จงดูมือของเรา

คำเทศนาเรื่อง จงดูมือของเรา

          ลก.24:36-41 เมื่อเขาทั้งสองกำลังเล่าเหตุการณ์เหล่านั้น พระองค์เองทรงยืนอยู่ที่ท่ามกลางและตรัสกับเขาว่า "เจ้าทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด" 37 ฝ่ายเขาทั้งหลายสะดุ้งตกใจกลัวคิดว่าเห็นผี 38 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "ท่านทั้งหลายวุ่นวายใจทำไม เหตุไฉนความคิดสนเท่ห์จึงบังเกิดขึ้นในใจของท่านทั้งหลายเล่า 39 จงดูมือของเราและเท้าของเราว่าเป็นเราเอง จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดูกเหมือนท่านเห็นเรามีอยู่นั้น" 40 เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์และพระบาทให้เขาเห็น} 41 เมื่อเขาทั้งหลายยังไม่ปลงใจเชื่อ เพราะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างเหลือเชื่อ และกำลังประหลาดใจอยู่ พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า "พวกท่านมีอาหารกินที่นี่บ้างหรือ" 42 เขาก็เอาปลาย่างชิ้นหนึ่งมาถวายพระองค์ 43 พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขาทั้งหลาย 44 พระองค์ตรัสกับเขาว่า "นี่เป็นถ้อยคำของเราซึ่งเราได้บอกไว้แก่ท่านทั้งหลาย เมื่อเรายังอยู่กับท่านว่า บรรดาคำที่เขียนไว้ในหมวดธรรมบัญญัติของโมเสส และในหมวดผู้เผยพระวจนะและในหมวดสดุดีกล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ" 45 ครั้งนั้นพระองค์ทรงบันดาลให้ใจเขาทั้งหลายเกิดความสว่างขึ้น เพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์

          Key Words อยู่ในข้อที่ 39

          มีเรื่องเล่าว่าพระจักรพรรดิซาร์และพระราชินีทรงมีพระประสงค์ที่จะพระราชทานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่ข้าราชบริพารที่ได้ปฏิบัติถวายการรับใช้พระองค์ โดยพระองค์ทรงส่งบัตรเชิญไปยังบุคคลเหล่านั้น ทุกคนที่เข้ามาในงานต้องแสดงบัตร เจ้าหน้าที่ถึงจะอนุญาตให้เข้ามาร่วมงานเลี้ยงและที่สำคัญคือจะมีการคัดเลือกบุคคลพิเศษเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้นั่งร่วมเคียงข้างพระจักรพรรดิและพระมเหสี

          แต่ก็มีเรื่องราวที่ทำให้ผู้ที่มาร่วมงานทุกคนต่างประหลาดใจเพราะเจ้าหน้าสำนักพระราชวัง กับไม่ได้สนใจที่จะตรวจบัตรเชิญเท่าที่ควร แต่เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังกับสนใจที่จะตรวจดูที่มือของผู้ถูกเชิญเข้าร่วมงานมากกว่า

          เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนที่มือไม้นุ่มนิ่ม ดูสะอาดสะอ้าน สวยงาม แต่กับถูกเจ้าหน้าสำนักพระราชวังเชิญให้นั่งอยู่ในที่ๆไม่ได้นั่งร่วมเคียงข้างพระจักรพรรดิและพระมเหสีแต่อย่างใด

          แต่กลับเป็นข้าราชการหญิงที่มีความอาวุโสนางหนึ่งที่มือของนางเต็มไปด้วยความหยาบกร้านกับได้รับการคัดเลือกให้นั่งร่วมเคียงข้างพระจักรพรรดิและพระมเหสี

          เจ้าหน้าที่ระดับสูงจึงได้ถามกับพระจักรพรรดิและพระมเหสีว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น พระจักรพรรดิซาร์จึงทรงตอบข้าราชการระดับสูงว่า ข้าพเจ้าและพระมเหสีของข้าพเจ้ามองเห็นถึงความรักและการปรนนิบัติรับใช้ของเธอ

          คำถามคือว่าเรื่องนี้สอนอะไรกับเรา เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าพระจักรพรรดิพระองค์ซาร์พระองค์นี้ทรงวัดคนจากผลแห่งการกระทำไม่ใช่ด้วยคำพูดหรือด้วยปาก เฉกเช่นเดียวกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าที่พระองค์ทรงวัดคนจากผลแห่งการกระทำไม่ใช่ด้วยคำพูดหรือด้วยปาก

          เมื่อกว่า 160 ปีที่ผ่านมา มีมิชชันารีชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อ Adoniram Judson เขาเป็นมิชชันนารีคณะแบ๊บติสต์ เขาได้ถวายตัวไปทำพันธกิจในการประกาศข่าวประเสริฐที่ประเทศพม่าเป็นคนแรก Adoniram Judson ได้ขออนุญาตกับกษัตริย์พม่าในเวลานั้นว่าจะขอเข้าไปประกาศข่าวประเสริฐกับชาวพม่า เมื่อเขาได้รับพระราชทานอนุญาตแล้ว กษัตริย์พม่าจึงได้พูดกับ Adoniram Judson “ประชาชนของเราจะไม่ฟังท่าน แต่เขาจะดูที่มือของท่าน”

          คำถามคือว่า เรื่องนี้สอนอะไรกับเรา เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าคนที่เราประกาศ คนที่เราเป็นพยานด้วยนั้น เขาสนใจอะไรมากกว่ากันครับ ? ระหว่างคำพูดกับการกระทำ เขาสนใจในสิ่งที่เราประพฤติ ปฏิบัติ เขาสนใจในสิ่งที่เรากระทำมากกว่าคำพูดของเรา

          จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

          ภายหลังจากที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นและเป็นขึ้นมาจากความตายและไม่ตายอีกเลยนั้น ในพระกิตติคุณพ้องทั้ง 4 เล่ม คือมัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น ได้บอกกับเราว่า

          องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงปรากฎแก่เหล่าสาวกของพระองค์ประมาณ 10-11 ครั้ง เช่น พระองค์ทรงปรากฏกับ 1) นางมารีย์ชาวมักดาลาและหญิงคนอื่นๆในสวน 2) สาวก 2 คนในขณะที่เขากำลังเดินทางไปที่เอมมาอูส 3) เปโตรที่เยรูซาเล็ม 4) เหล่าอัครสาวกเมื่อโธมัสไม่อยู่และอีกครั้งเมื่อเขาอยู่ 5) กับเหล่าอัครสาวกที่ทะเลสาบกาลิลี 6) ต่อพี่น้องกว่า 500 คน

          ประการที่สำคัญนั่นก็คือว่า ประจักษ์พยานของคนที่เห็นว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเป็นบุคคลที่มีชีวิตหลังความตายนั้นต่าง1) เห็นพ้องตรงกัน 2) ไม่มีความขัดแย้งกันเลย

          และพระคำของพระเจ้าใน ลก.24:36-41 ก็เป็นเหตุการณ์ 1/10 ครั้งหรือ 1/11 ครั้งที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงปรากฎกับเหล่าสาวกของพระองค์

          องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงรู้ว่าพวกเขาเหล่านั้น 1) ต่างอยู่ในอาการที่ยัง Shock อยู่ 2) ยังมีความตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่มาก

          ด้วยเหตุนี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าจึงทรงทักทายพวกเขาด้วยถ้อยคำที่คุ้นเคยนั่นก็คือคำว่า “ชาโลม” แปลความว่า "เจ้าทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด"

          ในข้อที่ 37 พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า พอพวกเขาได้ยินเสียงขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าเท่านั้นแหละ ฝ่ายเขาทั้งหลายสะดุ้งตกใจกลัวคิดว่าเห็นผี

          พี่น้องทราบกันเป็นอย่างดีนะครับว่า สาวกของพระองค์นั้นทรงปรนนิบัติรับใช้พระบิดาบนสวรรค์ร่วมกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้านานถึง 3 ปี

          เป็น 3 ปีที่พวกเขาไปไหนมาไหนร่วมกันกับองค์พระเยซูคริสต์ทั้งทางบก ทางเรือ เป็น 3 ปีที่พวกเขากินอยู่หลับนอนร่วมกัน เป็น 3 ปีที่พวกเขาได้ยินคำเทศนา คำสั่งคำสอนขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาน่าจะมีความคุ้นเคยกับวิถีขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นอย่างดี

          แต่เมื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงทักมายพวกเขาว่า “ชาโลม” แปลความว่า "เจ้าทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด" พวกเขากับตกใจคิดว่าพระองค์ทรงเป็นผี  พระคำของพระเจ้าในข้อ 38 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "ท่านทั้งหลายวุ่นวายใจทำไม เหตุไฉนความคิดสนเท่ห์จึงบังเกิดขึ้นในใจของท่านทั้งหลายเล่า

          ซึ่งนั่นหมายความว่า 1) สถานการณ์ตั้งแต่ที่สวนเกทเสมนีจนถึงไม้กางเขนโกละโกธานั้นยังควบคุมพวกเขาอยู่ ทำให้พวกเขาสงสัยว่าคนตายแล้วจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร

          ซึ่งนั่นหมายความว่า 2 ) เนื้อหนังทำงานในพวกเขามากกว่าพระคำของพระเจ้าทำงานในพวกเขา ถ้าพระคำทำงานในพวกเขา พระคำของพระเจ้าต้องพุดขึ้นมาในความคิดของพวกเขาบ้างไม่มากก็น้อย

          องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงรู้ว่าพวกเขานั้นไม่เชื่อ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าจึงตรัสกับพวกเขาต่อไปในข้อ 39 จงดูมือของเราและเท้าของเราว่าเป็นเราเอง จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดูกเหมือนท่านเห็นเรามีอยู่นั้น"

          40 เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์และพระบาทให้เขาเห็น 41 เมื่อเขาทั้งหลายยังไม่ปลงใจเชื่อ เพราะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างเหลือเชื่อและกำลังประหลาดใจอยู่ ในข้อที่ 41 จึงทำให้เราทราบว่า

                    1 ) สถานการณ์ยังควบคุมความรู้สึก ความนึกคิดของพวกเขาอยู่ ทำให้เขาสงสัยว่าคนตายแล้วจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร

                    2 ) การงานของเนื้อหนังนั้นยังทำงานในพวกเขามากกว่าที่พระคำของพระเจ้าทำงานในพวกเขา ถ้าพระคำของพระเจ้าทำงานในพวกเขา เขาจะต้องคิดได้แล้ว

          พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า "พวกท่านมีอาหารกินที่นี่บ้างหรือ" 42 เขาก็เอาปลาย่างชิ้นหนึ่งมาถวายพระองค์ 43 พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขาทั้งหลาย 44 พระองค์ตรัสกับเขาว่า "นี่เป็นถ้อยคำของเราซึ่งเราได้บอกไว้แก่ท่านทั้งหลาย เมื่อเรายังอยู่กับท่านว่า บรรดาคำที่เขียนไว้ในหมวดธรรมบัญญัติของโมเสส และในหมวดผู้เผยพระวจนะและในหมวดสดุดีกล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ"

          45 ครั้งนั้นพระองค์ทรงบันดาลให้ใจเขาทั้งหลายเกิดความสว่างขึ้น เพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์

และนี่ไม่ใช่เป็นเรื่องของเหล่าสาวกกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องของเราด้วย 1) ที่ในบางครั้งเราก็มีความสงสัยในพระเจ้า พระเยซูคริสต์ 2) ที่ในบางครั้งเราก็มีความสงสัยในพระสัญญาของพระเจ้าโดยเฉพาะในตอนที่เรา

                    2.1) กำลังอยู่ในความอ่อนแอ ทั้งในฝ่ายร่างกายจิตใจและจิตวิญญาณ 2.2) กำลังเผชิญกับอุปสรรคปัญหาความทุกข์ยากลำบาก 2.3) กำลังถดถอยในความเชื่อ 2.4) กำลังมืดแปดด้าน พี่น้องเห็นอะไรในข้อที่ 45 ไหมครับ ? พระคุณที่มากพอในชีวิตของเราทุกคน

          กลับมาที่ Key Words หรือกุญแจที่ผมจะใช้แบ่งปันกับพี่น้องในเช้าวันนี้ซึ่งอยู่ในข้อที่ 39 คำว่า จงดูมือของเรา พระคัมภีร์ ภาษาอังกฤษฉบับ KJV ปรากฎคำว่า HAND ถึง 1819 ครั้ง           ส่วนพระคัมภีร์ภาษาไทยปรากฏคำว่า พระหัตถ์ของพระเจ้า อยู่ในพระคัมภีร์ถึง 308 ครั้ง

          จงดูมือของเรา 1 ) มือที่ถูกตอกลงบนไม้กางเขนเพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการคืนดีกับพระบิดาบนสวรรค์ 2 ) ฉลธ.7:19 มือที่ช่วยกู้ประชากรจากพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ 3 ) สดด.10:12 มือที่ช่วยที่ให้กำลังจากผู้ที่ทุกข์ใจ 4) มธ.19:13 มือที่พร้อมจะอวยพรทุกคนในนามของเรา 5) มก.1:41 , 5:23 , 6:5 มือที่เหยียดออกเพื่อรักษาคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยให้หายดี

          จงดูมือของเรา 6 ) ลก.1:66 , กจ1:121 มือที่สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกับเราตลอดเวลา 7 )  กจ.13:11 , ฮบ.10:31 มือที่พร้อมจะลงโทษถ้าหมิ่นประมาทหรือขาดความยำเกรงในพระองค์ 8 ) อฟ.1:20 , 1ปต.3:2 มือขวาแห่งสิทธิอำนาจ 9 ) 1 ปต.5:6 มือที่ยกชูคนในเวลาอันสมควร 10 ) วว.1:16 มือที่อุ้มชูคริสตจักรของพระองค์

          พี่น้องจะเห็นได้ว่ามือหรือพระหัตถ์ของพระเจ้าที่ทรงปรากฏและมีการบันทึกไว้ล้วนแต่เป็นมือที่ทรงกระทำเพื่อมวลมนุษย์ชาติหรือทำเพื่อเราทั้งสิ้น บัดนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะใช้มือของเราตอบสนองต่อพระคุณของพระเจ้า ร่วมแรงร่วมใจกันประกาศนำดวงวิญญาณมาถึงแผ่นดินของพระเจ้าอาณาจักรของพระองค์ ร่วมกันทำพันธกิจและทำต่อไปให้ดียิ่งขึ้น

          ขอพระเจ้าเมตตาที่เราจะได้นั่งใกล้พระที่นั่งของพระเจ้าโดยที่พระองค์จะไม่ทรงขอดูที่มือของเราเหมือนพระจักรพรรดิซาร์และพระราชินี ให้เรายืนขึ้น และพูดพร้อมกันว่า พี่น้องชายหญิงเราจะรับใช้พระเจ้าร่วมกันอาเมน ฮาเลลูยา เราจะรับใช้พระเจ้าร่วมกัน 

Green City