ำรวยขึ้นกว่าเดิมหรือต้องการมีทรัพย์สมบัติมากขึ้น
พระคำของพระเจ้าใน 2 คร. 4 :18 ตรัสดังนี้ว่า “เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืนแต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิจนิรันดร์”ทรัพย์สมบัติทุกสิ่งในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน สิ่งที่ตาเรามองเห็นในโลกใบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืนอะไร
วันนี้เราขอบคุณพระเจ้า ที่เรานั้นเป็นผู้เชื่อพระเจ้าถึงแม้ว่าพระเจ้าที่เราเชื่อนั้นจะมองไม่เห็นพระเจ้าก็ตามแต่เราก็สามารถที่จะสัมผัสกับความรักของพระองค์ได้
วันนี้เราขอบคุณพระเจ้า ที่เรานั้นเป็นผู้เชื่อพระเจ้าถึงแม้ว่าพระเจ้าที่เราเชื่อนั้นจะมองไม่เห็นพระเจ้าก็ตามแต่เราสามารถที่จะมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระองค์ได้
วันนี้เราขอบคุณพระเจ้า ที่เรานั้นเป็นผู้เชื่อพระเจ้าถึงแม้ว่าพระเจ้าที่เราเชื่อนั้นจะมองไม่เห็นพระเจ้าก็ตาม แต่โดยความเชื่อผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์ ทำให้ชีวิตของเราได้รับการปรับปรุง แก้ไขเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้ดีขึ้นใหม่จริง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เรานั้นมีความเชื่อในเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าและการมีชีวิตนิรันดรว่ามีอยู่จริงในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
ถ้าเราแบ่งปันประสบการณ์ความรักหรือเล่าประสบการณ์ส่วนตัวที่เรามีกับพระเจ้าออกไปให้กับผู้ไม่เชื่อฟังพี่น้องคิดว่าเขาจะเข้าใจไหมครับ ? แน่นอนเขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราพูด นอกจากจะไม่เข้าในสิ่งที่เราพูดแล้ว เขาอาจจะคิดว่าพี่น้องกำลังหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่า
และยิ่งถ้าพี่น้องไปพูดถึงเรื่องที่ไกลตัวออกของเขาออกไปอีก เช่นเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า หรือการมีชีวิตนิรันดรให้กับเขาฟัง เขาอาจจะคิดว่าพี่น้องเพี้ยนไปรึเปล่าหากเรามีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า เหมือนกับที่ อ.เปาโล มีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเยซูในกจ 9:4-5 เราไม่ต้องวิตกกังวลเลยว่าคนอื่นจะคิดหรือจะพูดอย่างไรกับเรา เช้าวันนี้ขอหนุนใจพี่น้องอย่าท้อใจหรือว่าหยุดที่จะพูดในเรื่องความรักหรือประสบการณ์ที่พี่น้องมีกับพระเจ้า
2 ครท.4:16 อ.เปาโล ได้หนุนใจเราผ่านทางพระคัมภีร์ว่า “เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเราจะทรุดโทรมลงไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน เพราะว่าทุกข์ยากเล็กๆ น้อย ๆ ของเราซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบไม่ได้”เช้าวันนี้ขอหนุนใจพี่น้องอย่าท้อใจหรือว่าหยุดที่จะพูดในเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าหรือว่าหยุดที่จะพูดเรื่องการมีชีวิตนิรันดรหรือคิดว่าการทำความดีของเรานั้นเปล่าประโยชน์หรือไร้ประโยชน์
ผมอยากที่จะบอกกับพี่น้องว่าทุกสิ่งที่เรากระทำนั้นพระเจ้าทรงเห็น และเราเชื่อว่าพระองค์จะทรงตอบแทนในเวลาอันสมควรดังพระสัญญาของพระองค์ใน 1 คร.2:9 “สิ่งที่ตาไม่เห็นหูไม่ได้ยินและสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง คือ สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์”
สิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักและติดตามพระองค์คืออะไรครับ ? ชีวิตนิรันดร
สิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักและติดตามพระองค์คืออะไรครับ ? แผ่นดินของพระเจ้า พระคำของพระเจ้าใน 1 ธสก.5 :24 ตรัสดังนี้ว่า “พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นสัตย์ซื่อ และพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ”ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน
