ผู้เป็นสุข

   คำเทศนาเรื่อง ผู้เป็นสุข

                

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจาก มธ.5:1-12 ซึ่งพวกเราต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คำเทศนาบนภูเขานี้ถือได้ว่าเป็นคำเทศนากัณฑ์แรกที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงเทศนาอย่างเป็นทางการ และหัวข้อที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงใช้แบ่งปันท่ามกลางสาวกของพระองค์ทั้ง 12 คน และท่ามกลางประชาชนอีกเป็นจำนวนมากในวันนั้นนั่นก็คือ ผู้เป็นสุข และคำที่ผมจะใช้เป็นคำเน้นในการแบ่งปันกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้นั่นก็คือคำว่า ผู้เป็นสุข และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า ผู้เป็นสุข ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

พี่ - น้องที่รักครับ ถ้าพี่ - น้องได้อ่านอย่างกลั่นกรอง ใคร่ครวญและพิจารณาอย่างถ้วนถี่พี่ - น้องก็จะพบคำว่า ผู้เป็นสุข นี้ถึง 9 ครั้งด้วยกัน

คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า คำว่า ความสุขกับคำว่า ผู้เป็นสุขนี้มีนัยยะหรือมีความหมายที่เหมือนกันหรือแตกต่างกัน

คำว่า ความสุขมาจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา สิ่งนั้นอาจจะไม่ใช่วัตถุมันอาจจะเป็นสถานการณ์ต่างๆก็ได้ ดังนั้น ความสุข ของมนุษย์จึงเป็นความสุขเพียงแค่ภายนอก

ส่วนคำว่าผู้เป็นสุข มาจากสิ่งที่บังเกิดขึ้นจากภายในจิตใจของมนุษย์และไหลออกมาสู่ภายนอก โดยไม่ต้องอาศัยสถานการณ์ หรือสิ่งต่างๆที่มนุษย์นั้นจะต้องสร้างมันขึ้นมา

ดังนั้นคำว่า ผู้เป็นสุข จึงมีนิยามที่อยู่เหนือกว่าคำว่า ความสุขไหมครับพี่ - น้อง

ดังนั้นคำว่า ผู้เป็นสุขจึงมีนิยามที่อยู่เหนือกว่า ความสุขอย่างแน่นอน มันเป็นความสุข ที่เกินคำบรรยาย นอกเสียจากเราได้มีประสบการณ์กับความสุข นั้นนั่นเอง

จากพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

จากพระวจนะของพระเจ้าใน มธ.5:1-12 เราพบว่า องค์พระเยซูคริสต์ พระองค์ ได้ทรงประทานหนทางผู้เป็นสุขที่ชัดเจนแก่เรา 9 ประการ

ประการที่ 1 อยู่ใน มธ.5:3 บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณผู้นั้นเป็นสุข

คำว่า ผู้ใดเห็นความบกพร่องฝ่ายวิญญาณของตนเอง หมายความว่าอะไร ?

คำว่า ผู้ใดเห็นความบกพร่องฝ่ายวิญญาณของตนเอง คำนี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าหมายถึง บุคคลใดก็ตามที่มองเห็นถึงความผิด - มองเห็นถึงความบาปของตนเอง ผู้นั่นแหละ เป็นสุข ส่วนบุคคลใดที่ยังมองไม่เห็นถึงความผิด ความบาปของตนเอง เขาจะเป็น ผู้มีสุข ได้ไหมครับพี่ - น้อง ?

บุคคลที่ยังมองถูกเป็นผิด มองผิดเป็นถูก รู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นมันผิด มันบาปแต่ไม่ยอมแก้ไขให้ถูกต้อง นั่นก็เท่ากับว่า บุคคลผู้นั้นยังมองไม่เห็นถึงความผิด ความบาปของตนเอง เขาจึงเป็นผู้มีสุขไม่ได้

ให้ที่ประชุมอ่าน ลก. 7:36-38 เราพบว่ามีหญิงคนหนึ่งนามว่า นางมารีย์  

นางมารีย์ คนนี้เธอเคยเป็นหญิงชั่วของเมืองนี้มาก่อน เมื่อนางมารีย์ทราบว่า พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาเสวยพระกระยาหารในบ้านของพวกฟาริสี นางมารีจึงถือ ผอบซึ่งภายในบรรจุ น้ำมันหอมที่มีราคาแพงมายืนอยู่ข้างหลังใกล้พระบาทของพระเยซู

หญิงชั่วของเมืองคนนี้ เธอร้องไห้ คร่ำครวญ จนกระทั่งพระบาททั้งสองข้างของพระเยซูเปียกไปด้วยน้ำตาของเธอ หญิงชั่วคนนี้ได้เอาเส้นผมของเธอเช็ดลงที่พระบาทของพระเยซูจนแห้ง และหญิงชั่วคนนี้ได้ จุบลงที่พระบาทของพระเยซูทั้งสองข้างอีกหลายครั้ง หลายหนและนำเอาน้ำมันที่แพงที่สุดชโลมให้กับพระองค์

พี่ - น้องที่รักครับ สิ่งที่นางมารีย์ได้แสดงออกโดยการกระทำนั้นทำให้เราทราบว่าหญิงชั่วคนนี้ เธอเข้าใจในความผิด ความบาปของตัวเอง หญิงชั่วคนนี้เธอรู้ว่าเธอเป็นคนที่บาปมาก บาปที่เธอทำนั้นไม่มีทางเข้าสู่สวรรค์ได้เลย หญิงชั่วคนนี้ เธออยากที่จะสารภาพบาปนั้นกับพระเจ้า

พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 48-50 ตรัสว่า หญิงเอ๋ยบาปของเจ้าถูกยกแล้ว ความเชื่อของเจ้าได้ทำให้เจ้ารอด จงไปเป็นสุขเถิด

ในเช้าวันนี้ถ้าพี่ - น้องรู้สึก บกพร่องฝ่ายวิญญาณและมองเห็นถึงความผิด ความบาปของตนเอง ให้พี่ - น้องได้ทำอย่างเดียวกับนางมารี นั่นก็คือการเข้าหาพระองค์แล้วพี่ - น้องจะ เป็นผู้มีสุข

ประการที่ 2 อยู่ใน มธ.5:4 บุคคลผู้ใดโศกเศร้า ผู้นั้นเป็นสุขเพราะว่าเขาจะได้รับการปลอบประโลม

พี่ - น้องที่รักครับ สังคมบ้านเราในเวลานี้วิปริต กันมากขึ้นทุกวัน ปัจจุบันคนที่ทำผิดในสังคมไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม นอกจากจะไม่ยอมรับผิดและขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปในแล้ว หลายๆคนสามารถที่จะยิ้มได้อย่างหน้าระรื่นในสังคม โดยที่เขาไม่มีรู้สึกเศร้าโศกหรือว่าเสียใจ ในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป

หลายคนไปทำผิดกลับมาแล้วรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ สัญญากับตัวเอง สัญญากับครอบครัวอย่างดิบดี เป็นมั่น เป็นเหมาะ ว่าจะไม่กับไปทำผิดอีก แต่แล้วก็ยังกลับไปทำผิดอีกแล้วอย่างนี้จะ เป็นผู้มีสุข ได้ไหมครับพี่ - น้อง

มธ.26:35 เปโตรทูลพระองค์ว่าถึงแม้ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย เหล่าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน

มธ.27:75 เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้ ว่าก่อนไก่ขันเจ้าจะปฏิเสธเราสามครั้ง แล้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้เป็นทุกข์ยิ่งนัก

เปโตรเขาไม่ได้เป็นผู้ร้ายฆ่าคน           เปโตรเขาไม่ได้เป็นขโมยขโจร

เปโตรไม่ได้เป็นฆาตกรใจโหดประเภทข่มขืนแล้วฆ่า

เปโตรแค่พูด แล้วเขาทำตามอย่างที่พูดเขาหรือทำตามอย่างที่เขาให้สัญญาไว้ไม่ได้เท่านั้นเอง ท่าทีของเปโตรเป็นอย่างไรครับพี่ - น้อง ? เศร้าโศก ร้องไห้ เสียใจ นั่นคือการ ยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป

เมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายใน ยน. 21 ทำให้เราทราบว่าพระองค์ทรงเลือกที่จะไปพบกับเปโตร และใน ยน. 21:5 ทำให้เราทราบว่า พระเยซูไม่ได้ทรงตรัสถามเปโตรถึงสัจจะที่เปโตรได้เคยพูดไว้ แต่พระเยซูทรงตรัสถามเปโตร ด้วยถ้อยคำ ที่แสดงออกถึงความรัก เมตตา และด้วยความห่วงใย

พี่ - น้องคิดว่า เมื่อเปโตรได้ยินถ้อยคำที่พระเยซูทรงตรัสกับเขาแล้ว พี่ - น้องคิดว่าเปโตร รู้สึกอบอุ่นขึ้นไหมครับ ?

ในเช้าวันนี้ให้เรามีท่าทีอย่างเดียวกันกับเปโตร ซึ่งมิใช่เพียงแค่ขอโทษเท่านั้น แต่ให้เรามีใจที่จะสำนึกต่อความผิดนั้น และพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า จะทรงประเล้า ประโลมจิตใจของท่านเหมือนที่พระองค์ทรงประเล้าประโลมใจของเปโตร อย่างแน่นอน

ประการที่ 3 อยู่ใน มธ.5 : 5 บุคคลผู้ใดมีใจอ่อนโยน ผู้นั้นเป็นสุข

พี่ - น้องที่รักครับ พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก เป็นกษัตริย์เหนือกษัตรย์ เป็นราชาเหนือราชา แต่พระองค์ทรงลุกขึ้น จากโต๊ะรับประทานอาหาร พระองค์ทรงลุกขึ้นทำอะไรครับพี่ - น้อง ?

ยน.13:4-8 พระองค์ทรงลุกขึ้น เพื่อล้างเท้าให้กับพวกสาวกของพระองค์และพระองค์ทรงตรัสว่า สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ท่านยังไม่รู้เรื่องแต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ  

พี่ - น้องที่รักครับ พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ทรงเนรมิตสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก การที่พระเยซูทรงกระทำอย่างนี้ พี่ - น้องคิดว่าพระองค์ทรงอ่อนโยนมั้ยครับ ? อ่อนโยนมาก

ด้วยเหตุนี้ พระเยซูคริสต์ พระองค์จึงไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของแผ่นดินโลกและแผ่นสวรรค์เท่านั้น แต่พระองค์ทรงเป็น เจ้าของแผ่นดินในหัวใจ ของเราด้วย

เหมาเจ๋อตุง อดีตประธานาธิบดี - ผู้นำเผด็จการ ของสาธารณะรัฐประชาชนจีนครั้นสมัยเรืองอำนาจ เหมาเจ๋อตุง ได้สั่งฆ่าประชาชนที่ จัตุรัสเทียนอันเหมิน เสียชีวิตไป นับแสนคน

เมื่อมีการปฏิวัติเกิดขึ้น เหมาเจ๋อตุง ถูกโค่นลงจากอำนาจ อำนาจที่เคยมีนั้นหมดไป รูปปั้นขนาดใหญ่ของเขา ที่เคยตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่หน้า จัตุรัสเทียนอันเหมิน ได้ถูกประชาชนโค่นลงและทำลายทิ้ง

กรณีของ ซัดดัม ฮุสเซน ก็เช่นเดียวกับ เหมาเจ๋อตุง มั้ยครับพี่ - น้อง ? ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไรครับ ? เพราะใจของเขาไม่อ่อนโยนต่อประชาชน ทั้ง ซัดดัม ฮุสเซน และ เหมาเจ๋อตุง จึงไม่สามารถเข้าไปนั่งในหัวใจของประชาชนได้

มลค.1:6 บุตรก็ย่อมให้เกียรติแก่บิดาของเขา ในเช้าวันนี้ให้เราให้เกียรติแก่บิดาของเราโดยให้เราเป็นเหมือนกับพระองค์ นั่นคือ มีใจที่สุภาพและอ่อนโยนและพี่ - น้องจะเป็น ผู้มีสุขอย่างแน่นอน

ประการที่ 4 อยู่ใน มธ. 5 : 6 บุคคลผู้ใดหิวกระหายความชอบธรรมผู้นั้นเป็นสุข

ขอให้ที่ประชุมเปิดไปที่ ลก.12:16-20 แล้วอ่านพร้อมๆกันเชิญครับ พี่ - น้องอ่านแล้วคิดว่า เศรษฐีคนนี้เขาหิวกระหายอะไรมากกว่ากันครับ ระหว่างทรัพย์สินเงินทองกับความชอบธรรม ?

พระคัมภีร์บอกกับเราว่า เศรษฐีคนนี้เขาหิวกระหายแต่ทรัพย์สมบัติทั้งๆที่เขาขาดหรือมีอยู่แล้วครับพี่ - น้อง ? ความคิดของเศรษฐีคนนี้เขาต้องการที่จะมีมากขึ้น

คนที่กินไม่รู้จักอิ่ม กินแล้วกินอีก เขาเรียกว่าคน ตะกะส่วนคนที่มีความต้องการไม่รู้จักพอถือว่าเป็น คนโลภปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นทุกวันนี้เกิดขึ้นเพราะ ความโลภของคนนั่นเอง พี่ - น้องว่าจริงมั้ยจริง

นายทุนหลายคนนะครับมีสิบล้านอยากจะมีร้อยล้าน มีร้อยล้านอยากจะมีพันล้าน มีพันล้านอยากมีหมื่นล้าน มีหมื่นล้านอยากมีแสนล้าน มีแสนล้านอยากมีล้านล้าน เศรษฐีคนที่ว่านี้ก็เช่นเดียวกัน ที่มีความโลภในทรัพย์สมบัติ

ข้อที่ 20 โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วของซึ่งเจ้าได้รวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใครเล่า

ถ้าพี่ - น้องได้ทรัพย์สมบัติทั้งโลกแต่พี่ - น้องจะต้อเสียชีวิตพี่ - น้องเอามั้ยครับ

ความหมายในฝ่ายโลกคือ ถ้าพี่ - น้องได้ครอบครองทรัพย์สมบัติต่างๆ มากมาย แต่จะต้องเสียชีวิตมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ความหมายในฝ่ายวิญญาณคือ ถ้าพี่ - น้องได้ครอบครองทรัพย์สินเป็นจำนวนมากแต่ถ้าพี่ - น้อง ไม่ได้เข้าแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้ามีประโยชน์อะไรไหมครับ

ขอบคุณพระเจ้า ที่วันนี้แม้ว่าเราจะไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากมายอะไร แต่ขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้มั่นใจเถิดว่าพี่ - น้อง ได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าอย่างแน่นอน

กจ.18:5 พอสิลาสกับทิโมธีมาจากแคว้นมาซิโดเนีย เปาโลก็เริ่มฝักใฝ่ในการประกาศพระวจนะและเป็นพยานแก่พวกชาวยิวว่าพระคริสต์นั้นคือพระเยซู

กจ.1:5 ทำให้เราทราบว่าอัครทูตเปาโล ท่านมีใจหิวกระหายความชอบธรรมของพระเจ้า โดยเริ่มฝักใฝ่ในการประกาศพระคำของพระเจ้า และเป็นพยานแก่ชาวยิวว่าพระคริสต์นั้นคือพระเยซู ซึ่งเสด็จเข้ามาในโลกเพื่อเราทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้รับชีวิตอย่างครบบริบูรณ์

เวลานี้ ท่าน อ.เปาโล กำลังรับผลของการที่ท่านหิวกระหายความชอบธรรมของพระเจ้าอยู่ที่ไหนพี่ - น้องอยากทราบมั้ยครับ ? บนสวรรค์

เช้าวันนี้ให้เราทั้งหลาย มีใจที่หิวกระหายความชอบธรรมของพระเจ้าเหมือนกับ อ.เปาโล และพี่ - น้อง ก็จะได้รับผลของความหิวกระหายนี้ที่ไหนครับ ? บนสวรรค์เช่นเดียวกัน

ประการที่ 5 อยู่ใน มธ.5:7 บุคคลผู้ใดมีใจกรุณาผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับพระกรุณาตอบ

มธ.18:21-35 ทำให้เราทราบว่า มีทาสคนหนึ่งที่ไม่ยอมอภัยให้ต่อเพื่อนทาสด้วยกัน พี่ - น้องคิดว่าทาสคนที่ไม่ยอมให้อภัยต่อเพื่อนทาสด้วยกันคนนี้ เขามีใจกรุณามั้ยครับ ?

อสย. 1:18 พระเจ้าตรัสว่า มาเถิดให้เราสู้ความกัน ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงมันจะแดงอย่างผ้าแดง ก็จะกลายเป็นอย่างขนแกะ

พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่สูงสุด บอกกับเราว่าแม้ความบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้มก็จะขาวอย่างหิมะ ซึ่งนั่นหมายความว่า พระเจ้าก็จะพิพากษายกโทษให้แต่การพิพากษานี้จะปราณีกับผู้มีใจปราณีเท่านั้น และการพิพากษานี้จะไม่ปราณีกับผู้ไม่ปราณีหรือผู้มีใจไม่กรุณาด้วยเช่นกัน

พี่ - น้องคิดว่าพระเจ้าจะยกโทษให้กับทาสที่ไม่ยอมให้อภัยต่อเพื่อนทาสด้วยกันมั้ยครับ ? ถ้าเราให้อภัยต่อผู้อื่น พระเจ้าก็จะให้อภัยกับเรา แต่ถ้าเราไม่ให้อภัยผู้อื่น พระเจ้าก็ไม่ให้อภัยเราด้วยเช่นกัน

มีภรรยาของศิษยภิบาลคนหนึ่ง เขาได้ให้เงินไปกับสตรีซึ่งมีอาชีพเป็นขอทานคนหนึ่ง ถึงกระนั้นแล้วภรรยาของศิษยภิบาลท่านนี้ก็ยังรู้สึกสงสารขอท่านคนนี้อยู่ดี เธอจึงให้อาหารพร้อมกับจับขอทานคนนี้อาบน้ำและแต่งตัวให้ใหม่

สตรีซึ่งมีอาชีพขอทานคนนี้เธอบอกกับภรรยาของศิษยาภิบาลว่า ก่อนที่เธอจะมาขอทานนั้นเธอเคยเป็นโสเภณีมาก่อน ภรรยาของศิษยภิบาลท่านนี้จึงหาอาชีพใหม่ให้กับเธอ

พี่ - น้องคิดว่าภรรยาของศิษยภิบาลท่านนี้มีใจกรุณามั้ยครับ เช้าวันนี้ให้พี่ - น้องมีใจที่จะให้อภัยต่อผู้อื่น และมีใจเมตตากรุณาเหมือนกับภรรยาของศิษยาภิบาลท่านนี้และเราจะได้พระกรุณาตอบจากพระองค์อย่างแน่นอน

ประการที่ 6 อยู่ใน มธ.5:8 บุคคลผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ ผู้นั้นเป็นสุขเพราะว่าเขาจะได้เห็นพระเจ้า

มีผู้คนมากมายที่ใจของเขานั้นปิดกั้นพระกิตติคุณ หรือข่าวประเสริฐของพระเจ้า เขาจึงมองไม่เห็นพระเจ้า เพราะใจของเขานั้นอคติและปิดกั้น อคติและปิดกั้นอย่างไร ?

บางคนพอรับใบปลิวก็บอกว่าพวกขายชาติ พอเป็นพยานก็บอกว่าไม่เอาหรอกพระเยซูเพราะมันเป็นศาสนาของพวกฝรั่ง แถมอย่างกล่าวหาด้วยว่า

1) เชื่อพระเจ้าตายเขาก็ฝังเอาหัวลง 2) ถ้าเป็นผู้หญิงก่อนแต่งงานก็ต้องให้บาทหลวงทดลองดูก่อน ดังนั้นใจของเขาจึงไม่ได้พบกับพระเจ้า

เมื่อตอนผมเป็นเด็ก ซึ่งนั่นหมายถึง 30 กว่าปีที่ผ่านมา ผมเคยดูการแสดงกลที่ท้องสนามหลวง นักแสดงเค้าเอาผ้าสีดำออกมาผืนหนึ่ง แล้วก็สะบัดหน้า สะบัดหลังให้คนดูเห็นว่าไม่มีอะไร แล้วขยำผ้าลงไปในหมวก

สักครู่หนึ่งนักแสดงก็ใช้มือข้างหนึ่งหยิบลงไปในหมวก พอหยิบขึ้นมากลายเป็นมีด กลายเป็นขวาน กลายเป็นดาบ

คริสเตียนบางคนก็เป็นอย่างนั้น คือกำลังเล่นกลกับพี่ - น้องด้วยกันในคริสตจักร เล่นอย่างไร เขาซ่อนมีดแห่งการชำระแค้นไว้ในใจ เมื่อเขามีโอกาสเขาก็จะชักมันออกมา ใจของเขาไม่บริสุทธิ์ เขาจึงพบกับพระเจ้าไม่ได้

การที่นางมารีย์ได้นำน้ำมันหอมราคาแพงมาเข้าเฝ้าพระเยซู แล้วเทน้ำมันนั้นบนพระเศียรของพระองค์ สาวกผู้เห็นแก่เงินของพระเยซูคนหนึ่งนามว่า ยูดาสอิสคาริโอท ได้กล่าวต่อว่านางมารีย์ด้วยความไม่พอใจว่า ซึ่งพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ใน มก.14:4 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า เหตุใดจึงทำให้ของนี้เสียเปล่า เพราะว่าน้ำมันนั้นถ้าขายก็ได้เงินกว่าสามร้อยเหรียญเดนาริอัน แล้วจะแจกให้คนจนก็ได้

พี่ - น้องคิดว่ายูดาสคิดอะไรอยู่ในใจไหมครับ ?   ยูดาสคิดว่าน้ำมันหอมนั้นมีราคาแพงกว่าพระเยซู แต่นางมารีย์ไม่ได้คิดอย่างนั้น นางมารีย์คิดว่าน้ำมันหอมที่มีราคาแพงนั้น ราคาของมันยังไม่มากพอต่อความบาปที่เธอได้กระทำ ใจของยูดาสไม่บริสุทธิ์ เขาจึงมองไม่เห็นพระเจ้าทั้งๆที่พระเจ้าทรงอยู่ใกล้เขา เช้าวันนี้ให้พี่ - น้องมีจิตใจเหมือนกับนางมารีย์และอย่ามีจิตใจเหมือนกับยูดาสเพื่อพี่ - น้องจะได้พบกับพระเจ้า

ประการที่ 7 อยู่ใน มธ. 5 : 9 บุคคลผู้ใดสร้างสันติสุขผู้นั้นเป็นสุข

ปี พ.ศ. 2535 คนไทยมีการแตกแยกกันมาก แบ่งกันเป็นฝ่ายทหารฝ่ายประชาชน ฝ่ายทหารนำโดย พล.อ.ท่านหนึ่ง ฝ่ายประชาชนนำโดย พล.ต. ท่านหนึ่งเชื่อว่าพี่น้องคงจะจำกันได้

เหตุการณ์ในครั้งนั้นมีคนไทยเสียชีวิตนับพันๆคน ผู้ที่สร้างสันติสุขในเวลานั้นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อมนุษย์ล้มลงในความบาป เป็นเหตุทำให้มนุษย์กับพระเจ้านั้นไม่ถูกกัน ผู้ที่นำการคืนดีมาสู่มนุษย์กับพระเจ้านั้นคือใครครับ ? คือ องค์พระเยซูคริสต์

เช่นเดียวกันพี่ - น้องที่รักครับ เราเป็นบุตรของพระเจ้า เราต้องเป็นผู้ที่นำสันติสุขมายังเพื่อนบ้านของเรา ชุมชนของเรา อยู่ในที่ๆเขาทะเลาะกัน เราจะต้องทำให้เขาคืนดีกันหรือทำให้เกิดความสงบสุข ไม่ใช่ทำให้เขาทะเลาะกันหรือแตกแยกกันมากขึ้น อย่างนั้นเขาไม่เรียกว่าผู้สร้างสันติสุข แต่ต้องเรียกทูตมรณะ แปลว่า ไปที่ไหนที่นั่นตายหมด เช้าวันนี้ ให้พี่ - น้องทุกคนเป็นทูตของพระเจ้า ที่จะนำสันติสุขไปในทุกหนและทุกแห่งเหมือนกับพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา

ประการที่ 8 อยู่ใน มธ.5:10 บุคคลผู้ใดต้องถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุขเพราะแผ่นดินสวรรค์จะเป็นของเขา

ชนชาติอิสราเอลถูกกษัตริย์ฟาโรห์ข่มเหงในดินแดนอียิปต์ ทั้งที่พวกเขาไม่ได้มีความผิดอะไรเลย ความชอบธรรมที่ชนชาติอิสราเอลได้รับจากการถูกฟาโรห์กดขี่ข่มเหงนั่นก็คือ ดินแดนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าในแผ่นดินคานาอัน

พระเยซูคริสต์ พระองค์ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย แต่พระองค์ก็ทรงถูกข่มเหงและถูกข้อกล่าวหาต่างๆมากมายจนเป็นเหตุทำให้พระเยซูต้องถูกตรึงบนกางเขน

ความชอบธรรมที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงได้รับจากการถูกกล่าวหา นั่นก็คือการที่พระองค์ทรงได้รับเกียรติและสง่าราศีที่ถาวรนิรันดร์   ร่วมกับพระบิดาของพระองค์

ผู้ที่เชื่อในพระเจ้า พระเยซูคริสต์ ไม่ว่าจะยุคใด สมัยใดก็ตาม รวมทั้งในยุคของเราด้วยเช่นกัน มักจะหนีไม่พ้นจากการถูกข่มเหง ปัจจุบันนี้การข่มเหงยังมีอยู่ไหมครับพี่ - น้อง ? ยังมีอยู่ เช่น ในบางจังหวัดนะครับ ถ้าเขารู้ว่าพี่ - น้องเชื่อพระเยซูนะครับ ตายบางวัดเขาก็ไม่ให้ เป็นต้น ซึ่งก็ไม่เป็นไรไปเผาวัดอื่นก็ได้

แต่ความชอบธรรมที่ผู้เชื่อทุกคนจะได้รับจากการถูกข่มเหงนั่นก็คือแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้า เช้าวันนี้ พี่ - น้องกำลังถูกข่มเหงเพราะความเชื่อในพระเจ้าหรือไม่ ถ้าพี่ - น้องกำลังถูกข่มเหงเพราะความเชื่อในพระเจ้าของท่าน G ทรงสัญญาอย่างชัดเจนว่า แผ่นดินสวรรค์นั้นจะเป็นของท่าน

ประการที่ 9 อยู่ใน มธ.5:11-12 เมื่อเขาจะติเตียนข่มเหงและนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเราท่านก็เป็นสุข จงชื่นชมยินดี เพราะว่าบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะเขาได้ข่มเหงผู้เผยพระวจนะทั้งหลายที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน

มีศิษยาภิบาลคนหนึ่ง เขาได้ทำงานอย่างหนักและทุ่มเทเป็นอย่างมาก และวันหนึ่งศิษยาภิบาลท่านนี้ก็จากไป ทูตสวรรค์ของพระเจ้าก็มารับท่านขึ้นไปบนสวรรค์ และได้พาเขาไปดูที่ๆพระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมเอาไว้ให้

ศิษยาภิบาลท่านนี้ก็เห็นของขวัญมากมาย มีทั้งกองเล็ก กองใหญ่ ดูเยอะแยะไปหมด ศิษยภิบาลท่านนี้ก็ได้ถามทูตสวรรค์ว่า

กองนั้นเป็นของใคร ทูตสวรรค์ก็ตอบว่า เป็นของผู้ปกครอง

และกองนี้เป็นของใคร กองนู้นเป็นของใคร

เมื่อศิษยภิบาลคนนี้มองไม่เห็นของขวัญของตนเลย ก็เลยถามทูตสวรรค์ว่าแล้วของขวัญเขามีไหม ทูตสวรรค์ก็เลยพาศิษยาภิบาลท่านนี้ไปที่ห้องๆหนึ่ง

เมื่อเปิดประตูออกมาก็เห็นของขวัญเต็มไปหมด ท่านก็เลยถามทูตสวรรค์ว่า ทำไมของขวัญถึงมากขนาดนี้

ทูตสวรรค์ก็เลยตอบว่า ก็เพราะว่าท่านถูกเขาด่าทีหนึ่ง บนสวรรค์จะให้ของขวัญแก่ท่านกล่องหนึ่ง เมื่อท่านถูกใส่ร้ายทีหนึ่งก็ให้ท่านกล่องหนึ่ง และเมื่อท่านถูกข่มเหงทีหนึ่งก็จะได้กล่องหนึ่ง จนตอนนี้ห้องนี้ไม่พอจะใส่อยู่แล้ว

คำว่า การนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จ นั้นหมายความว่าอะไร ? หมายความว่า เรื่องนั้นไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องที่ถูกกล่าวหาโดยที่ท่านไม่ได้ทำ แม้แต่พระเยซูเองก็ทรงถูกข่มเหง ถูกใส่ความ และทรงถูกกระทำอีกมากมายหลายอย่างแต่พระองค์ก็มิได้หวั่นไหวเพราะพระองค์ทรงรู้ว่า พระบิดาได้ทรงเตรียมอะไรไว้ให้กับพระองค์

ดังนั้นพี่ - น้องไม่ต้องหวั่นไหวหรือเสียใจ แต่จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะพระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมบำเหน็จให้กับท่านอย่างมากมาย เช้าวันนี้ให้พี่ - น้อง จงชื่นชมยินดีเถิด ให้รู้เถิดว่าเมื่อท่านถูกติฉินนินทาว่าร้ายหรือถูกข่มเหงในความเชื่อ พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งดีให้กับท่านบนสวรรค์แล้ว

ผมจะสรุปพระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้ด้วยข้อพระคัมภีร์ 2 ข้อด้วยกันอยู่ใน ยน.13:17 และในลก.11:28 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า

(1) เมื่อท่านรู้ดังนี้แล้วและท่านประพฤติตามก็เป็นสุข

(2)แต่คนทั้งหลายที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้าและได้ถือรักษาพระวจนะนั้นก็เป็นสุข

พระคำของพระเจ้าทั้ง 2 ข้อนี้พูดกับเราอย่างง่ายๆว่า ผู้ที่เอาคำสอนของพระองค์ไปประพฤติและปฏิบัติตามนั่นแหละคือผู้ที่มีความสุขแท้ ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

Green City