ผ่านปีเก่าสู่ปีใหม่ที่ดีกว่า 2

คำเทศนาเรื่อง ผ่านปีเก่าสู่ปีใหม่ที่ดีกว่า 2

          

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับในเดือนนี้นะครับ นับตั้งแตวันที่ 10 ธ.ค. เป็นต้นมา มีพี่น้องชายหญิงของเราหลายท่าน ได้มาร่วมกันปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าผ่านทาง 1 ) โรงเรียน 2 ) คริสตจักรฯ 3 ) มูลนิธิสันติสุข , 4 ) บ้านพี่น้องสมาชิก ในคริสตจักรฯ 5 ) คณะบุคคลคริสเตียนเดย์แคมป์ , จะว่าไปแล้วก็ถือได้ว่าเดือนนี้ เป็นอีกเดือนหนึ่งที่พี่น้องในคริสตจักรฯได้มีโอกาสปรนิบัติรับใช้พระเจ้าร่วมกันมากขึ้น

และอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราก็กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีคริสตศักราชใหม่ คือ ค.ศ. 2014 คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า ก่อนที่เราจะก้าวไปสู่ปีคริสตศักราชใหม่นั้น เราควรที่จะอยู่ในท่าทีที่ถูกต้องอะไรอย่างไรกันบ้าง เพื่อที่เราจะผ่านปีเก่าไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่า ผมคิดว่าอันนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจ

โดยในเช้าวันนี้ผมจะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากหนังสือ ฟลป. 3:13-14 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ พระคำของพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า“ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่งคือ ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย แล้วโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบนให้เราไปรับ ”และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “ผ่านปีเก่าสู่ปีใหม่ที่ดีกว่า”ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่ - น้องที่รักครับ ครูสอนภาษาไทยของผมคนหนึ่งได้พูดไว้อย่างน่าสนใจว่า “ อนาคตต้องคิด อดีตลืมทิ้งมันไป ปัจจุบันเริ่มต้นใหม่และทำให้ดี ”แต่อย่างไรก็ตามคุณครูของผมท่านนี้ ก็ได้ขยายคำพูดนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า “ ก่อนที่เราจะทิ้งอดีตนั้น เราควรนำอดีตนั้นมาทบทวนเพื่อเป็นบทเรียน แล้วจึงมุ่งสู่อนาคตโดยการเริ่มต้นใหม่แล้วทำมันให้ดี ” ไม่ทราบว่าพี่น้องเห็นด้วยกับคำพูดนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวผมมีความเชื่ออย่างมั่นใจว่าเราจะผ่านปีเก่าไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่าได้อย่างแน่นอน ถ้าเรามีโอกาสได้คิดและได้ใคร่ครวญถึง

ประการที่ 1 คือ พระคุณของพระเจ้า

หนังสือ ฉลธ. บทที่ 29 ทั้งบทนั้นทำให้เราทราบว่า “โมเสส” ผู้รับใช้ของพระเจ้าได้กล่าวปราศรัยต่อประชาชนชาวอิสราเอลเป็นครั้งที่ 3 เพื่อทบทวนถึงพระบัญญัติของพระเจ้าให้กับประชากรของพระเจ้าได้ฟังก่อนที่พวกชนชาติอิสราเอลนั้น จะเข้าไปในแผ่นดินแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า ว่าเหตุผลใดที่พวกเขาต้องวนเวียนอยู่ในถิ่นทุรกันดารนานถึง 40 ปี

สาเหตุที่โมเสสจะต้องทบทวนพระบัญญัติของพระเจ้า ให้กับพวกเขาฟังก่อนที่พวกเขาจะเข้าแผ่นดินแห่งพันธสัญญาของพระเจ้านั้น ก็เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ทำในสิ่งที่ผิดพลาดหรือจะได้ไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้นอีก ซึ่งภายหลังจากที่โมเสสได้ทบทวนพระบัญญัติและบทเรียนต่างๆที่พระเจ้าได้ให้กับพวกเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โมเสสเขาจึงบัญชาให้ชนชาติอิสราเอลมุ่งสู่อนาคตโดยการเข้าไปยึดครองแผ่นดินคานาอัน

แต่สุดท้าย.....ท้ายสุด พระคำของพระเจ้าก็ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าอิสราเอลนั้นก็ได้...กบฎ...โดยการไม่เชื่อฟังพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า

ผมแบ่งปันกับพี่น้องในเรื่องนี้เพื่ออะไร ผมแบ่งปันกับพี่น้องถึงสิ่งนี้ก็เพื่อที่จะบอกกับพี่น้องว่า ชีวิตคริสเตียนของเราก็เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับ ที่เรารู้จักพระเจ้า เดินกับพระเจ้า อีกทั้งเราได้เห็นถึงสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเป็นเจ้า ได้ทรงกระทำผ่านในชีวิตของเรานั้นก็มากมายหลายเรื่อง และสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำผ่านในชีวิตของเราทั้งหลายนั้นต่างก็เป็นเรื่องที่ทรงพระคุณทั้งสิ้น

แต่เราก็ไม่วายที่จะ...กบฎ...ต่อพระเจ้าโดยการที่เรานั้นไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์ ซึ่งในปีหนึ่งๆนั้นสำหรับพี่น้องคริสเตียนบางคนนะครับ เราก็ไม่รู้จริงๆว่าเขานั้นได้กบฎต่อพระเจ้าไปกี่ครั้งและกี่หน เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะ ผ่านปีเก่าไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่า ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 วัน ผมอยากให้พี่น้องได้มีโอกาสที่จะได้คิดและได้ใคร่ครวญถึงในช่วงตลอดระยะเวลา 11 เดือนกว่าๆของปีนี้ที่ผ่านมา

ซึ่งเมื่อพี่น้องมีโอกาสได้คิด เมื่อพี่น้องมีโอกาสได้ใคร่ครวญถึง แล้วพี่น้องพบว่าสิ่งนั้นเป็นความพลาดพลั้งโดยที่พี่น้องอาจจะไม่ได้ตั้งใจ หรืออาจจะผิดพลาดโดยที่พี่น้องตั้งใจเหมือนบาปของอาคาน ซึ่งถ้าพี่น้องท่านใดสนใจเรื่องราวของอาคานพี่น้องก็ไปศึกษาต่อได้ใน ยชว.7 นะครับ

กลับมาที่พระคำของพระเจ้า เมื่อพี่น้องมีโอกาสได้คิด เมื่อพี่น้องมีโอกาสได้ใคร่ครวญถึง แล้วพี่น้องพบว่าสิ่งนั้นเป็นความพลาดพลั้งโดยที่พี่น้องอาจจะไม่ได้ตั้งใจหรือจะโดยที่พี่น้องอาจจะจะตั้งใจทำก็ตาม พระคำของพระเจ้าใน มธ.18:14 ตรัสดังนี้ว่า พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่งพินาศไปเลย แต่พี่น้องจะต้องรับในเงื่อนไขของพระองค์ ซึ่งพระคำของพระเจ้าได้บันทึกเอาไว้ใน ลก.13:5 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “ แต่ท่านทั้งหลายจะต้องกลับใจใหม่ ” ซึ่งนั่นหมายความว่า พระเจ้าทรงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

ดังนั้นเมื่อพี่น้องได้ทำความผิดความบาปต่อพระเจ้า จะด้วยความพลาดพลั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม 3 สิ่งที่พระเจ้าต้องการเห็นนั่นก็คือ การสำนึกผิด การสารภาพยอมรับสิ่งนั้นกับพระเจ้า และการกลับใจใหม่ และเมื่อพี่น้องได้ทำใน 3 สิ่งที่ว่านี้แล้วซึ่งพระเจ้าไม่เพียงแต่จะไม่ให้ท่านนั้นจะต้องพินาศเท่านั้น แต่พระองค์จะทรงโปรดฟื้นฟูจิตใจของพี่น้องขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน

ดังนั้นเราจะผ่านปีเก่าไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่า โดยการที่เราจะไม่พาบาปในปีนี้ข้ามไปสู่ปีหน้าด้วยกับเรา อาเมนไหมครับพี่น้อง ให้เราบอกกับคนข้างซ้ายข้างขวาว่า ปกปิดไม่จำเริญ สารภาพได้รับความเมตตา

ดังนั้นพี่ - น้องที่รัก การทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมาในอดีต ก่อนจะก้าวไปสู่อนาคตนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างไรก็ตามเมื่อพี่น้องได้ทบทวนถึงอดีตที่ผ่านมาแล้ว ให้พี่น้องได้มุ่งหน้าไปสู่ปัจจุบันและมุ่งหน้าไปสู่อนาคต อย่าฝังหรืออย่าจมปลักอยู่กับอดีต

เพราะถ้าพี่น้องมัวจมปลักอยู่กับอดีต มันไม่เพียงแต่จะทำให้ความคิดใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ความคิดเก่าไม่ได้ แต่วิญญาณแห่งความคิดจิปาถะ มันจะเข้ามาครอบครองท่านด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของผู้เชื่อเลย

เราจะผ่านปีเก่าไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่าได้อย่างแน่นอน ถ้าเราให้ปัจจุบันของเราหมายถึง ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ในทุกๆวัน

ประการที่ 2 คือ อยู่ในการพึ่งพาพระเจ้าหรือให้พระเจ้าเป็นความหวังของเรา

การที่อิสราเอลได้ กบฏ โดยการไม่เชื่อฟังพระเจ้าอยู่บ่อยๆนั้น เป็นเพราะว่าอิสราเอลนั้นประเมินกำลังของศัตรูนั้นต่ำเกินไป ซึ่งโดยแท้จริงแล้วศัตรูของเราคือใครครับ ? พระคำของพระเจ้าใน 1 เปโตร 5:8 ตรัสดังนี้ว่า “ ท่านทั้งหลายจงเป็นคนใจหนักแน่น จงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่าน คือพญามาร วนเวียนอยู่รอบๆดุจสิงโตคำราม เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ ”

พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนนะครับว่า ศัตรูของเราทั้งหลายนั้นคือ พญามาร ซึ่งพี่น้องและผมไม่สามารถที่จะมีชัยชนะเหนือการทดลองของมารซาตานนี้ได้อย่างแน่นอน

อิสราเอลเขาพ่ายแพ้การทดลอง เขาพ่ายแพ้ในเนื้อหนังของตน จนเป็นเหตุทำให้เขาต้องเดินอยู่ในถิ่นทุรกันดารนานถึง 40 ปี หนังสือ ฉลธ.1 : 2 พระคำของพระเจ้าบอกับเราว่า ถ้าชนชาติอิสราเอลเดินจากโฮเรบไปยังคาเดชบาเนียผ่านไปทางภูเขาเสอีร์ เพื่อไปแผ่นดินคานาอันพวกเขาจะต้องใช้เวลาเดินทั้งสิ้น 11 วัน

แต่ถึงแม้ว่าชนชาติอิสราเอลจะเดินจากอียิปต์มายังคานาอัน ซึ่งนั่นก็เป็นอีกฟากหนึ่งของ โฮเรบไปยังคาเดชบาเนียผ่านไปทางภูเขาเสอีร์ พวกเขาก็ควรใช้เวลาไม่เกิน 20 กว่าวัน แต่นี่พวกเขาต้องใช้เวลาเดินทางอยู่ในถิ่นทุรกันดารนานถึง 40 ปี

เพราะอะไรครับ ? เพราะผลจากการที่ชนชาติอิสราเอลนั้นไม่ได้พึ่งพาพระเจ้า ภายหลังจากที่พระเจ้าได้ทรงปลดปล่อยพวกเขานั้นออกจากการตกเป็นทาสในอียิปต์แล้ว

คำถามคือว่า ผลที่พวกชนชาติอิสราเอลได้รับนั้นรุนแรงไหมครับ จากเดินประมาณเพียงแค่ 11 วันหรือประมาณ 20 กว่าวันเปลี่ยนมาเป็นเดินนานถึง 40 ปี ผลนั้นรุนแรงมาก

คำถามต่อมาก็คือว่า แล้วผมแบ่งปันสิ่งนี้เพื่ออะไร ? ผมแบ่งปันกับพี่น้องในสิ่งนี้ก็เพื่อที่จะบอกกับพี่น้องว่า เมื่อเราได้คิดใคร่ครวญถึงอดีตแล้วเราพบว่า เราได้ทำผิดพลาดกับพระเจ้า อีกทั้งเราได้สำนึกผิดโดยการสารภาพยอมรับสิ่งที่ผิดพลาดนั้นกับพระเจ้าและเราได้กลับใจใหม่แล้ว

นั่นไม่ได้หมายความว่าจากนี้ต่อไป(ซึ่งก็คือในปัจจุบันที่เป็นอยู่ในขณะนี้)พี่น้องจะเดินชีวิตของพี่น้องต่อไปอย่างไรก็ได้ : มันไม่ใช่

แต่พี่น้องมีสิทธิที่จะเดินตามใจที่พี่น้องปรารถนานั้นหรือไม่ ?

คำตอบก็คือว่า พี่น้องมีสิทธิที่จะเดินตามใจที่พี่น้องปรารถนาทุกประการ 1 ) แต่นั่นหมายความว่าพี่น้องประเมินกำลังของศัตรูนั้นต่ำเกินไป

หลายปีผ่านมา ผมมีเดินทางโอกาสไปเยี่ยมค่ายแห่งหนึ่ง ก่อนเดินทางกลับสมุทรสงคราม ก็ได้แวะไปกินอาหารที่ร้านกะเหรี่ยงแห่งหนึ่ง  จำได้ว่าได้สั่งยำอะไรมากินสักอย่างหนึ่งด้วย ในยำนั้นก็มีพริกเม็ดเล็กๆปะปนอยู่ด้วย ยิ่งเห็นพริกเม็ดเล็กๆขนาดนั้น ในใจก็คิดว่าคงไม่คนาลิ้นผมเท่าไหร่หรอก  หลังจากผมซัดไป 4-5 คำพร้อมกับพริกเม็ดเล็กๆนั้น เหงื่อผมแตกเลยครับพี่น้อง   ผมกินต่อไม่ได้เลย  ลมเนี่ยออกหูเลยครับพี่น้อง นี่เป็นผลจากการประเมินพริกกะเหรี่ยงต่ำเกินไป

พี่น้องมีสิทธิที่จะเดินตามใจที่พี่น้องปรารถนานั้นหรือไม่ ?

คำตอบก็คือว่า พี่น้องมีสิทธิที่จะเดินตามใจที่พี่น้องปรารถนาทุกประการ 2 ) แต่สิ่งหนึ่งที่พี่น้องจะต้องตระหนักอยู่เสมอ นั่นก็คือว่า พี่น้องไม่สามารถที่จะมีชัยชนะเหนือการทดลองของมาร ซาตาน วิญญาณชั่วได้เลย ซึ่งนั่นหมายความว่า โอกาสที่พี่น้องจะกบฎโดยการไม่ใช่ฟังพระเจ้านั้น ย่อมจะมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้อยู่เสมอๆในทุกๆวันที่เราเรียกว่าปัจจุบันนี้

            เมื่อวานนี้มีพี่น้องท่านหนึ่งเดินทางมาเยี่ยมผมที่คริสตจักรฯ พี่น้องของเราท่านนี้เขาเล่าให้ผมฟังว่า น้องสาวเขานั้นกำลังคบหากับชาวต่างชาติ ที่พบกันทางโลกออนไลน์ และเขาบอกว่าฝรั่งคนนี้เป็นคริสเตียนด้วย

ผมบอกเขาว่าเขากำลังเข้าสู่การทดลองซึ่งเราคงจะต้องรอดูผลว่ามันจะออกมาเช่นไร แต่ผมขออวยพรให้น้องสาวของพี่นั้นมีชัยชนะเหนือการทดลอง แต่ถ้าน้องสาวของพี่เขาพ่ายแพ้การทดลอง ชีวิตของน้องสาวพี่นั้น มันจะเผ็ดและแสบอย่างรุนแรงกว่าพริกกะเหรี่ยงเม็ดเล็กๆที่ผมกินนั้นหลายเท่า และน้องสาวของพี่ก็จำเป็นต้องเรียนรู้บทเรียนนี้ เหมือนกับที่ชนชาติอิสราเอลนั้นได้รับบทเรียนในถิ่นทุรกันดารจากพระเจ้าด้วย

ดังนั้นถ้าพี่น้องต้องการที่จะข้ามสู่ปีเก่าไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่า ซึ่งมันจะต้องดีกว่าอย่างแน่นอน ถ้าพี่น้องทุกคนเรียนรู้ที่จะพึงพาพระเจ้าในทุกๆวันที่เราเรียกว่าปัจจุบัน

            สิ่งที่น่าเศร้าใจนั่นก็คือว่า คริสเตียนโดยส่วนมากนั้นมักจะกลับมาคิดใคร่ครวญถึงความผิดบาปของตัวเองและอธิษฐานต่อพระเจ้า โดยตระหนักถึงพระคำของพระเจ้าที่ได้มีการบันทึกเอาไว้ในหนังสือ ยชว. 8:1-2 ซึ่งพระคำของพระเจ้าตรัสว่า “ไม่มีความผิดพลาดหรือความล้มเหลวใดที่ไม่อาจเยียวยาด้วยพระคุณของพระเจ้า”

แต่พอเมื่อเขาได้รับพระคุณของพระเจ้าแล้ว เขาก็ยังกลับไปดำเนินชีวิตในปัจจุบันอย่างที่เขาเรียกว่าวันนี้อย่างที่เขาปรารถนา เช่น เขายังไม่สัตย์ซื่อในสิ่งของที่เป็นของพระเจ้า , เขายังลักขโมยในสิ่งของที่เป็นของคนอื่นอยู่ , เขายังไปคบกับคนไม่เชื่อ , เขายังทำบาปทางส่ายตาโดยการแอบดูในสิ่งของที่เป็นของผู้อื่นๆ และรวมทั้งอื่นๆอีกมากมาย

สิ่งต่างๆเหล่านี้พี่น้องที่รัก มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการที่เขานั้นได้เลี้ยงบาปเอาไว้ในชีวิตแห่งการเป็นผู้เชื่อของเขา  ซึ่งอิสราเอลก็ทำอย่างนี้ในการที่เขานั้นเดินกับพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่ามิใช่หรือ จนเป็นเหตุทำให้เขานั้นต้องเดินอยู่ในถิ่นทุรกันดารนานถึง 40 ปี

เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องต้องการที่จะข้ามสู่ปีเก่าไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่าพี่น้องก็จะต้องขุดรากถอนโคน ในสิ่งที่ไม่ดี ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้นให้หมดสิ้นไป เพื่อที่พี่น้องจะมีชัยชนะเหนือการทดลองของมารซาตานวิญญาณชั่ว

แน่นอนครับ มันเป็นเรื่องยากที่เราจะขุดรากถอนโคนในสิ่งไม่ดีต่างๆนั้นด้วยกำลังของเราเอง แต่ด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์จะทรงโปรดช่วยพี่น้องทุกคน อาเมน ไหมครับ

เราจะผ่านปีเก่าไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่าได้อย่างแน่นอน ถ้าเราให้อนาคตของเราหมายถึง ในวันพรุ่งนี้และในวันต่อไปนั้น ประการที่ 3 คือ ใช้วิธีการของพระเจ้า

มนุษย์มักจะใช้วิธีการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการที่มนุษย์นั้นคิดเห็นว่าดี พี่น้องจำได้ไหมครับว่า เมื่อมนุษย์นั้นล้มลงในความบาป สิ่งที่มนุษย์คิดและเห็นว่าดีนั่นก็คือการที่มนุษย์นั้นคิดว่าการทำความดีนั้นจะเป็นเหตุทำให้มนุษย์นั้นสามารถกลับมาคืนดีกับพระเจ้าได้

ถ้ามนุษย์คิดและเห็นว่ามันดีอย่างนั้น พระเจ้าจึงได้ให้ธรรมบัญญัติกับมนุษย์เพื่อให้มนุษย์นั้นนำไปปฎิบัติเพียงข้อ 10 ข้อ พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ก็ทำให้เราทราบว่ามนุษย์ไม่สามารถที่จะไปถึงมาตราฐานของพระเจ้าได้

            พี่น้องของเราบางคนในคริสตจักรฯ เคยเป็นพยานให้ผมฟังว่า เหตุผลที่เขามาเชื่อในพระเจ้านั้นเพราะเขาถึงจุดตกต่ำที่สุดในชีวิตแล้ว ซึ่งก่อนที่เขามาเชื่อพระเจ้านั้นเขามีปัญหาเรื่องการเงิน พ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็แนะนำให้เขาตั้งแชร์ขึ้นมา

            พอตั้งแชร์ขึ้นมาได้สักครึ่งปี ลูกแชร์เริ่มหนีและเริ่มหนีมากขึ้นๆ เขาก็ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนซึ่งเป็นพ่อค้าแม่ขายในตลาดด้วยกันอีกว่า ถ้าอย่างนั้นต้องแก้ไขปัญหาด้วยกันทำบัตรเครดิตหลายๆใบเพื่อให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งแรกๆมันก็พอจะคล่องอยู่บ้าง แต่พอดิวมันมาตรงกันซึ่งจะต้องถอนเงินจากบัตรเครดิตใบหนึ่งไปชำระอีกใบหนึ่งมันไม่มีให้ถอนสุดท้ายเขาก็ต้องเป็นหนี้ก้อนที่สองขึ้นมาใหม่

            พ่อค้าแม่ขายด้วยกันก็แนะนำว่า ถ้าอย่างนั้นลองถ่ายรูปหน้าร้านขายของเพื่อไปขอกู้กับธนาคารออมสินดู เพราะตอนนั้นรัฐบาลทักษิณมีนโยบายส่งเสริม SME เขาก็ไปกู้มาพอได้เงินมาจำนวนหนึ่ง พอลูกแชร์ทราบข่าวว่าเถ้าแชร์ได้เงินจากธนาคารก็พากันมาขอขายแชร์คืน สุดท้าย ท้ายสุดเขาก็เป็นหนี้ก้อนที่ 3 ขึ้นมา

ผมถามเขาว่าแล้วคุณเรียนรู้อะไรจากบทเรียนนี้ เขาตอบผมว่า เขาเรียนรู้ว่า ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ยิ่งแก้ยิ่งกับปลดหนี้ไม่ได้แถมกับมีหนี้มากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของคนที่ก่อนหน้านั้นเขายังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้าซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา

แต่ที่ไม่ธรรมดานั่นก็คือ คนที่รู้จักกับพระเจ้าแล้วนี่สิ ที่ยังมีความคิดความอ่านที่เหมือนกับคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า กล่าวคือ เมื่อเกิดปัญหาแล้วเขามักจะหาทางออกด้วยวิธีการนั้น ด้วยวิธีนี้ โดยที่เขานั้นไม่ได้คิดถึงวิธีการของพระเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว

ผมเคยถามพี่น้องคริสเตียนบางคนที่มีปัญหา และเขาใช้วิธีการแก้ไขปัญหาในทางที่ไม่ถูกต้องนะครับว่า คุณทราบถึงวิธีการที่จะแก้ไขปัญหาในทางของพระเจ้าไหม ? เขาตอบว่าทราบ

ผมถามต่อไปว่าทราบอย่างไร ? เขาตอบผมว่า หมั่นใคร่ครวญพระวจนะและอธิษฐาน อีกทั้งปรึกษาผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายวิญญาณรวมถึงเรียนรู้ที่จะอดทนและรอคอย

            ผมถามเขาว่า : แล้วคุณได้สนองตอบอย่างนั้นหรือไม่

            เขาตอบผมว่า : ไม่

ผมถามเขาต่อไปว่า : แล้วเพราะอะไรคุณถึงไม่ใช้วิธีของพระเจ้า

เขาตอบผมว่า : ผมไม่อยากรอคอยพระเจ้า

และคริสเตียนแบบนี้มีมาก ดังนั้นถ้าใครมีปัญหาอะไรก็ตามและใช้วิธีในการแก้ไขปัญหาแบบนี้ ผมขอพยากรณ์ได้เลยว่า คริสเตียนประเภทนี้ไม่สามารถที่จะก้าวผ่านปีเก่า ไม่ว่าปีนั้นจะเก่ามากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่สามารถที่จะก้าวไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่าได้เลย นั่นไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าไม่อวยพรเขา : ไม่ใช่ แต่เขาเองต่างหาก ที่ไม่สามารถที่จะอดทนรอคอยพระพรของพระเจ้าได้

ใน ยชว.8:2 ทำให้เราทราบว่าพระเจ้าทรงอนุญาตให้โยชูวากับอิสราเอลนั้นริบข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่า จากการที่พวกเขาสามารถสู้รบอย่างผู้มีชัยชนะได้ที่เมืองอัย

ในขณะเดียวกัน ถ้าพี่น้องย้อนกลับไปดูใน ยชว. 7 และถ้าพี่น้องยังจำกันได้ พี่น้องก็จะพบว่า อาคานเขาไม่สามารถที่จะอดทนรอคอยพระพร ที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมที่จะมอบให้กับเขากับชนชาติของเขาได้ อาคานจึงได้ขโมยของที่ได้รับจากการสู้รบนั้นไปก่อน ฉากจบชีวิตของอาคานและครอบครัวเป็นอย่างไรครับ เขาถูกขว้างด้วยหินตายทั้งครอบครัว

            หนุ่มสาวสมัยนี้อยากมีคู่ อดทนรอกันไม่ได้ ใช้วิธีชิงสุกก่อนห่าม ใช้วิธีอยู่ด้วยกันแบบผัวเมียตั้งยังเรียนไม่จบ สิ่งที่น่าเศร้าใจนั่นก็คือว่า บางครอบครัวเป็นคริสเตียนทั้งครอบครัว บางครอบครัวพ่อเป็นถึงประธานมัคนายก แม่เป็นถึงประธานสตรี

แต่พอมาเจอลูกทำเรื่องแบบนี้เข้า พ่อแม่ไปต่อไม่ได้เลยนะครับ

            เพราะฉะนั้นพี่น้องจะผ่านปีเก่าไปสู่ปีใหม่ที่ดีกว่าอย่างแน่นอน ถ้าพี่น้องเลือกที่จะใช้วิธีการของพระเจ้า พระคำของพระเจ้าใน รม.8:28 ตรัสดังนี้ว่า “เรารู้ว่าพระเจ้าทรงร่วมมือกับคนทั้งหลายที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่งคือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์”

และถ้าพี่น้องมีโอกาสกลับไปอ่าน ยชว.8-12 พี่น้องก็จะพบว่า เมื่อโยชูวาเขาได้เลือกที่จะใช้วิธีการของพระเจ้าแล้วนั้น ในทุกสมรภูมิรบนั้นพระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานชัยชนะให้กับเขาทั้งสิ้นและพระองค์ก็สามารถที่จะประทานชัยชนะเดียวกันนี้ให้กับเราด้วยเช่นกัน

สรุป พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้ เราจะผ่านปีเก่าไปสู่ปีใหม่ได้อย่างแน่นอน

1 ) ถ้าเราคิดใคร่ครวญถึงความผิดพลาดของเรา         และสำนึกผิด สารภาพยอมรับสิ่งนั้นและการกลับใจใหม่เพื่อที่เราจะได้รับการฟื้นฟูใหม่จากพระเจ้า

2 ) ถ้าเราพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าในปัจจุบันที่เรียกว่าวันนี้

3 ) ถ้าเราใช้วิธีการของพระเจ้า

Green City